หมวดหมู่: โบรกเกอร์ทองคำ

  • จับตาราคาทองคำหลังมีข่าวจะพุ่งขึ้นแตะ 3,000 ดอลลาร์ ชี้อาจเป็นสงครามจิตวิทยาก่อนจะถูกเทขาย (InterGold)

    จับตาราคาทองคำหลังมีข่าวจะพุ่งขึ้นแตะ 3,000 ดอลลาร์ ชี้อาจเป็นสงครามจิตวิทยาก่อนจะถูกเทขาย (InterGold)

    27-04-20

    เตือนให้จับตาราคาทองคำ หลังแบงค์ใหญ่ระดับโลกปล่อยข่าวราคาจะพุ่งแตะ 3,000 ดอลลาร์ อินเตอร์โกลด์ฯ ชี้เป็นเรื่องของจิตวิทยา ขณะที่ด้านเทคนิค หลังราคาขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ระดับจุดสูงสุดเดิมหลายรอบแต่ไม่ผ่าน อาจจะทำให้ราคาย่อตัวลงแรง โดยให้แนวรับไว้ที่ 1,670 ดอลลาร์

    ในช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ข่าวสารที่สร้างความฮือฮาให้กับแวดวงทองคำคงหนี้ไม่พ้นการที่ Bank of America ได้ออกมาคาดการณ์ว่าราคาทองคำในอนาคต จะพุ่งไปแตะระดับ 3,000 ดอลลาร์ ทำให้เกิดข้อถกเถียงกันมากมายว่าจะมีความเป็นไปได้มากน้อยเพียงไร เพราะเป็นจุดที่สูงเกินกว่าที่นักวิเคราะห์จากหลายสำนักที่คาดการณ์กันไว้ก่อนหน้านี้ ว่าราคาทองคำจะไต่ระดับไปแตะที่จุด 2,000 ดอลลาร์

    ถ้ามองจากปัจจัยโดยรวมแล้ว ก็มีความเป็นไปได้ แต่มันก็คงจะยังเป็นระยะทางที่ไกลมาก แต่ในระยะสั้นผมกลับมองว่า มันเป็นเรื่องของจิตวิทยา และเป็นสิ่งที่ควรระวัง เพราะจากประสบการณ์ที่ผ่านมา เมื่อเกิดข่าวในลักษณะนี้ มันไม่ได้ส่งผลดีต่อตลาดทองคำ และอาจจะเป็นสัญญาณว่า อาจจะมีการเทขายทองคำด้วยซ้ำ ซึ่งในมุมมองส่วนตัวแล้ว ยังเชื่อว่าราคาทองคำอาจจะมีการย่อตัวในเร็ว ๆ นี้

    ธีรรัฐ จุฑาวรากุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินเตอร์โกลด์ โกลด์เทรด จำกัด กล่าวกับ GoldAround.com
    ธีรรัฐ จุฑาวรากุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินเตอร์โกลด์ โกลด์เทรด จำกัด

    นอกจากนั้นยังมีอีก 2 ปัจจัยให้ต้องเฝ้าระวัง คือ ปริมาณการถือครองทองคำของ กองทุน SPDR ที่ขณะนี้มีมากกว่า 1 พันตัน และที่ผ่านมา SPDR ได้ซื้อทองคำเข้าพอร์ทอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจากสถิติ เมื่อปี 2013 ขณะนั้น SPDR ได้ถือครองทองคำในระดับสูงสุดประมาณ 1,300 ตัน ก่อนที่จะเทขายออกมาทำให้ราคาร่วงลงอย่างหนัก

    อีกปัจจัย ก็คือ เรื่องของมาตรการการผ่อนปรนการปลดล็อคดาวน์ของประเทศต่าง ๆ หลังจากที่การแพร่ระบาดของไวรัส โควิด-19 ดูเหมือนว่าจะผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกา ซึ่งประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ได้พยายามโน้มน้าวให้ผู้ว่าการรัฐต่าง ๆ เร่งเปิดเมืองเพื่อให้เศรษฐกิจก้าวเดินต่อไป ซึ่งเรื่องนี้เชื่อว่าในระยะสั้นจะส่งผลดีต่อตลาดหุ้น และจะส่งผลลบต่อตลาดทองคำอย่างแน่นอน

    กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินเตอร์โกลด์ โกลด์เทรด จำกัด กล่าวเพิ่มเติมว่า หากมาดูในเรื่องของเทคนิคราคาทองคำ จะเห็นได้ว่าหลังจากที่ราคาทองคำได้ไต่ระดับขึ้นมายืนเหนือระดับ 1,700 ดอลลาร์ ราคาได้ไปพุ่งชนแนวต้านเดิมที่ใกล้เคียงจุดสูงสุดเดิมกว่า 10 ครั้ง โดยครั้งแรกขึ้นไปชนจุดสูงสุดเดิมที่ระดับ 1,738 ดอลลาร์ก่อนจะร่วงลงมา และพยายามจะฝ่าแนวต้านในจุดที่ใกล้เคียงแต่ไม่สามารถผ่านไปได้ ซึ่งการเคลื่อนไหวในลักษณะนี้ เป็นสัญญาณไม่ดี ที่อาจจะทำให้ราคาทองคำปรับลดลงมาได้ โดยคาดว่าในรอบนี้ ราคาทองคำน่าจะลงลึกต่ำกว่าระดับ 1,700 ดอลลาร์ โดยแนวรับแรกคาดว่าจะอยู่ในระดับ 1,702 ดอลลาร์ ก่อนจะมาอยู่ที่ระดับ 1,680 ดอลลาร์ โดยมีแนวรับสำคัญที่ระดับ 1,670 ดอลลาร์

