หลังจากที่อัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ได้ปรับตัวขึ้นแรงจนทำสถิติสูงสุดในรอบกว่า 20 ปี ทางธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ได้เริ่มดำเนินนโยบายการเงินที่เข้มงวดมากขึ้น เพื่อแก้ปัญหาเรื่องเงินเฟ้อ
โดยในปีนี้ ได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยไปแล้ว 2 ครั้ง คือการขึ้นอัตราดอกเบี้ย 25 bps ในการประชุมเดือน มี.ค. และปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 50 bps ในการประชุมเดือน พ.ค. ที่ผ่านมา ทำให้อัตราดอกเบี้ยของเฟดปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 1.00-1.25%

นอกจากนี้ เฟดได้ประกาศแผนการปรับลดงบดุล (Quantitative Tightening : QT) โดยจะเริ่มต้นลดงบดุลในวันที่ 1 มิ.ย. และจะเริ่มลดงบดุลในวงเงิน 4.75 หมื่นล้านดอลลาร์ ต่อเดือน
แบ่งเป็นลดการถือครองพันธบัตรรัฐบาล 3 หมื่นล้านดอลลาร์ ต่อเดือน และลดการถือครองหลักทรัพย์ MBS 1.75 หมื่นล้านดอลลาร์ ต่อเดือน และการลดงบดุลจะเพิ่มขึ้นจนแตะระดับสูงสุดที่ 9.5หมื่นล้านดอลลาร์ ต่อเดือน ภายใน 3 เดือน

คุณฐิภา นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG) กล่าวกับ GoldAround.com
โดยประเมินว่า ตลาดทองคำ และสินทรัพย์ต่าง ๆ ได้ปรับตัวรับแผนการปรับลดงบดุล (QT) ของเฟดไปแล้ว โดยดูได้จากที่ดัชนีดอลลาร์แข็งค่าทดสอบระดับสูงสุดในรอบ 20 ปี ส่วนสินทรัพย์เสี่ยงที่ปรับตัวลงแรง
ขณะที่ราคาทองคำร่วงลงทดสอบระดับต่ำสุดในรอบกว่า 3 เดือน บริเวณ 1,786 ดอลลาร์ เมื่อวันที่ 16 พ.ค. ที่ผ่านมา
“YLG จึงมองว่า การเริ่มต้นทำ QT ของเฟดจะมีอิทธิพลต่อราคาทองคำจำกัด ขณะที่ตลาดจะกลับมาโฟกัสเกี่ยวกับการดำเนินการของเฟดในช่วงหลังเดือน ก.ค. หลังดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ทั่วไป ซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงานของสหรัฐฯ เดือน เม.ย. ปรับตัว 6.3% เมื่อเทียบรายปี และปรับตัวขึ้นเพียง 0.2% ในเดือน เม.ย. ซึ่งถือว่าเป็นการเพิ่มขึ้นในอัตราที่น้อยที่สุด ตั้งแต่เดือน พ.ย. 2020 บ่งชี้ว่า เงินเฟ้อของสหรัฐฯ อาจผ่านพ้นระดับสูงสุดไปแล้ว ส่งผลให้นักลงทุนยิ่งมองว่าเฟดอาจไม่จำเป็นต้องคุมเข้มนโยบายการเงินอย่างแข็งกร้าวมากเท่าที่เคยคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร YLG กล่าว
ดังนั้น การเคลื่อนไหวของราคาทองคำในระยะถัดจากนี้ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับการทำ QT ของเฟด แต่จะขึ้นอยู่กับการคาดการณ์ว่าเฟดจะดำเนินการอย่างแข็งกร้าว “มากขึ้น” หรือ ”น้อยลง” หรือไม่ และ จะดำเนินการอย่างไร
ส่วนทิศทางทองคำในระยะสั้น YLG มองว่า
ราคาทองคำอยู่ใน Downtrend เส้นสีแดง นับตั้งแต่ราคาขึ้นไปทดสอบระดับสูงสุดของปีนี้บริเวณ 2,069 ดอลลาร์ ราคาทองคำก็เคลื่อนไหวในลักษณะการทำ Lower High และ Lower Low ต่อเนื่อง

อย่างไรก็ดี YLG เน้นย้ำเสมอว่า ราคาทองคำไม่ได้เคลื่อนไหวเป็นเส้นตรง และ หลังจากราคาปรับตัวลงแรงจนเข้าสู่ภาวะขายมากเกินไป (Oversold) ในทุก Timeframe
ประกอบกับเกิดสัญญาณที่บ่งชี้ว่าแรงขายชะลอตัวลง ส่งผลให้ในระยะนี้ ราคาทองคำเกิดการรีบาวด์กลับ และปิดตลาดในสัปดาห์ที่ผ่านมาเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 200 วันได้สำเร็จ ทำให้ระยะสั้นราคาทองคำกำลังเคลื่อนไหวในลักษณะของการฟื้นตัวในแนวโน้ม Downtrend
เบื้องต้นแนะนำให้นักลงทุนลงทุนในกรอบ 1,869-1,841 ดอลลาร์
โดยแนะนำนักลงทุนเข้าซื้อหากการอ่อนตัวลงของราคาไม่หลุดแนวรับบริเวณ 1,841 ดอลลาร์ แต่หากราคาหลุดระดับดังกล่าว อาจชะลอการเข้าซื้อไปยังแนวรับถัดไปบริเวณ 1,836-1,828 ดอลลาร์ และ1,818 ดอลลาร์ ตามลำดับ
และเมื่อราคาทองคำดีดตัวขึ้น แนะนำทยอยขายหากราคาไม่สามารถทะลุผ่านแนวต้านบริเวณ 1,869 ดอลลาร์ แต่หากผ่านได้อาจชะลอการขายออกไปยังแนวต้านถัดไปบริเวณ 1,884-1,909 ดอลลาร์
ขอขอบคุณ: YLG