Tag: สมาคมค้าทองคำ

การเคลื่อนไหวของทองคำในเดือน พฤศจิกายน ถือเป็นอีกช่วงที่ราคาลดลงมามาก โดยจากต้นเดือนอยู่ที่ระดับ 1,965 ดอลลาร์ ลงมาแตะ 1,800 ดอลลาร์ ปัจจัยหลักมาจากเรื่องความคืบหน้าการผลิตวัคซีนป้องกัน COVID-19 ซึ่งขณะนี้มี 3 กลุ่มที่ประกาศความคืบหน้าการทดลองเกิน 90 เปอร์เซ็นต์ อยู่ระหว่างการยื่นขอการรับรองจาก FDA ขณะที่ผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ก็มีความชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ

ทองคำใช้เวลา 3 เดือน ไต่ขึ้นจากระดับ 1,670 ดอลลาร์ ไปทำจุดสูงสุดที่ 2,075 ดอลลาร์ เมื่อช่วงต้นเดือนสิงหาคม และใช้เวลา 4 เดือนลดลงมาแตะระดับ 1,800 ดอลลาร์ และราคาในประเทศลดลงจากจุดสูดมาจนถึงขณะนี้ร่วมบาทละ 4,000 บาท และในระยะสั้นยังมองว่าแนวโน้มอาจจะลดลงได้อีก เพราะขณะนี้ปัจจัยโดยรอบล้วนแต่เป็นลบต่อราคาทองคำ และเชื่อว่าภายในปีนี้คงยากที่ราคาทองคำจะกลับขึ้นไปแตะ 2,000 ดอลลาร์ แต่ยังไม่อยากคาดการณ์ว่าราคาจะปิดสิ้นปีที่ระดับใด ขอดูเป็นสัปดาห์ต่อสัปดาห์

นายจิตติ ตังสิทธิ์ภักดี นายกสมาคมค้าทองคำ กล่าวกับ GoldAround.com

มาดูปัจจัยลบที่ส่งผลต่อราคาทองคำ หลัก ๆ คือ SPDR ที่ได้ทยอยขายทองคำออกต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงปลายเดือน ตุลาคม และในเดือน พฤศจิกายน ได้ขายออกไปแล้วประมาณ 60 ตัน และเดือนหน้าก็อาจจะขายเพิ่มขึ้น เพราะเป็นช่วงขายทำกำไรเพื่อปิดบัญชีรอบปี ซึ่งในปีนี้ SPDR ได้ซื้อมาอย่างต่อเนื่อง รวมประมาณ 300 ตัน และยังมีต้นทุนโดยรวมที่ต่ำมาก
ขณะที่เรื่องของความคืบหน้าการผลิตวัคซีน แม้ว่าจะยังกดดันราคาทองคำได้บ้าง แต่คงจะไม่มาก เพราะคงไม่มีอะไรคืบหน้ามากกว่านี้ จนกว่าจะผลิตออกมาใช้งานจริง ซึ่งคาดว่าอาจจะต้องใชเวลาอีกระยะ ประเด็นสำคัญคือว่า วัคซีนที่ผลิตขึ้นจะได้รับการยอมรับมากน้อยเพียงไร เพราะเชื่อว่ายังมีความกังขาอยู่ระดับหนึ่ง

ส่วนความคืบหน้าทางการเมืองสหรัฐฯ แม้ว่าดูเหมือน “โดนัล ทรัมป์” จะเริ่มยอมรับกับความพ่ายแพ้ แต่ตราบใดที่ “โจ ไบเดน” ยังไม่ได้เข้ามาควบคุมอย่างเบ็ดเสร็จ ยังคงต้องระวังมาตรการต่าง ๆ ที่ “ทรัมป์” อาจจะทำออกมาในช่วงท้ายของการครองอำนาจ ซึ่งอาจจะส่งผลต่อเศรษฐกิจโดยรวม และอาจจะส่งผลต่อราคาทองคำได้

ในระยะสั้นต้องดูว่าแนวรับ 1,800 ดอลลาร์ จะยื้อกันอีกนานแค่ไหน และราคาทองคำจะไปอย่างไร หากหลุดลงไปมองว่าแนวรับถัดไปจะอยู่แถว 1,780 ดอลลาร์ หรือประมาณ บาทละ 25,500 บาท แต่หากราคาดีดกลับมาได้ แนวต้านต่อไปจะอยู่ที่ 1,825 ดอลลาร์ หรือบาทละ 26,500 บาท และ1,860 ดอลลาร์ หรือบาทละ 27,000 บาท ซึ่งในส่วนของราคาในประเทศ ต้องดูค่าเงินบาทประกอบด้วย เพราะในช่วงนี้ค่อนข้างจะแข็งค่ามาก ซึ่งทาง ธปท.คงไม่อยากจะให้หลุดต่ำกว่า 30 บาทต่อดอลลาร์

