หมวดหมู่: ศูนย์วิจัยทองคำ

  • ราคาทองคำยังนิ่ง แม้ กนง.ลดดอกเบี้ยหวังกู้วิกฤต ศก. (GRC)

    ราคาทองคำยังนิ่ง แม้ กนง.ลดดอกเบี้ยหวังกู้วิกฤต ศก. (GRC)

    20-05-20

    ผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน หรือ กนง.เมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา (20 พ.ค.) ที่ประชุม มีมติ 4 ต่อ 3 เสียง ให้ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายร้อยละ 0.25 ต่อปี จากร้อยละ 0.75 เป็นร้อยละ 0.50 ต่อปี โดยให้มีผลทันที

    ดร.พิบูลย์ฤทธิ์ วิริยะผล ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยทองคำ กล่าวว่า หลังจากที่ กนง.ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ซึ่งหลายฝ่ายคาดว่าจะทำให้เงินบาทอ่อนค่าลง แต่ก็ทำให้ค่าเงินบาทอ่อนลงไปในระยะเวลาสั้น ๆ ก่อนที่จะกลับมาแข็งค่าเช่นเดิม ซึ่งไม่ได้ส่งผลต่อรราคาทองคำในประเทศ และเมื่อมองเสถียรภาพของค่าเงินบาทในช่วงนี้ ถือว่าแข็งแกร่งมาก เหตุผลหลัก ๆ มาจากภาพรวมของตลาดการลงทุนยังดูดี ค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง และความเชื่อมันของนักลงทุนที่มีต่อประเทศไทย ในการจัดการ การแพร่ระบาดของไวรัส โควิด-19 ที่ได้ผลเป็นที่น่าพอใจ ซึ่งจะสอด คล้องกับหลาย ๆ ประเทศที่ประสบผลสำเร็จเช่นเดียวกัน

    ดร.พิบูลย์ฤทธิ์ วิริยะผล ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยทองคำ
    ดร.พิบูลย์ฤทธิ์ วิริยะผล ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยทองคำ

    อย่างไรก็ดี หากจะย้อนไปดูตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่า ค่าเงินบาทอ่อนค่าเกือบ 10 เปอร์เซ็นต์ จากระดับ 29 บาทกว่า ๆ ตอนนี้ขึ้นมาแตะระดับ 32 บาทกว่า ๆ บางครั้งก็แตะระดับ 33 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งได้ส่งผลต่อราคาทองคำค่อนข้างมาก และหลังจากนี้คงจะต้องติดตามว่า จะมีปัจจัยอะไรใหม่ที่จะเข้ามาทำให้ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงอีกหรือไม่

    ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยทองคำ กล่าวถึงการเคลื่อนไหวของราคาทองคำในช่วงนี้ว่า หลังจากที่ได้ขึ้นไปทำสถิติสูงสุดใหม่ ในรอบเกือบ 8 ปี ก่อนที่จะถูกข่าวการทดสอบวัคซีนป้องกันไวรัส โควิด-19 จนทำให้ราคาร่วงลงมากว่า 40 ดอลลาร์ ก่อนที่ราคาจะดีดกลับมาเคลื่อนไหวอยู่ในระดับ 1,750 ดอลลาร์ ซึ่งต้องยอมรับว่าตลาดการลงทุนค่อนข้างจะอ่อนไหวกับกระแสข่าวต่าง ๆ ที่ออกมาอย่างมาก ทำให้ราคาสามารถพุ่งขึ้นหรือดิ่งลงได้ในทันทีและในกรอบการแกว่งของราคาที่ค่อนข้างกว้าง ทำให้นักลงทุนต้องติดตามอย่างใกล้ชิด

    สำหรับในช่วงนี้กระแสข่าว ๆ หลักคงจะหนีไม่พ้นเรื่องผลกระทบจากไวรัสโควิด-19 ทั้งเรื่องของตัวเลขผู้ติดเชื้อ นโยบายการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ จากธนาคารกลางของชาติต่าง ๆ โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกา หรือ เฟด การผลิตวัคซีนป้องกันและยารักษาโรคที่เกิดจากไวรัสโควิด-19 รวมถึง การออกข่าวของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ในประเด็นเกี่ยวกับสงครามการค้ากับจีน ซึ่งคาดว่าอาจจะมีละลอกใหม่ตามมาในเร็วนี้ และจะส่งผลกระทบต่อราคาทองคำโดยตรง

