หลังจากที่ธนาคารกลางสหรัฐได้ปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.75% ในการประชุม FOMC เดือน มิ.ย. และ นายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานเฟด ระบุว่าในการประชุมครั้งถัดไปช่วงปลายเดือน ก.ค. มีแนวโน้มจะปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.5-0.75% เพื่อแก้ปัญหาเงินเฟ้อที่ยังอยู่ในระดับสูง
นาย เจมส์ บูลลาร์ด ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) สาขาเซนต์หลุยส์ ได้ออกมากล่าวย้ำถึงนโยบายของเฟดว่า เฟดมีแนวโน้มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอย่างรวดเร็วในปีนี้ เพื่อสร้างเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งในอนาคต โดยหวังว่าการดำเนินการดังกล่าวจะประสบความสำเร็จเช่นเดียวกับการคุมเข้มนโยบายการเงินของเฟดในปี 2537
แม้ว่าในปีดังกล่าวจะทำห้การขยายตัวของเศรษฐกิจมีภาวะติดขัดบ้าง แต่เป็นปัจจัยหนุนให้เศรษฐกิจสหรัฐแข็งแกร่งในช่วงครึ่งหลังของยุค 1990 ซึ่งนายเจมส์ บูลลาร์ด หวังว่าการดำเนินงานของเฟด ในครั้งนี้ก็จะประสบความสำเร็จเช่นเดียวกัน
ขณะที่ นาย คริสโตเฟอร์ วอลเลอร์ หนึ่งในคณะผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ได้ออกมาหนุนให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.75% ในการประชุม FOMC เดือน ก.ค. เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ยังคงอยู่ในระดับที่สูงมาก และจุดมุ่งหมายของเฟด คือ การทำให้อัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯ กลับสู่เป้าหมายที่ระดับ 2%
นาย คริสโตเฟอร์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาเฟดดำเนินการช้าเกินไปในการจัดการกับปัญหาเงินเฟ้อ และช้าเกินไปในการปรับลดขนาดงบดุล แต่เข้าใจว่า เฟดต้องดำเนินนโยบายการเงินอย่างรอบคอบระมัดระวัง และสนับสนุนเศรษฐกิจให้กลับมาขยายตัวได้ดีเหมือนกับในช่วงก่อนเกิดการแพร่ระบาดของโรค โควิด-19

เช่นเดียวกับ นาย ทอม บาร์คิน ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) สาขาริชมอนด์ ที่แสดงความเห็นว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% หรือ 0.75% ในการประชุมของเฟดในเดือน ก.ค. ถือเป็นเรื่องที่เหมาะสม
ด้าน Fed Fund Rate Futures ล่าสุด เกือบ 100% มองขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมเดือน ก.ค. รวดเดียวอีก 0.75% ขณะที่นักวิเคราะห์ต่างคาดการณ์ว่า อัตราดอกเบี้ยจะเพิ่มสูงขึ้นจากระดับปัจจุบันกว่าสองเท่าตัวในช่วง 6 เดือนข้างหน้า