    เมื่อราคาทองคำปรับตัวลดลง อยากให้นักลงทุนทยอยเข้าซื้อตามจุดแนวรับต่าง ๆ อย่าทุ่มเงินซื้อเพียงจุดเดียว เพราะอาจจะเกิดความเสียหายได้ แต่หากราคาไม่ลงมาถึงแนวรับที่กำหนดไว้ ก็อยากให้รอลงทุนในรอบถัดไป ซึ่งจะต้องมีการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ในการลงทุนแต่ละช่วงเวลา

    ธีรรัฐ จุฑาวรากุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินเตอร์โกลด์ โกลด์เทรด จำกัด กล่าวกับ GoldAround.com

    ขอขอบคุณ บริษัท อินเตอร์โกลด์ โกลด์เทรด จำกัด

  • ทั้งนักลงทุนและผู้เชี่ยวชาญมองราคาทองคำในสัปดาห์นี้เป็นบวก (GRC Gold Survey 27 เม.ย.-1 พ.ค.63)

    ทั้งนักลงทุนและผู้เชี่ยวชาญมองราคาทองคำในสัปดาห์นี้เป็นบวก (GRC Gold Survey 27 เม.ย.-1 พ.ค.63)

    (GRC Gold Survey 27 เม.ย. – 1 พ.ค. 63)

    ที่มา : ศูนย์วิจัยทองคำ

    ทิศทางราคาทองคำในประเทศรายสัปดาห์ระหว่างวันที่ 27 เม.ย. – 1 พ.ค. 63 จากการสำรวจ GRC Gold Survey โดย ศูนย์วิจัยทองคำ

    12 ผู้เชี่ยวชาญในตลาดทองคำที่ได้มีส่วนร่วมตอบแบบสำรวจ ในจำนวนนี้มี 6 ราย หรือเทียบเป็น 50% คาดว่าราคาทองคำในสัปดาห์หน้าจะปรับเพิ่มขึ้น ส่วนจำนวน 2 ราย หรือเทียบเป็น 17% คาดว่าราคาทองคำจะลดลง และ จำนวน 4 ราย หรือเทียบเป็น 33% คาดว่าราคาทองคำจะใกล้เคียงกับสัปดาห์ที่ผ่านมา

    สำหรับนักลงทุนทองคำ ได้เข้าร่วมตอบแบบสำรวจ จำนวน 337 ราย ในจำนวนนี้มี 234 ราย หรือเทียบเป็น 69% คาดว่าราคาทองคำในประเทศของสัปดาห์หน้าจะปรับเพิ่มขึ้น ส่วนจำนวน 56 ราย หรือเทียบเป็น 17% คาดว่าราคาทองคำจะลดลง และ จำนวน 47 ราย หรือเทียบเป็น 14% คาดว่าราคาทองคำจะใกล้เคียงกับสัปดาห์ที่ผ่านมา

    สถานการณ์ราคาทองคำ

    ราคาทองคำแท่งในประเทศ 96.5% ตามประกาศสมาคมค้าทองคำ ในสัปดาห์ที่ผ่านมาเคลื่อนไหวอยู่ระหว่าง 25,750 – 26,350 บาท ต่อบาททองคำ โดยราคาทองคำปิดอยู่ที่ระดับ 26,350 บาท ต่อบาททองคำ ปรับเพิ่มขึ้น 500 เมื่อเปรียบเทียบกับสัปดาห์ก่อนหน้า

    ปัจจัยที่ต้องติดตาม

    1. ธนาคารกลางสำคัญ ๆ ของหลายประเทศ ทั้งธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ), ธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED), ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ต่างพยายามใช้มาตรการเพื่อพยุงเศรษฐกิจเนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID – 19

    2. รายงานตัวเลขทางเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯ เช่น รายงานประมาณการเบื้องต้น GDP ไตรมาส 1/2020 และรายงานตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานรายสัปดาห์ ทั้งนี้ นักลงทุนมีความต้องการถือครองเงินดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้น หลังจากการรายงานข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ออกมาอ่อนแออย่างต่อเนื่อง

    3. รายละเอียดพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) เงินกู้วงเงิน 1 ล้านล้านบาท ซึ่งสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) ได้บรรจุไว้ในแผนแล้วว่าจะมีรายละเอียดการกู้อย่างไร อาจส่งผลต่อการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทได้

  • ลุ้นต่อ..ราคาทองคำวิ่งขึ้นไปใกล้ 1,800 ดอลลาร์หรือไม่!? (GT Gold)

    ลุ้นต่อ..ราคาทองคำวิ่งขึ้นไปใกล้ 1,800 ดอลลาร์หรือไม่!? (GT Gold)

    ราคาทองคำในสัปดาห์นี้ วิ่งสวนกระแสของนักวิเคราะห์ หลังแบงค์ใหญ่คาดการณ์ราคาอาจวิ่งไปถึงระดับ 3,000 ดอลลาร์ พร้อมกับความมั่นใจของ SPDR ที่ยังกวาดซื้อเข้าอย่างหนัก จับตาสัปดาห์หน้า ราคาทองคำอาจพุ่งแตะเฉียด ๆ ระดับ 1,800 ดอลลาร์ หากสิ้นสัปดาห์นี้สามารถยืนเหนือ 1,740 ดอลลาร์ ได้

    นายวรชัย ตั้งสิทธิ์ภักดี กรรมการผู้จัดการ บริษัท จีที โกลด์บูลเลี่ยน จำกัด กล่าวกับ GoldAround.com ถึงภาพรวมการเคลื่อนไหวราคาทองคำในสัปดาห์นี้ว่า “ราคาได้ปรับตัวสวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ ที่ว่าราคาทองคำน่าจะอยู่ในช่วงปรับตัวลดลง โดยปัจจัยหลักก็น่าจะมาจาก การคาดการณ์ของ แบงค์ ออฟ อเมริกา (Bank of America) ที่มองว่าราคาทองคำอาจจะพุ่งไปแตะ 3,000 ดอลลาร์ ได้ในอีก 1-2 ปี เนื่องจากปัญหาต่างยงคงรุมเร้าเศรษฐกิจโลก”