    แม้ว่าในด้านเทคนิค แนวโน้มราคาทองคำจะอยู่ในช่วงขาขึ้นชัดเจน หากราคาสามารถเบรคที่ระดับ 1,750 ดอลลาร์ได้ โอกาสที่จะพุ่งไปแตะ 1,770-1,780 ดอลลาร์ เป็นไปได้สูงมาก แต่หากมีข่าวที่เป็นผลผลต่อราคาทองคำออกมา ราคาก็พร้อมที่จะร่วงไปแตะที่ระดับ 1,725 และ 1,710 ดอลลาร์ ได้เช่นกัน ซึ่งในช่วงสัปดาห์นี้ ก็มีตัวอย่างให้เห็นมาแล้ว

    ดร.พิบูลย์ฤทธิ์ วิริยะผล ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยทองคำ
    GOLD COIN
    GOLD COIN

    ขณะเดียวกัน ขอให้จับตาการเคลื่อนไหวของ กองทุน SPDR ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ได้ซื้อทองคำโดยตลอด แต่ก็แสดงให้เห็นแล้วว่าไม่จำเป็นต้องเทขายก็ทำให้ราคาร่วงลงได้ ทำให้ถือเป็นอีกปัจจัยที่น่าจับตามองเป็นอย่างยิ่ง

    ดร.พิบูลย์ฤทธิ์ วิริยะผล ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยทองคำ

    ย้อนมาดูเหตุผลที่ กนง.ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงอีกร้อยละ 0.25 ต่อปี นายทิตนันทิ์ มัลลิกะมาส เลขาฯ กนง. กล่าวว่า คณะกรรมการ กนง. ประเมินว่าเศรษฐกิจไทยในปี 2563 มีแนวโน้มหดตัวกว่าประมาณการเดิมตามแนวโน้มเศรษฐกิจโลกที่หดตัวรุนแรงกว่าที่คาด และผลกระทบจากมาตรการควบคุมการระบาดทั่วโลก อัตราเงินเฟ้อทั่วไปมีแนวโน้มติดลบกว่าที่ประเมินไว้ เสถียรภาพระบบการเงินเปราะบางมากขึ้นตามภาวะเศรษฐกิจ

    คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.)
    คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.)

    ทั้งนี้ คณะกรรมการฯ ส่วนใหญ่เห็นว่านโยบายการเงินที่ผ่อนคลายมากขึ้นจะช่วยลดผลกระทบจากปัจจัยลบที่เกิดขึ้น รวมทั้งสอดประสานกับมาตรการการคลังของรัฐบาลและมาตรการด้านการเงินและสินเชื่อที่ได้ออกไปก่อนหน้านี้ ขณะที่กรรมการ 3 ท่าน เห็นควรให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ในการประชุมครั้งนี้ และเร่งรัดประสิทธิผลของมาตรการด้านการเงินและสินเชื่อที่ได้ประกาศไปแล้ว

    คณะกรรมการฯ โดยรวมเห็นว่า ควรผลักดันให้สถาบันการเงินเร่งปรับปรุงโครงสร้างหนี้ของลูกหนี้ โดยเฉพาะครัวเรือนและธุรกิจ SMEs ให้เกิดผลในวงกว้างมากขึ้น และเร่งรัดการให้สินเชื่อผ่านโครงการต่าง ๆ ที่ได้ออกมาก่อนหน้าเพื่อแก้ปัญหาสภาพคล่องให้ตรงจุดและทันการณ์

  • ปัญหา COVID-19 ดีขึ้น กดดันราคาทองคำ (GRC)

    ปัญหา COVID-19 ดีขึ้น กดดันราคาทองคำ (GRC)

    หลังจากที่ GoldAround.com ได้นำเสนอ ดัชนีความเชื่อมั่นราคาทองคำประจำเดือน พฤษภาคม 2563 ไป ซึ่งในภาพรวมพบว่าดัชนีดีขึ้นต่อเนื่อง โดยนักลงทุนเห็นว่า สถานการณ์การแพ่ระบาดของไวรัส โควิด-19 จะน่าจะดีขึ้นต่อเนื่อง และจะทำให้เศรษฐกิจเริ่มดีขึ้น ซึ่งจะกดดันราคาทองคำ อย่างไรก็ดีภายในเนื้อหาของรายงานดังกล่าวยังมีอีกหลายประเด็นที่น่าสนใจ

    ดร.พิบูลฤทธิ์ วิริยะผล ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยทองคำ
    ดร.พิบูลฤทธิ์ วิริยะผล ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยทองคำ

    ดร.พิบูลย์ฤทธิ์ วิริยะผล ผู้อำนวยการศูนย์วิจับทองคำ ได้กล่าวกับ GoldAround.com ว่า เมื่อย้อนไปดูคะแนนดิบจะพบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามเห็นได้ว่าราคาทองคำจะเพิ่มขึ้น 60 เปอร์เซ็นต์ ส่วนอีก 40 เปอร์เซ็นต์ เห็นว่าราคาจะลดลง ซึ่งถือว่าเป็นตัวเลขที่ใกล้เคียงกันมาก เพราะหลายคนมองว่าอาวุธที่ธนาคารกลางสหรัฐหรือเฟด นำมาใช้น่าจะเพียงพอในการกู้วิกฤตเศรษฐกิจ และปัญหาการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จะไม่กินเวลายาวนานมาก และมาตรการคลายล็อคดาวน์ในหลายพื้นที่ น่าจะช่วยให้เศรษฐกิจดีขึ้น โดยกลุ่มผู้ตอบแบบสอบถามไม่กังวลถึงผลการพร่ระบาดในเวฟ 2 และ 3 เท่าใดนัก

    ในทางกลับกับกลุ่มผู้ค้าทองคำรายใหญ่ของไทย กลับให้จับตามองสิ่งที่จะเกิดขึ้นหลังการคลายล็อคดาวน์ โดยเฉพาะตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่ รวมถึงเรื่องของสภาพเศรษฐกิจว่าจะดีขึ้นจริงหรือไม่ ผลการอัดฉีดเม็ดเงินของเฟด และธนาคารกลางของชาติต่าง ๆ จะได้ผลเพียงไร

    แต่ประเด็นที่กลุ่มผู้ค้ารายใหญ่ค่อยข้างให้ความสนใจเป็นพิเศษ คือ สงครามการค้าสหรัฐกับจีน ซึ่งทางฝั่งผู้นำของสหรัฐอเมริกาได้ออกมาแสดงท่าทีแข็งกร้าวอีกครั้ง ในทางกลับกัน ทางฝั่งจีนกลับมีท่าทีที่อ่อนลง ซึ่งประเด็นนี้พอจะเข้าใจได้ว่า ทางประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ต้องการจะสร้างคะแนนเสียงให้กับตัวเองในการเลือกตั้งที่จะมาถึงในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า นอกจากนั้น กลุ่มผู้ค้ายังให้จับตามมองการเคลื่อนไหวของกลุ่ม SPDR ที่ซื้อทองคำอย่างต่อเนื่อง ซึ่งอาจจะต้องมีการเทขายเพื่อทำกำไรบ้าง ซึ่งนักลงทุนจะต้องระมัดระวังให้มาก

    ดร.พิบูลย์ฤทธิ์ วิริยะผล ผู้อำนวยการศูนย์วิจับทองคำ

    ส่วนปัจจัยที่จะต้องจับตามองหลังจากนี้ แม้ว่าปัญหาของ COVID-19 จะเบาบางลงไปแต่ก็ยังคงให้น้ำหนักมากอยู่ โดยเฉพาะผลกระทบที่จะเกิดขึ้น รวมถึงมาตรการต่างของเฟดที่จะนำมาใช้เพิ่มเติม แม้ว่าล่าสุดทางประธานเฟด จะออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลสหรัฐใช้มาตรการในรูปแบบอื่นบ้างนอกเหนือจากมาตรการทางด้านการเงิน ไม่ว่าจะเป็นมาตรการทางด้านภาษี เพราะที่ผ่านมาก็ลดดอกเบี้ยไปมากแล้ว

    นอกจากนั้น ยังมีเรื่องของค่าเงินบาทที่ในระยะหลังได้แข็งค่าขึ้น ซึ่งคาดว่าจะเป็นผลมาจากความสำเร็จของรัฐบาบไทยการควบคุมการแพร่ระวาดของไวรัส โควิด-19 เพราะที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่า ค่าเงินของประเทศออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ หรือเกาหลี ซึ่งประสบความสำเร็จในการควบคุมปัญหาไวรัส โควิดข19 ก็ต่างแข็งค่าขึ้น ซึ่งอาจะเป็นได้ว่านักลงทุนต่างชาติให้ความเชื่อมั่นหลังประเทศได้ มีมาตรการการดูแลเรื่อโควิดทำให้ดี

  • ดัชนีทองคำเพิ่มขึ้นติดต่อกัน 6 เดือน กูรูแนะจับตาผลการคลายล็อคดาวน์ทั่วโลก (GRC)

    ดัชนีทองคำเพิ่มขึ้นติดต่อกัน 6 เดือน กูรูแนะจับตาผลการคลายล็อคดาวน์ทั่วโลก (GRC)

