หมวดหมู่: โบรกเกอร์ทองคำ

  • (YLG:03-04-20) ราคาทองคำดีดตัวรับตัวเลขชาวอเมริกันตกงาน 10 ล้านคนใน 2 สัปดาห์

    (YLG:03-04-20) ราคาทองคำดีดตัวรับตัวเลขชาวอเมริกันตกงาน 10 ล้านคนใน 2 สัปดาห์

    YLG Bullion : ราคาทองคำวานนี้ (2 เม.ย.) ปิดเพิ่มขึ้น 28.47 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยได้รับแรงหนุนจากตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานของสหรัฐที่พุ่งขึ้นเกินคาดถึง 6.6 ล้านรายในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 28 มี.ค. สะท้อนมาตรการปิดเมืองในหลายรัฐของสหรัฐฯ เพื่อยับยั้งการระบาดของไวรัส COVID-19 ส่งผลให้ชาวอเมริกันถูกปลดออกจากงานสูงถึง 10 ล้านคนเพียงแค่ในเวลาเพียง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา

    ขณะที่ตัวเลขผู้ติดเชื้อ COVID-19 ทั่วโลกยังคงพุ่งต่อเนื่อง ล่าสุดทะลุล้านราย ส่วนยอดผู้เสียชีวิตเกิน 5 หมื่นราย ซึ่งก่อให้เกิดความวิตกว่า การระบาดของเชื่อไวรัส COVID-19 จะยิ่งฉุดเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจสหรัฐให้ตกต่ำมากยิ่งขึ้น พร้อมกระตุ้นการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางทั่วโลกโดยเฉพาะธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะผ่อนคลายนโยบายการเงิน เพิ่มเติมเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจจึงเป็นปัจจัยบวกต่อราคาทองคำ

    อย่างไรก็ดี ความวิตกที่เกิดขึ้นกลับหนุนความต้องการดอลลาร์ในฐานะสกุลเงินปลอดภัยเช่นกัน ทำให้ราคาทองคำถูกสกัดช่วงบวกเอาไว้ ด้านกองทุน SPDR ซื้อทองคำเพิ่มขึ้นอีก 3.22 ตัน

    มาดูการเคลื่อนไหวของราคาทองคำ หลังจากที่ได้กลับขึ้นไปทดสอบโซน 1,594-1,608 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่ไม่สามารถยืนเหนือบริเวณดังกล่าวได้ แสดงถึงแรงซื้อในระดับจำกัด ทำให้ ราคามีแนวโน้มอ่อนตัวลงทดสอบแนวรับ 1,566-1,561 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่ถ้าไม่สามารถยืนได้ จะเกิดแรงขายออกมา โดยแนวรับถัดไปจะอยู่ที่ 1,547 ดอลลาร์ต่อออนซ์

    โดยกลยุทธ์การลงทุนในวันนี้ หากราคายืนเหนือ 1,600-1,594 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แนะนำเปิดสถานะซื้อ (ตัดขาดทุนหากหลุด 1,581 ดอลลาร์ต่อออนซ์) เมื่อราคาทองคำยังคงค่อย ๆ ปรับตัวขึ้น แต่หากไม่สามารถทรงตัวในระดับสูงได้ ให้แบ่งขายทำกำไรเพื่อลดความเสี่ยงหากไม่ผ่าน 1,620-1,626 ดอลลาร์ต่อออนซ์

    ขอขอบคุณ บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด

  • ซื้อ-ขายทองคำในไทยไม่คึกคัก แม้ราคาตลาดโลกทิ้งตัวอีกรอบ (Shining)

    ซื้อ-ขายทองคำในไทยไม่คึกคัก แม้ราคาตลาดโลกทิ้งตัวอีกรอบ (Shining)

    1 เมษายน 2563

    “ชายน์นิ่ง โกลด์ฯ” เผยการซื้อขายทองคำในประเทศไม่คึกคัก แม้ว่าราคาในตลาดโลกย่อตัวลงมามาก หลังรัสเซียประกาศหยุดซื้อทองคำ เพราะลงทุนเก็งกำไรทำได้ยาก มีช่องว่างระหว่างราคาซื้อ-ขาย มาค้ำอยู่ แนะหากต้องการเข้าซื้อ รอจังหวะราคาร่วงมาแตะแนวรับ ระดับ 1560 และ 1512 ดอลลาร์