    นอกจากนั้น ยังมีเรื่องของผลกระทบจากสถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ปรับตัวลง อันเนื่องมาจากการแพร่ระบาดของไวรัส โควิด-19 ทำให้กิจกรรมการค้า และการเดินทางหยุดชะงัก ส่งผลให้ปริมาณการใช้น้ำมันลดลงอย่างมาก ประกอบกับเมื่อช่วงกลางสัปดาห์ ได้มีการกระทบกระทั่งกันระหว่างสหรัฐกับอิหร่านอีกรอบ ทำให้ราคาทองคำ ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากระดับ 1,650 ดอลลาร์ มาสู่ระดับ 1,690 ดอลลาร์ ก่อนที่จะพุ่งแตะระดับ 1,737 ดอลลาร์ ซึ่งใกล้จุดสูงสุดเดิมในช่วงที่ผ่านมา

    ส่วนการเคลื่อนไหวของราคาทองคำในสัปดาห์หน้า กรรมการผู้จัดการ บริษัท จีที โกลด์บูลเลี่ยน จำกัด มองว่าคงจะยังเป็นช่วงขาขึ้น แม้ว่าปัจจัยจะยังคงเดิม ๆ ทั้งเรื่อง ผลกระทบจาก COVID-19 สภาพตลาดหุ้นที่ยังไม่สู้ดีนัก ประกอบกับ SPDR ยังคงซื้อทองคำอย่างต่อเนื่อง โดยสัปดาห์นี้ ซื้อเพิ่มขึ้นร่วม 20 ตัน ทำให้มองว่าราคาทองคำยังมีอนาคตที่สดใสอยู่

    GT GOLD BULLION

    โดยหากสิ้นสุดสัปดาห์นี้ ราคาทองคำยังสามารถยืนเหนือระดับ 1,740 ดอลลาร์ ได้ เป้าต่อไป คือ ที่ระดับ 1,780 ดอลลาร์ แต่หากยืนเหนือ 1,740 ดอลลาร์ไม่ไหว แนวรับน่าจะอยู่ที่ ระดับ 1,707 ดอลลาร์ และระดับ 1,680 ดอลลาร์ตามลำดับ

    ส่วนภาพรวมการซื้อ-ขายทองคำในประเทศ ขณะนี้ ทุกอย่างเริ่มเป็นปกติแล้ว เนื่องจาก ช่วงที่ผ่านมา นักลงทุนได้นำทองคำแท่งมาเทขายไปจำนวนมาก และรอให้ราคาย่อตัว ก็น่าจะมีแรงซื้อกลับเข้ามา ส่วนที่เหลือยังคงมั่นใจว่าราคาจะเพิ่มขึ้นกว่านี้ หรือมั่นใจว่าราคาจะขยับไปถึงบาทละ 30,000 บาท จึงยังไม่ได้ขายออกมา แต่เชื่อว่ามีปริมาณไม่มากนัก ส่วนหลังจากนี้ หากจะมีการนำออกมาขาย ก็น่าจะเป็นกลุ่มทองรูปพรรณ เพื่อจะเปลี่ยนไปเป็นเงินสดเพื่อใช้จ่าย หรือจะนำมาขายเพื่อทำกำไรหลังราคาได้ปรับสูงขึ้นมาก และเมื่อราคาย่อตัวลงมา ก็คาดว่าจะมีการซื้อกลับเข้าไปเช่นกัน

    ขณะที่ การนำเข้าและส่งออกทองคำ ในภาพรวมถือว่าดีขึ้นเล็กน้อย ซึ่งต้องรอดูมาตรการของแต่ละประเทศ ที่คาดว่าจะมีการผ่อนปรนการปลดล็อคดาวน์ในช่วงสัปดาห์หน้า ว่าจะมีรายละเอียดอย่างไร และจะส่งผลต่อการนำเข้าและส่งออกทองคำเพียงไร แต่กว่าที่จะทุกอย่างเข้าสู่สภาวะปกติ คงต้องใช้เวลาอีกระยะ เพราะผู้ค้าทองคำเกือบทุกประเทศ ก็รอการคลี่คลายของปัญหาเช่นกัน ซึ่งอาจจะทำให้ในช่วงแรกจะมีปริมาณทองคำไปกระจุกตัวตามโรงรีไฟน์ทองต่าง ๆ จำนวนมาก และจะทำให้ต้นทุนค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ยังคงสูงอยู่

    ขอขอบคุณ บริษัท จีที โกลด์ บูลเลี่ยน จำกัด

  • ราคาทองคำพุ่งต่อ เตรียมทดสอบ high เดิมที่ 1,742 ดอลลาร์ หากสิ้นสัปดาห์ยังยืนอยู่อาจไปแตะที่ระดับ 1,820 ดอลลาร์ (Shining Gold)

    ราคาทองคำพุ่งต่อ เตรียมทดสอบ high เดิมที่ 1,742 ดอลลาร์ หากสิ้นสัปดาห์ยังยืนอยู่อาจไปแตะที่ระดับ 1,820 ดอลลาร์ (Shining Gold)

    ราคาทองคำพุ่งทะยานต่อเนื่อง เป้าหมายแรกที่ 1,742 ดอลลาร์ หากสามารถยืนได้จนจบสุดสัปดาห์ อาจจะเห็นราคาขึ้นไปแตะ 1,778 ดอลลาร์ โดยมีเป้าหมายสูงสุดที่ระดับ 1,820 ดอลลาร์

