ป้ายกำกับ: เอ็มทีเอส โกลด์ แม่ทองสุก – MTS GOLD

กลุ่มบริษัทในเครือ เอ็มทีเอส โกลด์ แม่ทองสุก 

เป็นบริษัทฯที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับทองคำแบบครบวงจร ไม่ว่าจะเป็นธุรกรรมขายปลีก ธุรกรรมขายส่ง โรงงานผลิตทองคำ และโรงงานสกัดทองคำ รวมทั้งเป็นผู้นำเข้าส่งออกทองคำรายใหญ่ของประเทศ ซึ่งขณะนี้นับได้ว่า กลุ่มบริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ แม่ทองสุก เป็นบริษัทค้าทองคำไทยที่ครบวงจรที่สุด โดยบริษัทฯมียอดขายสูงสุดติดอันดับ Top 30 ของประเทศไทย และเป็นผู้ค้าทองคำรายใหญ่ที่สุดในประเทศไทย

ห้างทองแม่ทองสุก
เปิดดำเนินกิจการมาตั้งแต่ปี 2495 จนถึงทุกวันนี้มีอายุกว่า 60 ปีแล้ว ก่อตั้งโดย นางอำไพวรรณ หิรัณยศิริ โดยใช้ชื่อเป็นภาษาจีนว่า ร้านทอง “โง้ว ย่ง ฮง” กับ “ยู ฮอง” ต่อมา 2 ชื่อนี้ได้เปลี่ยนเป็น “ห้างทองแม่ทองสุก

ต่อมาในปี 2507 ได้มีการจดทะเบียนอย่างถูกต้อง โดยเริ่มจดทะเบียนที่สาขาวงเวียนใหญ่ในนาม “ห้างทองแม่ทองสุก” เป็นแห่งแรก และได้ขยายกิจการเรื่อยมา จนในปัจจุบันมีสาขาทั้งหมด 6 แห่ง

  1. สาขาวงเวียนใหญ่ ในนาม ห้างหุ้นส่วนจำกัด ห้างทองแม่ทองสุก
  2. สาขาวงเวียนใหญ่(ห้างทองแต้โต๊ะกัง) ในนาม บจก.ปริ๊นเซสโกลด์
  3. สาขาเอ็มทีเอส พลัส ในนาม บจก.แม่ทองสุกโกลด์สมิท
  4. สาขาเซ็นทรัลพลาซ่าปิ่นเกล้า ในนาม บจก.แม่ทองสุกเซ็นทรัล
  5. สาขาเซ็นทรัลเวสต์เกต ในนาม บจก.แม่ทองสุกเซ็นทรัล

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ แม่ทองสุก (MTS Gold) ถือเป็นผู้นำในโลกของ Gold Investment อย่างสมบูรณ์แบบ และเป็นผู้นำในตลาดเมืองไทยและต่างประเทศที่ขยายออกไป โดยมีการซื้อขาย 24 ชั่วโมง รวมทั้งมีการซื้อขายที่ดีที่สุดของประเทศ ดังนั้น ลูกค้าของบริษัทฯ ก็จะได้ช่วงราคาทั้งซื้อและขายที่ดีที่สุดตลอดเวลา ลูกค้าจึงมั่นใจได้ว่าในการซื้อและขายแต่ละครั้งจะได้ราคาที่ดีและสามารถทำกำไรได้ง่าย เนื่องจากเครื่องมือลงทุนหรือ Platform ของทางบริษัทฯมีความเสถียร และมีความมั่นคง การรับส่งทองคำแท่งของ บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ แม่ทองสุก และการทำธุรกรรมรับส่งเงิน สามารถได้รับตามกำหนดเวลา โดยสามารถนัดหมายล่วงหน้าได้ เพื่ออำนวยความสะดวกในการบริหารจัดการทองคำจากต่างจังหวัดไปที่กรุงเทพฯหรือจากกรุงเทพฯรับกลับต่างจังหวัดเช่นกันสำหรับกิจการค้าทองคำ เริ่มต้นจากการเป็นร้านค้าปลีกอย่างเดียว ต่อมาเมื่อระบบการซื้อขายมีการพัฒนามากขึ้น จึงได้มีการขยายสาขาไปสู่การค้าส่ง และมีการจัดส่งให้แก่ร้านขายทองคำทั่วไป และต่อมาในปี 2539 สามารถขยายกิจการไปสู่ต่างประเทศ คือ การนำเข้าและส่งออก และมีการติดต่อค้าขายกับต่างประเทศมาโดยตลอด จนปัจจุบันสามารถเป็นผู้นำเข้าทองคำแท่ง 99.99% รายใหญ่ของประเทศ รวมทั้งการนำเข้าเม็ดเงินบริสุทธิ์จากประเทศจีน เพื่อมาจำหน่ายกับโรงงานผู้ผลิต Silver Jewelry ในไทย เป็นจำนวนมากอีกด้วย

ห้างทองแม่ทองสุก สามารถพัฒนาการบริหารการจัดการ พร้อมปรับปรุงสินค้าและบริการจนครบวงจร กล่าวได้ว่า “อะไรที่เกี่ยวข้องกับทอง เราทำได้ครบทุกเรื่อง” นั่นคือรวมไปถึงการรับซื้อทองเก่าทุกชนิด นำกลับมาหลอมละลาย และสกัดให้เป็นทองคำบริสุทธิ์ 99.99% และกลับมาสู่วงจรการผลิต ทั้งในภาคอุตสาหกรรมภายในประเทศและต่างประเทศ ในรูปแบบของสินค้าประเภททองคำ โดยมีการพัฒนาไปสู่รูปแบบที่มีความทันสมัยมากขึ้น รวมทั้งมีการจำหน่ายทองคำ ที่นำเข้าจากประเทศอิตาลี เพื่อตลาดวัยรุ่นสังคมยุคใหม่ พร้อม Jewelry ในรูปแบบของเพชร เพื่อเป็นตลาดสำหรับสาวออฟฟิศโดยทั่วไป

ระบบการบริหารงานโดยมี นายแพทย์กฤชรัตน์ หิรัณยศิริ และ คุณอัปสร หิรัณยศิริ เป็นผู้ริเริ่มในการปรับปรุงพัฒนาต่อจากยุคของคุณพ่อ คุณแม่ ในเริ่มต้น สู่การปรับปรุงเปลี่ยนแปลงให้มีความทันสมัยและเป็นมืออาชีพ ในการบริหารการจัดการมากขึ้น โดยนำหลักการปกครองระดับสากลมาควบคุมระบบบริหารจัดการทั้งหมด ตั้งแต่การวางแผนการผลิต การเงิน และการพัฒนาบุคลากรให้เข้าใจถึงวัฒนธรรมขององค์กรห้างทองแม่ทองสุก ให้มีความมั่นคงและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ทั้งระบบทองคำและระบบการเงิน รวมถึงมีการใช้ระบบคอมพิวเตอร์ในการบริหารจัดการโดยการเชื่อมต่อเครือข่ายเข้าด้วยกันทุกสาขา ทุกหน่วยงาน ซึ่งสามารถสั่งงานเพียงจุดเดียว ด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ (VDO conference) จึงทำให้การบริหารของห้างทองแม่ทองสุกสามารถพัฒนาคุณภาพได้อย่างต่อเนื่อง ทั้งด้านระบบการบริหารจัดการงานและบุคลากร

ต่อมาในปี 2550 บริษัทได้ก่อตั้งบริษัทในเครือที่เป็น Broker ซื้อขายสินค้าอนุพันธ์ Gold Futures ในตลาด TFEX โดยได้ก่อตั้งบริษัทใหม่ในนาม บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ ฟิวเจอร์ จำกัด ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทที่ช่วยผลักดันการซื้อขายสินค้าล่วงหน้าในตลาดอนุพันธ์ฯ และด้วยการบริการที่ดีเยี่ยมของเราทำให้ บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ ฟิวเจอร์ จำกัด เป็นโบรคเกอร์แห่งแรกที่ได้รับรางวัลแห่งความสำเร็จของตลาดหลักทรัพย์ฯ ในด้านการให้บริการสินค้าอนุพันธ์ถึง 3 ปีซ้อน ด้วยคำสัญญาของเราที่จะสนับสนุนและพัฒนาการลงทุนในตลาดอนุพันธ์ของไทย รวมทั้งส่งเสริมความรู้ความเข้าใจในการลงทุนให้กับนักลงทุนทั่วไป ซึ่งเรามั่นใจในศักยภาพที่สามารถรองรับและให้บริการทั้งสถาบันการเงินระดับใหญ่และนักลงทุนรายย่อยได้อย่างดีเยี่ยม