    ศูนย์วิจัยทองคำ ได้เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นราคาทองคำประจำเดือน พฤษภาคม 2563 พบว่าปรับเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือน เมษายน 2563 ที่ผ่านมา 0.40 จุด จากระดับ 67.93 จุด มาอยู่ที่ระดับ 68.33 จุด คิดเป็น 0.59% โดยปัจจัยที่ทำให้ดัชนีฯ ปรับเพิ่มขึ้น มาจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก และความต้องการซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย

    ดร.พิบูลย์ฤทธิ์ วิริยะผล ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยทองคำ
    ดร.พิบูลย์ฤทธิ์ วิริยะผล ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยทองคำ

    ส่วนความต้องการซื้อทองคำช่วงเดือน พฤษภาคม 2563 จากกลุ่มตัวอย่างจำนวน 303 ตัวอย่าง พบว่าร้อยละ 40.93 ยังไม่ตัดสินใจซื้อทองคำ ร้อยละ 37.29 ไม่แน่ใจว่าจะซื้อทองคำหรือไม่ และร้อยละ 21.78 คาดว่าจะซื้อทองคำ

    ขณะที่กลุ่มตัวอย่างที่เป็นผู้ประกอบกิจการค้าทองคำรายใหญ่และผู้ประกอบกิจการนายหน้าซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ที่อ้างอิงกับราคาทองคำ 10 ราย 5 ราย เชื่อว่าราคาทองคำในนี้จะเพิ่มขึ้น 3 รายคาดว่าราคาจะใกล้เคียงกับเดือนที่ผ่านมา ที่เหลือคาดว่าราคาทองคำจะลดลง

    ทั้งนี้ ผู้ประกอบกิจการค้าทองคำรายใหญ่และผู้ประกอบกิจการนายหน้าซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้า มีมุมมองราคาทองคำในเดือน พฤษภาคม 2563 ดังนี้ Gold Spot ให้กรอบเฉลี่ยบริเวณ 1,646 – 1,761 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อออนซ์ ราคาทองคำแท่งในประเทศความบริสุทธิ์ 96.5% ให้กรอบเฉลี่ยบริเวณบาทละ 25,200 – 26,700 บาท ขณะที่ค่าเงินบาทจะอยู่ในกรอบเฉลี่ยบริเวณ 32.06 – 32.85 บาท ต่อดอลลาร์สหรัฐฯ

    ดร.พิบูลย์ฤทธิ์ วิริยะผล ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยทองคำ ระบุว่า ผู้ค้าทองคำรายใหญ่ ให้ความเห็นว่าราคาทองคำในเดือนที่ผ่านมาสร้างสถิติสูงสุดในรอบกว่า 7 ปีครึ่ง แม้ว่าจะมีแรงขายทำกำไรสลับออกมาบ้าง แต่ยังคงพยายามรักษาระดับไว้ พร้อมแนะให้ติดตามสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 หลังการพิจารณาผ่อนปรนเกณฑ์ต่าง ๆ ของมาตรการปิดเมือง (Lock Down) หากนโยบายการผ่อนปรนมาตรการปิดเมือง สามารถดำเนินการอย่างราบรื่น จะทำให้ความต้องการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงก็จะเพิ่มขึ้น แต่หากไม่เป็นไปตามคาดการณ์ รวมทั้งเกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดรุนแรงเพิ่มขึ้น ตลาดเงิน และตลาดทุน รวมทั้งตลาดทองคำอาจเกิดความผันผวนเพิ่มสูงขึ้นเช่นกัน

  • ชี้ทรัมป์ ขู่จีนแค่ทำราคาทองคำสะดุ้ง จับตา NonFarm สะท้อนศก.สหรัฐ

    ชี้ทรัมป์ ขู่จีนแค่ทำราคาทองคำสะดุ้ง จับตา NonFarm สะท้อนศก.สหรัฐ

    ราคาทองคำดีดตัวรับ “โดนัลด์ ทรัมป์” จ้องเล่นงานจีน ต้นตอไวรัส โควิด- 19 ผอ.ศูนย์วิจัยฯ ชี้น่าจะแค่คำขู่ เพื่อหวังผลทางการเมือง แนะจับตาการผ่อนคลายล็อคดาวน์ และการเคลื่อนไหวของเฟด ที่จะส่งผลต่อ ศก. และตัวเลข NonFarm โดยตรง คาดกรอบราคาสัปดาห์นี้ เคลื่อนไหวในแนวเดิม 1,670-1,720 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นแนวรับ-แนวต้าน ที่แข็งแรงมาก

