เกาะติดทิศทางราคาทองคำวันนี้ 8 มี.ค.66
สัมภาษณ์พิเศษ คุณวรุต รุ่งขำ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บจ.วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส (YLG)
คืนนี้ ปธ.เฟด แถลงต่อสภาคองเกรสอีกรอบ หากปฎิเสธขึ้นดอกเบี้ย 0.5% ตามที่ตลาดมโน อาจเห็นราคาทองคำดีดตัวกลับมาได้
ดำเนินรายการโดย อนุสรณ์ แก้วประจันทร์ บรรณาธิการข่าว GoldAround.com
.
.
รับชมคลิปเกาะติดทิศทางราคาทองคำวันนี้ 8 มี.ค.66
คุณวรุต รุ่งขํา ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บจ.วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส กล่าวกับ GoldAround ว่า
หลังจากที่เมื่อคืนนี้ ราคาสินทรัพย์ต่าง ๆ ได้ร่วงลงแรง โดยเฉพาะราคาทองคำได้ปิดตัวลดลง 33 ดอลลาร์ หรือ 1.82% มาแตะจุดต่ำสุดที่ 1,812 ดอลลาร์
เนื่องจากทาง นาย เจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ ได้แถลงนโยบายการเงินและภาวะเศรษฐกิจสหรัฐฯ รอบครึ่งปี ต่อคณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภา
พร้อมระบุว่า เฟดพร้อมจะเพิ่มความเร็วในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และดอกเบี้ยของเฟด (Terminal Rate) จะสูงกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้
เนื่องจากข้อมูลเศรษฐกิจล่าสุดของสหรัฐฯ แข็งแกร่งกว่าที่คาดไว้ และเฟดต้องการจะดึงเงินเฟ้อให้กลับสู่เป้าหมายที่ระดับ 2% ทำให้เฟดต้องคุมเข้มนโยบายการเงินต่อไปอีกระยะหนึ่ง
ทำให้ FED Watch Tool ล่าสุดได้คาดการณ์ว่า เฟดจะขึ้นดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมวันที่ 20-21 มี.ค. นี้ มากถึง 70%
ขณะที่ ก่อนที่หน้าที่ ปธ.เฟด จะแถลงต่อสภาฯ การคาดการณ์ดังกล่าวอยู่เพียงแค่ 30% เท่านั้น ทำให้ตลาดการลงทุนผันผวนอย่างหนัก หลังดอลลาร์พุ่งแตะ จุดสูงสุดในรอบ 3 เดือน และบอนด์ยีลด์สหรัฐฯ 2 ปี พุ่งเหนือ 5%
“แต่ทั้งหมดนั้น คือการตีความของนักลงทุน ซึ่งต้องมาดูกันว่าคืนนี้ (8 มี.ค.) ปธ.เฟด จะแถลงนโยบายการเงินและภาวะเศรษฐกิจสหรัฐฯ รอบครึ่งปี ต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎร จะมีเนื้อหาเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างไร หากออกมาระบุว่า ทั้งหมดนักลงทุนตีความไปเอง เฟดยังไม่ได้ตัดสินใจที่จะขึ้นดอกเบี้ย 0.5% ก็อาจจะทำให้ราคาทองคำกลับมาดีดตัวแรง ก็เป็นได้”
ทั้งนี้ YLG มองว่า ราคาทองคำหลังจากมีแรงขายออกมาอย่างชัดเจนมากขึ้น อาจเกิดการดีดตัวขึ้นในระยะสั้น แต่การลงทุนควรเพิ่มความระมัดระวัง
เพราะหากการดีดตัวขึ้นจำกัดไม่สามารถยืนเหนือบริเวณแนวต้าน 1,824-1,841 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ยังมีโอกาสที่ดัชนีจะอ่อนตัวลงได้อีก
โดยแนวรับประเมินบริเวณ 1,804 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากรับไม่อยู่แนวรับถัดไปจะอยู่ที่ 1,781 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่แนวต้านระยะสั้นนั้น ยังมีลุ้นที่ 1,818-1,824 ดอลลาร์ต่อออนซ์
สำหรับกลยุทธ์การลงทุน อาจเปิดสถานะขาย หากดัชนีไม่มีการทะลุแนวต้าน แต่เป้าหมายทำกำไร อาจสั้นหน่อย ที่ 1,804 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือถ้ารับความเสี่ยงได้มาก อาจเสี่ยงถือสถานะขายต่อไป แต่ถ้ามีการดีดตัวขึ้นผ่านบริเวณแนวต้าน 1,841 ดอลลาร์ต่อออนซ์ สถานะขายควรตัดขาดทุน
ขอขอบคุณ : YLG