    มาดูความเคลื่อนไหวของตลาดค้าทองคำในประเทศไทย หลังจากที่ได้เกิดปัญหาการแพร่ระบาดของ เชื้อไวรัส โคโรนา 2019 หรือโควิด 19 (COVID-19) และได้ส่งให้ธุรกิจค้าทองคำโลก ต้องหยุดชะงักไป อย่างไรก็ดีเมื่อคืนที่ผ่านมา ราคาทองคำได้ปรับลดลงมากว่า 40 ดอลลาร์ หลังธนาคารกลางรัสเซีย ประกาศยุติการเข้าซื้อทองคำเพื่อเป็นทุนสำรองระหว่างประเทศ ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.เป็นต้นไป แต่อาจพิจารณากลับมาซื้อทองคำอีกครั้ง ตามสภาวะของตลาดการเงินทั่วโลก

    น.ส.เอเกต ตัณฑชน กรรมการผู้จัดการ บริษัท ชายน์นิ่ง โกลด์ บูลเลี่ยน จำกัด

    น.ส.เอเกต ตัณฑชน กรรมการผู้จัดการ บริษัท ชายน์นิ่ง โกลด์ บูลเลี่ยน จำกัด กล่าวกับ GoldAround.com ว่า จากข่าวที่ออกมาทำให้ราคาทองคำปรับลดลงมาอยู่ที่ระดับ 1,565-1,568 ดอลลาร์ หรือจากราคาประมาณบาทละ 24,800 บาท มาอยู่ที่ 24,600 บาท แต่แรงซื้อจากนักลงทุนในประเทศก็ยังมีไม่มากนัก เนื่องจากช่องว่างระหว่างราคารับซื้อกับราคาขายยังกว้างถึงบาทละ 200 บาท ก่อนที่ค่าเงินบาทได้อ่อนค่าลงทำให้ราคาได้รีบาวด์ กลับมาอยู่ที่บาทละ 24,800 บาทเช่นเดิม

    การลงทุนเพื่อเก็งกำไรในสถานการณ์ที่ช่องว่างระหว่าง ราคา ซื้อ-ขาย ยังกว้างถือว่าทำได้ค่อนข้างลำบาก แต่หากจะเข้าลงทุน แนะนำให้เข้าซื้อตามจุดแนวรับต่าง ๆ คือ ระดับ 1,560 ดอลลาร์ และ 1,512 ดอลลาร์ และไปขายที่ระดับ 1,618 -1,620 ดอลลาร์ แต่จนถึงขณะนี้ ราคาได้ขึ้นมาทดสอบที่แนวต้าน 1,602 ดอลลาร์อยู่หลายรอบแล้ว แต่ยังไม่สามารถทะลุผ่านไปได้ คงจะต้องรอดูราคาในช่วงที่ตลาดยุโรปและอเมริการเปิดทำการ ว่าทิศทางราคาจะเคลื่อนไหวเป็นอย่างไร ซึ่งที่ผ่านมามักจะเป็นลักษณะ ตลาดยุโรปจะดึงราคาขึ้นมาแล้วฝั่งอเมริกาจะเทขาย

    น.ส.เอเกต ตัณฑชน กรรมการผู้จัดการ บริษัท ชายน์นิ่ง โกลด์ บูลเลี่ยน จำกัด

    การซื้อขายทองคำในประเทศในช่วงนี้ หากเป็นการซื้อขายนลักษณะของสัญญายังสามารถทำได้อยู่ แต่หากต้องการจะรับทองคำกลับไป ยอมรับว่าอาจจะมีปัญหาอยู่บ้าง เนื่องจากการขนส่งทองออกไปยังต่างประเทศยังทำได้ลำบาก และโรงรีไฟน์ทองคำส่วนใหญ่จะหยุดทำการ เนื่องมาจากปัญหาการแพร่ระบาดขอวไวรัส โควิด-19 โดยเฉพาะโรงงานที่ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ ค่อนข้างได้รับผลกระทบอย่างหนัก เพราะตัวเลขผู้ที่เชื้อยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ประกอบกับคนงานส่วนใหญ่เป็นชาวอิตาลี ซึ่งก็มีปัญหาเรื่องผู้ติดเชื้อเช่นกัน ซึ่งจนถึงขณะนี้ยังไม่สามารถระบุได้ว่า ต้องใช้เวลาอีกนานแค่ไหนปัญหาจึงจะคลี่คลาย จึงทำให้ช่องว่างระหว่างราคาซื้อ-ขายยังผันผวนในระดับ 5-10 ดอลลาร์