    หลังจากที่ราคาทองคำได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นตั้งแต่เมื่อวานนี้ และวันนี้ราคายังคงขยับตัวอยู่ในกรอบแคบ ๆ ตลอดทั้งวัน โดย คุณเอเกต ตัณฑชน กรรมการผู้จัดการ บริษัท ชายน์นิ่ง โกลด์ บูลเลี่ยน จำกัด กล่าวกับ GoldAround.com ว่า คาดการณ์ราคาทองคำยังน่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นอีก แต่ในระยะสั้นต้องดูราคาจะสามารถยืนเหนือระดับ 1,719 ดอลลาร์ ได้อย่างแข็งแกร่งหรือไม่ หากสามารถผ่านไปได้ เป้าหมายต่อไป คือ การขึ้นไปทดสอบที่ระดับราคา 1,739-1,742 ซึ่งเป็นแนวระดับราคาสูงสุดเดิมที่เคยทำได้ในช่วงก่อนหน้านี้ แต่หากมีแรงเทขายออกมาและทำให้ราคาลดต่ำลง มองแนวรับไว้ที่ ระดับ1,689-1,692 ดอลลาร์

    เมื่อมองทางด้านเทคนิค ขณะนี้กราฟกำลังทดสอบขา 5 ของ Elliott Wave ที่ระดับ 1,778 ดอลลาร์ ซึ่งราคาได้ขยับขึ้นมาต่อเนื่อง อย่างไรก็ดีการจะไปถึงจุดดังกล่าวคงต้องรอดูว่า ในสัปดาห์นี้ทองคำจะปิดเหนือระดับ 1,743 ดอลลาร์ ได้หรือไม่ หากทำได้ ก็อาจจะเห็นราคาไปแตะที่ ระดับ 1,778 ดอลลาร์ โดยมีเป้าหมายสูงสุดที่ ระดับ 1,820 ดอลลาร์

    เอเกต ตัณฑชน กรรมการผู้จัดการ บริษัท ชายน์นิ่ง โกลด์ บูลเลี่ยน จำกัด

    ส่วนปัจจัยอื่น ๆ ที่เข้ามามีผลกับราคาทองคำในช่วงนี้ ยังคงเป็นเรื่องของการแก้ปัญหาเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัส โควิด-19 โดยมีข่าวว่า ทางกลุ่ม อียู จะอัดฉีดเงินเพิ่มเติม เพื่อแก้ปัญหาเศรษฐกิจที่เกิดขึ้น ขณะที่เรื่องของราคาน้ำมันดิบ แม้ว่าราคาของการส่งมอบเดือนถัดไปจะดีขึ้น หลังจากที่มีกระแสข่าวเรื่องของการปลดล็อคดาวน์ในหลายพื้นที่ แต่คาดว่าเศรษฐกิจในภาพรวมไม่น่าจะฟื้นตัวได้เร็ว ขณะที่ความต้องการทองคำในตลาดก็ยังมีมากกว่ากำลังการผลิตจากเหมือง และการรีไฟน์ทองคำก็ยังทำได้แต่บางส่วนเท่านั้น

    ขอขอบคุณ บริษัท ชายน์นิ่ง โกลด์ บูลเลี่ยน จำกัด

  • ราคาทองคำพุ่งทะลุ 1,700 ดอลลาร์ อีกรอบ SPDR ยังซื้อทองเข้าอีกเกือบ 10 ตัน (YLG)

    ราคาทองคำพุ่งทะลุ 1,700 ดอลลาร์ อีกรอบ SPDR ยังซื้อทองเข้าอีกเกือบ 10 ตัน (YLG)

    ราคาทองคำวานนี้ ปิดปรับตัวเพิ่มขึ้น 35.20 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือ +2% ปิดตลาดที่ระดับ 1,714.35 ดอลลาร์ โดยราคาทองคำทำจุดสูงสุดที่ 1,718.70 ดอลลาร์ ต่ำสุดที่ 1,678.10 ดอลลาร์

    โดยเมื่อวานนี้ ราคาสร้างระดับสูงสุดใหม่จากวันก่อนหน้าได้ จึงเกิดแรงซื้อดันราคาขึ้นทดสอบกรอบแนวต้านแนวต้านโซน 1,718-1,720 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งเป็นกรอบด้านบนของการแกว่งตัวในทิศทางอ่อนตัวลง หรือ Sideway Down หากราคาทองคำไม่สามารถขึ้นไปยืนได้ ราคามีโอกาสอ่อนตัวลงทดสอบแนวรับโซน 1,697 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากหลุดระดับดังกล่าว ราคาอาจอ่อนตัวลงทดสอบแนวรับถัดไปที่ 1,678 ดอลลาร์ต่อออนซ์

    ทั้งนี้ แนะนำขายเมื่อราคาปรับตัวขึ้นมาใกล้แนวต้านโซน 1,718-1,720 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือ หากรับความเสี่ยงได้ไม่มากอาจเลือกชะลอการลงทุนเพื่อรอดูทิศทางของราคา

    ขณะที่การไล่ซื้อควรคำนึงถึงความเสี่ยงหลังจากราคาปรับขึ้นมาค่อนข้างมาก

    ด้านกองทุน SPDR ถือครองทองคำเพิ่ม 9.07 ตัน รวมถือครอง 1,042 ตัน

    ขอขอบคุณ บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด

  • ราคาน้ำมันตลาดโลกร่วง ฉุดราคาทองคำดิ่งตาม นักลงทุนหันซื้อดอลลาร์เสริมสภาพคล่อง-ป้องกันความเสี่ยง (YLG)

    ราคาน้ำมันตลาดโลกร่วง ฉุดราคาทองคำดิ่งตาม นักลงทุนหันซื้อดอลลาร์เสริมสภาพคล่อง-ป้องกันความเสี่ยง (YLG)

