โค้งสุดท้ายเลือกตั้ง ปธน.สหรัฐฯ พรรคไหนคว้าชัยส่งผลทองคำอย่างไร?
ในวันที่ 5 พ.ย. ที่จะถึงนี้ ทั่วโลกต่างเฝ้าจับตา ผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ซึ่งครั้งนี้จะเป็นการเลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งที่ 60
โดยจะเป็นการชิงชัยระหว่าง นางคามาลา แฮร์ริส ตัวแทนจากพรรคเดโมแครต กับ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ตัวแทนจากพรรครีพับลิกัน ซึ่งผลการเลือกตั้งจะส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงหลายส่วนในโลกนี้
เพราะสหรัฐฯ ถือเป็นประเทศมหาอำนาจ และนโยบายของผู้สมัครทั้งคู่ก็มีความแตกต่างกันในหลายส่วน ทั้งเรื่องนโยบายเศรษฐกิจ นโยบายการเงิน และนโยบายต่างประเทศ
ซึ่งสถานการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นยังผู้อยู่กับ ปธน.คนปัจจุบัน ก็คือ “โจ ไบเดน” พรรคเดโมแครต แต่หากว่าผลการเลือกตั้งมีการเปลี่ยนขั้ว เชื่อว่าหลายสถานการณ์จะเปลี่ยนแปลงไป ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อตลาดทองคำอย่างแน่นอน
GOLD TALK คลิปนี้จะพูดคุยกับ คุณวิโรสินี สดากร ผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์การลงทุน บจ.ชายน์นิ่งโกลด์ บูลเลี่ยน มาดูกันว่า แนวโน้มผู้สมัครฝั่งไหนจะได้รับชัยชนะ จะส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงในโลกนี้อย่างไร และจะส่งผลต่อราคาทองคำอย่างไร
โดย คุณวิโรสินีฯ มองว่า จนถึงวันนี้คะแนนความนิยมของทั้งคู่ยังสูสีกันมาก ต้องมาดูในโค้งสุดท้ายว่าแต่ละฝั่งจะนำกลยุทธ์อะไรมาใช้ในการหาเสียง ซึ่งจุดเด่นของ นางคามาลา แฮร์ริส และ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ก็แตกต่างกันอย่างชัดเจน
ทั้งนี้ หาก โดนัลด์ ทรัมป์ ได้รับชัยชนะ
นโยบายต่าง ๆ จะส่งผลกระทบต่อราคาทองคำจะร้อนแรงกว่า เพราะมีนโยบายค่อนข้างจะฉีกออกไปจากนโยบายปัจจุบัน เช่น เรื่องนโยบายภาษี นโยบายเรื่องของผู้อพยพ นโยบายการค้า โดยเฉพาะกับประเทศจีน เรื่องเป็นคู่อริกัน โดยอาจจะนำเรื่องกำแพงภาษีมาใช้ อาจจะเป็นปัจจัยบวกต่อราคาทองคำทั้งระยะกลางและระยะยาวได้
ส่วนเรื่องของการทำสงคราม นโยบายของ โดนัลด์ ทรัมป์ ไม่ชอบให้เงินและทรัพยากรของอเมริกาไปหนุนเรื่องสงคราม และจะทำให้สงครามยุติในส่วนต่าง ๆ โดยเร็ว เพื่อที่จะหันไปทำการค้า
ขณะที่ ในฝั่งของ นางกมลา แฮริส อาจจะเดินแนวทางเดียวกับ ปธน.ไบเดน ก็คือเลี้ยงสงครามไปเรื่อย ๆ
มาดูผลกระทบกับราคาทองคำ
อย่างเช่นในช่วงที่ตัวแทนจากพรรคเดโมแครตครองอำนาจ จะเห็นได้ว่าราคาทองคำจะขยับขึ้นเรื่อย ๆ ถ้ามีช่วงจังหวะที่เทคนิคซัพพอร์ต ราคาจะยิ่งปรับขึ้น เพราะอย่างเรื่องสงครามก็มีการสู้รบกันอย่างยาวนาน โดยอเมริกาได้ส่งอาวุธ เทคโนโลยีทางทหารและงบปะมาณเข้าช่วยเหลือ
แต่ถ้าเป็นนโยบายของ โดนัลด์ ทรัมป์ ทุกอย่างจะต้องจบเร็ว และหันไปทำธุรกิจ ไม่ต้องการยืดเยื้อ ราคาทองคำอาจจะมีการเหวี่ยงแรง แต่ยังมองว่าทองคำจะมีการปรับตัวขึ้นจากนโยบายการค้าของ นายทรัมป์ฯ
ส่วนเรื่องความขัดแย้งในตะวันออกกลาง
ในขณะนี้ ที่ช่วยพยุงราคาทองคำปรับตัวสูงต่อเนื่อง มองว่า ในช่วงก่อนที่จะถึงวันเลือกตั้ง ทางฝั่งพรรคเดโมแครต พยายามที่จะไม่ให้สงครามบานปลายก่อนการเลือกตั้ง เพราะกลัวจะเสียคะแนนเสียง
แต่หลังจากการเลือกตั้งแล้ว ก็เชื่อว่านโยบายยังคงเดิม แต่หากเป็น โดนลด์ ทรัมป์ เชื่อว่าทุกอย่างจะจบโดยเร็ว เพราะฉะนั้น ข่าวที่เกิดขึ้นตอนนี้มันเป็นกระแสให้ราคาทองคำต้องรีบขึ้นเร็วก่อนการเลือกตั้ง
ส่วนสถานการณ์ราคาทองคำก่อนการเลือกตั้ง ปธน.สหรัฐฯ
หากว่าสงครามขยายวงกว้าง จะดันให้ราคาทองคำพุ่งไปก่อน แต่หากไม่เกิดขึ้น ก็อาจจะย่อตัวลงมา แต่ย่อตัวในกรอบจำกัด และเมื่อใกล้ถึงวันเลือกตั้ง จะต้องมาดูสถานการณ์ว่าจะเป็นอย่างไร
หากว่าทุกอย่างไม่มีความคืบหน้า เงินจะไหลกลับมาที่ดอลลาร์ ซึ่งที่ผ่านมา จะเห็นได้ว่าดอลลาร์แข็งค่ามา 4 สัปดาห์ติด แต่ราคาทองก็ขยับขึ้นตาม เพราะมีความกังวลเรื่องสงครามมาประคองไว้ แต่ถ้าสุดท้ายแล้วสงครามไม่ขยายวง ราคาทองคำจะถูกเซลออนแฟค โอยอาจจะมีการย่อตัวแรงได้
Comments are closed.