    มาสำรวจประเด็นข่าว ที่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหวของราคาทองคำในสัปดาห์นี้ หลาย ๆเรื่อง ยังคงสืบเนื่องจากช่วงที่ผ่านมา โดยเฉพาะผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส โควิด-19 ซึ่งแม้ว่าภาพรวมจะดูขึ้นตามลำดับ แต่ก็ยังทำให้มีประเด็นอื่น ๆ แตกย่อยออกมามากมาย โดยเฉพาะประเด็นที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ขู่ที่จะเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจีนเพิ่มขึ้น เพื่อตอบโต้ที่จีนเป็นต้นตอของไวรัส COVID-19 ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจทั่วโลก รวมถึงพยายามจะหาวิธีการต่าง ๆ เพื่อเป็นการตอบโต้จีน ทำให้หลายฝ่ายวิตกกังวลว่า อาจจะเป็นชนวนให้เกิดสงครามการค้าขึ้นอีกรอบ

    ประเด็นนี้ทำให้ราคาทองสะดุ้งดีดตัวขึ้นเมื่อช่วงปลายสัปดาห์ และส่งผลมาถึงช่วงเช้าวันนี้ในตลาดเอเชีย โดยราคาทองคำได้พุ่งขึ้นไปแตะระดับ 1,705 ดอลลาร์ แต่ในความเห็นส่วนตัวเชื่อว่าน่าจะเป็นเพียงการสร้างข่าวเพื่อหวังผลการเลือกตั้งในช่วงปลายปีมากกว่า เพราะหากสหรัฐจะเปิดศึกรอบใหม่จริงในช่วงนี้ ผลเสียน่าจะตกอยู่กับชาวอเมริกันมากกว่าเพราะสินค้าอุปโภคส่วนใหญ่มาจากจีน ซึ่งจะทำให้เป็นการเพิ่มภาระให้กับผู้บริโภคโดยตรง ดร.พิบูลย์ฤทธิ์ วิริยะผล ผู้อำนวยการ ศูนย์วิจัยทองคำ กล่าวกับ เว็บไซต์ GoldAround.com

    GOLD COIN
    GOLD COIN

    แต่ประเด็นที่น่าติดตามในสัปดาห์นี้ คงหนี้ไม่พ้นเรื่องของการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ของสหรัฐอเมริกา ว่าจะเป็นอย่างไร เพราะเชื่อว่าจะส่งผลต่อตัวเลขทางเศรษฐกิจโดยตรง โดยเฉพาะตัวเลข NonFarm หรือ ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรในเดือน เม.ย. ที่จะมีการประกาศในช่วงปลายสัปดาห์นี้ หากตัวเลขออกดีขึ้น ก็จะส่งผลต่อราคาทองคำอย่างแน่นอน

    นอกจากนั้น ประเด็นเรื่องของการเคลื่อนไหวของธนาคารกลางสหรัฐ หรือ เฟด ก็ยังคงต้องให้ความสำคัญ แม้ว่าผลการประชุมเมื่อกลางสัปดาห์ที่ผ่านมาจะไม่มีอะไรน่าตื่นเต้น แต่ประธานเฟดได้ระบุชัดเจนว่า

    ห่วงเรื่องของเศรษฐกิจในไตรมาสสอง ที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบอย่างมาก โดยเฟดจะเฝ้าจับตาอย่างใกล้ชิด และจะพยายามทำให้ไม่ให้ทุกอย่างเลวร้ายลงไป

    ทำให้หลายฝ่ายต่างเฝ้าดูว่า หลังจากนี้ เฟดจะมีมาตรการอะไรเพิ่มเติมหรือไม่ หลังจากที่ประกาศใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ในวงเงินไม่จำกัด (Unlimited) เพื่อรับมือผลกระทบทางเศรษฐกิจจากการระบาดของ COVID-19 ไปแล้ว

    ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยทองคำ ยังได้ให้มุมมองต่อกรอบการเคลื่อนไหวราคาทองคำในสัปดาห์นี้ (4-11 พ.ค.) ว่า ราคาคงจะยังอยู่ในแนวเดิม คือ แนวต้านที่ 1,720 ดอลลาร์ และแนวรับที่ 1,670 ดอลลาร์

    ซึ่งเป็นจุดแนวต้านและรับที่แข็งแรงมาก โดยในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ราคาทองคำได้เข้าไปทดสอบทั้งสองจุดนี้ แต่ไม่สามารถทะลุผ่านไปได้ ก่อนจะกลับมาเคลื่อนไหวในแนว 1,690-1,705 ดอลลาร์ และคาดว่า กรอบดังกล่าวจะมีผลต่อทิศทางราคาทองคำในอนาคต