    ราคาทองคำวานนี้ปิดปรับตัวลดลง  16.74  ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยระหว่างวันจุดสูงสุดของราคาอยู่ที่ 1698.10ดอลลาร์ ต่ำสุด 1657.60 ดอลลาร์ ก่อนจะมาปิดที่ 1679.15 ดอลลาร์ โดยปัจจัยกดดันราคาทองคำวานนี้มี ดังนี้

    1. ดัชนีดอลลาร์แข็งค่าขึ้นแตะระดับสูงสุดรอบ 2 สัปดาห์ที่ 100.48 ในระหว่างวัน จากความต้องการดอลลาร์ในฐานะสกุลเงินปลอดภัย ท่ามกลางการปรับตัวลดลงของราคาน้ำมัน หลังการระบาดของ ไวรัส COVID-19 กระทบอุปสงค์ อีกทั้งยังทำให้เกิดภาวะอุปทานล้นตลาด และการขาดแคลนคลังกักเก็บน้ำมัน ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมิ.ย.ดิ่งลง -43.4% ปิดที่ 11.57 ดอลลาร์/บาร์เรลซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 21 ปี

    2. ความต้องการเงินสดและสภาพคล่องเพื่อชดเชยการขาดทุนในสินทรัพย์ประเภทอื่น ๆ หลังจากราคาน้ำมันร่วงลงแรงฉุดตลาดหุ้นให้ร่วงลงตาม จนส่งผลให้ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลง 631.56 จุด

    นอกจากนี้ การดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจทางการคลังและการเงินขนาดใหญ่ และการไหลเข้าสู่กองทุน ETF ทองคำมีแนวโน้มสนับสนุนทองอย่างต่อเนื่อง จึงมีแรงซื้อเข้ามาช่วงพยุงราคาเอาไว้เมื่อราคาย่อตัวลง โดย กองทุน SPDR ถือครองทองคำเพิ่ม 3.8 ตัน

    มาดูการเคลื่อนไหวของราคาทองคำเมื่อวานนี้ ราคาสร้างระดับต่ำสุดในรายวัน และรายสัปดาห์ แต่เมื่อราคาอ่อนตัวลงมีแรงซื้อดันราคาฟื้นตัวขึ้น โดยแกว่งตัวในทิศทางอ่อนตัวลง หรือ Sideway Down ทั้งนี้ หากราคาทองคำไม่สามารถกลับขึ้นยืนเหนือ 1,698-1,716 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ ทำให้มีแนวโน้มอ่อนตัวลงสู่บริเวณ 1,657 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งเป็นจุดต่ำสุดวานนี้และหากยืนไม่อยู่ประเมินแนวรับถัดไปที่ 1,642 ดอลลาร์ต่อออนซ์

    ส่วนกลยุทธ์การลงทุน หากราคายังไม่ผ่านโซน 1,698-1,716 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แนะนำให้ขาย ขณะที่การเข้าซื้อรอในดูบริเวณ 1,657-1,642 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยเน้นการลงทุนระยะสั้นจากการแกว่งตัวของราคา

  • ราคาทองคำดิ่งกว่า 20 ดอลลาร์ หลังถูกเทขายล็อตใหญ่ ชี้แค่ส่งผลระยะสั้น ขณะที่ภาพใหญ่ทองคำยังเป็นช่วงขาขึ้น (InterGold)

    ราคาทองคำดิ่งกว่า 20 ดอลลาร์ หลังถูกเทขายล็อตใหญ่ ชี้แค่ส่งผลระยะสั้น ขณะที่ภาพใหญ่ทองคำยังเป็นช่วงขาขึ้น (InterGold)

    ตลาดทองคำป่วน หลังถูกมือดีเทขายล็อตใหญ่ ทำให้ราคาทองคำลดลงกว่า 20 ดอลลาร์ในช่วงอึดใจ อินเตอร์โกลด์ฯ ชี้ไม่น่าจะส่งผลต่อการเคลื่อนไหวของราคาในภาพใหญ่ แต่ในระยะสั้น ราคาทองคำยังอยู่ในช่วงย่อตัว เพราะเงินไหลกลับไปลงทุนในตลาดหุ้นที่อยู่ในช่วงรีบาวด์ ก่อนจะถูกนำกลับมาลงทุนในทองคำอีกรอบ โดยมีเป้าหมายใหญ่ที่ระดับ 1,900 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นจุดสูงสุดเดิม

    เมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา ราคาทองคำได้ปรับตัวลดลงอย่างรวดเร็วจากระดับประมาณ 1,690 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ระดับประมาณ 1,670 ดอลลาร์ ซึ่งได้สร้างความประหลาดใจให้กับนักลงทุน โดยนายธีรรัฐ จุฑาวรากุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินเตอร์โกลด์ โกลด์เทรด จำกัด กล่าวกับ GoldAround.com ว่า จากการตรวจสอบไม่พบว่ามีปัจจัยอะไรที่มีความสำคัญจนทำให้ราคาได้ปรับลดลงมารวดเร็วและรุนแรงขนาดนั้น ซึ่งอาจจะเป็นสิ่งที่เรียกว่า “แฟตฟิงเกอร์” ก็คือ การกดขายแบบไม่ได้ตั้งใจ แต่เชื่อว่าอาจจะมีธนาคารกลางในบางประเทศ หรือกลุ่มกองทุน ที่ได้เทขายทองคำออกมาล็อตใหญ่ เพื่อต้องการนำเงินสดไปใช้ในภารกิจบางอย่าง