MTS GOLD
MTS GOLD
  • Gold Outlook 2025-EP.8 : น.พ.กฤชรัตน์ หิรัณยศิริ MTS Gold แม่ทองสุก

    Gold Outlook 2025-EP.8 : น.พ.กฤชรัตน์ หิรัณยศิริ MTS Gold แม่ทองสุก

    ราคาทองคำปีนี้ขยับร้อนแรงเร็วกว่าคาด หนุนทิศทางขาขึ้นในเชิงเทคนิคสมบูรณ์แบบ คาดอาจเห็นพุ่งขึ้นทำ ATH ได้อีกหลายครั้งในปีนี้

    น.พ.กฤชรัตน์ หิรัณยศิริ ประธานกรรมการกลุ่มบริษัท MTS Gold แม่ทองสุก กล่าวถึงทิศทางราคาทองคำในยุค “ทรัมป์ 2.0″ ว่า

    ถ้าเปรียบเทียบกับเมื่อ 8 ปีที่ผ่านมา ที่ “โดนัลด์ ทรัมป์” เป็น ปธน. สหรัฐฯ จะเห็นได้ว่า ในช่วงปีแรกราคาทองคำเคลื่อนไหวเหวี่ยงตัวขึ้น-ลง โดยเฉพาะช่วงครึ่งปีแรก แต่ความแตกต่างและความเหมือน ระหว่างแนวทางการทำงาน และนโยบายของ “ทรัมป์” ในยุคแรกกับยุคปัจจุบันมีหลายเรื่อง

    อันดับแรก นโยบาย “ทรัมป์” ในรอบนี้ดูเหมือนจะพยายามที่จะตัดลบงบประมาณต่าง ๆ ที่ ไม่จำเป็นออก โดยเฉพาะเงินที่ให้การสนับสนุนกับองค์กรต่างๆ อาทิ WHO หรือองค์กรเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม

    เรื่องนี้จะทำให้เกิดผลกระทบกับการทำงานขององค์กรเหล่านั้น รวมถึงจะสร้างความผันผวนมากในตลาดโลก ทำให้ต้องจับตามองว่าหลังจากนี้องค์กรต่าง ๆ จะดำเนินการอย่างไรต่อ ซึ่งจุดนี้น่าจะส่งผลในเชิงบวกต่อราคาทองคำ

    จึงมองว่าในปีนี้ “ทองคำ” น่าจะมาเป็นสินทรัพย์ที่ได้รับจับตามองเป็นพิเศษอีก 1 ปี เพราะเพียงแค่เดือน ม.ค. ราคาทองคำได้ปรับขึ้นแรงเร็วกกว่าที่คาดการณ์ไว้

    ทำให้วิเคราะห์ได้ว่า ภาพหลักของทองคำในขณะนี้เป็นทิศทางขาขึ้นในเชิงเทคนิคแบบสมบูรณ์ 100% และทำให้มองว่าในระยะยาวราคาทองคำยังมีโอกาสทำ All TimeHigh (ATH) ได้อีกหลายครั้งในปีนี้

    ส่วนอีกแรงหนุนสำคัญของทองคำ ก็คือ การปรับลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ เฟด แม้ว่าจะมีการคาดการณ์ว่าปีนี้เฟดอาจจะลดดอกเบี้ยเหลือเพียง 1 ครั้งในไตรมาส 2 แต่ก็ยังลดดอกเบี้ยต่อเนื่อง และถือว่าเป็นผลบวกต่อราคาทองคำ

    ส่วนประเด็นเรื่องของสงคราม ยังมองว่าจะยังคงอยู่ เพราะถ้าจะย่อนไปดูช่วง “ทรัมป์” หาเสียง เจ้าตัวระบุว่า จะยุติให้ได้ภายใน 24 ชั่วโมง แต่จนถึงขณะนี้ ผ่านมาแล้วกว่า 10 วัน ทุกอย่างยังไม่คืบหน้า แต่ความรุนแรงจะเพิ่มขึ้นหรือไม่ยังคงต้องติดตามใกล้ชิด

    ทำให้คาดการณ์ว่าปีนี้ราคาทองคำจะทำผลงานได้ดีอีกหนึ่งปี แต่อาจจะไม่ร้อนแรงเหมือนปีที่ผ่านมาที่ราคาปรับขึ้นมากถึง 27%

    โดยคาดว่าปีนี้อาจจะปรับเพิ่มในกรอบ 10-15% หากราคาปรับขึ้นตามที่คาดการณ์ ก็มีโอกาสที่จะเห็นราคาทองคำ gold spot ขึ้นไปแตะระดับ 3,000 ดอลลาร์ ส่วนทองคำไทย อาจจะขึ้นไปแตะระดับ 48,000 บาท ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับค่าเงินบาทด้วย

    MTS ประเมินว่า ปัจจัยที่จะส่งเสริมการปรับขึ้นของราคาทองคำยังมีอยู่จากปีที่ผ่านมา แต่อาจจะน้อยลง แต่สิ่งที่ต้องจับตาคือปัจจัยใหม่ที่จะเข้ามาอย่างไม่คาดคิด ที่ผ่านมาได้แสดงตัวออกมาแล้ว ก็คือ กองทุนจากฝั่งยุโรป ที่ได้เข้าซื้อทองคำประมาณมาก เพื่อเป็นเงินทุนสำรองจากความไม่แน่นอนที่จะเกิดขึ้นในช่วงหลังจากนี้ ซึ่งจุดนี้จะมาเติมเต็มในประเด็นหนุนที่ลดน้อยลง และจะทำให้ “ทองคำ” ยังเป็นสินทรัพย์ที่น่าเก็บสะสมและน่าลงทุน”

    ส่วนการเคลื่อนไหวของราคาทองคำปีนี้ น่าจะมีความผันผวนมาก เพราะหากจะดูจากในเดือน ม.ค. จะเห็นได้ว่า ดัชนีดอลลาร์มีความผันผวนหนัก ทำให้ค่าเงินบาทผันผวนหนักในระดับ 20-40 สตางค์ ซึ่งเกิดขึ้นบ่อยครั้งมาก และถือว่าผันผวนมาก ซึ่งทั้งหมดเป็นผลมาจาก “เอฟเฟคของ โดนัลด์ ทรัมป์” ที่จะส่งมาในตลาด

    รับชมคลิป ทิศทางราคาทองคำ ปี 2568 – Gold Outlook 2025

  • ทิศทางทองคำ 31 ม.ค.68 นพ.กฤชรัตน์ หิรัณยศิริ ปธ.กลุ่ม MTS Gold

    ทิศทางทองคำ 31 ม.ค.68 นพ.กฤชรัตน์ หิรัณยศิริ ปธ.กลุ่ม MTS Gold

    เกาะติดทิศทางราคาทองคำ 31 ม.ค.68

    สัมภาษณ์พิเศษ น.พ.กฤชรัตน์ หิรัณยศิริ ประธานกรรมการกลุ่มบริษัท MTS Gold แม่ทองสุก

    ราคาทองคำ ดือนมกราคมบวกแรง gold spot บวก 6.7% – ทองไทยปรับเพิ่ม 4.7% ได้แรงหนุนจากความกังวลนโยบาย “ทรัมป์”

    ดำเนินรายการโดย อนุสรณ์ แก้วประจันทร์ บรรณาธิการข่าว GoldAround.com

    น.พ.กฤชรัตน์ หิรัณยศิริ ประธานกรรมการกลุ่มบริษัท MTS Gold แม่ทองสุก กล่าวกับ Goldaround ว่า