    ขอขอบคุณ บริษัท ชายน์นิ่ง โกลด์ บูลเลี่ยน จำกัด

  • YLG Bullion : ข่าวสารที่ต้องติดตาม ส่งผลกระทบทองคำ

    YLG Bullion : ข่าวสารที่ต้องติดตาม ส่งผลกระทบทองคำ

    1 เมษายน 2563

    S&P คาด ศก.โลกขยายตัวต่ำสุด เหลือเพียง 0.4 เปอร์เซ็นต์

    หลังจากเศรษฐกิจโลกต้องเผชิญความผันผวนจาก จากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จนทำให้หลายประเทศต้องสั่งปิดเมืองเพื่อยับยั้งการแพร่กระจายของเชื้อโรค ทำให้นายพอล กรูเอนวาล์ด หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์โลกของ S&P Global Ratings ระบุว่ามาตรการต่าง ๆ ที่ถูกแต่ละประเทศหยิบมาใช้ในขณะนี้ ได้ส่งผลต่อกิจกรรมเศรษฐกิจและตลาดการเงิน ทำให้ S&P ได้ปรับลดคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจโลกในปีนี้เพียง 0.4 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเป็นตัวเลขต่ำสุดตั้งแต่ การทรุดตัวของเศรษฐกิจปี 1982 ที่การเติบโตของโลกอยู่ที่ระดับ 0.43 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเป็นช่วงขาลงทางการเงินรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ (Great Depression) ในปี 1929-1933

    อย่างไรก็ดี S&P ได้คาดการณ์ว่าในปีหน้า (2021) เศรษฐกิจโลกจะกลับมาฟื้นตัว โดยจะขยายตัวในระดับ 4.9 เปอร์เซ็นต์ ทั้งนี้ก่อนการระบาดของโควิด-19 ทาง S&P ได้คาดการณ์ว่าในปีนี้ เศรษฐกิจโกลจะโต 3.3 เปอร์เซ็นต์

    “โกลด์แมน แซคส์”คาด GDP สหรัฐ ไตรมาสแรกลด 9%

    โกลด์แมน แซคส์ คาดการณ์ว่า ผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จะทำให้ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของสหรัฐ ในไตรมาสแรกปีนี้ จะลดลง 9% ขณะที่ ไตรมาส 2 จะลดลงถึง 34% ซึ่งจะเป็นการลดลงรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่ช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2

    อย่างไรก็ดี โกลด์แมน แซคส์ ยังได้คาดการณ์ต่อว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะกลับมาดีดตัว 19% ในไตรมาส 3 ซึ่งจะเป็นการขยายตัวสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และเมื่อรวมตัวเลขทั้งปีนี้คาดว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะลดลง 6.2% ซึ่งจะเป็นตัวเลขการขยายตัวที่ย่ำแย่ที่สุดนับตั้งแต่เกิดภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ นอกจากนี้ยังคาดว่า อัตราการว่างงานจะพุ่งแตะ 15% ในปีนี้ สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ 9%

    ขอขอบคุณ บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด

  • ราคาทองคำย่อตัวหลังถูกเทขาย จับตาแนวต้าน 1,650 ดอลลาร์

    ราคาทองคำย่อตัวหลังถูกเทขาย จับตาแนวต้าน 1,650 ดอลลาร์

    ราคาทองคำ ในตลาดโลกปรับตัวลดลง 22 ดอลลาร์ หลังถูกเทขายกำไร แม้ความวิตกกังวลจากการแพร่ระบาดของ ไวรัส โควิด-19 จะยังคงอยู่

    แนะกลยุทธ์วันนี้ทำกำไรระยะสั้น แต่หากทองทะลุผ่าน 1,650 ดอลลาร์ถือยาวได้

    YLG Bullion : ราคาทองคำเมื่อวานนี้ (25 ก.พ.) ปรับตัวลดลง 22.12 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยตลาดยังคงวิตกเกี่ยวกับสถานการณ์การระบาดของ ไวรัส โควิด-19 (Covid-19) ที่ลุกลามไปเกือบ 30 ประเทศทั่วโลก

    ล่าสุด ทาง ผอ.ศูนย์ภูมิคุ้มกันและโรคทางเดินหายใจแห่งชาติของสหรัฐ เตือนให้ชาวอเมริกันเตรียมรับมือกับการแพร่ระบาดของ ไวรัส โควิด-19 พร้อมระบุสถานการณ์การแพร่ระบาดในสหรัฐอาจจะอยู่ในขั้นร้ายแรง สถานการณ์ดังกล่าวก่อให้เกิดแรงขายต่อเนื่องในตลาดหุ้นสหรัฐ ทำให้ทั้งดัชนีดาวโจนส์ และ S&P500 ดิ่งลงมากกว่า 3% วานนี้