    หากทรุดมาแตะ 1,670 ดอลลาร์ ก็อาจจะลงต่อ หรือหากขึ้นแตะ 1,720 กอลลาร์ ราคาก็อาจจะไปต่อ

    อย่างไรก็ดี ขอฝากให้ติดตามการเคลื่อนไหวของกองทุน SPDR ซึ่งตลอดทั้งเดือน เม.ย. ที่ผ่านมา ได้ซื้อเข้าตลอดเมื่อราคามีการย่อตัวลงมา และเมื่อช่วงปลายสัปดาห์ ยังซื้อเข้าอีก 11 ตัน โดยยังไม่มีการเทขายออกมา ซึ่งจะต้องจับตามองว่าจะเทขายมาออกมาเมื่อไร ซึ่งอาจจะส่งผลต่อราคาทองคำได้ ดร.พิบูลย์ฤทธิ์ วิริยะผล ผู้อำนวยการ ศูนย์วิจัยทองคำ กล่าวกับ เว็บไซต์ GoldAround.com

    ส่วนเรื่องของผลกระทบจากไวรัส โควิด-19 ต่อวงการค้าทองคำนั้น ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยทองคำ กล่าวว่า ในภาพรวมถือว่าผ่อนคลายในระดับหนึ่ง การส่งออกทำได้มากขึ้นประมาณ 30 เปอร์เซ็นต์ แต่ยังคงไม่ปกติ ซึ่งคงต้องรอดูมาตรการผ่อนคลายล็อคดาวน์ โดยเฉพาะเรื่องการขนส่งจากประเทศหลัก ๆ ในยุโรป รวมถึง สิงคโปร์ ซึ่งถือเป็นพื้นที่หลักที่ประเทศไทยส่งทองคำออกไป เพราะแม้ว่าตัวเลขผู้ติดเชื้อจะเพิ่มขึ้นในอัตราที่ลดลงแต่ในภาพรวมปริมาณผู้ติดเชื้อยังสูงอยู่

    ขอขอบคุณ ศูนย์วิจัยทองคำ

  • จับตา 3 ประเด็นหลัก กดดันราคาทองคำ ราคาน้ำมัน-การปลดล็อคดาวน์-กองทุน SPDR (GRC)

    จับตา 3 ประเด็นหลัก กดดันราคาทองคำ ราคาน้ำมัน-การปลดล็อคดาวน์-กองทุน SPDR (GRC)

    หลังจากที่เมื่อวานนี้ ราคาทองคำได้ปรับตัวลดลง หลังนักลงทุนเทขายเพื่อไปซื้อดอลลาร์ในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย และนำเงินไปชดเชยความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการค้าน้ำมันในตลาดโลก หลังราคาลดต่ำลงเป็นประวัติการณ์ เนื่องจากการแพร่ระบาดของไวรัส โควิด-19 ทำให้ปริมาณการใช้น้ำมันลดลงมาก

    ในช่วงนี้คงต้องจับตาการเคลื่อนไหวของ ประเทศสหรัฐอเมริกา รัสเซีย และกลุ่มประเทศในตะวันออกกลาง ว่าจะแก้ไขปัญหานี้อย่างไร เพราะในกลุ่มนี้ นอกจากจะมีปริมาณน้ำมันมหาศาลแล้ว ยังมีทองคำเก็บสะสมไว้จำนวนมากเช่นกัน ซึ่งอาจจะเทขายทองคำเพื่อนำเงินไปชดเชยความเสียหายที่เกิดขึ้นได้

    ดร.พิบูลย์ฤทธิ์ วิริยะผล ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยทองคำ กล่าวกับ GoldAround.com
    ดร.พิบูลย์ฤทธิ์ วิริยะผล ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยทองคำ

    อีกประเด็นที่คาดว่าจะส่งผลต่อราคาทองคำ ก็คือเรื่อง การผ่อนปรนมาตรการล็อคดาวน์ ของหลายประเทศ ที่คาดว่าจะเริ่มขึ้นในต้นเดือนหน้า หลังตัวเลขผู้ติดเชื้อไวรัส โควิด-19 มีจำนวนลดลงต่อเนื่อง ซึ่งคาดว่าจะส่งดีต่อภาพรวมเศรษฐกิจในระยะสั้น และอาจจะกดดันราคาทองคำให้ลดต่ำลงได้ แต่ทั้งนี้ ต้องเฝ้าติดตามว่าผลที่จะตามมาหลังจากการผ่อนปรนมาตรการล็อคดาวน์ด้วยว่าจะเป็นอย่างไร