    เมื่อมองภาพรวมราคาทองคำ gold spot เดือนมกราคม ปรับตัวสูงขึ้น ถึง 6.7% ขณะที่ทองไทยปรับตัวสูงขึ้น 4.7% โดยเฉพาะเมื่อคืนนี้ราคาทองคำ gold spot ปรับเพิ่มขึ้นแรง ทำ all time high ที่ 2,798 ดอลลาร์

    ราคาทองคำได้แรงหนุน 2 เรื่องคือ 1.การลดดอกเบี้ยของ ECB และ 2. ความกังวลเรื่องนโยบายภาษี และนโยบายอื่น ๆ ของ ปธน.ทรัมป์ ทำให้ทองคำถูกซื้อในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย

    จะเห็นได้ว่าในช่วง 10 วันแรกของการดำรงตำแหน่งของ ปธน.ทรัมป์ ได้สร้างความกังวลใจให้กับหลาย ๆ ประเทศในโลก ทำให้ราคาทองคำปรับเพิ่มขึ้นแรง เพราะลงทุนได้โยกย้ายเงินลงทุนเข้ามาสู่ทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย

    ขณะที่ รายงานจาก WGC ในช่วงเดือนมกราคาพบว่า กลุ่มกองทุนจากฝั่งยุโรปซื้อทองคำเกือบ 28 ตัน ขณะที่ SPDR ซึ่งเป็นกองทุนใหญ่ของสหรัฐอเมริกา ขายออก 7-8 ตัน

    ส่วนภาพรวมการเคลื่อนไหวของเงินดอลลาร์ในช่วงเดือนมกราคม เคลื่อนไหวแกว่งตัวล่าสุดอยู่แถว 108.2 โดยภาพหลักๆ มีการเหวี่ยงขึ้นมากกว่าเหวี่ยงลง

    ขณะที่ราคาทองคำ gold spot ได้เหวี่ยงขึ้นตาม ขณะที่ทองไทยได้ทำ all time high แตะที่ 44,520 บาท เรียกได้ว่าทำ all time high ทั้งคู่ แต่ทองไทยอาจจะปรับขึ้นน้อยกว่าเพราะเงินบาทแข็งค่า

    โดยสรุปในช่วงเดือนมกราคม ราคาทองคำทำหน้าที่เซฟเฮเว่นที่ดี แม้ว่าจะไม่ได้แรกหนุนจากปัจจัยเดิมนปีที่ผ่านมาทั้งเรื่องของสงครามและการปรับลดดอกเบี้ยของเฟด แต่ได้แรงหนุนจาก ความไม่แน่นอนของนโยบายต่าง ๆ ของรัฐบาลสหรัฐฯ

    สำหรับเป้าหมายระยะสั้น อยู่แถว 2,800 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นแนวต้านจิตวิทยาสำคัญ หากผ่านไปได้มองแนวต้านถัดไปแถว 2,820 และ 2,850 ดอลลาร์ ส่วนแนวรับระยะสั้น 2,765 ดอลลาร์ ส่วนแนวรับราคาทองคำไทย 44,100 บาท ก็เป็นภาพรวมของแนวรับและแนวต้านในระยะสั้น

    รับชมคลิป เกาะติดทิศทางราคาทองคำวันนี้

  • ราคาทองคำวันนี้ 18-12-24 วิเคราะห์โดย MTS Gold

    ราคาทองคำวันนี้ 18-12-24 วิเคราะห์โดย MTS Gold

    ราคาทอง 18 ธ.ค.67

    ทิศทางราคาทองคำ

    ราคาทองคำปรับตัวลดลงและทรงตัวอยู่แถวบริเวณ 2,650 เหรียญ ท่ามกลางนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่มองว่าภาวะเศรษฐกิจในปีหน้ายังคงอ่อนแอ ขณะที่ดัชนีดอลลาร์มีโอกาสที่จะปรับตัวแข็งค่าขึ้น จากนโยบายของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ที่จะเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯในเดือนมกราคมปีหน้า

    ขณะที่ตลาดวิเคราะห์ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% อีกสองครั้งในปีหน้า จากที่คาดการณ์ว่าจะลดดอกเบี้ย 4-5 ครั้งในก่อนหน้านี้ สำหรับตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯเมื่อวานนี้ ได้แก่ Core Retail Sales m/m ออกมาลดลงจากที่คาดการณ์ ขณะที่ Retail Sales m/m ออกมาเพิ่มขึ้นจากที่คาดการณ์ บ่งชี้ได้ว่าภาคการค้าปลีกยังคงแข็งแกร่งอยู่ เนื่องจากกำลังซื้อของประชาชนยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง

    ขณะที่วันนี้มีตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯ ได้แก่ Building Permits คาดการณ์ว่าจะออกมาเพิ่มขึ้นจากเดิม ซึ่งภาพรวมตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯยังอยู่ในทิศทางที่ดี ซึ่งเกื้อหนุนต่อการปรับลดดอกเบี้ยของเฟดในคืนนี้ โดยตลาดคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับลดดอกเบี้ยลง 0.25% สู่ระดับ 4.25-4.50% ในการประชุมวันนี้

    ในส่วนของกองทุนทองคำ SPDR เมื่อวานนี้ไม่เปลี่ยนแปลง ปัจจุบันถือครองที่ 864.19 ตันภาพรวมเดือนธันวาคม ขายสุทธิ 14.36 ตัน ขณะที่ปีนี้ ตั้งแต่ 1 ม.ค. – ปัจจุบัน ขายสุทธิ 14.92 ตัน ดัชนีดอลลาร์เมื่อวานนี้เปิดที่ระดับ 106.82 จุด และเคลื่อนตัวระหว่าง 106.70-107.08 จุด และปิดที่ระดับ 106.94 จุด ขณะที่เช้านี้อยู่ที่ระดับ 106.94 จุด เรียกได้ว่าดัชนีดอลลาร์ยังทรงตัวอยู่ในระดับสูง ทำให้ค่าเงินบาทเมื่อวานนี้หลุดลงมาที่ระดับ 34 บาทต่อดอลลาร์ ขณะที่เช้านี้กลับขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 34.23 บาทต่อดอลลาร์ ทำให้ราคาทองไทยปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อยมาอยู่ที่ระดับ 42,850 บาทต่อบาททองคำ

    อย่างไรก็ดี ภาพรวมของราคาทองคำตลาดโลกและราคาทองไทยยังคงเคลื่อนตัวในกรอบแคบเพื่อรอทิศทางใหม่ๆ และรอผลการประกาศดอกเบี้ยของเฟดในคืนนี้ โดยคาดว่าราคาทองไทยจะมีแนวรับหลักที่ระดับ 42,200 บาทต่อบาททองคำ และแนวต้านหลักที่ระดับ 43,000 บาทต่อบาททองคำ ขณะที่ราคาทองคำตลาดโลกมีแนวรับหลักระยะสั้นที่ระดับ 2,615 เหรียญ และแนวต้านหลักระยะสั้นที่ระดับ 2,660 เหรียญ ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ปรับตัวลดลง -0.01 % มาอยู่ที่ระดับ 4.391% ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปี ปรับตัวลดลง -0.01 % มาอยู่ที่ระดับ 4.236% โดยที่ส่วนต่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ 10 ปี มากกว่า 2 ปี เท่ากับ0.16% เรียกได้ว่าสภาวะองค์รวมของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯใกล้เคียงปกติ

    วิเคราะห์ราคาทองคำทางเทคนิค

    ราคาทองคำยังคงเคลื่อนตัวอยู่ในกรอบ Sideways ระหว่างแนวรับที่ระดับ 2,635 เหรียญ และแนวต้านที่ระดับ 2,665 เหรียญ

    สำหรับ Gold Online Futures คาดจะมีกรอบแนวรับ 2,645 เหรียญ และแนวต้าน 2,675 เหรียญ และ Gold Comex คาดจะมีกรอบแนวรับ 2,660 เหรียญ และแนวต้าน 2,690 เหรียญ ในส่วนของราคาทองไทยจะมีแนวรับระยะสั้นที่ 42,500 บาท/บาททองคำ และมีแนวต้านระยะสั้นที่ 43,100 บาท/บาททองคำ

