มาดูผลการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) เมื่อวานนี้ ที่ประชุมมีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ตามเดิม
โดยคงอัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์ ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ที่ระดับ 0% เป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ และคงอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่ธนาคารพาณิชย์ฝากไว้กับ ECB ที่ระดับ -0.50% ขณะที่คงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ระดับ 0.25%
แต่ ECB ได้ส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมเดือน ก.ค. เป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกในรอบ 11 ปี และ ปรับขึ้นอีกครั้งในเดือน ก.ย. ซึ่งหากเงินเฟ้อในระยะกลางยังคงมีแนวโน้มพุ่งขึ้นต่อไป ECB ก็จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากกว่า 0.25% ในเดือน ก.ย. ส่วนหลังจากเดือน ก.ย. ECB จะดำเนินการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป
ด้าน นาง คริสติน ลาการ์ด ประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) กล่าวว่า

หากตัวเลขคาดการณ์เงินเฟ้อของ ECB ในเดือน ก.ย. ส่งสัญญาณว่าเงินเฟ้อจะพุ่งขึ้นไม่ต่ำกว่า 2.1% ในปี 2567 ทาง ECB ก็จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากกว่า 0.25% ในเดือน ก.ย.
ขณะเดียวกัน ECB ระบุว่า ทางธนาคารจะยุติการซื้อพันธบัตรภายใต้โครงการ Asset Purchase Programme (APP) ภายในสิ้นเดือน มิ.ย. ซึ่งเร็วกว่าที่ระบุไว้ก่อนหน้านี้
โดยจะปูทางสำหรับการขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือน ก.ค. เพื่อสกัดเงินเฟ้อในยูโรโซนที่พุ่งแตะระดับ 8.1% ในเดือน พ.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2540 และสูงกว่าเป้าหมายของ ECB ที่ระดับ 2%
นอกจากนี้ ECB ได้ปรับเพิ่มตัวเลขคาดการณ์เงินเฟ้อ และปรับลดคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจของยูโรโซน
โดย ECB คาดว่าเงินเฟ้อจะพุ่งแตะ 6.8% ในปีนี้ ก่อนที่จะชะลอตัวสู่ระดับ 3.5% และ 2.1% ในปี 2566 และ 2567 ตามลำดับ
ซึ่งแตกต่างจากตัวเลขคาดการณ์ในเดือน มี.ค. ซึ่ง ECB คาดว่าเงินเฟ้อจะดีดตัวแตะ 5.1% ในปีนี้ ก่อนที่จะชะลอตัวสู่ระดับ 2.1% และ 1.9% ในปี 2566 และ 2567 ตามลำดับ
ขณะเดียวกัน ECB คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจยูโรโซนจะขยายตัว 2.8% ในปีนี้ ก่อนที่จะชะลอตัวลงสู่ระดับ 2.1% ทั้งในปี 2566 และ 2567 เมื่อเทียบกับตัวเลขคาดการณ์ในเดือน มี.ค. ซึ่ง ECB คาดว่าเศรษฐกิจจะขยายตัว 3.7% ในปีนี้ ก่อนที่จะชะลอตัวสู่ระดับ 2.8% และ 1.6% ในปี 2566 และ 2567 ตามลำดับ