บทวิเคราะห์ราคาทองคำวันนี้ 23 ก.ย.63 (HGF)

ฮั่วเซ่งเฮง

ทองคำปรับลงต่อเนื่อง จากเงินดอลลาร์แข็งค่าสุดในรอบเกือบ 2 เดือน 

คืนนี้ติดตามการแถลงของประธานเฟดต่อสภาคองเกรสเป็นวันที่ 2

แนวโน้มราคาทองคำคาดฟื้นตัว

  • ราคาทองคำ Spotเมื่อวานปรับลงต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 เนื่องจากเงินดอลลาร์แข็งค่าอย่างต่อเนื่องและแข็งค่าสุดในรอบเกือบ 2 เดือน จากความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของมาตรการล็อกดาวน์ในยุโรปเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19    ส่วนประธานธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)แถลงต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎร ระบุว่าเศรษฐกิจสหรัฐยังมีความไม่แน่นอน เฟดจะใช้เครื่องมือทั้งหมดที่มีอยู่ในขณะนี้เพื่อพยุงเศรษฐกิจสหรัฐให้ฟื้นตัวจากผลกระทบของแพร่ระบาดของโควิด-19 ทางด้านกองทุน SPDRGold Trust ขายทองคำ 0.59 ตันเมื่อวาน
  • วันนี้ติดตามการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน คาดการณ์ว่าจะตรึงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่เดิม 0.50%  ส่วนคืนนี้ติดตามการแถลงของประธานเฟดต่อสภาคองเกรสเป็นวันที่ 2 โดยเป็นการแถลงต่อคณะอนุกรรมการประจำสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ คาดว่าเนื้อหาไม่ได้แตกต่างจากที่แถลงในคืนแรก นอกจากนี้คืนนี้สหรัฐจะประกาศดัชนี PMI ภาคการผลิตและภาคบริการเดือนก.ย. ตลาดคาดจะลดลงสู่ระดับ 52.5 และ 54.5 ตามลำดับ
  • แนวโน้มราคาทองคำคาดเริ่มฟื้นตัว โดยมีแนวต้าน 1,920 ดอลลาร์ และ 1,940 ดอลลาร์ ส่วนแนวรับอยู่ที่ 1,895ดอลลาร์และ1,882 ดอลลาร์

ราคาทองตลาดโลก

Closechg.SupportResistance
1,899.80-12.31,895/1,8821,920/1,940

ราคาทองแท่ง 96.5%

Closechg.SupportResistance
28,300-30028,200/28,00028,500/28,750

โกลด์ฟิวเจอร์ส

ClosechgSupportResistance
28,530-17028,350/28,18028,700/28,950

แนะนำซื้อเก็งกำไรที่ราคาทองคำ Spot1,895-1,900 ดอลลาร์ (GF28,350 บาท) โดยมีจุดขายตัดขาดทุนที่ 1,882ดอลลาร์ (GF 28,180 บาท)

การลงทุนในทองแท่ง แนะนำทยอยซื้อสะสมที่ราคาทองคำ Spot 1,895-1,900 ดอลลาร์ และ 1,882 ดอลลาร์

โกลด์ออนไลน์ฟิวเจอร์

ClosechgSupportResistance
1,919.30-19.101,900/1,8871,925/1,945

แนะนำซื้อเก็งกำไรที่ราคาGOZ201,900 ดอลลาร์โดยมีจุดขายตัดขาดทุนที่ 1,887ดอลลาร์

เงินบาท

ทิศทางเงินบาทในวันนี้คาดอ่อนค่าลงวันนี้ติดตามการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินโดยเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของมาตรการล็อกดาวน์ในยุโรปเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งUSD Futures เดือนธ.ค.63คาดจะมีแนวรับที่ 31.30บาท/ดอลลาร์ ขณะที่มีแนวต้านที่ 31.50 บาท/ดอลลาร์

News

ตลาดการเงินต่างประเทศ: ดอลล์แข็งค่าเหตุวิตกล็อกดาวน์หนุนแรงซื้อสกุลเงินปลอดภัย

ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนที่ผ่านมา (22 ก.ย.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงเดินหน้าซื้อดอลลาร์ในฐานะสกุลเงินปลอดภัยท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของมาตรการล็อกดาวน์ในยุโรปเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 รวมทั้งความกังวลเกี่ยวกับข้อพิพาทระหว่างสหรัฐและจีนดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงินเพิ่มขึ้น 0.36% แตะที่ระดับ 93.9916 เมื่อคืนนี้

ตลาดโลหะมีค่าต่างประเทศ: ทองปิดลบ 3 ดอลลาร์เหตุเงินดอลล์แข็งค่าต่อเนื่อง

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนที่ผ่านมา (22 ก.ย.) โดยได้รับแรงกดดันจากสกุลเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าอย่างต่อเนื่องนอกจากนี้ข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐยังส่งผลให้นักลงทุนลดการถือครองทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัยสัญญาทองคำตลาดCOMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 3 ดอลลาร์หรือ 0.16% ปิดที่ 1,907.6 ดอลลาร์/ออนซ์สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 13.6 เซนต์หรือ 0.56% ปิดที่ 24.523 ดอลลาร์/ออนซ์

ตลาดน้ำมันดิบต่างประเทศ:น้ำมันWTI ปิดบวก 29 เซนต์รับคาดการณ์สต็อกน้ำมันดิบร่วง

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนที่ผ่านมา (22 ก.ย.) ขานรับการคาดการณ์ที่ว่าสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐจะปรับตัวลดลงติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่สองอย่างไรก็ดีช่วงบวกของราคาน้ำมันถูกสกัดด้วยความวิตกกังวลที่ว่าการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมันสัญญาน้ำมันดิบWTI ส่งมอบเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 29 เซนต์หรือ 0.7% ปิดที่ 39.60 ดอลลาร์/บาร์เรลโดยสัญญาน้ำมันเดือนต.ค.ได้ครบกำหนดส่งมอบแล้วในวันอังคารที่ 22 ก.ย.  สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนพ.ย. เพิ่มขึ้น 28 เซนต์หรือ 0.7% ปิดที่ 41.72 ดอลลาร์/บาร์เรล

ตลาดหุ้นต่างประเทศ:แรงซื้อหุ้นเทคโนฯหนุนดาวโจนส์ปิดบวก 140.48 จุด

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนที่ผ่านมา (22 ก.ย.) โดยได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีนำโดยหุ้นแอมะซอนดอทคอมที่ทะยานขึ้นเกือบ 5.7% นอกจากนี้ตลาดยังได้ปัจจัยบวกจากแรงช้อนซื้อเก็งกำไรหลังจากตลาดหุ้นนิวยอร์กร่วงลงอย่างหนักในช่วงที่ผ่านมาขณะที่นักลงทุนจับตาถ้อยแถลงของนายเจอโรมพาวเวลประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งจะแถลงต่อสภาคองเกรสในสัปดาห์นี้ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 27,288.18 จุดเพิ่มขึ้น 140.48 จุดหรือ +0.52% ขณะที่ดัชนีNasdaq ปิดที่  10,963.64 จุดเพิ่มขึ้น 184.84 จุดหรือ +1.71% ส่วนดัชนีS&P500 ปิดที่ 3,315.57 จุดเพิ่มขึ้น 34.51 จุดหรือ +1.05%