นายจิตติ ตังสิทธิ์ภักดี นายกสมาคมค้าทองคำ กล่าวกับ GoldAround.com

ขณะที่กลยุทธ์ในการลงทุนในช่วงนี้ ขอให้เน้นลงทุนระยะสั้น และไม่ควรถือเกิน 3 วัน เพราะปัจจัยที่ส่งผลกับราคาทองคำค่อนข้างจะเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วมาก ซึ่งช่วงนี้นักลงทุนต้องติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิด

ส่วนแนวโน้มราคาทองคำในระยะยาวนั้น นายจิตติ ตังสิทธิ์ภักดี นายกสมาคมค้าทองคำ มองว่า หลังจากที่วัคซีนป้องกัน COVID-19 ผลิตออกมาได้ใช้ในวงกว้างและไม่มีปัญหาในการใช้งาน จะทำให้ปัญหาต่าง ๆ จะเริ่มคลี่คลายลง รวมถึงอยากให้จับตา นโยบายเศรษฐกิจ และนโยบายต่างประเทศของ “โจ ไบเดน” หากมีความประนีประนอมมากขึ้น ความขัดแย้งในโลกจะลดลง และเชื่อว่าจะทำให้ราคาทองคำกลับลงไปอยู่ในแนวเดียวกับเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา

ขอขอบคุณ : สมาคมค้าทองคำ

หลังจากที่มีการนำเสนอข่าวธนาคารแห่งประเทศไทย มีนโยบายจะให้การซื้อขายทองเป็นรูปสกุลเงินดอลลาร์ แทนเงินบาท เพื่อลดความผันผวนจากค่าเงิน ต่อมา ผู้ช่วยผู้ว่าการสายตลาดการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย ได้ออกมาชี้แจงว่า เป็นความเข้าใจผิด ยังคงใช้เงินบาทซื้อขายทองคำแท่งและทองรูปพรรณ ได้ตามปกติ เพียงแต่ ธปท.ต้องการปรับระบบนิเวศของการลงทุนในทองคำ เพื่อเป็นการเพิ่มทางเลือกให้กับนักลงทุน เช่น เทรดทองผ่านระบบออนไลน์ ซึ่งสามารถเลือกชำระเป็นเงินบาท หรือ เงินตราต่างประเทศผ่านบัญชี FCD

นายจิตติ ตั้งสิทธิภักดี นายกสมาคมค้าทองคำ เปิดเผยกับ GoldAround.com ว่า ที่ผ่านมา ตนพร้อมคณะกรรมการสมาคมฯ ได้เข้าหารือ กับ ธนาคารแห่งประเทศไทย และชี้แจงถึงผลดีผลเสีย และผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น เพื่อนำข้อมูลไปศึกษาก่อนกำหนดเป็นนโยบายต่อไป

ทั้งนี้ มองว่าการใช้เงินดอลลาร์ในการซื้อขายทองคำ จะเกิดประโยชน์กับกลุ่มผู้ค้าบางกลุ่มเท่านั้น อาทิ กลุ่มผู้ค้ารายใหญ่ หรือ สถาบันการเงิน ที่ใช้เงินดอลลาร์อยู่แล้ว หากเป็นรายย่อยถือว่ามีความยุ่งยากพอสมควร อย่างไรก็ดี มองว่าหากจะใช้เงินดอลลาร์ซื้อขายทองคำ แต่สุดท้ายก็ต้องนำเงินดอลลาร์กลับมาเปลี่ยนเป็นเงินบาท ทำให้มองว่าเรื่องดังกล่าวไม่ใช่ทางออกของการแก้ปัญหาเรื่องเงินบาทผันผวนแต่อย่างใด

แม้ว่าที่ผ่านมาจะมีการซื้อขายทองคำในปริมาณมาก แต่เชื่อว่าไม่ใช่เป็นต้นเหตุที่ทำให้ค่าเงินบาทผันผวนโดยตรง เพราะตลาดมีทั้งซื้อและขาย นอกจากนั้น หากจะสังเกตในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา ซึ่งเงินบาทค่อนข้างผันผวน แต่ตลาดซื้อ-ขาย ทองคำค่อนข้างเงียบเหงา อย่างไรก็ดี หาก ธปท. ต้องการใช้แนวทางดังกล่าวเพื่อเพิ่มทางเลือกในการลงทุนทองคำ ก็ต้องขึ้นกับผลการศึกษาถึงผลดีผลเสีย และนโยบายที่จะออกมาด้วย

