ธ.จากฝรั่งเศส ชี้ทองคำอาจร่วงแตะ $1,550 หากเงินเฟ้อยังพุ่งทำให้ FED ต้องขึ้นดอกเบี้ยต่อสู้

By Anusorn Keawprachant Last updated ก.ย. 14, 2022

- Advertisement -

- Advertisement -

นักวิเคราะห์จากธนาคารชื่อดังเมืองน้ำหอม ระบุอัตราเงินเฟ้อที่สูงอย่างต่อเนื่อง ยังคงเป็นอุปสรรคต่อราคาทองคำ เพราะจะบังคับให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ คงอัตราดอกเบี้ยไว้ในระดับสูงตลอดปีหน้า

นักวิเคราะห์ของ Société Générale มองว่า ราคาทองคำอาจะร่วงลงมาแตะ 1,550 ดอลลาร์ ต่อออนซ์ ในไตรมาสที่สามของปี 2566 เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงยังคงสูงขึ้น

แม้จะมีการคาดการณ์ว่า เฟดจะหยุดขึ้นอัตราดอกเบี้ยภายในสิ้นปีนี้ แต่อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงจะยังคงอยู่ในแดนบวกจนถึง 3Q ปี 23 เป็นอย่างน้อย

นักวิเคราะห์กล่าวเพิ่มเติมว่า ท่ามกลางอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงที่เป็นบวกในสหรัฐฯ และอัตราดอกเบี้ยที่ยังเพิ่มขึ้นในยุโรป ทำให้นักลงทุนมีแนวโน้มที่จะหลีกเลี่ยงลงทุนทองคำ โดยคาดการณ์ว่าจะมีทองคำไหลออก 200 ตัน จากการถือครอง ETF ทองคำ

การคาดการณ์ล่าสุด เกิดขึ้นหลังจากที่ทองคำพยายามต่อสู้กับการคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ คาดว่าจะคงนโยบายการเงินที่เข้มงวดไว้ได้จนถึงสิ้นปีและปีหน้า หลังดัชนีผู้บริโภคเดือน ส.ค. ออกมาสูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์

- Advertisement -

แสดงให้เห็นว่า แรงกดดันเงินเฟ้อ ยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง แม้ว่าราคาน้ำมันในเดือน ส.ค. จะลดลงมากกว่า 10% แต่อัตราเงินเฟ้อในด้านค่าอาหาร ที่พักอาศัย และ ค่ารักษาพยาบาล ยังคงอยู่

ก่อนหน้าที่จะมีรายงาน CPI ออกมา ตลาดคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในการประชุม FOMC ในสัปดาห์หน้า แต่ขณะนี้ ได้มีประเด็นเรื่องการปรับขึ้นดอกเบี้ย 1% ซึ่งจะทำให้อัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นสูงถึง 5% ในไตรมาสแรกของปีหน้า

แม้ว่าความคาดหวังของตลาดจะเปลี่ยนไปอย่างมากในวันอังคาร แต่นักวิเคราะห์ของธนาคารฝรั่งเศส มองว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ อาจจะหยุดการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในไตรมาสแรกของปีหน้า และอาจเริ่มผ่อนคลายอัตราดอกเบี้ยอีกครั้ง ภายในสิ้นไตรมาสที่สามของปี 2566 ซึ่งจะทำให้ราคาทองคำกลับมาได้

เนื่องจาก นักเศรษฐศาสตร์ของ Société Générale คาดว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ จะถดถอยในช่วงต้นปี 2567 และ การเติบโตของสหภาพยุโรป และจีนที่ซบเซา ทำให้นักลงทุนมีแนวโน้มที่จะป้องกันความเสี่ยงดังกล่าว ด้วยการโอนการลงทุนส่วนหนึ่งไปยังทองคำ ซึ่งในเวลาดังกล่าวคาดว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้ง โดยอัตราเงินเฟ้ออยู่ภายใต้การควบคุม แม้ว่าจะสูงกว่าช่วงก่อนเกิดโควิด-19 ก็ตาม