ร่างแถลงการณ์”พาวเวล”ชี้เฟดพร้อมใช้ทุกเครื่องมือเพื่อหนุนเศรษฐกิจสหรัฐ

นายเจอโรมพาวเวลประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยว่าเศรษฐกิจสหรัฐกำลังฟื้นตัวแต่อาจต้องใช้เวลาอีกนานกว่าที่จะฟื้นตัวอย่างเต็มที่จากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19      “มีสัญญาณหลายอย่างบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจกำลังฟื้นตัวแต่ทั้งตัวเลขการจ้างงานและกิจกรรมทางเศรษฐกิจโดยรวมยังคงอยู่ในระดับต่ำกว่าก่อนช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 และทิศทางเศรษฐกิจในวันข้างหน้ายังคงไม่แน่นอนสูงมาก” พาวเวลระบุในร่างแถลงการณ์ซึ่งส่งให้กับสื่อมวลชนก่อนที่จะแถลงอย่างเป็นทางการต่อคณะกรรมาธิการด้านการเงินแห่งสภาผู้แทนราษฎรในวันอังคารตามเวลาสหรัฐนายพาวเวลกล่าวว่าเฟดยังคงมุ่งมั่นที่จะใช้เครื่องมือทั้งหมดที่มีอยู่ในขณะนี้เพื่อพยุงเศรษฐกิจสหรัฐให้ฟื้นตัวจากผลกระทบของโรคโควิด-19 ที่แพร่ระบาดและเพื่อสร้างความเชื่อมั่นว่าเครื่องมือเหล่านี้จะช่วยให้เศรษฐกิจสามารถฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งและลดความเสียหายที่เกิดขึ้นกับเศรษฐกิจนายพาวเวลได้เน้นย้ำถึงความจำเป็นของการใช้นโยบายทั้งในด้านการเงินและการคลังเพื่อป้องกันไม่ให้การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 สร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจในระยะยาว

สหรัฐไฟเขียว “อินเทล” ส่งสินค้าป้อน “หัวเว่ย” แม้สัมพันธ์จีนตึงเครียด

บริษัทอินเทลคอร์ปแถลงว่าอินเทลได้รับใบอนุญาตจากรัฐบาลสหรัฐให้ยังคงจัดหาสินค้าให้กับบริษัทหัวเว่ยเทคโนโลยี่ของจีนการเปิดเผยของอินเทลสอดคล้องกับที่หนังสือพิมพ์ไชน่าซิเคียวริตีส์เจอร์นัลของรัฐบาลจีนรายงานในสัปดาห์นี้ว่าอินเทลได้รับอนุญาตจากรัฐบาลสหรัฐให้จัดหาสินค้าให้กับหัวเว่ยทั้งนี้การที่ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐและจีนเป็นไปอย่างตึงเครียดมากที่สุดในรอบหลายสิบปีทำให้สหรัฐพยายามกดดันให้รัฐบาลทั่วโลกบีบหัวเว่ยโดยรัฐบาลสหรัฐมองว่าหัวเว่ยเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของสหรัฐและเชื่อว่าอุปกรณ์ของหัวเว่ยอาจถูกใช้เพื่อทำการจารกรรมข้อมูลทางไซเบอร์ขณะที่หัวเว่ยปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าว

อินเดียลุ้นผลทดสอบวัคซีนต้านโควิดปลายปีนี้คาดใช้ได้เร็วสุดช่วงครึ่งปีหน้า

ศาสตราจารย์กากันดีปคังผู้เชี่ยวชาญด้านจุลชีววิทยาแห่งวิทยาลัยการแพทย์Christian Medical College ของอินเดียและหนึ่งในคณะกรรมการที่ปรึกษาด้านความปลอดภัยวัคซีนของWHO เปิดเผยกับสื่อมวลชนว่าอินเดียอาจได้ใช้วัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ภายในต้นปี 2564   ศาสตราจารย์กากันดีปกล่าวว่าภายในสิ้นปีนี้เราจะมีข้อมูลที่บอกได้ว่าวัคซีนใดจะใช้ได้ผลและไม่ได้ผลบ้างหากผลการทดสอบวัคซีนเป็นที่น่าพอใจภายในช่วงปลายปีนี้เราก็จะพิจารณาเลือกวัคซีนจำนวนหนึ่งที่มีประสิทธิภาพมากพอที่จะนำมาใช้ได้ในช่วงครึ่งแรกของปี 2564 และคาดว่าจะมีวัคซีนใช้ได้มากขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังอย่างไรก็ดีการนำวัคซีนออกมาใช้ได้อย่างปลอดภัยกับประชาชนกว่า 1.3 พันล้านคนนั้นถือเป็นความท้าทายใหญ่ในการต่อสู้กับโรคโควิด-19 ซึ่งศาสตราจารย์กากันดีปกล่าวว่าวัคซีนชนิดใดก็ตามที่อยู่ในช่วงการทดลองระยะที่ 3 ไม่ว่าจะวิจัยในประเทศหรือทดสอบโดยบริษัทยาฝั่งตะวันตกก็มีโอกาสประสบความสำเร็จเพียง 50%

นักวิเคราะห์เชื่อเศรษฐกิจจีนฟื้นตัวจากวิกฤติโควิด-19 ได้แข็งแกร่ง

นายจิมโอนีลอดีตหัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของโกลด์แมนแซคส์คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจจีนจะฟื้นตัวจากวิกฤติการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ได้อย่างแข็งแกร่งนอกจากนี้นายโอนีลยังมองว่าเศรษฐกิจจีนจะฟื้นตัวจนเป็นปัจจัยขับเคลื่อนที่สำคัญต่อเศรษฐกิจโลกด้วยก่อนหน้านี้ธนาคารพัฒนาเอเชีย (ADB) เปิดเผยรายงานระบุว่าจีนเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศที่เศรษฐกิจขยายตัวสวนทางภูมิภาคโดยคาดว่าGDP จีนจะขยายตัว 1.8% ในปีนี้และ 7.7% ในปีหน้าโดยได้แรงหนุนจากการดำเนินมาตรการด้านสาธารณสุขที่ประสบความสำเร็จ

ขอขอบคุณ : บริษัท ฮั่วเซ่งเฮง โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด(HGF)

บทวิเคราะห์ราคาทองคำวันนี้ 22 ก.ย.63 (InterGold)

