ทิศทางทองคำ 18 ก.ย.24 พูดคุยกับคุณพิพัฒน์ วชิรลาภไพฑูรย์ SCTGOLD

เกาะติดทิศทางราคาทองคำวันนี้ 18 ก.ย.24

พูดคุยกับ คุณพิพัฒน์ วชิรลาภไพฑูรย์ กรรมการผู้จัดการ บจ.ซินเนอร์จี้ คอมโมดิตี้ส์ เทรด หรือ SCT GOLD

ระวังทองคำเหวี่ยงแรงรับประชุม FOMC อาจขึ้นแตะ $2,620 หรือร่วงหลุด $2,530 ส่วนทองคำไทยปลอดภัยสุดรอย่อซื้อสถานเดียว

ดำเนินรายการโดย อนุสรณ์ แก้วประจันทร์ บรรณาธิการข่าว GoldAround.com

.

รับชมคลิป เกาะติดทิศทางราคาทองคำสัปดาห์หน้า

คุณพิพัฒน์ วชิรลาภไพฑูรย์ กรรมการผู้จัดการ บจ.ซินเนอร์จี้ คอมโมดิตี้ เทรด กล่าวกับ goldaround ว่า

คืนนี้ธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือเฟด จะประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินประจำเดือนกันยายน ซึ่งคาดว่าจะมีการประกาศลดดอกเบี้ยครั้งแรกในรอบหลายปี

โดยขณะที่นักลงทุนให้น้ำหนักถึง 70% เชื่อว่าจะลดดอกเบี้ย 0.5% ดังนั้นถ้าคืนนี้เฟด พิจารณาแล้วจะมีมติหั่นดอกเบี้ยลงแค่ 0.25% จะทำให้ราคาทองคำปรับลงแรง แต่หากว่าการปรับตัวลงไม่หลุด 2,530 ดอลลาร์ แนวโน้มขาขึ้นจะยังดีอยู่ และมองว่าจะเป็นการเคลื่อนไหวซิกแซกเพื่อปรับตัวขึ้น

แต่ความผันผวนของราคาอาจจะเกิดขึ้น จังหวะแรกในช่วงการประกาศผลการประชุมว่าจะลดดอกเบี้ย 0.50% หรือ 0.25%

หากลด 0.50% คาดว่าราคาทองคำจะขยับขึ้นทะลุ 2,600 ดอลลาร์ แต่อาจจะไปได้ไม่เกิน 2,620 ดอลลาร์ จังหวะที่ 2 คือการแถลงของ นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟดว่าจะมีแผนการลดดอกเบี้ยในอีก 3 เดือนที่เหลือของปีนี้มากน้อยแค่ไหน

ถ้ายืนยันว่ายังจะลดลงอีกมาก ตลาดอาจจะตีความว่าเศรษฐกิจเข้าภาวะถดถอยแล้ว อาจจะทำให้ราคาทองคำพุ่งแรงอีก แต่หากว่ายังระบุว่าจะขอดูตัวเลขเศรษฐกิจในช่วงถัดไปก่อนจะตัดสินใจ อาจจะทำให้ราคาทองคำพักตัวลงมาได้

กลยุทธ์การลงทุน นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูง อาจจะรอราคาให้ย่อตัว และมารอซื้อแถว 2,560-2,550 ดอลลาร์ มีจุด Stop Loss ที่ 2,540 ดอลลาร์ เพื่อรอผลการประชุมเฟดว่าจะออกมาอย่างไร

โดยมีเป้าหมายแรกแถว 2,590 – 2,600 ดอลลาร์ และเป้าหมายถัดไปแถว 2,620 ดอลลาร์ ซึ่งคาดว่าวันนี้ราคาจะเหวี่ยงตัวแรง คนที่ไม่สามารถรับความเสี่ยงได้ อาจจะรอให้ผลกาประชุมเสร็จสิ้นแล้วค่อยมาวางแผนการลงทุนอีกรอบ

ส่วนราคาทองคำไทย ปรับลงเล็กน้อยจากค่าเงินดอลลาร์ที่ดีดตัวขึ้นมาระดับ 33.40 จาก 33.16 บาท โดยนักลงทุนคาดว่าหลังการปรับลดดอกเบี้ยในคืนนี้ มีโอกาสที่จะทำให้ดอลลาร์อ่อนค่าลงไปอีก ซึ่งจะกดดันราคาทองคำ

ในทางเทคนิคแสดงให้เห็นถึงการฟื้นตัวจากระดับต่ำที่ผ่านมา โดยมีแนวต้านสำคัญที่ 40,650 บาท และ แนวรับที่ 40,150 บาท หากราคาสามารถทะลุผ่านแนวต้าน 40,650 บาทได้ มีโอกาสปรับตัวขึ้นไปทดสอบที่ระดับ 40,900 บาท

อย่างไรก็ตามหากราคาไม่สามารถยืนเหนือ 40,650 บาทได้ อาจเห็นการปรับตัวลงมาที่บริเวณ 40,150 บาท ซึ่งเป็นระดับที่สำคัญที่ต้องจับตาดู