    ทองคำ อินเตอร์โกลด์

    สิ่งที่เกิดขึ้น ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อตลาดทองคำในภาพรวม แต่หากเกิดเหตุการณ์ในลักษณะนี้หลายครั้งติด ๆ กัน ก็อาจจะเป็นสัญญาณที่ไม่ดีได้ ซึ่งหลังจากนี้ จะต้องเฝ้าติดตามว่าจะมีอาฟเตอร์ช็อคตามมาหรือไม่ อย่างไรก็ดี ภาพใหญ่ของการลงทุนในช่วงนี้ ถือว่าเป็นลักษณะไซด์เวย์ เพราะได้มีการโยกเงินกลับไปลงทุนในตลาดหุ้น ซึ่งกำลังอยู่ในช่วงรีบาวด์ หลังจากที่ได้ปรับตัวลดลงมามาก ซึ่งจะต้องไปดูข้อมูลทางเทคนิคของตลาดหุ้นดาวโจนส์ ว่าจะถึงจุดสูงสุดในรอบนี้เมื่อไร หลังจากนั้น เชื่อว่ากระแสเงินก็อาจจะหวนกลับมายังตลาดทองคำอีกครั้ง เพราะภาพใหญ่ของตลาดยังเป็นช่วงขาขึ้น

    นายธีรรัฐ จุฑาวรากุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินเตอร์โกลด์ โกลด์เทรด จำกัด

    สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของราคาทองคำในช่วงนี้ คาดว่าราคาจะวิ่งในกรอบใหญ่ ระหว่าง 1,640-1,700 ดอลลาร์ โดยที่ผ่านมาราคาได้พยายามวิ่งขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ระดับ 1,700 ดอลลาร์อยู่หลายครั้ง แต่ไม่สามารถทะลุผ่านไปได้ ก่อนกลับมาวิ่งชนแนวรับที่ระดับประมาณ 1,670 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นจุดที่แข็งแกร่งเช่นกัน ทั้งนี้ มองว่าหากราคาทะลุไปได้ ก็จะไปยังจุดแนวรับที่ระดับ 1,660 ดอลลาร์ และ 1,640 ดอลลาร์ ตามลำดับ

    การเคลื่อนไหวของราคาในลักษณะนี้ไม่ส่งผลดีต่อการลงทุนระยะสั้น เพราะช่องว่างระหว่างราคาเสนอซื้อกับเสนอขายยังคงกว้างอยู่ แต่ยังเชื่อว่าในระยะยาวราคาทองคำยังมีอนาคตที่สดใส เป้าหมายแรก คือ การทะลุผ่านระดับ 1,800 ดอลลาร์ ก่อนที่จะมุ่งตรงไปที่เป้าหมายใหญ่ คือ จุดสูงสุดเดิมที่ระดับ 1,920 ดอลลาร์ เพราะปัจจัยทุกอย่างเอื้ออำนวย

    ส่วนปัญหาอื่น ๆ ที่เกิดขึ้นในวงจรค้าทองคำ เนื่องจากได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัส โควิด-19 นั้น ขณะนี้มีสัญญาณดีขึ้นเรื่อย ๆ เพราะตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่เริ่มลดลง

    หลังจากนี้ รัฐบาลหลายประเทศก็คงจะผ่อนปรนมาตรการการล็อคดาวน์ เพื่อให้เศรษฐกิจได้ขับเคลื่อนตัว หลังต้องหยุดชะงักมาระยะเวลาหนึ่ง ทำให้ประชาชนได้รับผลกระทบอย่างมาก ขณะที่รัฐบาลของประเทศนั้น ๆ ก็ต้องใช้เม็ดเงินมหาศาลเข้ามาอุ้มทุกฝ่าย ซึ่งไม่ส่งผลดีต่อการบริหารประเทศในระยะยาวอย่างแน่นอน ที่สำคัญ เชื่อว่าประชาชนในหลาย ๆ ประเทศ ก็จะออกมาเรียกร้องให้หยุดมาตรการล็อคดาวน์ แม้ว่าจะมีความเสี่ยงในการติดเชื้อไวรัส โควิด-19 ก็ตาม

    ขอขอบคุณ บริษัท อินเตอร์โกลด์ โกลด์เทรด จำกัด

  • ราคาทองคำขยับพุ่งสวนสัญญาน้ำมันดิบ WTI ที่ดิ่งหนักจนติดลบ (YLG)

    ราคาทองคำขยับพุ่งสวนสัญญาน้ำมันดิบ WTI ที่ดิ่งหนักจนติดลบ (YLG)

    ราคาทองคำวานนี้ ปิดปรับตัวเพิ่มขึ้น 11.60 ดอลลาร์ต่อออนซ์ มาอยู่ที่ระดับ 1,695 ดอลลาร์ โดยได้รับแรงหนุนจากการร่วงลงอย่างหนักของสัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน พ.ค. ที่ลดลงไปถึง 55.90 ดอลลาร์ หรือ -306% ปิดที่ -37.63 ดอลลาร์/บาร์เรล แตะระดับติดลบเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ จากความวิตกเกี่ยวกับอุปสงค์น้ำมันท่ามกลางความต้องการใช้น้ำมันที่ลดลงจากการระบาดของ COVID-19

    นอกจากนั้น ยังเกิดปัญหาไม่มีสถานที่จัดเก็บเนื่องจากคลังเก็บน้ำมันในสหรัฐใกล้เต็มความจุ สถานการณ์ดังกล่าว ฉุดหุ้นกลุ่มพลังงานให้ร่วงลง จนกดดันดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นสหรัฐให้ปิดร่วงลง 592.05 จุด หรือ -2.44% จึงมีแรงซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยเข้ามา ส่งผลให้ราคาทองคำพุ่งขึ้นไปทดสอบระดับสูงสุดบริเวณ 1,702.72 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ในระหว่างวัน อย่างไรก็ดีราคาทองคำลดช่วงบวกลงในที่สุด เนื่องจากสกุลเงินดอลลาร์ ซึ่งถือเป็นสกุลเงินปลอดภัยได้รับแรงหนุนจากสถานการณ์ดังกล่าวเช่นกัน