นายจิตติ ตั้งสิทธิภักดี นายกสมาคมค้าทองคำ เปิดเผยกับ GOLDAROUND.COM

ส่วนความเคลื่อนไหวของราคาทองคำในช่วงนี้ นายจิตติฯ มองว่า ราคาทองคำได้เคลื่อนไหวในกรอบ 1,925 -1,950 ดอลลาร์ มาระยะหนึ่งแล้ว แม้บางช่วงราคาทองคำอาจจะหลุดกรอบออกไปบ้าง แต่สุดท้ายก็กลับเข้ามายืนในกรอบนี้ และมายืนในกรอบนี้ได้อย่างแข็งแรง อย่างไรก็ดี ยังเชื่อว่าหากราคาทองคำสามารถทะลุแนวต้านดังกล่าวได้ อาจจะได้เห็นราคาวิ่งไปแตะกรอบแนวต้านด้านบริเวณ 2,000 ดอลลาร์ อีกครั้ง แต่การจะกลับไปสู่จุดสูงสุดเดิมได้หรือไม่นั้น อาจต้องใช้เวลา ยกเว้นจะมีเหตุการณ์รุนแรง หรือเหตุการณ์เหนือความคาดหมายเกิดขึ้นอีกครั้ง

การเคลื่อนไหวของราคาในลักษณะนี้เหมาะกับการลงทุนระยะสั้น แต่นักลงทุนต้องเกาะติดสถานการณ์ใกล้ชิด เพราะช่วงนี้มีหลากหลายปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อราคาทองคำ โดยเฉพาะความคืบหน้าการผลิตวัคซีนป้องกัน COVID-19 และเรื่องของผลกระทบทางเศรษฐกิจจากการอัดฉีดเงินเข้าระบบเพื่อแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นจาก COVID-19 รวมถึงประเด็นต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นจากการเลือกตั้งประธานาธิบดีของสหรัฐฯ ที่จะมีขึ้นในช่วงปลายปีนี้ด้วย

นายจิตติ ตั้งสิทธิภักดี นายกสมาคมค้าทองคำ

ด้านนางสาวฐิภา นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG) กล่าวถึงนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่จะเปิดโอกาสให้นักลงทุนทองคำสามารถเลือกชำระการซื้อขายทองคำ เป็นเงินบาท หรือ สกุลเงินใดสกุลเงินหนึ่ง ผ่านบัญชีเงินฝากเงินตราต่างประเทศ (FCD) ได้ว่า ถือเป็นประโยชน์ต่อภาพรวมของการลงทุนทองคำออนไลน์ เพราะนักลงทุนสามารถดูปัจจัยที่มีผลต่อราคาทองคำในตลาดโลกและคำนวณเป็นเงินสกุลต่างประเทศได้ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนที่ในบางครั้งตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราในประเทศอาจจะไม่สัมพันธ์กันกับเวลาในการซื้อขายทองคำ เช่น หากซื้อขายทองคำออนไลน์ในวันหยุดของธนาคารก็อาจจะทำให้มีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เป็นต้น

“จิตติ” คาดราคาทองคำหวนแตะ $2,000 หลังปัจจัยหนุนดูดี แต่ราคาทองคำในประเทศเหนื่อย เพราะถูกค่าเงินบาทกดดันอย่างหนัก พร้อมระบุ เดือน สิงหาคม ปี 63 ราคาปรับตัวร้อนแรงสุดในประวัติศาสตร์วงการค้าทองคำโลก

ราคาทองคำในวันแรกของเดือน กันยายน ยังคงร้อนแรงอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งแต่ช่วงเช้าราคาได้ขยับขึ้นจากบริเวณ 1,965 ดอลลาร์ ขึ้นมาแตะระดับ 1,990 ดอลลาร์ โดยปัจจัยหลักมาจากดัชนีดอลลาร์ ร่วงสู่ระดับต่ำสุดในรอบกว่า 2 ปี หลัง FED หันมาใช้มาตรการผ่อนคลายทางการเงิน (อ่านเพิ่มเติม.. ราคาทองคำพุ่งทะยาน ปธ.เฟด เตรียมปล่อยให้เงินเฟ้อสูงขึ้น )