    Gold Futures Series Z24 จะมีแนวรับที่ระดับ 42,700 บาท และแนวต้านที่ระดับ 43,300 บาท

    โดยเน้นย้ำนักลงทุนว่า ราคาทองคำและราคาฟิวเจอร์สอาจจะแตกต่าง ดังนั้น การวิเคราะห์หรือ Arbitrage จะต้องใช้ความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง

    กลยุทธ์การลงทุนในวันนี้

    แนะนำซื้อขายในกรอบระยะสั้น ตามแนวโน้มของการพักฐานในกรอบ sideways โดยรอซื้อ เมื่อมีสัญญาณกลับตัวบริเวณแนวรับ และปิดขายทำกำไรก่อนเมื่อราคารีบาวด์ปรับตัวขึ้น

    – นักลงทุนที่ถือ Long Position

    ลดสถานะการซื้อ หรือ Long position ในระยะสั้นต้องระมัดระวังแรงขาย เนื่องจากอยู่ในช่วงการปรับฐาน ราคาอาจจะขึ้นเพื่อลงต่อในระยะสั้น จนกว่าจะสร้างฐานราคาได้

    – นักลงทุนที่ถือ Short Position

    เก็งกำไรในกรอบ เปิดสถานะตามแนวต้าน และปิดทำกำไรตามแนวรับ แต่ไม่แนะนำให้ถือในระยะยาว เฝ้าติดตามราคาทองคำระหว่างวัน และควรมีจุด Stop Loss

    ขอขอบคุณ : บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด (MTS GOLD)

  • ราคาทองคำวันนี้ 13-12-24 วิเคราะห์โดย MTS Gold

    ราคาทองคำวันนี้ 13-12-24 วิเคราะห์โดย MTS Gold

    ราคาทอง 13 ธ.ค.67

    ทิศทางราคาทองคำ

    ราคาทองคำเมื่อวานนี้ปรับตัวลดลงกว่า 1% ท่ามกลางการแข็งค่าอย่างต่อเนื่องของดัชนีดอลลาร์ โดยดัชนีดอลลาร์ทรงตัวอยู่แถวบริเวณ 106 จุดมาแล้วประมาณ 4 วัน โดยเมื่อวานนี้เปิดที่ระดับ 106.57 จุด และเคลื่อนตัวระหว่าง 106.34-107.04 จุด และปิดที่ระดับ 107 จุด ขณะที่เช้านี้อยู่ที่ระดับ 107.09 จุด เป็นปัจจัยกดดันทำให้ราคาทองคำถูกเทขายทำกำไรลงมา รวมถึงกองทุนทองคำ SPDR เมื่อวานนี้ขายออก 4.88 ตัน ปัจจุบันถือครองที่ 868.5 ตัน ขณะที่ภาพรวมทางด้านสงครามระหว่างอิสราเอลและซีเรียยังคงมีความตึงเครียดต่อเนื่อง

    โดยล่าสุดอิสราเอลปฏิบัติการทางอากาศโจมตีเป้าหมายทางทหารทั่วซีเรียได้ทำลายระบบป้องกันภัยทางอากาศไปแล้ว 86% ซึ่งรวมถึงระบบยิงขีปขาวุธจากรัสเซีย ทำให้ขณะนี้อิสราเอลสามารถครอบครองน่านฟ้าของซีเรียเอาไว้ได้ทั้งหมด ขณะที่ เครื่องมือ FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนักกว่า 98% ที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมวันที่ 17-18 ธ.ค. แต่นักลงทุนคาดการณ์ว่าเฟดอาจจะคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนม.ค.ปีหน้า หลังจากเจ้าหน้าที่เฟดหลายรายได้ออกมาเรียกร้องให้คณะกรรมการเฟดใช้ความระมัดระวังในการผ่อนคลายนโยบายการเงิน ด้านค่าเงินบาทเช้านี้อยู่ที่ระดับ 34.02 บาทต่อดอลลาร์

    วิเคราะห์ราคาทองคำทางเทคนิค

    ราคาทองคำเคลื่อนตัวในลักษณะ Sideways โดยวันนี้คาดว่าราคาทองคำจะมีแนวรับที่ระดับ 2,670 เหรียญ และแนวต้านที่ระดับ 2,705 เหรียญ

    สำหรับ Gold Online Futures คาดจะมีกรอบแนวรับ 2,680 เหรียญ และแนวต้าน 2,715 เหรียญ และ Gold Comex คาดจะมีกรอบแนวรับ 2,695 เหรียญ และแนวต้าน 2,730 เหรียญ ในส่วนของราคาทองไทยจะมีแนวรับระยะสั้นที่ 42,900 บาท/บาททองคำ และมีแนวต้านระยะสั้นที่ 43,500 บาท/บาททองคำ

    กลยุทธ์การลงทุนในวันนี้

    แนะนำซื้อขายในกรอบระยะสั้น ตามแนวโน้มของการปรับฐาน โดยรอซื้อ เมื่อมีสัญญาณกลับตัวบริเวณแนวรับ และปิดขายทำกำไรก่อนเมื่อราคารีบาวด์ปรับตัวขึ้น

    – นักลงทุนที่ถือ Long Position

    เก็งกำไรในกรอบ เข้าซื้อตามแนวรับ แต่ระยะสั้นต้องระมัดระวังแรงขาย เนื่องจากอยู่ในช่วงปรับฐาน ราคาอาจจะขึ้นเพื่อลงต่อในระยะสั้น จนกว่าจะสร้างฐานราคาได้

    – นักลงทุนที่ถือ Short Position

    เก็งกำไรในกรอบ เปิดสถานะตามแนวต้าน และปิดทำกำไรตามแนวรับ แต่ไม่แนะนำให้ถือในระยะยาว เฝ้าติดตามราคาทองคำระหว่างวัน และควรมีจุด Stop Loss

    ขอขอบคุณ : บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด (MTS GOLD)

  • ราคาทองคำวันนี้ 14-11-24 วิเคราะห์โดย MTS Gold

    ราคาทองคำวันนี้ 14-11-24 วิเคราะห์โดย MTS Gold

    ราคาทอง 14 พ.ย.67

    ทิศทางราคาทองคำ

    ราคาทองคำปรับตัวลดลงต่อเนื่องหลังจากที่พยายามทรงตัวเหนือระดับ 2,600 เหรียญแต่ไม่สำเร็จ โดยเมื่อคืนนี้มีแรงเทขายทำกำไรกลับเข้ามาอย่างหนาแน่นทำให้ราคาทองคำร่วงหลุด 2,600 เหรียญ ซึ่งถือเป็นแนวรับทางจิตวิทยาระยะสั้น โดยการที่ราคาทองคำหลุดระดับ 2,580 เหรียญลงมา ส่งผลให้ราคาทองคำในระยะกลางเข้าสู่ทิศทางขาลงต่อเนื่องมาแล้ว 5 วัน

    จึงแนะนำให้นักลงทุนที่ถือสถานะ Long ควรปรับกลยุทธ์ หรือป้องกันความเสี่ยง หรือลดสถานะ Long ลง รวมถึงนักลงทุนที่ทำ Margin ในทุกระดับ ให้ถือเป็นความเสี่ยงที่จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องบริหารให้ทันกับสภาพตลาดที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ขณะที่เมื่อวานนี้ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯ ได้แก่ Core CPI m/m, CPI m/m และ CPI y/y ออกมาใกล้เคียงจากที่คาดการณ์ ทำให้ตลาดโดยทั่วไปยังคงวิเคราะห์ว่า น่าจะได้รับผลกระทบจากทรัมป์ต่อเนื่องไปจนถึงต้นปีหน้า ซึ่งจะส่งผลให้ดัชนีดอลลาร์ปรับแข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง

    โดยจะเห็นได้ว่าดัชนีดอลลาร์ปรับตัวสูงขึ้นมาโดยตลอดในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา โดยดัชนีดอลลาร์เมื่อวานนี้เปิดที่ระดับ 106.02 จุด และขึ้นไปทำจุดสูงสุดที่ระดับ 106.54 จุด และปิดที่ระดับ 106.48 จุด ขณะที่เช้านี้อยู่ที่ระดับ 106.66 จุด เรียกได้ว่าดัชนีดอลลาร์พุ่งขึ้นสูงทำ All Time High ในรอบ 6 เดือน (นับจากจุดสูงสุดเดิมที่ระดับ 106.52 จุด ในช่วงกลางเดือนเม.ย.) ซึ่งจะเห็นได้ว่าดัชนีดอลลาร์แข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็ว

    จึงแนะนำให้นักลงทุนปรับเปลี่ยนกลยุทธ์จากทิศทางขาขึ้นเป็นทิศทางขาลง ในส่วนของกองทุนทองคำ SPDR เมื่อวานนี้ขายออก 2.01 ตัน ปัจจุบันถือครองที่ 868.52 ตัน สำหรับวันนี้มีตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯ ได้แก่ Core PPI m/m, PPI m/m และ Unemployment Claims คาดการณ์ว่าจะออกมาเพิ่มขึ้นจากเดิม

    วิเคราะห์ราคาทองคำทางเทคนิค

    ราคาทองคำเริ่มเข้าสู่แนวโน้มทิศทางขาลงในระยะกลางหลังจากหลุดระดับ 2,580 เหรียญลงมา ขณะที่ราคาทองไทยก็เข้าสู่ทิศทางแนวโน้มขาลงในระยะสั้นเช่นเดียวกัน ซึ่งจะลงได้ช้ากว่าดัชนีดอลลาร์เล็กน้อย โดยราคาทองไทยจะมีแนวรับระยะกลางที่บริเวณ 42,000 บาทต่อบาททองคำ ซึ่งเป็นแนวรับทางจิตวิทยา และมีแนวรับเส้นค่าเฉลี่ย 100 วันอยู่ที่ระดับ 41,750 บาทต่อบาททองคำ

    อย่างไรก็ดี ยังคงย้ำเตือนนักลงทุนที่ใช้ Margin และ Leverage ไม่ว่าจะกี่เปอร์เซ็นต์ ให้ถือว่าเป็นการเก็งกำไรแบบระยะสั้นเท่านั้น ไม่ควรถือครองเกินกว่า 1 เดือน และไม่ควรบริหารเงินกู้มาเป็นการลงทุนระยะยาวโดยเด็ดขาด ให้ลดสถานะ Long ลง โดยให้มีคำสั่ง Stop Loss เพื่อหยุดสภาวะขาดทุน และบริหารสภาพความเสี่ยงให้ทันตามสภาพของตลาดที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

    โดยการทำ Stop Loss ทำได้ครั้งละ 30%, 60% และ 100% แบ่งเป็น 3 ระดับตาม Fibonacci ซึ่งการทำ Stop Loss ได้เร็วจะช่วยให้ภาพรวมของพอร์ตการลงทุนกลับเข้าสู่ปกติได้เร็ว ขณะที่ถ้าทำ Stop Loss ช้า และปริมาณไม่เป็นสัดส่วนของเปอร์เซ็นต์ตามที่กล่าวมา จะทำให้พอร์ตการลงทุนกลับเข้าสู่สภาะปกติได้ช้ามาก ซึ่งอาจใช้ระยะเวลามากกว่า 1 ปี โดยวันนี้คาดว่าราคาทองคำจะมีแนวรับระยะสั้นที่ระดับ 2,550 เหรียญ และแนวต้านที่ระดับ 2,590 เหรียญ

    สำหรับ Gold Online Futures คาดจะมีกรอบแนวรับ 2,570 เหรียญ และแนวต้าน 2,610 เหรียญ และ Gold Comex คาดจะมีกรอบแนวรับ 2,560 เหรียญ และแนวต้าน 2,600 เหรียญ ในส่วนของราคาทองไทยจะมีแนวรับระยะสั้นที่ 42,100 บาท/บาททองคำ และมีแนวต้านระยะสั้นที่ 42,700 บาท/บาททองคำ

    กลยุทธ์การลงทุนในวันนี้

    แนะนำลดสถานะการซื้อ Long position เพื่อบริหารความเสี่ยง ตามแนวโน้มทิศทางขาลง

    – นักลงทุนที่ถือ Long Position

    ลดสถานะการซื้อ หรือ Long position ในระยะสั้นต้องระมัดระวังแรงขาย เนื่องจากอยู่ในช่วงการปรับฐาน ราคาอาจจะขึ้นเพื่อลงต่อจนกว่าจะสร้างฐานราคาได้

    – นักลงทุนที่ถือ Short Position

    เปิดสถานะตามแนวต้าน และปิดทำกำไรตามแนวรับ แนะนำให้เทรดระยะสั้น ระวังความผันผวนของราคา

    ขอขอบคุณ : บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด (MTS GOLD)

  • ราคาทองคำวันนี้ 08-11-24 วิเคราะห์โดย MTS Gold

    ราคาทองคำวันนี้ 08-11-24 วิเคราะห์โดย MTS Gold

    ราคาทอง 08 พ.ย.67

    ทิศทางราคาทองคำ

    ราคาทองคำค่อนข้างผันผวน โดยเมื่อวานนี้ราคาทองคำดีดตัวขึ้นหลังจากที่ลงไปทำจุดต่ำสุดแถวบริเวณ 2,643  เหรียญ และเช้านี้ดีดกลับขึ้นมาเหนือระดับ 2,700 เหรียญได้อีกครั้ง เรียกได้ว่าขึ้นมาประมาณ 60 เหรียญจากเมื่อวานนี้ จากการรับข่าวการปรับลดดอกเบี้ยของเฟด โดยเฟดมีมติเอกฉันท์ให้ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% นำอัตราดอกเบี้ยลงจากอัตรา 4.75% ถึง 5.00% ลงสู่อัตรา 4.50% ถึง 4.75% 

    อย่างไรก็ดี ตลาดยังคงให้ความสำคัญไปที่ โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เป็นหลัก โดยล่าสุด โดนัลด์ ทรัมป์ ตัวแทนลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ จากพรรครีพับลิกัน คว้าคะแนนคณะผู้เลือกตั้ง (Electoral vote) ไปแล้ว 295 คะแนน มากกว่าเกณฑ์ซึ่งต้องได้เกินกึ่งหนึ่งที่ 270 คะแนน (จากทั้งหมด 538 คะแนน) ทิ้งห่างคู่แข่งจากพรรคเดโมแครต อย่าง “คามาลา แฮร์ริส” รองประธานาธิบดีและตัวแทนจากฝั่งเดโมแครต ซึ่งอยู่ที่ 226 คะแนน ท่ามกลางตลาดยังอยู่ในช่วงรับรู้ข่าวใหม่และข่าวเดิม

    ทางด้านสงครามทำเนียบขาววางแผนส่งเงินช่วยเหลือด้านความมั่นคงมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ให้แก่ยูเครนก่อนที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐฯ จะหมดวาระในเดือนม.ค. ซึ่งเป็นความพยายามที่จะให้การสนับสนุนรัฐบาลยูเครนก่อนที่โดนัลด์ ทรัมป์จะเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในวันที่ 20 ม.ค. รวมถึงส่งฝูงบินขับไล่ F-15 ไปที่ตะวันออกกลาง เพื่อส่งสัญญาณเตือนถึงอิหร่าน ขณะที่ทางด้านจีนออกมาแถลงการณ์ว่าจีนยินดีที่จะยกระดับการติดต่อสื่อสารกับสหรัฐฯ ขยายความร่วมมือ และอยู่ร่วมกันอย่างสันติ ท่ามกลางตลาดการเงินยังคงกังวลนโยบายหลักของทรัมป์อย่างมาก ซึ่งเห็นได้จากผลกระทบเมื่อ 2 วันที่ผ่านมา ซึ่งคาดว่าภาพรวมของราคาทองคำน่าจะอยู่ในช่วงของการปรับฐานทำกำไรจนถึงสิ้นปี โดยราคาทองคำน่าจะอยู่ในช่วงของการปรับฐานระหว่าง 2,600-2,800 เหรียญ ซึ่งไม่คาดว่าจะทำจุดสูงสุดใหม่ได้