    ด้านกองทุน SPDR ถือครองทองคำเพิ่ม 7.9 ตันสู่ระดับ 1,029.59 ตัน ทำให้ในปี 2020 กองทุน SPDR ถือครองทองคำเพิ่มแล้ว 136.34 ตัน สะท้อนกระแสเงินทุนไหลเข้ากองทุน ETF ทองคำยังคงแข็งแกร่ง

    การเคลื่อนไหวของราคาวานนี้ ไม่สามารถสร้างระดับสูงสุดใหม่ แต่สร้างระดับต่ำสุดของใหม่จากวันก่อนหน้า บ่งชี้ว่าเมื่อราคาฟื้นตัวขึ้น แรงขายยังคงมาก หากวันนี้ราคาปรับตัวขึ้นแต่ยังไม่สามารถยืนเหนือ 1,700-1,703 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ ส่งผลให้แรงซื้อยังคงถูกจำกัด โดยวันนี้ ประเมินแนวรับระยะสั้นในโซน 1,668-1,663 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งระดับราคา 1,663 ดอลลาร์ต่อออนซ์เป็นระดับต่ำสุดของสัปดาห์ก่อนหน้า แต่หากหลุดแนวโน้มจะเป็นลบเพิ่มขึ้นวัน

    ทั้งนี้ แนะนำให้ขายหากราคาขยับขึ้นไม่ผ่าน 1,700-1,703 ดอลลาร์ต่อออนซ์ สำหรับการเข้าซื้อเก็งกำไรให้รอราคาย่อตัวลงมาและไม่หลุดแนวรับ 1,668-1,663 ดอลลาร์ต่อออนซ์

  • จับชีพจรราคาทองคำไตรมาส 2 ระยะสั้นย่อตัว ก่อนดีดทะลุ 1,800 ดอลลาร์ (MTS)

    จับชีพจรราคาทองคำไตรมาส 2 ระยะสั้นย่อตัว ก่อนดีดทะลุ 1,800 ดอลลาร์ (MTS)

    ผลพวงจากพิษ ไวรัส โควิด-19 ยังดันราคาทองคำเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง แม้ระยะสั้นอาจจะย่อตัวลง แต่จะดีดกลับทะลุระดับ 1,800 ดอลลาร์ โดยมีเป้าหมายหลักที่จุดสูงสุดเดิม พร้อมยืนยันทองคำยังคงเป็นเซฟเฮเว่น

    นพ.กฤชรัตน์ หิรัณยศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่ม บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด

    นพ.กฤชรัตน์ หิรัณยศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่ม บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด กล่าวถึงการเคลื่อนไหวของราคาทองคำในไตรมาสที่ 2 ว่า เมื่อมองจากปัจจัยที่มีผลต่อราคาทองคำ พบว่ายังคงไม่เปลี่ยนแปลง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการถดถอยของเศรษฐกิจทั่วโลก จากผลกระทบทางเศรษฐกิจจากการระบาดของ COVID-19 เรื่องของผลกระทบจากมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ในวงเงินไม่จำกัด ของธนาคารกลางสหรัฐ ซึ่งคาดว่าจะทำให้ดอลลาร์อ่อนค่าลง รวมถึง เรื่องอัตราดอกเบี้ยทั่วโลกซึ่งยังอยู่ในระดับต่ำ ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ล้วนแต่ส่งผลต่อการปรับตัวเพิ่มขึ้นของราคาทองคำแทบทั้งสิ้น อย่างไรก็ดี มองว่าการเพิ่มขึ้นของราคาทองคำหลังจากนี้ จะไม่เป็นไปในลักษณะอัตราเร่งเหมือนในช่วงไตรมาสแรก ที่ราคาทองคำปรับขึ้นมาถึง 15 เปอร์เซ็นต์

    แต่เมื่อมามองในด้านเทคนิค จะเห็นได้ว่า กราฟราคาทองคำในเดือน เม.ย. อยู่ในเวฟที่ 3 ซึ่งคาดการณ์ว่าน่าจะจบที่ ระดับ 1675 ดอลลาร์ ขณะที่ เวฟ 4 จะเป็นการคอลเลคชั่นของ เวฟ 3 โดยคาดการณ์ว่า แนวรับที่ระดับ 1,655 ดอลลาร์ สามารถรับไว้อยู่ ก่อนขึ้นจะเข้าไปสู่เวฟ 5 ซึ่งคาดว่าจะยาวไม่น้อยกว่าเวฟ 1 โดยคาดว่าราคาทองคำในช่วงนี้จะปรับเพิ่มขึ้น 100-300 ดอลลาร์ และน่าจะไปจบที่ระดับ 1,800 ดออลาร์ ส่วนการคาดการณ์ระดับสุดสูงสุดของราคาทองคำ น่าจะอยู่ที่ระดับประมาณ 1,900 ดอลลาร์ ซึ่งจะเป็นจุดสูงสุดเดิมที่เคยทำไว้ อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์จากต่างประเทศมองว่าราคาทองคำจะปรับตัวเพิ่มขึ้นไปถึง 2,000 ดอลลาร์ด้วยซ้ำ ( ศึกษาเพิ่มเติม Elliott Wave )

    จากภาพรวมมองว่า ทองคำยังคงเป็นเซฟเฮเว่นที่ดีเยี่ยม และการคาดการณ์ทั้งหมด มาจากเรื่องของเทคนิคการลงทุนล้วน ๆ ไม่ได้วิเคราะห์จากความู้สึกหรือความเห็นส่วนตัว ซึ่งการที่จะตัดสินใจเข้าซื้อหรือขายทองคำในทุกครั้งจะต้องมีเหตุมีผลทางด้านเทคนิครองรับ อย่างไรก็ดีระหว่างทางอาจจะมีเรื่องปัจจัยอื่น ๆ เข้ามาเสริม ซึ่งอาจจะทำให้คลาดเคลื่อนไปบ้าง แต่คาดว่าการเคลื่อนไหวของราคาจะไม่ต่างจากกรอบนี้มากนัก