กลยุทธ์ : เก็บของ
แนวต้าน : 1970, 29000 บาท
แนวรับ : 1900, 28250 บาท

สัปดาห์ที่ผ่านมาราคาทองนิ่งๆ ไม่ไปไหน โดยกรอบราคาทางเทคนิคบอกว่า ราคาจะเคลื่อนที่แบบสุ่ม ไม่มีเทรน อยู่ในโซน 1970 ถึง 1900 แต่หากเบรค 1970 ขึ้นไปได้ มีโอกาสเป็นขาขึ้นใหญ่ต่อยาวๆ ดังนั้นแนะนำให้รอซื้อต่ำกว่า 1935 เด้งขึ้นมาเหนือ 1935 ใครอยากขายทำกำไรก็ได้ จะไม่ขายถือไปยาวๆก็ได้

ขอขอบคุณ บริษัท อินเตอร์โกลด์ โกลด์เทรด จำกัด

รอ Rebound หลัง goldspot เกิด Panic Sell (ShiningGold)

แนวต้าน 1,927-30 ดอลลาร์ 1,945 ดอลลาร์ และ 1,958 ดอลลาร์
แนวรับ 1,902 ดอลลาร์ 1,879 ดอลลาร์  และ1,869 ดอลลาร์

ShiningGold : เมื่อวานนี้ราคาทองคำเกิดการ Panic Sell จากเทคนิคหลุดจุดสำคัญและจากประเด็นความคืบหน้าวัคซีนทางฝั่ง สหรัฐเพิ่มเติม โดย ดร. Moncef Slaoui กล่าวในเชิงว่าจะสหรัฐจะมีวัคซีนพร้อมใช้งาน ธ.ค. อีกทั้ง ปธน.ทรัมป์ยังสนับสนุน Pfizer ว่าเป็นผู้นำการผลิตวัคซีน

ก่อนหน้านั้น ปธน.ทรัมป์ให้การสนับสนุน AstraZeneca ที่คาดว่าจะผลิตออกมาในช่วงปลายเดือน ตุลาคมแต่เกิดสะดุด หลังจากนี้คาดว่าข่าววัคซีนน่าจะมาถี่ขึ้นแต่ไม่ตัดประเด็นทั้งแง่บวก และลบต่อทองคำจึงควรติดตามข่าวอย่างใกล้ชิด

นักลงทุนระยะสั้น แนะ Rebound Open Short ที่ระดับ 1,927-30 ดอลลาร์ และ1,945 ดอลลาร์ ตั้ง SLที่ระดับ 1,949 ดอลลาร์

ส่วนการคาดการณ์ราคาทองคำไทย ช่วงนี้ค่าเงินบาทอ่อนค่าต่อเนื่อง ทองคำเป็นลักษณะรีบาวน์เล็กน้อยเพื่อลงต่อ กลยุทธ์ ซื้อเพียงเล่นรอบตามแนวรับ และจะซื้อสะสมราคาไทยใกล้บาทละ 27,700 บาทลงไป “

โดยแนวต้านอยู่ที่บาทละ  28,460 บาท  28,580 บาท และ 28,770 บาท แนวรับอยู่ที่บาทละ 28,120 บาท  27,830 บาท และ 27,690 บาท

แนะซื้อเก็บราคาทองคำระยะยาวยังไปได้(InterGold)

แนวต้าน : 1,970 ดอลลาร์ หรือ บาทละ 29,000 บาท
แนวรับ : 1,900 ดอลลาร์ หรือบาทละ  28,250 บาท

Intergold : สัปดาห์ที่ผ่านมาราคาทองคำเคลื่อนไหวทรงตัวไม่ไปไหน โดยกรอบราคาทางเทคนิคชี้ชัด ราคาจะเคลื่อนที่แบบสุ่ม ไม่มีเทรนด์ อยู่ในโซน 1,970 ถึง 1,900 ดอลลาร์ แต่หากเบรคที่ระดับ 1,970 ดอลลาร์ขึ้นไปได้ มีโอกาสเป็นขาขึ้นใหญ่ต่อยาวๆ

ดังนั้นแนะนำให้รอซื้อต่ำกว่าระดับ 1,935 ดอลลาร์ หากราคาทำงคำเด้งขึ้นมาเหนือระดับ 1,935 ดอลลาร์ ใครอยากขายทำกำไรก็สามารถทำได้ แต่หากจะไม่ขาย ก็สามารถถือไปยาวๆ ก็ได้

บทวิเคราะห์ราคาทองคำวันนี้ 22 ก.ย.63 (YLG)

YLG BULLION

ราคามีกำลังซื้อที่ไม่มากหลังจากวานนี้ทิ้งตัวลงแรง จับตาบริเวณโซนแนวต้าน 1,920-1,928 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากยังไม่สามารถยืนได้อย่างแข็งแกร่ง การลงทุนในช่วงนี้จึงเน้นไปที่รอจังหวะขายเมื่อราคาดีดตัวไม่ผ่านแนวต้านดังกล่าว

แนวรับ : 1,882 1,862 1,837  แนวต้าน : 1,928 1,955 1,973

สรุป  

ราคาทองคำวานนี้ปิดปรับตัวลดลงถึง 38.79  ดอลลาร์ต่อออนซ์  ขณะที่ในระหว่างวันราคาดิ่งหลุด 1,900 ดอลลาร์ต่อออนซ์เป็นครั้งแรกในรอบกว่า 1 เดือน  และร่วงลงแตะระดับต่ำสุดบริเวณ 1,881.83 ดอลลาร์ต่อออนซ์  โดยได้รับแรงกดดันจากปัจจัยต่างๆ  ได้แก่  (1.) การแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์  จากแรงซื้อดอลลาร์ในฐานะสกุลเงินปลอดภัย  นอกจากนี้สกุลเงินดอลลาร์ยังได้รับแรงหนุนเพิ่มจากการอ่อนค่าของสกุลเงินปอนด์  และยูโร  หลังจากจำนวนผู้ติดเชื้อ COVID-19 ในยุโรปเพิ่มสูงขึ้น  ขณะที่เดนมาร์ก  กรีซและสเปนได้ประกาศใช้ “ข้อจำกัดใหม่” ส่วนอังกฤษกำลังพิจารณาออกมาตรการล็อกดาวน์รอบสอง  สถานการณ์ดังกล่าวหนุนให้ดัชนีดอลลาร์แข็งค่าขึ้น +0.78% แตะระดับสูงสุดรอบเกือบ 6 สัปดาห์บริเวณ 93.777 จนเป็นปัจจัยหลักที่กดดันราคาทองคำ  (2.) แรงขายทำกำไรทองคำเพื่อเติม Margin และชดเชยขาดทุนในสินทรัพย์อื่น หลังจากตลาดหุ้นสหรัฐและตลาดหุ้นยุโรปดิ่งลงอย่างหนัก  จากความวิตกเกี่ยวกับผลกระทบต่อเศรษฐกิจจากมาตรการล็อกดาวน์รอบสอง  และรายงานที่ว่าธนาคารหลายแห่งมีส่วนเกี่ยวข้องกับการทำธุรกรรมโอนเงินที่ผิดกฎหมาย  รวมไปถึงความล่าช้าของการออกมาตรการเยียวยาเศรษฐกิจครั้งใหม่ในสหรัฐ  ส่วนราคาน้ำมันปิดร่วงลงกว่า 4% จากรายงานที่ว่าลิเบียอาจจะส่งออกน้ำมันดิบเข้าสู่ตลาดโลกได้มากขึ้น  ปัจจัยที่กล่าวมากดดันให้ราคาทองคำดิ่งลงก่อนจะมีแรงซื้อ Buy the dip เข้ามาหนุนให้ราคากลับปิดตลาดเหนือ 1,900 ดอลลาร์ต่อออนซ์  ด้านกองทุน SPDR ถือครองทองเพิ่ม +18.98 ตัน สะท้อนว่านักลงทุนยังไม่ละทิ้งทองคำ  สำหรับวันนี้ติดตามการเปิดเผยยอดขายบ้านใหม่, ดัชนีภาคการผลิตจากเฟดริชมอนด์ และ Testimony ของนายพาวเวลล์ ประธานเฟด