    ดังนั้นในเชิงกลยุทธ์คาดว่าน่าจะทำกำไรตามกรอบแบบ Sideways แนวกว้าง ประมาณ 200 เหรียญ และราคาทองไทยน่าจะแกว่งตัวในกรอบระหว่าง 42,500-44,500 บาทต่อบาททองคำ ซึ่งน่าจะเป็นแนวต้านที่ได้ยาก ด้านค่าเงินบาทกลับมาแข็งค่าขึ้นหลังจากที่เมื่อวานนี้ขึ้นไปทำจุดสูงสุดที่ระดับ 34.46 บาทต่อดอลลาร์ ขณะที่เช้านี้อยู่ที่ระดับ 34 บาทต่อดอลลาร์ ขณะที่ด้านดัชนีดอลลาร์อ่อนค่าลงมาเล็กน้อยจากเมื่อวานนี้เปิดที่ระดับ 105.15 จุด ขณะที่เช้านี้อยู่ที่ระดับ 104.49 จุด ถือได้ว่าภาพรวมดัชนีดอลลาร์ยังอยู่ในทิศทางขาขึ้น ในส่วนของกองทุนทองคำ SPDR เมื่อวานนี้ขายออก 2.88 ตัน ปัจจุบันถือครองที่ 880.58 ตัน สำหรับวันนี้มีตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯ ได้แก่ Prelim UoM Consumer Sentiment คาดการณ์ว่าจะออกมาเพิ่มขึ้นจากเดิม ในส่วนของสัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 67 เซนต์ หรือ 0.93% ปิดที่ 72.36 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

    วิเคราะห์ราคาทองคำทางเทคนิค

    ราคาทองคำในเชิงเทคนิคปรับตัวลดลงมา โดย Fibonacci retracement 70% อยู่ที่ระดับ  2,650 เหรียญ และ Fibonacci retracement 61.8% อยู่ที่ระดับ 2,676 เหรียญ และ Fibonacci retracement 50% อยู่ที่ระดับ 2,700 เหรียญ จะเห็นได้ว่าราคาทองคำในทางเทคนิคถือว่าใกล้เคียงกับ Fibonacci retracement ดังนั้นจึงคาดว่าวันนี้ราคาทองคำจะมีกรอบแนวรับที่ระดับ 2,660 เหรียญ และแนวต้านที่ระดับ 2,715 เหรียญ กลยุทธ์การลงทุนแนะนำเทขายทำกำไรเป็นช่วงๆ และเข้าซื้อบริเวณฐานล่างของ Bollinger Bands

    สำหรับ Gold Online Futures คาดจะมีกรอบแนวรับ 2,680 เหรียญ และแนวต้าน 2,735 เหรียญ และ Gold Comex คาดจะมีกรอบแนวรับ 2,670 เหรียญ และแนวต้าน 2,725 เหรียญ ในส่วนของราคาทองไทยจะมีแนวรับระยะสั้นที่ 43,100 บาท/บาททองคำ และมีแนวต้านระยะสั้นที่ 43,500 บาท/บาททองคำ

    Gold Futures Series Z24 จะมีแนวรับที่ระดับ 43,500 บาท และแนวต้านที่ระดับ 43,900 บาท

    โดยเน้นย้ำนักลงทุนว่า ราคาทองคำและราคาฟิวเจอร์สอาจจะแตกต่าง ดังนั้น การวิเคราะห์หรือ Arbitrage จะต้องใช้ความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง

    กลยุทธ์การลงทุนในวันนี้

    ระมัดระวังการรีบาวด์ขึ้นครั้งนี้ ภาพใหญ่ราคาทองคำยังอยู่ในช่วงปรับฐาน แนะนำแบ่งปิดทำกำไร หากราคาไม่สามารถยืนเหนือ $2,700 มีโอกาสปรับตัวย่อลงได้ต่อ

    – นักลงทุนที่ถือ Long Position

    แบ่งปิดทำกำไีร ตามกรอบแนวต้าน แนะนำหากราคาไม่ผ่านแนวต้าน มีโอกาสเกิดแรงขายทำกำไร แนะหากราคาหลุด Low ควรมี Stop Loss

    – นักลงทุนที่ถือ Short Position

    เก็งกำไรในกรอบ เปิดสถานะตามแนวต้าน ระยะสั้นยังคงอยู่ในช่วงฟื้นตัวรีบาวด์ หากเกิดสัญญาณกลับตัวขึ้นต่อ ควรมีจุด Stop Loss

    ขอขอบคุณ : บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด (MTS GOLD)

  • ราคาทองคำวันนี้ 01-11-24 วิเคราะห์โดย MTS Gold

    ราคาทองคำวันนี้ 01-11-24 วิเคราะห์โดย MTS Gold

    ราคาทอง 1 พ.ย.67

    ทิศทางราคาทองคำ

    ภาพรวมราคาทองคำปรับตัวลดลงมาประมาณ 40 เหรียญ จากระดับ 2,790 เหรียญ มาอยู่ที่ 2,744 เหรียญ จากแรงเทขายทำกำไร หลังจากที่ราคาทองคำขึ้นไปทำจุดสูงสุดใกล้ระดับ 2,800 เหรียญ ในขณะที่ Gold Futures ทะลุระดับ 2,800 เหรียญ ขึ้นไปที่อยู่ที่ระดับ 2,805 เหรียญ ในส่วนของกองทุนทองคำ SPDR วันก่อนหน้าขายออก 0.86 ตัน ปัจจุบันถือครองที่ 891.79 ตัน

    ด้านดัชนีดอลลาร์เมื่อวานนี้เปิดที่ระดับ 104.08 จุด และเคลื่อนตัวระหว่าง 103.82-104.22 จุด และปิดที่ระดับ 103.89 จุด ขณะที่เช้านี้อยู่ที่ระดับ 103.97 จุด ขณะที่ค่าเงินบาทกลับมาอ่อนค่าอยู่ที่ระดับ 33.82 บาทต่อดอลลาร์ในเช้านี้ จะเห็นได้ว่าค่าเงินบาทยังคงแกว่งตัวสวนทางกับค่าเงินดอลลาร์ ทำให้องค์รวมค่าเงินบาทในระยะสั้นยังอยู่ในทิศทางอ่อนค่า โดยมีกรอบระยะสั้นอยู่ระหว่าง 33.50-34 บาทต่อดอลลาร์ ขณะที่ภาพรวมราคาทองคำยังคงเป็นแนวโน้มทิศทางขาขึ้นจากแรงเทขายทำกำไร เรียกได้ว่าอยู่ในช่วงของการปรับฐาน

    ขณะที่เมื่อวานนี้ตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ได้แก่ Core PCE Price Index m/m ออกมาใกล้เคียงจากที่คาดการณ์ และ Unemployment Claims และ Chicago PMI ออกมาลดลงจากที่คาดการณ์ สำหรับวันนี้มีตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯ ได้แก่ Non-Farm Employment Change คาดการณ์ว่าจะออกมาลดลงจากเดิม ขณะที่ Unemployment Rate คาดการณ์ว่าจะออกมาใกล้เคียงเดิม

    ขณะที่ ISM Manufacturing PMI และ ISM Manufacturing Prices คาดการณ์ว่าจะออกมาเพิ่มขึ้นจากเดิม และติดตามการเลือกตั้งของสหรัฐฯที่จะมีขึ้นในวันที่ 5 พ.ย. ซึ่งคาดการณ์ว่าหาก”โดนัลด์ ทรัมป์”ได้เป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯคนต่อไป ก็น่าจะทำให้ดัชนีดอลลาร์แข็งค่าขึ้นในช่วงแรก แต่ในระยะท้ายอาจเป็นจุดชนวนให้เกิดการขาดดุลงบประมาณ และสงครามการค้าที่ค่อนข้างรุนแรง ทางด้านสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน และสงครามในตะวันออกกลางยังคงดำเนินต่อไป เงื่อนไขการเจรจาเพื่อยุติสงครามน่าจะเป็นไปได้ยาก