    นอกจากนั้น ยังต้องจับตาการความเคลื่อนไหวของกองทุน SPDR ที่ก่อนหน้านี้ได้ซื้อทองคำเข้าอย่างต่อเนื่อง เฉพาะในเดือน เม.ย. ซื้อทองคำแล้ว 69 ตัน ทำให้จนขณะนี้มีทองคำอยู่ในมือถึง 1,033 ตัน ซึ่งถือว่าเป็นปริมาณที่มาก และอาจจะเทขายออกมาเพื่อทำกำไร เพราะขณะนี้ ถือว่าราคาทองคำอยู่ในระดับสูงมาก

    แม้ว่าภาพใหญ่ของทองคำยังจะเป็นช่วงขาขึ้น แต่ในช่วงนี้มีปัจจัยเข้ามาเกี่ยวข้องหลายปัจจัย จึงมองว่าโอกาสที่ทองคำจะถูกเทขายก็ยังมีอยู่ โดยกรอบราคาในช่วงนี้คาดว่าจะเคลื่อนไหวอยู่ในระดับ 1,650-1,700 ดอลลาร์ โดยเป้าหมายระยะสั้นอาจจะเห็น 1,750 ดอลลาร์ ก่อนวิ่งไปแตะที่ 1,800 ดอลลาร์ แต่การเคลื่อนไหวของราคายังคงผันผวนมาก นักลงทุนต้องใช้ความระมัดระวัง

    ดร.พิบูลย์ฤทธิ์ วิริยะผล ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยทองคำ กล่าวกับ GoldAround.com
  • ดัชนีความเชื่อมั่นทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้น 5 เดือนติดต่อกัน จับตาหากปัญหาโควิด-19 คลี่คลายคาดราคาทองอาจลด (GRC)

    ดัชนีความเชื่อมั่นทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้น 5 เดือนติดต่อกัน จับตาหากปัญหาโควิด-19 คลี่คลายคาดราคาทองอาจลด (GRC)

    ดัชนีความเชื่อมั่นราคาทองคำประจำเดือน เมษายน 2563 อยู่ที่ระดับ 67.93 จุด เพิ่มขึ้น 0.43 จุด หรือคิดเป็น 0.63% เมื่อเทียบกับเดือน มีนาคม 2563 ที่ผ่านมา โดยปัจจัยหลักมาจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก และความต้องการซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย

    ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นราคาทองคำในไตรมาส 2 ของปี 2563 (เม.ย. – มิ.ย.) ปรับลดลงจากไตรมาสแรกของปี 2563 จากระดับ 66.36 จุด มาอยู่ที่ระดับ 62.11 จุด ลดลง 4.25 จุด หรือคิดเป็น 6.40% สาเหตุมาจากคาดการณ์สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 เริ่มคลี่คลาย แรงขายเก็งกำไรของกองทุน และการแข็งค่าของเงินบาท

    ดร.พิบูลย์ฤทธิ์ วิริยะผล ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยทองคำ

    มาดูคาดการณ์ความต้องการซื้อทองคำช่วงเดือน เมษายน 2563 จากกลุ่มตัวอย่าง 293 ตัวอย่าง พบว่าร้อยละ 37.54 ยังไม่ตัดสินใจซื้อทองคำในเดือนนี้ ขณะที่ร้อยละ 36.52 ไม่แน่ใจว่าจะซื้อทองคำหรือไม่ และร้อยละ 25.94 คาดว่าจะซื้อทองคำในช่วงเดือนนี้

    ขณะที่กลุ่มตัวอย่างที่เป็นผู้ประกอบกิจการค้าทองคำรายใหญ่และผู้ประกอบกิจการนายหน้าซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ที่อ้างอิงกับราคาทองคำ 10 ราย โดย 5 รายเชื่อว่าราคาทองคำในเดือนนี้จะเพิ่มขึ้น อีก 3 รายคาดว่าราคาทองคำจะใกล้เคียงกับในเดือนทที่ผ่านมา ส่วนที่เหลือ 2 รายคาดว่าราคาทองคำจะลดลง