ช่วงนี้ราคาทองคำมีแนวโน้มที่ดี โดยมองว่าในรอบนี้อาจจะเห็นราคาทะลุ 2,000 ดอลลาร์ อีกครั้ง แต่เชื่อว่าราคาจะไม่ไปไกลมากเหมือนรอบที่แล้ว ที่ขึ้นไปแตะ 2,078 ดอลลาร์ ยกเว้นจะเกิดเหตุการณ์เหนือความคาดหมายเข้ามาเป็นปัจจัยหนุน ขณะที่ราคาทองคำในประเทศช่วงนี้ถูกกดดันจากค่าเงินบาทอยากนัก โดยตั้งแต่วันที่ 24 ส.ค. ที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน เงินบาทได้แข็งค่าขึ้นมาแล้วประมาณ 60 สตางค์ ส่งผลต่อราคาทองคำในประเทศประมาณ 500 บาท ทำให้มองว่า โอกาสที่ราคาทองจะขึ้นไปแตะบาทละ 30,000 บาท ค่อนข้างจะลำบาก ยกเว้นว่าค่าเงินบาทจะอ่อนลงกว่านี้

นายจิตติ ตั้งสิทธิภักดี นายกสมาคมค้าทองคำ กล่าวกับ GoldAround.com

ส่วนกลยุทธ์การลงทุนในช่วงนี้ ยังอยากให้เน้นลงทุนระยะสั้นเป็นหลัก เพราะตลาดมีความผันผวนพอสมควร ทั้งนี้ หากนักลงทุนมีทองคำในพอร์ทปริมาณมาก ก็ให้แบ่งบางส่วนออกมาทำกำไร และเก็บบางส่วนไว้เพื่อลงทุนระยะยาว เพราะเชื่อว่าทองคำยังเป็นสินทรัพย์ที่ยังสร้างกำไรได้อยู่

นายกสมาคมค้าทองคำ ยังได้กล่าวถึงการเคลื่อนไหวของราคาทองคำในเดือน สิงหาคม ที่ผ่านมา ถือว่าเป็นช่วงสำคัญของประวัติศาสตร์วงการค้าทองคำ เพราะได้เกิดสถิติใหม่มากมาย เริ่มตั้งแต่ราคา gold spot สูงที่สุดในประติศาสตร์ที่ระดับ 2,078 ดอลลาร์ ในวันที่ 7 ส.ค. ราคาทองคำในประเทศสูงสุดในประวัติศาสตร์ที่ระดับ บาทละ 30,400 บาท ในวันที่ 7 ส.ค. และมีการปรับราคาระหว่างวันมากที่สุดในประวัติศาสตร์ โดยปรับทั้งสิ้น 42 ครั้ง ในวันที่ 12 ส.ค. และ ราคาปรับลดเร็วสุดใช้เวลาเพียงแค่ 5 วัน จากบาทละ 30,400 บาท มาอยู่ที่บาทละ 27,500 บาท

เหตุการณ์ในลักษณะนี้ ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยครั้ง ล่าสุดที่จำได้ คือ เมื่อ 9 ปีที่แล้ว เมื่อวันที่ 6 ก.ย. หลังจากที่ราคาได้ขึ้นไปแตะระดับ 27,100 บาท ก่อนจะถูกเทขายจนราคาลดลงมาต่อเนื่องวันละ 900-1,000 บาท ทั้งนี้ เมื่อดูการเคลื่อนไหวของราคาทองคำในปัจจุบันที่ค่อนข้างจะผันผวน และปรับตัวขึ้นมาสูงมากแล้ว ก็อยากจะเตือนให้นักลงทุนอย่าประมาทเด็ดขาด เพราะราคาปัจจุบันกับราคาต้นทุนการผลิตหน้าเหมืองต่างกันมาก การขยับขึ้นแรง ๆ ของราคาแต่ละครั้ง นอกจากเป็นเรื่องของปัจจัยพื้นฐานแล้ว ยังมีเรื่องของปัจจัยเหนือความคาดหมายเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่เมื่อทุกอย่างผ่านพ้นไป ราคาก็จะกลับมาสู่ระดับที่ควรจะเป็น

นายจิตติ ตั้งสิทธิภักดี นายกสมาคมค้าทองคำ กล่าวกับ GOLDAROUND.COM

ตลาดทองคำในเช้าวันนี้ (22 ก.ค.) ถือว่าคึกคักเป็นพิเศษ เพราะมีการสร้างสถิติใหม่ทั้ง ราคาทองคำในประเทศที่เพิ่มขึ้นถึงบาทละ 350 บาท