    นพ.กฤชรัตน์ หิรัณยศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่ม บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
    MTS GOLD BULLION

    กลยุทธ์การลงทุน ก็ขึ้นอยู่กับแต่ละคนว่าจะมีเป้าหมายอย่างไร จะลงทุนแบบระยะสั้นมาก ระยะสั้น ระยะกลาง หรือ ระยะยาว ซึ่งวิธีการ ความเสี่ยง และผลตอบแทนจะต่างกัน แต่ละคนจะต้องศึกษา เข้าใจ และยอมรับ คงไม่สามารถใช้แนวทางหรือวิธีการของแนวทางใดแนวทางหนึ่งมาใช้เพื่อต้องการผลลัพธ์อีกแบบหนึ่งได้

    นพ.กฤชรัตน์ หิรัณยศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่ม บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด

    ส่วนการคาดการณ์การเคลื่อนไหวของราคาทองคำในสัปดาห์นี้ (20 เม.ย.) มองว่าจะเป็นลักษณะคอลเลคชั่น โดยมองเป้าหมายราคาไว้ที่ 1,670 ดอลลาร์ โดยอาจจะเพิ่มขึ้นหรือลดลงได้ประมาณ 20 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นไปตามลักษณะของการแกว่งของราคาทองคำในช่วงนี้ ซึ่งตลาดมีความผันผวนมาก

    สำหรับเรื่องของวงจรการค้าทองคำ ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส โควิด-19 ทำให้การขนส่งทางอากาศมีปัญหา และโรงงานรีไฟน์ทองยังปิดทำการนั้น ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่ม บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด มองว่าปัญหาทุกอย่างน่าจะคลี่คลายในช่วงสัปดาห์หน้า หลังตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่เริ่มลดลงต่อเนื่องในหลายประเทศ และหลายประเทศเริ่มมีนโยบายที่จะผ่อนคลาดมาตรการล็อคดาวน์ เพื่อเปิดให้ผู้ประกอบการสามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้ หลังจากต้องหยุดกิจการมาเป็นเวลานาน เพื่อแก้ปัญหาการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19

    ขอขอบคุณ บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด

  • จับตาทิศทางราคาทองคำ หลังร่วงต่ำกว่า 1,700 ดอลลาร์ (YLG)

    จับตาทิศทางราคาทองคำ หลังร่วงต่ำกว่า 1,700 ดอลลาร์ (YLG)

    ราคาทองคำวันศุกร์ที่ผ่านมาปิดปรับตัวลดลงถึง 33.57 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยได้รับแรงกดดันจากการที่นักลงทุนกลับมาเปิดรับความเสี่ยงอีกครั้ง ขานรับแผนของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ในการกลับมาเปิดประเทศอีกครั้ง บวกรวมกับรายงานเชิงบวกเกี่ยวกับการทดลองยา “remdesivir” ของบริษัท Gilead Sciences Inc ในผู้ป่วยหนักจากโควิด-19 ทำให้ ดัชนีดาวโจนส์ปิดเพิ่มขึ้น 704.81 จุด หรือ 2.99% สถานการณ์ดังกล่าวกดดันให้เกิดแรงขายทำกำไรในทองคำ ที่อยู่ในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ส่งผลให้ราคาทองคำร่วงลงแตะระดับต่ำสุดบริเวณ 1,677.55 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ก่อนที่ราคาทองคำจะฟื้นตัวขึ้นบ้างในช่วงปลายตลาด โดยได้รับแรงหนุนจากดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงในวันศุกร์

    ขณะที่ ผลกระทบทางเศรษฐกิจจากการระบาดของ ไวรัส COVID-19 กระตุ้นให้ประเทศต่างๆ ทั่วโลกดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจทางการคลัง พร้อม ๆ กับที่ธนาคารกลางต่าง ๆ ทั่วโลก ทำการอัดฉีดสภาพคล่อง ซึ่งคิดเป็นมูลค่ารวมเกือบ 14 ล้านล้านดอลลาร์ แล้ว จึงเป็นส่วนหนึ่งที่นักลงทุนเข้ามาช้อนซื้อทองคำเอาไว้เมื่อราคาทองคำอ่อนตัวลงจากการคาดการณ์ว่า เม็ดเงินเหล่านั้นมีแนวโน้มจะหนุนราคาทองคำดังเช่นที่เคยเกิดขึ้นในช่วงหลังวิกฤต Subprime Crisis ในปี 2008

    การเคลื่อนไหวของราคาทองคำในวันนี้ ราคามีแรงขายออกมาอย่างชัดเจน หลังจากหลุดกรอบทิศทางขาขึ้นในโซน 1,700 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยราคาอ่อนตัวลงสร้างระดับต่ำสุดใหม่จากวันก่อนหน้า จะทำให้แรงซื้อชะลอตัวลง แต่หากการอ่อนตัวลงไม่หลุดโซนแนวรับ 1,663 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (ระดับต่ำสุดของสัปดาห์ก่อนหน้า) อาจเกิดแรงซื้อดันให้ราคาปรับตัวขึ้นช่วงสั้น โดยมีแนวต้านระยะสั้นที่ 1,690-1,700 ดอลลาร์ต่อออนซ์

    ทั้งนี้ แนะนำว่าหากราคาทองคำไม่สามารถยืนเหนือแนวต้าน 1,690-1,700 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ ให้แบ่งทองคำออกขาย โดยการเข้าซื้อคืนอาจต้องรอจังหวะเมื่อราคาอ่อนตัวลงแล้วไม่หลุดโซนแนวรับ 1,663 ดอลลาร์ต่อออนซ์

    ขอขอบคุณ : บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด