หมวดหมู่: วิเคราะห์ราคาทองคำ

การวิเคราะห์ราคาทองคำเป็นหนึ่งในการวิเคราะห์ทางการเงินที่น่าสนใจ เนื่องจากทองคำมีบทบาทสำคัญในตลาดการเงินและการลงทุนของโลก การวิเคราะห์ราคาทองคำมีความสำคัญอย่างมากในการประมาณการแนวโน้มของตลาดและการตัดสินใจในการลงทุนที่ถูกต้อง

การวิเคราะห์โดยรวมของตลาด

การวิเคราะห์ราคาทองคำมักจะรวมถึงการสำรวจและวิเคราะห์โดยรวมของสภาวะตลาดทองคำ ซึ่งรวมถึงปัจจัยต่างๆ เช่น สภาวะเศรษฐกิจโลก, ความสัมพันธ์ของสกุลเงิน, การเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นและตลาดทรัพย์อื่นๆ รวมถึงปัจจัยทางเศรษฐกิจที่ส่งผลต่อการตัดสินใจการลงทุนในทองคำ

ปัจจัยที่มีผลต่อราคาทองคำ

บทความวิเคราะห์ราคาทองคำยังมักจะเน้นการสำรวจปัจจัยที่มีผลต่อราคาทองคำ เช่น ความต้องการใช้งานจริงและการใช้ทองคำในอุตสาหกรรม, การผลิตและสกุลผลที่มาจากการทำเหมือง, การสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่ส่งผลต่อการค้าทองคำ, และปัจจัยทางเทคนิคที่มีผลต่อการทำนายราคา

การวิเคราะห์ทางเทคนิค

บทความที่วิเคราะห์ราคาทองคำอาจจะใช้เครื่องมือทางเทคนิคต่างๆ เช่น การวิเคราะห์กราฟและแผนภูมิราคาทองคำในช่วงเวลาที่ต่างๆ, การใช้เทคนิคทางเทคนิคในการทำนายราคา (เช่น การวิเคราะห์เทคนิคเชิงเส้น, การใช้ Moving Averages, RSI, MACD, ฯลฯ), และการตรวจสอบแนวโน้มราคาทองคำในระยะยาวและระยะสั้น

การให้คำแนะนำในการลงทุน

ส่วนสำคัญของบทความวิเคราะห์ราคาทองคำคือการให้คำแนะนำในการลงทุนที่มีความสอดคล้องกับข้อมูลที่ได้รับ คำแนะนำเหล่านี้อาจจะเป็นการตัดสินใจที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนในทองคำในสถานการณ์ที่แตกต่างกัน เพื่อให้ผู้อ่านสามารถใช้ข้อมูลที่ได้รับมาในการตัดสินใจการลงทุนที่ถูกต้อง

การวิเคราะห์ราคาทองคำเป็นหนึ่งในหัวข้อที่น่าสนใจและมีความสำคัญในการเข้าใจแนวโน้มของตลาดและการตัดสินใจในการลงทุน ซึ่งการนำข้อมูลที่ถูกต้องและการวิเคราะห์อย่างเป็นระบบจะเป็นประโยชน์อย่างมากสำหรับผู้ที่สนใจด้านการลงทุนในทองคำในระยะยาวหรือระยะสั้น

  • ราคาทองปรับลงเล็กน้อยหลัง ปธ.เฟด ส่งสัญญาณลุยต่อ

    ราคาทองปรับลงเล็กน้อยหลัง ปธ.เฟด ส่งสัญญาณลุยต่อ

    Ausiris gold : เมื่อวานนี้(12 ก.พ.)ราคาทองคำปรับตัวลดลง 2 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ปิดที่ 1,565 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ หลังจากนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณความพร้อมที่จะดำเนินนโยบายผ่อนคลายทางการเงินหากเศรษฐกิจเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจตกต่ำในวันข้างหน้า อย่างไรก็ดีสัญญาทองคำขยับขึ้นเพียงเล็กน้อย เนื่องจากนักลงทุนชะลอคำสั่งซื้อ หลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่เริ่มเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น

    มาดูตัวเลขสำคัญที่เกี่ยวข้อง เมื่อวานนี้ ราคาทอง ทำจุดสูงสุดที่ 1,570 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ส่วนจุดต่ำสุดอยู่ที่ 1,565 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ โดยกองทุน SPDR ถือครองทองคำที่ระดับ 922.23 ตัน ส่วนค่าเงินบาทอยู่ที่ 31.19 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ แข็งค่า 0.04 เปอร์เซ็นต์ เช่นเดียวกับ ดอลลาร์สหรัฐ แข็งค่าขึ้น 0.26 เปอร์เซ็นต์

    ส่วนกลยุทธ์การซื้อขายวันนี้ แนะนำให้เข้าซื้อที่ 1,562 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ หรือที่ระดับราคา 23,060 บาท ส่วนจุดขายอยู่ที่ 1,576 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ หรือที่ระดับราคา 23,230 บาทส่วนจุดซื้อเฉลี่ย อยู่ที่ 1,550 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ หรือที่ระดับราคา 22,910 บาท