    วิเคราะห์ราคาทองคำทางเทคนิค

    ราคาทองคำกำลังเข้าสู่ช่วงของการปรับฐาน โดย Fibonacci retracement 38.2% อยู่ที่ระดับ2,720 เหรียญ Fibonacci retracement 50% อยู่ที่ระดับ 2,697 เหรียญ และ Fibonacci retracement 61.8% อยู่ที่ระดับ 2,675 เหรียญ กล่าวโดยสรุปแนวรับสำคัญของการปรับฐานของราคาทองคำจะอยู่ที่ระดับ 2,720 เหรียญ โดยวันนี้คาดว่าราคาทองคำจะมีกรอบแนวรับที่ระดับ 2,735 เหรียญ และมีแนวต้านที่ระดับ 2,780 เหรียญ

    สำหรับ Gold Online Futures คาดจะมีกรอบแนวรับ 2,760 เหรียญ และแนวต้าน 2,805 เหรียญ และ Gold Comex คาดจะมีกรอบแนวรับ 2,750 เหรียญ และแนวต้าน 2,795 เหรียญ ในส่วนของราคาทองไทยจะมีแนวรับระยะสั้นที่ 43,700 บาท/บาททองคำ และระยะกลางที่ระดับ 43,500 บาท/บาททองคำ และระยะยาวที่ระดับ 43,000 บาท/บาททองคำ และมีแนวต้านที่ระดับ 44,100 บาท/บาททองคำ

    กลยุทธ์การลงทุนในวันนี้

    ยังเน้นเทรดซื้อขายตามกรอบแนวโน้มทิศทางขาขึ้น และปิดทำกำไรตามรอบ เน้นเทรดระยะสั้นลง ระวังเเรงเทขายทำกำไร

    – นักลงทุนที่ถือ Long Position

    เก็งกำไรในกรอบ เข้าซื้อตามแนวรับและปิดทำกำไรตามแนวต้าน ติดตามราคาทองคำระหว่างวัน และควรมีจุด Stop Loss

    – นักลงทุนที่ถือ Short Position

    เก็งกำไรในกรอบ เปิดสถานะตามแนวต้าน และปิดทำกำไรตามแนวรับ แต่ไม่แนะนำให้ถือในระยะยาว เฝ้าติดตามราคาทองคำระหว่างวัน และควรมีจุด Stop Loss

    ขอขอบคุณ : บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด (MTS GOLD)

  • ราคาทองคำวันนี้ 24-10-24 วิเคราะห์โดย MTS Gold

    ราคาทองคำวันนี้ 24-10-24 วิเคราะห์โดย MTS Gold

    ราคาทอง 24 ต.ค.67

    ทิศทางราคาทองคำ

    ราคทองคำปรับตัวลดลงจากแรงเทขายทำกำไรจากกองทุนทองคำ SPDR เมื่อวานนี้ที่ขายออก 1.44 ตัน ปัจจุบันถือครองที่ 893.8 ตัน รวมถึงดัชนีดอลลาร์กลับมาแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องทะลุแนวต้านสำคัญที่ระดับ 103.85 จุด โดยดัชนีดอลลาร์เมื่อวานนี้เปิดที่ระดับ 104.09 จุด และขึ้นไปทำจุดสูงสุด 104.57 จุด และปิดที่ระดับ 104.42 จุด ขณะที่เช้านี้อยู่ที่ระดับ 104.37 จุด ขณะที่ค่าเงินบาทกลับมาอ่อนค่าอย่างรวดเร็ว โดยค่าเงินบาทเมื่อวานนี้เปิดที่ระดับ 33.48 บาทต่อดอลลาร์ และขึ้นไปทำจุดสูงสุดที่ระดับ 33.79 บาทต่อดอลลาร์

    ขณะที่เช้านี้อยู่ที่ระดับ 33.78 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ราคาทองคำไทยปรับตัวขึ้นได้ต่อ โดยราคาทองไทยเมื่อวานนี้ยังทรงตัวอยู่ในระดับสูง โดยมีบางช่วงขึ้นไปใกล้ระดับ 44,000 บาทต่อบาททองคำ โดยเช้านี้อยู่ที่ระดับ 43,500 บาทต่อบาททองคำ อย่างไรก็ดี ทั่วโลกยังคงติดตาม การประชุมกลุ่ม BRICS ซึ่งอาจส่งผลบวกต่อราคาทองคำ ขณะที่ทางด้านสงครามในตะวันออกกลางยังคงตึงเครียด โดยล่าสุด แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ได้พบกับ เบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล เพื่อเรียกร้องให้มีการหยุดยิงในตะวันออกกลาง

    วิเคราะห์ราคาทองคำทางเทคนิค

    ราคาทองคำเริ่มเข้าสู่ช่วงการปรับฐานในระยะสั้น ซึ่งต้องติดตามอย่างใกล้ชิดว่าจะหยุดการปรับฐานที่ระดับไหน โดยวันนี้คาดว่าราคาทองคำจะมีกรอบแนวรับระยะสั้นที่ระดับ 2,700 เหรียญ และแนวต้านที่ระดับ 2,735 เหรียญ

    สำหรับ Gold Online Futures คาดจะมีกรอบแนวรับ 2,730 เหรียญ และแนวต้าน 2,765 เหรียญ และ Gold Comex คาดจะมีกรอบแนวรับ 2,725 เหรียญ และแนวต้าน 2,760 เหรียญ ในส่วนของราคาทองไทยจะมีแนวรับระยะสั้นที่ 43,200 บาท/บาททองคำ และมีแนวต้านระยะสั้นที่ 43,800 บาท/บาททองคำ

    – นักลงทุนที่ถือ Long Position

    เก็งกำไรในกรอบ เข้าซื้อตามแนวรับและปิดทำกำไรตามแนวต้าน ติดตามราคาทองคำระหว่างวัน และควรมีจุด Stop Loss

    – นักลงทุนที่ถือ Short Position

    เก็งกำไรในกรอบ เปิดสถานะตามแนวต้าน และปิดทำกำไรตามแนวรับ แต่ไม่แนะนำให้ถือในระยะยาว เฝ้าติดตามราคาทองคำระหว่างวัน และควรมีจุด Stop Loss

    ขอขอบคุณ : บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด (MTS GOLD)

  • ราคาทองคำวันนี้ 26-9-24 วิเคราะห์โดย MTS Gold

    ราคาทองคำวันนี้ 26-9-24 วิเคราะห์โดย MTS Gold

    ราคาทอง 26 ก.ย.67

    ทิศทางราคาทองคำ

    ราคาทองคำยังคงทรงตัวอยู่ในระดับสูงเหนือ 2,650 เหรียญได้อย่างมั่นคง ท่ามกลางการคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับลดดอกเบี้ยต่อเนื่องในปีนี้ รวมถึงตลาดต่างมองว่าภาพรวมของตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯยังคงเอื้อต่อการปรับลดดอกเบี้ยของเฟดให้เร็วมากขึ้น และปัจจัยหลักด้านสงครามยังมีส่วนช่วยให้ราคาทองคำสามารถยืนอยู่ในระดับที่สูงได้ ในส่วนของกองทุนทองคำ SPDR เมื่อวานนี้ไม่มีการเปลี่ยนแปลง ปัจจุบันถือครองที่ 877.12 ตัน