ข่าวสารประกอบการลงทุน :

  • (+) “ทรัมป์”ขู่ฉีกข้อตกลง”TikTok”หากไม่เป็นไปตามต้องการ  เมื่อวานนี้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐระบุว่า เขาจะรักษาข้อตกลงที่จะส่งเสริมการควบคุมของสหรัฐต่อ TikTok ซึ่งเป็นแอพพลิเคชั่นสื่อสังคมยอดนิยมของจีนหากเป็นไปได้ แต่จะ “ตัดทิ้ง” หากไม่อาจรักษาได้  ในการกล่าวต่อผู้สื่อข่าวก่อนออกจากทำเนียบขาว ปธน.ทรัมป์ระบุว่าเขา “เห็นชอบในขั้นต้น” ต่อแผนเพื่อให้บริษัท Oracle และ Walmart ของสหรัฐถือหุ้นในบริษัทใหม่ของสหรัฐเพื่อดำเนินการ TikTok  ซึ่งปัจจุบันเป็นของบริษัท Bytedance สัญชาติจีน  แต่ประธานาธิบดีสหรัฐเน้นย้ำว่า เขาอาจฉีกข้อตกลงหากไม่เป็นไปตามความต้องการของเขา
  • (+) เฟดชิคาโกเผยดัชนีกิจกรรมทางเศรษฐกิจปรับตัวลงในเดือนส.ค.  ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาชิคาโก เปิดเผยว่า ดัชนี Chicago Fed National Activity Index (CFNAI) ปรับตัวลงสู่ระดับ 0.79 ในเดือนส.ค. จากระดับ 2.54 ในเดือนก.ค.  การร่วงลงของดัชนีได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของการจ้างงานและการผลิต
  • (-) ยุโรปอาจออกมาตรการจำกัดเพิ่มในอีกไม่กี่วันขณะยอดผู้ติดโควิด-19 ทะยานรวดเร็ว  นักวิเคราะห์เตือนว่า ประเทศต่างๆของยุโรปมีแนวโน้มจะออกมาตรการจำกัดมากขึ้นต่อการดำเนินชีวิตของสาธารณชนในช่วงไม่กี่วันข้างหน้า ขณะที่จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ยังคงทะยานขึ้นอย่างรวดเร็ว  นักวิเคราะห์ของ Deutsche Bank ระบุว่า “คาดว่าจะมีการออกมาตรการจำกัดเพิ่มเติมมากมายในช่วงหลายวันและหลายสัปดาห์ข้างหน้า โดยเฉพาะในยุโรป ข้อเท็จจริงที่ว่า โควิด-19 แพร่กระจายค่อนข้างรวดเร็วเป็นความกังวลสำคัญ”  ได้มีการออกมาตรการจำกัดระดับท้องถิ่นในหลายพื้นที่ของยุโรปเพื่อระงับการแพร่กระจายของเชื้อ เช่น หลายพื้นที่ของอังกฤษตอนเหนืออยู่ภายใต้การปิดเมือง รวมทั้งหลายพื้นที่ของกรุงมาดริด เมืองหลวงของสเปนเช่นกัน ที่ปรึกษาด้านวิทยาศาสตร์ระดับสูงของอังกฤษเตือนเมื่อวานนี้ว่า หากปราศจากการดำเนินการ อังกฤษอาจมีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 50,000 คนต่อวันภายในกลางเดือนต.ค. โดยเชื่อว่ารัฐบาลอังกฤษกำลังพิจารณาการปิดเมืองทั่วประเทศในระยะสั้นเพื่อชะลอการระบาดของโควิด-19
  • (-) อังกฤษเตรียมสั่งผับ,ร้านอาหารปิด 22.00 น.หลังยอดผู้ติดโควิด-19 ทะยานขึ้น  ผับ, บาร์, ร้านอาหาร และสถานบริการอื่นๆทั้งหมดทั่วอังกฤษต้องเริ่มปิดในเวลา 22.00 น.ตั้งแต่วันพฤหัสบดี ขณะที่ นายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสันต่อสู้กับการระบาดระลอก 2 ของโควิด-19  ความเห็นส่วนหนึ่งของนายกฯจอห์นสันจากสำนักนายกรัฐมนตรีเมื่อวานนี้ระบุว่า นายกฯจอห์นสัน ซึ่งมีกำหนดแถลงต่อสภาและประเทศในวันนี้ตามเวลาท้องถิ่น จะระบุว่า ภาคบริการจะถูกจำกัดโดยกฎหมายในการบริการที่โต๊ะอาหารเท่านั้น 
  • (-) นายกฯอังกฤษเตรียมแถลงต่อสภาวันนี้ ลือสนั่นเล็งประกาศล็อกดาวน์รอบ 2  ประธานสภาสามัญชน ซึ่งเป็นสภาล่างของอังกฤษ กล่าวว่า นายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ จะกล่าวแถลงการณ์ต่อรัฐสภาในวันนี้ หลังจากที่เขาได้ใช้เวลา 3 วันที่ผ่านมาในการหารือกับฝ่ายต่างๆเกี่ยวกับมาตรการในการสกัดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศ  สื่อรายงานว่า นายจอห์นสันอาจประกาศล็อกดาวน์ทั่วประเทศเป็นครั้งที่ 2 เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดดังกล่าว 
  • (-) ดอลล์แข็ง นลท.รุกซื้อสินทรัพย์ปลอดภัยเหตุกังวลผลกระทบล็อกดาวน์  ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (21 ก.ย.) เนื่องจากนักลงทุนแห่ซื้อดอลลาร์ในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดจากมาตรการล็อกดาวน์เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19  ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.79% แตะที่ระดับ 93.6581 เมื่อคืนนี้  ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 104.78 เยน จากระดับ 104.55 เยน และแข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9152 ฟรังก์ จากระดับ 0.9101 ฟรังก์ นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐยังแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.3318 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3192 ดอลลาร์แคนาดา  ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1754 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1853 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 1.2795 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2924 ดอลลาร์
  • (+/-) ดาวโจนส์ปิดร่วง 509.72 จุด วิตกล็อกดาวน์รอบสอง,มาตรการเยียวยาศก.ไม่คืบ  ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 500 จุดเมื่อคืนนี้ (21 ก.ย.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับการใช้มาตรการล็อกดาวน์รอบที่สองในยุโรปเพื่อควบคุมการระบาดของไวรัสโควิด-19 นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากความขัดแย้งระหว่างสภาคองเกรสและทำเนียบขาวเกี่ยวกับการออกมาตรการเยียวยาเศรษฐกิจครั้งใหม่ รวมทั้งรายงานที่ว่าธนาคารหลายแห่งมีส่วนเกี่ยวข้องกับการทำธุรกรรมโอนเงินที่ผิดกฎหมาย ซึ่งข่าวดังกล่าวได้ฉุดหุ้นกลุ่มธนาคารดิ่งลงอย่างหนัก  ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 27,147.70 จุด ร่วงลง 509.72 จุด หรือ -1.84% ขณะที่ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 10,778.80 จุด ลดลง 14.48 จุด หรือ -0.13% ส่วนดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,281.06 จุด ลดลง 38.41 จุด หรือ -1.16%

ขอขอบคุณ  : บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG)

บทวิเคราะห์ราคาทองคำวันนี้ 22 ก.ย.63 โดย MTS GOLD

ทิศทางราคาทองคำ

ทองคำปรับตัวลดลงกว่า 2% โดยที่การร่วงลงมาทดสอบ 1,882 เหรียญ ก่อนจะดีดมาปิดแถว 1,910 เหรียญ โดยประมาณ ท่ามกลางแรงเทขายอย่างหนักเช่นเดียวกับตลาดหุ้นดาวโจนส์ที่ปรับลงไปกว่า 900 จุดในช่วงต้นตลาด ก่อนจะปิดปรับขึ้นได้เล็กน้อยในช่วงปลายตลาด

โดยดัชนีดาวโจนส์ปิด -509.72 จุด หรือ -1.8% ที่ระดับ 27,147.70 จุด ขณะที่ ดัชนี S&P500 ปิด -1.2% ที่ 3,281.06 จุด และดัชนี Nasdaq ปิด -0.1% ที่ 10,778.80 จุด ด้านดัชนีดอลลาร์ปรับขึ้นไปที่ 93.70 จุด ก่อนที่เช้านี้จะปรับลงมาเล็กน้อยที่ 93.50 จุด ด้านเงินบาทกลับมาอ่อนค่าที่ 31.42 บาท/ดอลลาร์จากความไม่แน่นอนภายในประเทศ

หลังจากที่เมื่อวานนี้บางช่วงหลุดต่ำกว่า 31 บาท/ดอลลาร์ ตลาดดูจะผิดหวังต่อการที่เฟดไม่มีการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม ขณะที่สภาคองเกรสก็ยังไม่ผ่านร่างเพิ่มเติมใดๆ สำหรับกองทุน SPDR เข้าซื้อทองคำในระดับรายวันที่มากที่สุดกว่า 31.84 ตันเมื่อวานนี้ ทำให้ปัจจุบันมีการถือครองทองคำมากขึ้นมาที่ 1,278.82 ตัน ในส่วนของคืนนี้ต้องจับตาถ้อยแถลงของนายโพเวลล์ ต่อสภาคองเกรสเป็นคืนแรก

วิเคราะห์ราคาทองคำทางเทคนิค

ราคาทองคำ Break แนวรับระยะสั้น 1,930 เหรียญลงมา ทำให้ระยะสั้นและปานกลางปรับเป็นทิศทางขาลง โดยทองคำมีการทดสอบ Fibonacci Retracement 50%

ซึ่งวันนี้คาดว่าราคาทองคำจะเคลื่อนไหวในกรอบแนวรับ 1,890 เหรียญ และแนวต้าน 1,930 เหรียญ ในส่วนของ Gold Online Futures คาดจะมีแนวรับ 1,890 เหรียญ และแนวต้าน 1,931 เหรียญ  และ  Gold Comex คาดจะมีแนวรับ 1,895 เหรียญ และแนวต้าน 1,935 เหรียญ อย่างไรก็ดี ราคาทองคำไทยคาดว่าน่าจะปรับตัวลดลงประมาณ 200 จุด

กลยุทธ์การลงทุนในวันนี้

เก็งกำไรขาลงระยะสั้นๆในกรอบ มี Stop Loss หากสูงกว่า 1,935 เหรียญ

– นักลงทุนที่ถือ Long Position 

แนะนำลดสถานะการถือครอง บริหารพอร์ตสมดุลกับทิศทาง

– นักลงทุนที่ถือ Short Position

หาจังหวะขายก่อนตามแนวต้าน และรอซื้อปิดตามแนวรับ

กลยุทธ์สำหรับนักลงทุน Weekly Trading

ภาพระยะสั้นและกลางเป็นขาลง แนะนำให้เล่นขาลงระยะสั้นๆ มี Stop Loss ป้องกันความเสี่ยง และไม่ใช้ Leverage มากนัก

Gold Futures V20 จะมีแนวรับที่ระดับ 28,350 บาท และแนวต้านที่ระดับ 28,600  บาท

ขอขอบคุณ  : บจ.เอ็มทีเอส โกลด์ (MTS)

บทวิเคราะห์ราคาทองคำวันนี้ 22 ก.ย.63 (HGF)

ฮั่วเซ่งเฮง

ทองคำปรับลงแรง จากมาตรการเยียวยาเศรษฐกิจของสหรัฐล่าช้า

คืนนี้ติดตามการแถลงของประธานเฟดต่อสภาคองเกรส

แนวโน้มราคาทองคำคาดฟื้นตัว

  • ราคาทองคำ Spot  เมื่อวานปรับลงแรงหลุด 1,900 ดอลลาร์ ทำจุดต่ำสุดในรอบกว่า 1 เดือน และเริ่มมีแรงซื้อกลับเข้ามา ทำให้ปิดตลาดเหนือ 1,900 ดอลลาร์ เนื่องจากเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการออกมาตรการเยียวยาเศรษฐกิจรอบใหม่ของสหรัฐ เนื่องจากสภาคองเกรสและทำเนียบขาวยังคงมีความขัดแย้งกันในหลายประเด็น แต่ที่น่าสนใจคือกองทุน SPDR Gold Trust ซื้อทองคำสูงถึง 31.84 ตันเมื่อวาน
  • คืนนี้ 3 ทุ่มครึ่งติดตามการแถลงของประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎร นอกจากนี้คืนนี้สหรัฐจะประกาศยอดขายบ้านมือสองเดือนส.ค. ตลาดคาดจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 6.05 ล้านยูนิต จากระดับ 5.86 ล้านยูนิตในเดือนก.ค.
  • แนวโน้มราคาทองคำคาดฟื้นตัว หลังจากที่ปรับลงแรงเมื่อวาน โดยมีแนวต้าน  1,920 ดอลลาร์ และ 1,940 ดอลลาร์ ส่วนแนวรับอยู่ที่ 1,900 ดอลลาร์ และ 1,882 ดอลลาร์

ราคาทองตลาดโลก

Closechg.SupportResistance
1,912.10-38.21,900/1,8821,920/1,940

ราคาทองแท่ง 96.5%

Closechg.SupportResistance
28,600-5028,250/28,00028,500/28,750

โกลด์ฟิวเจอร์ส

ClosechgSupportResistance
28,530-17028,420/28,18028,700/28,950

แนะนำซื้อเก็งกำไรที่ราคาทองคำ Spot 1,900 ดอลลาร์ (GF 28,620 บาท) เนื่องจากคาดว่าราคาทองคำจะฟื้นตัว โดยมีจุดขายตัดขาดทุนที่ 1,890 ดอลลาร์ (GF 28,500 บาท)

การลงทุนในทองแท่ง แนะนำทยอยซื้อสะสมที่ราคาทองคำ Spot 1,900 ดอลลาร์ และ 1,882 ดอลลาร์

โกลด์ออนไลน์ฟิวเจอร์

ClosechgSupportResistance
1,919.30-19.101,905/1,8871,925/1,945

แนะนำซื้อเก็งกำไรที่ราคา GOZ20 1,905 ดอลลาร์ โดยมีจุดขายตัดขาดทุนที่ 1,895 ดอลลาร์

เงินบาท

ทิศทางเงินบาทในวันนี้คาดอ่อนค่าลง โดยเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดจากมาตรการล็อกดาวน์เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในยุโรป ซึ่ง USD Futures เดือนธ.ค.63 คาดจะมีแนวรับที่ 31.20 บาท/ดอลลาร์ ขณะที่มีแนวต้านที่ 31.50 บาท/ดอลลาร์

News

ตลาดการเงินต่างประเทศ : ดอลล์แข็ง นลท.รุกซื้อสินทรัพย์ปลอดภัยเหตุกังวลผลกระทบล็อกดาวน์

ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนที่ผ่านมา (21 ก.ย.) เนื่องจากนักลงทุนแห่ซื้อดอลลาร์ในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดจากมาตรการล็อกดาวน์เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 หลังจากมีรายงานเกี่ยวกับการใช้มาตรการล็อกดาวน์รอบใหม่ในหลายประเทศของยุโรป ตั้งแต่เดนมาร์กไปจนถึงกรีซ เพื่อสกัดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ขณะที่รายงานล่าสุดระบุว่า นายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ อาจประกาศล็อกดาวน์ทั่วประเทศเป็นครั้งที่ 2

 ตลาดโลหะมีค่าต่างประเทศ : ทองปิดร่วง $51.5 ดอลล์แข็งกดดันตลาด,วิตกมาตรการเยียวยาศก.ไม่คืบ

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงอย่างหนักเมื่อคืนที่ผ่านมา (21 ก.ย.) เนื่องจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ได้สร้างแรงกดดันต่อราคาทองคำ นอกจากนี้ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการออกมาตรการเยียวยาเศรษฐกิจรอบใหม่ในสหรัฐยังเป็นอีกปัจจัยที่ฉุดราคาทองคำดิ่งลงด้วย สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. ร่วงลง 51.5 ดอลลาร์ หรือ 2.62% ปิดที่ 1,910.6  ดอลลาร์/ออนซ์

ตลาดน้ำมันดิบต่างประเทศ : น้ำมัน WTI ปิดร่วง $1.80 กังวลลิเบียส่งออกน้ำมันเพิ่ม,ล็อกดาวน์ฉุดอุปสงค์

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 4% เมื่อคืนที่ผ่านมา (21 ก.ย.) โดยได้รับแรงกดดันจากรายงานที่ว่าลิเบียอาจจะส่งออกน้ำมันดิบเข้าสู่ตลาดโลกได้มากขึ้น หลังจากกลุ่มต่อต้านรัฐบาลลิเบียประกาศยุติการปิดล้อมโรงงานน้ำมันภายในประเทศ ความกังวลว่าการใช้มาตรการล็อกดาวน์รอบที่สองในยุโรปจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมัน สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค. ร่วงลง 1.80 ดอลลาร์ หรือ 4.4% ปิดที่ 39.31 ดอลลาร์/บาร์เรล   สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนพ.ย. ลดลง 1.71 ดอลลาร์ หรือ 4% ปิดที่ 41.44 ดอลลาร์/บาร์เรล         

ตลาดหุ้นต่างประเทศ : ดาวโจนส์ปิดร่วง 509.72 จุด วิตกล็อกดาวน์รอบสอง,มาตรการเยียวยาศก.ไม่คืบ

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 500 จุดเมื่อคืนที่ผ่านมา (21 ก.ย.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับการใช้มาตรการล็อกดาวน์รอบที่สองในยุโรปเพื่อควบคุมการระบาดของไวรัสโควิด-19 นอกจากนี้ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากความขัดแย้งระหว่างสภาคองเกรสและทำเนียบขาวเกี่ยวกับการออกมาตรการเยียวยาเศรษฐกิจครั้งใหม่ รวมทั้งรายงานที่ว่าธนาคารหลายแห่งมีส่วนเกี่ยวข้องกับการทำธุรกรรมโอนเงินที่ผิดกฎหมาย ซึ่งข่าวดังกล่าวได้ฉุดหุ้นกลุ่มธนาคารดิ่งลงอย่างหนัก ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 27,147.70 จุด ร่วงลง 509.72 จุด หรือ -1.84% ขณะที่ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 10,778.80 จุด ลดลง 14.48 จุด หรือ -0.13% ส่วนดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,281.06 จุด ลดลง 38.41 จุด หรือ -1.16%

ออราเคิล-วอลมาร์ทเผย สหรัฐไฟเขียวดีล “ติ๊กต็อก” แล้ว เตรียมเดินหน้าขายหุ้น IPO

          ออราเคิล บริษัทเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ของสหรัฐ เปิดเผยว่า บริษัทไบต์แดนซ์ (ByteDance) ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของแอปพลิเคชันติ๊กต็อก (TikTok) ได้รับการอนุมัติเบื้องต้นสำหรับการทำข้อตกลงกับรัฐบาลสหรัฐเพื่อขายธุรกิจให้กับนักลงทุนอเมริกันแล้ว   ข้อตกลงดังกล่าวจะมีออราเคิลและวอลมาร์ทร่วมลงทุนเพื่อซื้อหุ้นเป็นสัดส่วน 20% ในธุรกิจติ๊กต็อก โกลบอล (TikTok Global) ที่ก่อตั้งขึ้นใหม่  ติ๊กต็อก โกลบอล จะเปิดเสนอขายหุ้นต่อสาธารณชนเป็นครั้งแรก (IPO) ในอีกไม่ถึง 12 เดือนข้างหน้านี้ และจะจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์สหรัฐ  ข่าวประชาสัมพันธ์จากออราเคิลระบุว่า รัฐบาลสหรัฐได้อนุมัติข้อตกลงครั้งสำคัญนี้ โดยมีเงื่อนไขว่าออราเคิลจะต้องเป็นผู้ให้บริการคลาวด์ของติ๊กต็อก และติ๊กต็อก โกลบอล จะเป็นบริษัทอิสระของสหรัฐ มีสำนักงานใหญ่ในสหรัฐ และมีชาวอเมริกันเป็นสมาชิกคณะกรรมการ 4 คน จากทั้งหมด 5 คน   นอกจากนี้ เทคโนโลยีทั้งหมดของติ๊กต็อกจะตกเป็นของติ๊กต็อก โกลบอล และต้องปฏิบัติตามกฎหมายและระเบียบด้านความเป็นส่วนตัวของสหรัฐ โดยจะต้องมีการรักษาความเป็นส่วนตัวในข้อมูลของผู้ใช้งานติ๊กต็อกในสหรัฐราว 100 ล้านคนอย่างรวดเร็ว ทั้งนี้ ติ๊กต็อก โกลบอล จะช่วยสร้างงานใหม่กว่า 25,000 ตำแหน่งในสหรัฐ และจะชำระภาษีให้กระทรวงการคลังสหรัฐกว่า 5 พันล้านดอลลาร์  

“ดอยซ์แบงก์” คาด GDP โลกดีดตัวสู่ระดับก่อนโควิดระบาดได้ภายในกลางปีหน้า

          ดอยซ์แบงก์คาดการณ์ว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ทั่วโลกจะสามารถดีดตัวขึ้นสู่ระดับเดียวกับช่วงก่อนการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้ภายในช่วงกลางปี 2564 หลังจากที่เศรษฐกิจฟื้นตัวดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ อย่างไรก็ดี คาดว่าตัวเลขหนี้สินและการเปลี่ยนแปลงด้านนโยบายอาจทำให้สถานการณ์ด้านการเงินทั่วโลกมีความเสี่ยง     ทั้งนี้ ดอยซ์แบงก์ปรับเพิ่มคาดการณ์ GDP โลกในปี 2563 โดยคาดว่า GDP จะหดตัว 3.9% ซึ่งดีกว่าที่คาดการณ์ไว้เมื่อเดือนพ.ค.ว่าจะหดตัว 5.9% เมื่อเทียบรายปี นอกจากนี้ ดอยซ์แบงก์ยังคาดการณ์ว่า GDP โลกในปี 2564 จะขยายตัว 5.6% ซึ่งดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่าจะขยายตัวเพียง 5.3%   ปีเตอร์ ฮูเปอร์ นักวิเคราะห์ด้านเศรษฐกิจโลกของดอยซ์แบงก์ กล่าวว่า GDP โลกมีแนวโน้มที่จะดีดตัวขึ้นสู่ระดับเดียวกับช่วงก่อนโควิด-19 ระบาดได้ภายในช่วงกลางปีหน้า ซึ่งเร็วกว่าที่ดอยซ์แบงก์คาดไว้ก่อนหน้านี้ประมาณสองไตรมาส

“ไบเดน”โจมตี”ทรัมป์” กรณีเสนอชื่อผู้พิพากษาศาลสูงสุดคนใหม่ก่อนการเลือกตั้ง

          นายโจ ไบเดน ตัวแทนชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐจากพรรคเดโมแครต เรียกร้องให้วุฒิสมาชิกพรรครีพับลิกันคว่ำการโหวตเลือกผู้ที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งผู้พิพากษาศาลสูงสุดคนใหม่แทนนางรูธ เบเดอร์ กินส์เบิร์ก ผู้ล่วงลับ  โดยนายไบเดนกล่าวว่า การกระทำของปธน.ทรัมป์เป็นการใช้อำนาจทางการเมืองที่แยบยล   นายไบเดนกล่าวว่า ถ้าการแต่งตั้งดังกล่าวได้รับอนุมัติจากวุฒิสภา ก็จะทำให้ฝ่ายอนุรักษ์นิยมครองเสียงข้างมากในศาลสูงสุดด้วยสัดส่วนสูงถึง 6 ต่อ 3 เสียง ซึ่งอาจส่งผลต่อกฎหมายและชีวิตชาวสหรัฐไปอีกหลายสิบปี นอกจากนี้ นายไบเดนยังปฏิเสธที่จะเปิดเผยชื่อผู้ที่ตนอาจเสนอให้ดำรงตำแหน่งผู้พิพากษาศาลสูงสุดคนใหม่ โดยให้เหตุผลว่าอาจส่งผลต่อการตัดสินใจของคณะผู้พิพากษาศาลสูงสุดชุดปัจจุบัน และทำให้คณะผู้พิพากษาถูกโจมตีทางการเมือง     อย่างไรก็ตาม นายไบเดนกล่าวว่า เขาจะเสนอชื่อสตรีชาวอเมริกันเชื้อสายแอฟริกันขึ้นเป็นผู้พิพากษาศาลสูงสุดคนใหม่ หากเขาได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีในวันที่ 3 พ.ย.นี้

ขอขอบคุณ บริษัท ฮั่วเซ่งเฮง โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด(HGF)

บทวิเคราะห์ราคาทองคำวันนี้ 22 ก.ย.63 (SCT)

วิเคราะห์ราคาทองคำ

แนวรับ 1900/ 1880/1865 แนวต้าน 1920/1930/1940

                  Gold/silver          USD             Baht          DOW (stock)

ระยะสั้น    SW/SW DOWN   SW UP         WEAK      SW /SW DOWN  
ระยะกลาง SW UP /SW          SW               SW               SW UP
ระยะยาว     BULLISH        NEUTRAL     NEUTRAL      BULLISH

คำแนะนำรายวัน SIDEWAY DOWN 1880-1930

จุดเข้า  SELL 1920
เป้าหมาย 1880/1865
SL 1930

รายสัปดาห์

คำแนะนำรายเดือน 1800-2000
จุดเข้า BUY 1820/1850
เป้าหมาย 1920/1990
SL 1800

จับตา

ความกังวลโควิดระลอกใหม่ทุบตลาดหุ้นโลก แต่เม็ดเงินเลือกไหลเข้าค่าเงินสหรัฐฯนำพาพุ่งทะยานแรง สวนกับราคาทองที่โดนทุบอย่างหนัก ทั้งๆที่ปัจจัยข่าวต่างๆหนุนทองส่วนใหญ่ ประกอบกับราคาทุบหลุด $1920/1911 เป็นสัญญาณขายทางเทคนิค ทำให้เกิด PANIC SELL ดันราคาร่วงหนักหลุด $1900 ลงลึกล้างบางฝั่งซื้อเกลี้ยงตลาด อย่างไรก็ตามยังประมาทไม่ได้หากคืนนี้เฟดที่เริ่มแถลงต่อรัฐสภาอาจมีข่าวดีในการรีบาวด์ให้เห็นได้บ้างทั้งในทองและหุ้น เว้นเสียว่าราคาทองยืน $1900 ไม่ได้จริงๆ เราอาจต้องปรับมุมมองกันใหม่หมด และอาจจะเห็นราคาไปทดสอบแนวรับสำคัญอย่าง $1865
ตอนนี้ตลาดยังผันผวน  กลยุทธ์จึงแนะนำการออกมานอกตลาดและลดพอร์ตถ้าราคายืนจุด STOP ที่ให้ไว้อย่าง $1920 ไม่ได้จริงๆ โดยราคาทองจะฟื้นตัวกลับมามีลุ้นขึ้นต้องยืน $1930 ให้ได้เท่านั้น สัปดาห์นี้ยังมีประเด็นข่าวและตัวเลขหลายตัวที่อ่อนแอน่าจะพอให้มีการรีบาวด์สลับ สรุปโดยรวมทองลงแบบนี้ยังคลุมเครือต้องรอดูแนวทางเฟดเป็นสำคัญ ดังนั้นปรับพอร์ตให้สมดุลก่อนค่อยลงทุนหลังเห็นทิศทางชัดๆอีก 1-2 วัน  

ขอขอบคุณ : บริษัท ซินเนอร์จี้ คอมโมดิตี้ส์ เทรด จํากัด

บทวิเคราะห์ราคาทองคำวันนี้ 22 ก.ย.63 (CAF)

ออสสิริส

GoldOnlineFuture:Short

Reasons
อยู่ฝั่ง Short แนวต้านสำคัญ 1,950

  • การล็อกดาวน์ในยุโรปและ UK หลังจากเกิดการแพร่ระบาดโควิด-19 ระลอกสอง
    ทำให้ค่าเงินของอังกฤษและยุโรป อ่อนค่า รวมถึงแนวโน้มเศรษฐกิจที่กำลังจะเข้าสู่การหดตัวรอบที่ 2
    มีความเสี่ยงกระทบต่อธุรกิจมากกว่าการหดตัวในรอบแรก ทำให้ US Dollar Index แข็งค่า

Day Trade

GOU20 น่า Short 2 จุด 1. Short 1,940-1,945 เป้าทำกำไร 1,920 -1,930 จุด Stop 1,950 จุดที่ 2 การหลุด 1,900
Short ทำกำไรสั้นๆ 1,885 -1,893 Stop 1,907
GF10V20 Short 28,700 -28,790 เป้าทำกำไร 28,500 -28,600 จุด Stop สิ้นวัน 28,950

Trend Trade ใช้ราคาปิดสิ้นวัน

GOU20 Hold Short จุด Stop 1,952
GF10V20 Hold Short จุด Stop 28,950

ขอขอบคุณ : บริษัทหลักทรัพย์ที่ปรึกษาการลงทุน คลาสสิก ออสสิริส จำกัด (CAF)

บทวิเคราะห์ราคาทองคำวันนี้ 21-25 ก.ย.63 (LHC)

LangHong เล่งหงษ์

ภาพรวมทิศทางราคาทอง

ราคาทองคําในสัปดาห์เคลือนไหว Sideway ในกรอบสามเหลียม (1970-1930$) โดยมีระยะสวิงทีแคบลง ใกล้ทีจะเลือกทิศทาง Breakout เร็วๆนีทางด้านกองทุนSPDR ปริมาณทองคําถือครองเพิมขึน้เล็กน้อย เกือบ 1%

สรุปข่าวเด่นรายสัปดาห์

ธนาคารกลางยุโรป (ECB) เตรียมพิจารณายกเลิกคําสั่งห้ามไม่ให้ธนาคารพาณิชย์ในยุโรปจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในช่วงต้นป 2021
สํานักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า บริษัทไบต์แดนซ์ของจีนซึ่งเป็นบริษัทแม่ของแอปพลิเคชันติ กต็อก (TikTok) ได้ยื่นคําร้องต่อศาลสหรัฐในกรุงวอชิงตัน ณ วันที่ 18 ก.ย. เพื่อขอให้ศาลยกเลิกคําสั่งบริหารของประธานาธิบดีโดนัลด์ทรัมป ที่ห้ามประชาชนในสหรัฐทําการดาวน์โหลดแอปติกต็อกตั้งแต่วันอาทิตย์นี้เป็นต้นไป
รัฐบาลสหราชอาณาจักรกําลังพิจารณาถึงการประกาศใช้มาตรการ lockdown อีกครัง หลัง
จํานวนผู้ติดเชื้อ COVID-19 ปรับสูงขึ้นเป็นเท่าตัวที่ 6,000 รายต่อวัน
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขขาดดุลบัญชีเดินสะพัดของสหรัฐพุ่งขึน 52.9% สู่
ระดับ 1.705 แสนล้านดอลลาร์ในไตรมาส 2 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบเกือบ 12 ปี หลังจากขาดดุล 1.115 แสนล้านดอลลาร์ในไตรมาสแรก
ธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA) มองว่ายังไม่มีความจําเป็นต้องมีเงินดิจิทัลแห่งชาติเหตุชาวออสเตรีเลียยังแฮปปี้กับการใช้เงินสดพร้อมมองข้อเสียหากออก CBDC อาจทําให้ต้นทุนการระดมทุนของแบงก์สูงขึ้น
โครงการลงทุนสหรัฐ-จีน (U.S.-China Investment Project) เปิดเผยว่า การลงทุนระหว่างสหรัฐกับจีนร่วงแตะระดับตาสุดในรอบเกือบ 9 ปี ในช่วงครึ่งแรกของปี 2563 หลังความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองประเทศย่ำแย่หนักสุดในรอบ 10 ปี
คณะกรรมการ FOMC มีมติให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ร้อยละ 0 – 0.25 และจะรักษาอัตรา
ดอกเบี้ยนโยบายให้อยู่ในระดับร้อยละ 0-0.25 จนกว่าการจ้างงานจะเข้าสู่ระดับการจ้างงาน
สูงสุด และอัตราเงินเฟ้อปรับเข้าสู่เป้าหมายที่ร้อยละ 2 และมีแนวโน้มสูงกว่าเป้าหมายในระดับ “moderate” เป็นระยะเวลาหนึ่่ง
สภาผู้แทนราษฎรญีปุ่นซึงพรรครัฐบาลแอลดีพีครองเสียงข้างมากเลือก”โยชิฮิเดะ ซูกะ”เป็น
นายกรัฐมนตรีคนใหม่แทนที่”ชินโซ อาเบะ” ที่ลาออกอย่างเป็นทางการเมื่อวันพุธ เจ้าตัวให้
คํามั่นสานต่อนโยบายของอาเบะโดยเก็บรัฐมนตรีจากรัฐบาลเก่าไว้ราวครึงหนึ่ง
รัฐบาลสหราชอาณาจักรเปิดตัว “Tech Export Academy” เลือกไทยเป็นประเทศเป้าหมายส่งเสริมส่งออกเทคโนโลยี“สมาร์ทซิตี้”

ขอขอบคุณ : บริษัท เล่งหงษ์ คอมโมดิตีส์ จำกัด