เปิดราคาขายที่บาทละ 27,650 บาท ขณะที่ gold spot ก็พุ่งไปแตะที่ระดับ 1,866 ดอลลาร์ก่อนที่จะย่อตัวลงมาเคลื่อนไหวระดับต่ำกว่า 1,860 ดอลลาร์

“ต้องยอมรับว่า กระแสของทองคำในตลาดแรงมาก และแรงมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกระแสราคาทองคำจะพุ่งไปแตะบาทละ 30,000 บาท ส่วนตัวมองว่ามีโอกาสเป็นไปได้ แต่อยากให้นักลงทุนพิจารณาถึงความเป็นจริงและปัจจัยอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องด้วย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องต้นทุนการผลิตทองคำ ซึ่งอยู่ที่ประมาณ 1,200 ดอลลาร์ แต่ขณะนี้ราคามาไกลเกือบ 1,900 ดอลลาร์ เรื่องค่าเงินบาท ซึ่งถือเป็นตัวแปรสำคัญ และการเคลื่อนไหวของกองทุนทองคำต่าง ๆ ที่มีอิทธิพลต่อการตลาดสูง ซึ่งนักลงทุนไม่ควรไหลตามกระแสเพียงอย่างเดียว เพราะกองทุนต่างชาติชอบเล่นกับกระแสความคาดหวังมาก” นายจิตติ ตั้งสิทธิ์ภักดี นายกสมาคมค้าทองคำ กล่าวกับ GoldAround.com

แม้ว่าในภาพรวมขณะนี้แนวโน้มราคาทองคำยังเป็นขาขึ้น เพราะมีปัจจัยหนุนมากมายอย่างล่าสุด ก็มีเรื่องการอัดฉีดเม็ดเงินอีก 7 แสนล้านของ EU แต่ประเด็นที่อยากให้จับตามอง คือ การเข้าซื้อทองคำของ SPDR ที่ยังคงซื้อเข้าอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดซื้อเข้าอีกกว่า 7 ตัน

โดยทำให้ขณะนี้ ถือครองทองคำกว่า 1,221 ตัน และที่ผ่านมายังไม่มีการเทขายออกมา ทำให้ยิ่งต้องระวังเป็นพิเศษ เพราะเมื่อวิกฤตเศรษฐกิจครั้งที่แล้ว ก็เคยมีบทเรียนในในลักษณะนี้มาแล้ว และยิ่งราคาทองคำขยับใกล้เข้ามาแตะบาทละ 28,000 บาท ถือเป็นจุดที่ต้องเพิ่มความระมัดระวังมากขึ้น

นายกสมาคมค้าทองคำ กล่าวถึงการเคลื่อนไหวของ ราคา gold spot ว่า หลังจากที่ราคาวิ่งมาเคลื่อนไหวในบริเวณ 1,860 ดอลลาร์ มองว่าแนวต้านต่อไปก็คือ 1,875 ดอลลาร์ หากผ่านไปได้อีก คงมองไปที่ระดับ 1,900 ดอลลาร์ และ 1,927 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเท่าที่เคยมีมา

อย่างไรก็ดี ในระยะหลังราคาค่อนข้างปรับตัวแรง จึงอยากให้ระวังการปรับฐานด้วย แต่เชื่อว่าหากราคาจะไหลลงมา ก็ไม่ลึกมาก โดยให้แนวรับไว้ที่ 1,825 ดอลลาร์

“กลยุทธ์การลงทุนในช่วงนี้ มองว่ายังซื้อได้ แม้ว่าราคาจะปรับเพิ่มขึ้นมามากแล้ว เพราะกองทุนใหญ่ยังซื้ออยู่ แต่อยากให้ลงทุนระยะสั้น เฝ้ามองการเคลื่อนไหวของกองทุนต่างชาติใกล้ชิด เพราะอาจถูกเทขายออกมา ที่สำคัญดูภาพรวมของพอร์ตการลงทุนของตัวเองให้สมดุล อย่าเทไปด้านใดด้านหนึ่งเพียงทางเดียว และต้องมีวินัยในการลงทุนโดยตั้งจุดตัดขายขาดทุนไว้ด้วย” นายจิตติ ตั้งสิทธิ์ภักดี นายกสมาคมค้าทองคำ กล่าวกับ GoldAround.com