photo by Karolina Grabowska | pexels.com
photo by Karolina Grabowska | pexels.com

สัปดาห์นี้ มีหลายประเด็นที่ต้องติดตาม ซึ่งจะมีทั้งที่เกี่ยวโดยตรงกับราคาทองคำและเป็นผลทางอ้อม อาทิ รายงานผลการดำเนินงานจากบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยี อย่าง Apple, Microsoft, Amazon และ Google บริษัทแม่อย่าง Alphabet ท่ามกลางความหวังว่ารายรับของบริษัทที่แข็งแกร่งจะช่วยหนุนตลาดหุ้นสหรัฐฯ

นอกจากนั้น ยังมีการเปิดเผยข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับการเติบโตในไตรมาสแรก จากสหรัฐฯ และยูโรโซน โดยข้อมูลการเติบโตทางเศรษฐกิจ และอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯ จะถูกโฟกัสในสัปดาห์นี้ ก่อนมีการประชุม FOMC ในปลายสัปดาห์หน้า ท่ามกลางความกังวลว่า เฟดจะใช้นโยบายทางการในเชิงรุก เพื่อควบคุมอัตราเงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้น

ทั้งนี้ สหรัฐฯ จะเปิดเผยข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับการเติบโตของไตรมาสแรก ในวันพฤหัสบดีนี้ โดยคาดว่า GDP จะลดลงอย่างรวดเร็วเหลือ 1.1% จาก 6.9% ในไตรมาสสุดท้ายของปี 2564 โดยได้รับผลกระทบจาก การแพร่ระบาดของโอไมครอนเมื่อช่วงต้นปี

จากนั้น ในวัดถัดมา จะมีการเผยตัวเลขดัชนีการใช้จ่ายของผู้บริโภคส่วนบุคคล (PCE) พื้นฐานเดือน มี.ค. ตลาดคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.3% เมื่อเทียบเป็นรายเดือน จาก 0.4% เมื่อเทียบรายเดือนหรือ เพิ่มขึ้น 5.3% เมื่อเทียบรายปี จากเพิ่มขึ้น 5.4% เมื่อเทียบรายปี

ซึ่งตัวเลขดังกล่าว ถือเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่เฟดยังรอดู โดยเจอโรม พาวเวลล์ ประธานเฟดกล่าวเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า มีแนวโน้มสูงที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.5% ในการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ ในวันที่ 3-4 พ.ค. และอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.5% ต่อเนื่อง เพื่อต่อสู้กับเงินเฟ้อที่เกิดขึ้น

นอกจากนี้สหรัฐฯ เปิดเผยยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือน มี.ค. ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน เม.ย. โดย Conference Board จีดีพี ไตรมาส 1 ประมาณการ ครั้งที่ 1 และยอดทำสัญญาขายบ้านรอปิดการขายเดือน มี.ค.

ขณะที่ ทางฝั่งยูโรโซน ก็จะเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับ GDP ไตรมาสแรกในวันศุกร์นี้ พร้อมกับข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับอัตราเงินเฟ้อราคาผู้บริโภคในเดือน เม.ย. ซึ่งคาดว่าจะอยู่ที่ 7.4% ซึ่งสูงกว่าเป้าหมาย 2% ของธนาคารกลางยุโรปเกือบสี่เท่า

เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว นางคริสติน ลาการ์ด ประธาน ECB กล่าวว่า มีแนวโน้มที่จะยุติโครงการซื้อพันธบัตรในช่วงต้นไตรมาสที่สาม และขึ้นอัตราดอกเบี้ยก่อนสิ้นปี เพื่อต่อสู้กับเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้น แต่สงคราม รัสเซีย-ยูเครน ทำให้ภาพต่าง ๆ เปลี่ยนไป ราคาพลังงานสูงและเกิดการหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทาน ที่เกิดนับตั้งแต่การการระบาดใหญ่ของโควิด-19 และรุนแรงขึ้นจากสงคราม ทำให้เป็นตัวฉุดรั้งการเติบโตของเศรษฐกิจ

ความคิดเห็นถูกปิด