    ประกอบกับสกุลเงินดอลลาร์อ่อนค่าหลังการเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค จาก CB และดัชนีภาคการผลิตจากเฟดริชมอนด์ ที่ออกมาแย่เกินคาด นอกจากนี้ดอลลาร์ยังได้รับแรงกดดันเพิ่มจากการคาดการณ์โอกาสที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับ “ลด” อัตราดอกเบี้ยในปีนี้ เพื่อรับมือกับผลกระทบจากการระบาด ไวรัส โควิด-19

    แม้จะมีปัจจัยบวกแต่ราคาทองคำกลับถูกแรงขายกดดันให้ราคาร่วงลงแรง เนื่องจากนักลงทุนบางส่วนมีการขายทำกำไรเพื่อเติม margin call และชดเชยผลขาดทุนในตลาดหุ้น ส่งผลให้ทองคำร่วงลงแตะระดับต่ำสุดบริเวณ 1,624 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ก่อนจะมีแรงซื้อทองคำหนุนให้ราคาฟื้นตัวขึ้นในช่วงเช้าวันนี้ ด้านกองทุน SPDR ถือครองทองคำเพิ่ม 6.15 ตัน

    สำหรับข่าวการเคลื่อนไหวที่น่าสนใจวันนี้ ให้ติดตามการเปิดเผยตัวเลขยอดขายบ้านใหม่ของสหรัฐอเมริกา

    สำหรับกลยุทธ์การลงทุน เน้นเก็งกำไรระยะสั้น เนื่องจากราคาแกว่งตัวผันผวน การเข้าซื้อควรรอราคาอ่อนตัวลงบริเวณแนวรับ 1,625-1,616 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และหากราคาขยับขึ้นควรแบ่งขายทำกำไรบ้างส่วน หากราคาทองคำไม่ผ่านโซน 1,650 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่ถ้าผ่านได้สามารถถือต่อรอขายที่แนวต้านถัดไป

    ขอขอบคุณ : บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด

  • วิเคราะห์ราคาทองคำ 4 ก.พ.63(ภาคเช้า) by HGF

    วิเคราะห์ราคาทองคำ 4 ก.พ.63(ภาคเช้า) by HGF

    โดย  : บริษัท ฮั่วเซ่งเฮง โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด(HGF)

    ทองคำลดลง ตลาดหุ้นสหรัฐฟื้นตัว

    คืนนี้สหรัฐไม่มีประกาศตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญ

    ทองคำคาดเคลื่อนไหวในกรอบ 1,570-1,590 ดอลลาร์

    • ราคาทองคำ Spot เมื่อวานเริ่มปรับลดลง หลังจากที่ราคาทองคำปรับขึ้นทำจุดสูงสุดในรอบกว่า 3 สัปดาห์ที่ 1,593 ดอลลาร์ในระหว่างวัน จากแรงเทขายทำกำไรในทองคำที่เป็นสินทรัพย์ปลอดภัย หลังจากตลาดหุ้นสหรัฐปรับขึ้นและดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่าขึ้น โดยดัชนีภาคการผลิต ISM ของสหรัฐเดือนม.ค. เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 50.9 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ค.2562
    • สถานการณ์การระบาดของไวรัสโคโรนาคาดว่ายังเป็นปัจจัยที่กระทบต่อราคาทองคำ ขณะที่คืนนี้สหรัฐไม่มีประกาศตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญ ส่วนคืนพรุ่งนี้สหรัฐจะประกาศการจ้างงานภาคเอกชนของ ADP เดือนม.ค.ซึ่งตลาดคาดจะเพิ่มขึ้น 150,000 ตำแหน่ง หลังจากที่เดือนธ.ค.เพิ่มขึ้น 202,000 ตำแหน่ง
    • แนวโน้มราคาทองคำคาดเคลื่อนไหวในกรอบ 1,570-1,590 ดอลลาร์ ทั้งนี้นักลงทุนยังติดตามสถานการณ์การระบาดของไวรัสโคโรนา หากรายงานจำนวนผู้ติดเชื้อเริ่มคงที่หรือมีจำนวนน้อยลง คาดทองคำจะมีแรงเทขายทำกำไร โดยในระยะสั้นทองคำมีแนวต้านที่ 1,590 ดอลลาร์ และแนวต้านถัดไปที่ 1,600 ดอลลาร์ ขณะที่มีแนวรับที่ 1,570 ดอลลาร์ และ 1,565 ดอลลาร์