    สำหรับการคาดการณ์ราคาทองคำในเดือนเมษายน ของผู้ประกอบกิจการค้าทองคำรายใหญ่มีมุมมองดังนี้ Gold Spot ให้กรอบเฉลี่ยบริเวณ 1,580 – 1,707ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อออนซ์ ราคาทองคำแท่งในประเทศความบริสุทธิ์ 96.5% ให้กรอบเฉลี่ยบริเวณ 24,500 – 26,200 บาทต่อน้ำหนัก 1 บาททองคำ ขณะที่ค่าเงินบาทให้กรอบเฉลี่ยบริเวณ 32.29 – 33.19 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ

    ดร.พิบูลย์ฤทธิ์ วิริยะผล ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยทองคำ กล่าวถึงการลงทุนทองคำในเดือน เมษายนว่า ผู้ค้าทองคำรายใหญ่ให้ความเห็นว่าราคาทองคำที่ผ่านมามีความผันผวนสูง โดยในเบื้องต้นประเมินว่า หากราคาทองคำยังสามารถเคลื่อนไหวอยู่เหนือระดับแนวรับที่ 1,600 ดอลลาร์ได้อย่างแข็งแกร่ง คาดว่าราคาทองจะมีแนวโน้มในทิศทางเชิงบวก อย่างไรก็ตาม ควรใช้ความระมัดระวังในการลงทุนในช่วงนี้ เนื่องจากราคาทองคำผันผวนสูงจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของ ไวรัส โควิด-19

  • (GRC) ทั้งนักลงทุนและผู้เชี่ยวชาญ ยังคงมองราคาทองสัปดาห์หน้าเป็นบวก|GRC Gold Survey 6 – 10 เม.ย. 63|

    ที่มา : ศูนย์วิจัยทองคำ

    6-10 เมษายน 2563

    ทิศทางราคาทองคำในประเทศรายสัปดาห์ระหว่างวันที่ 6 – 10 เม.ย. 63 จากการสำรวจ GRC Gold Survey โดย ศูนย์วิจัยทองคำ

    12 ผู้เชี่ยวชาญในตลาดทองคำที่ได้มีส่วนร่วมตอบแบบสำรวจ ในจำนวนนี้มี 6 ราย หรือเทียบเป็น 50% คาดว่าราคาทองคำในสัปดาห์หน้าจะปรับเพิ่มขึ้น ส่วนจำนวน 2 ราย หรือเทียบเป็น 17% คาดว่าราคาทองคำจะลดลง และ จำนวน 4 ราย หรือเทียบเป็น 33% คาดว่าราคาทองคำจะใกล้เคียงกับสัปดาห์ที่ผ่านมา

    สำหรับนักลงทุนทองคำ ได้เข้าร่วมตอบแบบสำรวจ จำนวน 303 ราย ในจำนวนนี้มี 218 ราย หรือเทียบเป็น 72% คาดว่าราคาทองคำในประเทศของสัปดาห์หน้าจะปรับเพิ่มขึ้น ส่วนจำนวน 50 ราย หรือเทียบเป็น 16% คาดว่าราคาทองคำจะลดลง และ จำนวน 35 ราย หรือเทียบเป็น 12% คาดว่าราคาทองคำจะใกล้เคียงกับสัปดาห์ที่ผ่านมา

    สถานการณ์ราคาทองคำ

    ราคาทองคำแท่งในประเทศ 96.5% ตามประกาศสมาคมค้าทองคำ ในสัปดาห์ที่ผ่านมาเคลื่อนไหวอยู่ระหว่าง 24,650 – 25,200 บาท ต่อบาททองคำ โดยราคาทองคำปิดอยู่ที่ระดับ 25,200 บาท ต่อบาททองคำ ปรับเพิ่มขึ้น 250 เมื่อเปรียบเทียบกับสัปดาห์ก่อนหน้า

    ปัจจัยที่ต้องติดตาม

    1. ปริมาณการซื้อขายทองคำของตลาดโซนเอเชียอาจเบาบางลง เนื่องจากตลาดทุนของจีนปิดทำการในวันที่ 6 เมษายน 2563 ซึ่งเป็นเทศกาลเชงเม้ง (Tomb Sweeping Day)

    2. สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส Covid-19 ที่กำลังแพร่ระบาดอยู่ในหลายประเทศขณะนี้ ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจทั่วโลกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งยังคงต้องติดตามมาตรการของแต่ละประเทศ ที่พยายามลดอัตราผู้ติดเชื้อ และอัตราการเสียชีวิตให้ลดน้อยลง

    3. รายงานจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานของสหรัฐฯ ในสัปดาห์ที่ผ่านมา (Initial Jobless Claims) เพิ่มสูงขึ้นจำนวน 6.6 ล้านตำแหน่ง ซึ่งเป็นผลมาจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส Covid-19