    สำหรับทางด้านเศรษฐกิจจีน ล่าสุดธนาคารกลางจีน (PBOC) ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ระยะกลาง (MLF) ระยะ 1 ปี ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของจีน ลง 0.30% สู่ระดับ 2.00% ในเมื่อวานนี้ โดยความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้นหลังจาก PBOC ประกาศมาตรการผ่อนคลายนโยบายการเงินครั้งใหญ่ โดยมีเป้าหมายที่จะฟื้นฟูเศรษฐกิจ ภาพรวมด้านค่าเงินบาทยังคงแข็งค่าอย่างรวดเร็ว โดยเช้านี้ค่าเงินบาทยังคงทรงตัวอยู่แถวบริเวณ 32.66 บาทต่อดอลลาร์ จากการอ่อนค่าของดัชนีดอลลาร์ โดยเมื่อวานนี้เปิดที่ระดับ 100.28 จุด และปิดที่ระดับ 100.92 จุด ขณะที่เช้านี้ยังคงทรงตัวอยู่ที่ระดับ 100.93 จุด

    สำหรับวันนี้ติดตามตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯ ได้แก่ Final GDP q/q และ Final GDP Price Index q/q คาดการณ์ว่าจะออกมาใกล้เคียงเดิม ขณะที่ Unemployment Claims และ Core Durable Goods Orders m/m คาดการณ์ว่าจะออกมาเพิ่มขึ้นจากเดิม และ Durable Goods Orders m/m คาดการณ์ว่าจะออกมาลดลงจากเดิม และติดตามถ้อยแถลงของนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) และสมาชิกคณะกรรมการนโยบายการเงินแห่งสหรัฐฯในสาขาๆต่าง

    วิเคราะห์ราคาทองคำทางเทคนิค

    ราคาทองคำยังทรงตัวอยู่ได้แถวบริเวณ 2,650 เหรียญ โดยวันนี้คาดว่าราคาทองคำจะมีกรอบแนวรับที่ระดับ 2,640 เหรียญ และแนวต้านที่ระดับ 2,675 เหรียญ

    สำหรับ Gold Online Futures คาดจะมีกรอบแนวรับ 2,645 เหรียญ และแนวต้าน 2,680 เหรียญ และ Gold Comex คาดจะมีกรอบแนวรับ 2,665 เหรียญ และแนวต้าน 2,700 เหรียญ ในส่วนของราคาทองไทยจะมีแนวรับระยะสั้นที่ 40,800 บาท/บาททองคำ และมีแนวต้านระยะสั้นที่ 41,200 บาท/บาททองคำ

    Gold Futures Series V24 จะมีแนวรับที่ระดับ 41,300 บาท และแนวต้านที่ระดับ 41,650 บาท

    โดยเน้นย้ำนักลงทุนว่า ราคาทองคำและราคาฟิวเจอร์สอาจจะแตกต่าง ดังนั้น การวิเคราะห์หรือ Arbitrage จะต้องใช้ความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง

    กลยุทธ์การลงทุนในวันนี้

    ราคาทองคำ Break out ขึ้นทำ All Time High มีโอกาสขยับขึ้นต่อ แต่ในระยะสั้นอาจมีแรงเทขายทำกำไรทางเทคนิค แนะนำรอจังหวะย่อซื้อตามกรอบแนวรับ ยังเน้นเทรดตามแนวโน้มทิศทางขาขึ้น ปิดทำกำไรตามรอบ และระมัดระวังความผันผวนของราคา

    นักลงทุนที่ถือ Long Position

    ทยอยปิดทำกำไรเป็นรอบๆ เน้นเทรดระยะสั้นลง รอจังหวะเปิดสถานะใหม่เมื่อราคาย่อตัว เฝ้าติดตามราคาทองคำระหว่างวัน

    -นักลงทุนที่ถือ Short Position

    ยังไม่แนะนำให้ถือสถานะ Short หากเปิดสถานะใหม่ควรรอเปิดสถานะบริเวณแนวต้าน และมีจุด Stop Loss ทุกครั้ง

    ขอขอบคุณ : บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด (MTS GOLD)

  • วิเคราะห์ราคาทองคำวันนี้ 19-09-24 By MTS Gold

    วิเคราะห์ราคาทองคำวันนี้ 19-09-24 By MTS Gold

    ราคาทอง 19 ก.ย.67

    บทวิเคราะห์

    ราคาทองคำโลกหลังเฟดประกาศลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.5% มีความผันผวนของราคาค่อนข้างมาก ซึ่งคาดว่าตลาดได้ “Price in” ในส่วนของราคาทองคำก่อนหน้านี้ โดยช่วงต้นหลังประกาศลดอัตราดอกเบี้ย ราคาทองคำโลกพุ่งขึ้นไปแตะ 2,600 เหรียญ แต่หลังจากนั้นได้มีแรงเทขายร่วงลงกลับลงมาที่บริเวณ 2,550 เหรียญ ซึ่งเป็นการขายทำกำไรรูปแบบ “Sell on fact”โดยเมื่อคืนนี้ คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟด ลงมติ 11 ต่อ 1 เสียงให้ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.5% เหลือ 4.75% – 5.00% ทางด้านเจอโรมพาวเวล์ประธานเฟดได้ให้สัมภาษณ์ว่า ภาพรวมเศรษฐกิจสหรัฐฯยังแข็งแกร่ง เงินเฟ้อกำลังชะลอตัวลง ซึ่งการลดดอกเบี้ย 0.5% ของเฟดเป็นสัญญาณที่ดี ที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจและหนุนภาพคแรงงาน ทั้งนี้นักวิเคราะห์มองว่า เฟดจะลดดอกเบี้ยอีก 1.5-2% ภายในปีหน้า และนักวิเคราะห์หลายฝ่าย ยังให้โอกาสที่ราคาทองคำจะปรับตัวขึ้นต่อเนื่องจากนโยบายอัตราดอกเบี้ยขาลง ในส่วนของดัชนีดอลลาร์ ผันผวนปรับตัวขึ้นเล็กน้อย เกิด “buy on dip” ดีดตัวกลับขึ้นมา

    วิเคราะห์ทางเทคนิค

    ในเชิงเทคนิคราคาทองคำมีความผันผวนค่อนข้างมาก หลังประกาศการลดอัตราดอกเบี้ยของเฟด โดยภาพรวมราคาทองคำยังคงเคลื่อนไหวในกรอบ Sideway up แต่ในระยะสั้นนั้นถูกกดดันเกิดแรงเทขาย “Sell on fact” ปรับร่วงลงมา วันนี้คาดว่ามีกรอบแนวรับระยะสั้น ที่ 2,550 เหรียญและมีแนวต้านที่ 2,580 เหรียญ

    สำหรับ Gold Online Futures คาดจะมีกรอบแนวรับ 2,555 เหรียญ และแนวต้าน 2,585 เหรียญ และ Gold Comex คาดจะมีกรอบแนวรับ 2,575 เหรียญ และแนวต้าน 2,605 เหรียญ ในส่วนของราคาทองไทยจะมีแนวรับระยะสั้นที่ 40,300 บาท/บาททองคำ และมีแนวต้านที่ 40,700 บาท/บาททองคำ

    Gold Futures Series V24 จะมีแนวรับที่ระดับ 40,600 บาท และแนวต้านที่ระดับ 41,000 บาท

    โดยเน้นย้ำนักลงทุนว่า ราคาทองคำและราคาฟิวเจอร์สอาจจะแตกต่าง ดังนั้น การวิเคราะห์หรือ Arbitrage จะต้องใช้ความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง

    กลยุทธ์การลงทุนในวันนี้

    แนะนำหาจังหวะย่อซื้อตามกรอบแนวรับ ยังเน้นเทรดตามแนวโน้มทิศทางขาขึ้น ปิดทำกำไรตามรอบ และระมัดระวังความผันผวนของราคา

    นักลงทุนที่ถือ Long Position

    ทยอยปิดทำกำไรเป็นรอบๆ เน้นเทรดระยะสั้นลง รอจังหวะเปิดสถานะใหม่เมื่อราคาย่อตัว เฝ้าติดตามราคาทองคำระหว่างวัน

    นักลงทุนที่ถือ Short Position

    ยังไม่แนะนำให้ถือสถานะ Short หากเปิดสถานะใหม่ควรรอเปิดสถานะบริเวณแนวต้าน และมีจุด Stop Loss ทุกครั้ง

    ขอขอบคุณ : บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด (MTS GOLD)