    ราคาทองคำตลาดโลก

    Closechg.SupportResistance
    1,576.50-13.191,570/1,5651,590/1,600

    ราคาทองคำแท่ง 96.5%

    Closechg.SupportResistance
    23,200-20023,100/23,05023,400/23,500

    โกลด์ฟิวเจอร์ส

    ClosechgSupportResistance
    23,390-1023,320/23,24023,580/23,720

    การเข้าซื้อเก็งกำไรระยะสั้น แนะนำเมื่อราคาทองคำ Spot ปรับลงมาที่ 1,570 ดอลลาร์ (GF 23,320 บาท) โดยมีจุดขายตัดขาดทุนที่ 1,560 ดอลลาร์ (GF 23,240 บาท) การลงทุนในทองแท่ง สำหรับนักลงทุนที่ซื้อไว้แนะนำขายทำเมื่อราคาทองคำ Spot ปรับขึ้นมาที่ 1,600 ดอลลาร์

    โกลด์ออนไลน์ฟิวเจอร์

    ClosechgSupportResistance
    1,586.80+1.401,576/1,5711,596/1,606

    การเข้าซื้อเก็งกำไรระยะสั้น แนะนำเมื่อราคา GOH19 ปรับลงมาที่ 1,576 ดอลลาร์ โดยมีจุดขายตัดขาดทุนที่ 1,566 ดอลลาร์

    ค่าเงินบาท

    ทิศทางเงินบาทในวันนี้คาดจะอ่อนค่าลง โดยเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้น ส่วนสัปดาห์นี้รอติดตามการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน ธปท.  โดย USD Futures เดือนมี.ค.63 คาดจะมีแนวต้านที่ 31.20 บาท/ดอลลาร์ ขณะที่มีแนวรับที่ 31.0 บาท/ดอลลาร์

    News

    ตลาดการเงินต่างประเทศ:ดอลล์แข็งเทียบสกุลเงินหลัก ขานรับภาคการผลิตสหรัฐฟื้นตัว

    ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนที่ผ่านมา (3 ก.พ.) โดยได้แรงหนุนจากผลสำรวจของสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) ซึ่งระบุว่า ดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐฟื้นตัวขึ้นในเดือนม.ค. หลังจากที่หดตัวลงติดต่อกัน 5 เดือน

    ตลาดโลหะมีค่าต่างประเทศ : ทองปิดลบ $5.5 นักลงทุนเทขายสินทรัพย์ปลอดภัยหลังตลาดหุ้นพุ่ง

    สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนที่ผ่านมา (3 ก.พ.) เนื่องจากนักลงทุนลดการถือครองทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังจากตลาดหุ้นสหรัฐดีดตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ยังสร้างแรงกดดันต่อตลาดทองคำ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย. ลดลง 5.5 ดอลลาร์ หรือ 0.35% ปิดที่ 1,582.4 ดอลลาร์/ออนซ์ สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค. ลดลง 34.2 เซนต์ หรือ 1.9% ปิดที่ 17.67 ดอลลาร์/ออนซ์

    ตลาดน้ำมันดิบต่างประเทศ :น้ำมัน WTI ปิดร่วง $1.45 หวั่นไวรัสโคโรนาระบาดกระทบศก.โลก

    สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงแตะระดับต่ำสุดในรอบกว่า 1 ปีเมื่อคืนนี้ (3 ก.พ.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงกังวลว่าการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและอุปสงค์น้ำมันในตลาดโลก ขณะที่นักลงทุนจับตาความเคลื่อนไหวของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ว่าจะดำเนินมาตรการใดในการสร้างเสถียรภาพราคาน้ำมัน หลังจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาได้ส่งผลกระทบต่อราคาและอุปสงค์น้ำมัน สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมี.ค. ร่วงลง 1.45 ดอลลาร์ หรือ 2.8% ปิดที่ 50.11 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค. 2562

    ตลาดหุ้นต่างประเทศ : ดาวโจนส์ปิดบวก 143.78 จุด ขานรับภาคการผลิตสหรัฐฟื้นตัว,หุ้นเทคโนฯพุ่งแรง          ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนที่ผ่านมา (3 ก.พ.) โดยได้แรงหนุนจากการฟื้นตัวของภาคการผลิตสหรัฐ และราคาหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่พุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่ง นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยบวกจากการที่นักลงทุนเข้าช้อนซื้อหุ้นที่ทรุดตัวลงในสัปดาห์ที่แล้ว อันเนื่องมาจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 28,399.81 จุด เพิ่มขึ้น 143.78 จุด หรือ +0.51% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,248.92 จุด เพิ่มขึ้น 23.40 จุด หรือ +0.73% ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดที่ 9,273.40 จุด เพิ่มขึ้น 122.47 จุด หรือ +1.34%