  • ผู้เสียชีวิตไวรัสอู่ฮั่นใกล้ทะลุ 1500 รายแล้ว

    ผู้เสียชีวิตไวรัสอู่ฮั่นใกล้ทะลุ 1500 รายแล้ว

    มาติดตามความคืบหน้าสถานการณ์ไวรัสโคโรนา 19 จนถึงเมื่อวานนี้(12 ก.พ.) ในประเทศไทย พบ ผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อรักษาในโรงพยาบาล 22 ราย กลับบ้านแล้ว 11 ราย รวมสะสม 33 ราย โดยเมื่อวานนี้มีผู้ป่วยชาวจีน 1 ราย เข้ารับการรักษาที่สถาบันบำราศฯ ตั้งแต่วันที่ 25 มกราคม 2563 ผลตรวจทางห้องปฏิบัติการไม่พบเชื้อแล้ว สามารถกลับบ้านได้ ส่วนผู้ติดเชื้อที่เหลือส่วนใหญ่อาการดีขึ้น รายที่อาการหนักอยู่สถาบันบำราศนราดูร อาการยังทรงตัว

    ส่วนสถานการณ์ทั่วโลก ( 13 ก.พ.เวลา 08.30 น.) พบผู้ติดเชื้อใน 26 ประเทศ และ 2 เขตปกครองพิเศษ รวม 60,286 ราย เสียชีวิต 1,367 ราย ส่วนประเทศจีนพบผู้ป่วย 59,763ราย เสียชีวิต 1,365 ราย

    นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวถึงผลการเฝ้าระวังคนไทยที่เดินทางกลับจากอู่ฮั่นที่ฐานทัพเรือสัตหีบ จำนวน 138 คน ซึ่งเข้าสู่วันที่ 8 ว่าขณะนี้มี 136 คนที่สบายดีไม่มีไข้ ส่วนอีก 2 คน ซึ่งอยู่ที่โรงพยาบาลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ และโรงพยาบาลชลบุรี อาการปกติไม่มีไข้ ไม่ไอ ไม่มีน้ำมูก ยังเฝ้าระวังติดตามอาการต่อเนื่องจนพ้นระยะเฝ้าระวังป้องกันควบคุมโรค โดยในวันนี้จะส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการเพื่อยืนยันเชื้อซ้ำอีกครั้ง หากผลเป็นลบจะได้กลับมาพักที่อาคารรับรอง

    พร้อมขอย้ำประชาชนทั่วไปขอให้หมั่นล้างมือให้สะอาดอยู่เสมอ ไม่นำมือมาสัมผัสตา จมูก ปาก โดยไม่จำเป็น และปฏิบัติตามคำแนะนำ “กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ” และสวมหน้ากากอนามัยเมื่อต้องไปอยู่ในที่ชุมชน จะช่วยลดความเสี่ยงการรับเชื้อเข้าสู่ร่างกายได้ หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม โทรสอบถามได้ที่ สายด่วน 1422

  • ทองปรับตัวลดลงหลังรับข่าวดีจากเฟด-โคโรนาไวรัส

    ทองปรับตัวลดลงหลังรับข่าวดีจากเฟด-โคโรนาไวรัส

    Ausiris gold : เมื่อวานนี้(11 ก.พ.) ราคาทองคำปรับตัวลดลง 4 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ปิดที่ 1,567 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ เนื่องจากนักลงทุนลดคำสั่งซื้อลง หลังจากมีรายงานว่า จำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนารายใหม่ในจีนเริ่มชะลอตัวลง ซึ่งรายงานดังกล่าวถือเป็นสัญญาณบวกที่ทำให้นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของไวรัสดังกล่าว

    ขณะที่ถ้อยแถลงของนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวานนี้ว่า เศรษฐกิจสหรัฐมีการขยายตัวปานกลาง ขณะที่ปัจจัยพื้นฐานที่ช่วยสนับสนุนการใช้จ่ายของภาคครัวเรือนก็ยังคงมีความแข็งแกร่ง และตลาดแรงงานมีการจ้างงานจำนวนมาก ซึ่งขอความดังกล่าวเป็นอีกปัจจัยที่ทำให้นักลงทุนคลายความกังวลและลดการถือครองสินทรัพย์ปลอดภัย

    ราคาทองคำเมื่อวานนี้ ปิดสูงสุดที่ 1,573 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ โดยราคาต่ำสุดอยู่ที่ 1,561 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ โดย กองทุน SPDR ซื้อทองเพิ่มขึ้น 6.15 ตัน ทำให้ถือครองอยู่ 922.23 ตัน ส่วนค่าเงินบาท เมื่อวานนี้อยู่ที่ 31.23 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ แข็งค่า 0.08 เปอร์เซ็นต์

    ส่วนกลยุทธ์การลงทุนในวันนี้ แนะนำซื้อที่ 1,562 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ หรือ 23060 บาท และขายที่ 1,576 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ หรือ 23,230 บาท

  • จับตาทองพุ่งขึ้นทดสอบแนวต้าน 1,600 ดอลลาร์/ออนซ์

    จับตาทองพุ่งขึ้นทดสอบแนวต้าน 1,600 ดอลลาร์/ออนซ์

    (Reuters) – (10 ก.พ.) ราคาทองคำได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นใกล้ระดับสูงสุดในรอบ 1 สัปดาห์เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาเนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบจาก coronavirus หลังจากจำนวนผู้เสียชีวิตเกิน 900 คน โดยราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้น 0.2 เปอร์เซ็นต์ มาอยู่ที่ 1,572.86 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ สูงที่สุดนับตั้งแต่ 4 ก.พ. ที่ 1,576.21 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ สวนทางกับตลาดหุ้นทั่วโลกที่ลดลง เนื่องจากผู้เสียชีวิตจากการแพร่ระบาด coronavirus สูงกว่าการแพร่ระบาดของโรคซาร์สเมื่อเกือบสองทศวรรษที่ผ่านมา

    Ole Hansen นักวิเคราะห์ จาก Saxo Bank กล่าวว่าผลกระทบทางเศรษฐกิจยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งในและนอกประเทศจีน ซึ่งหนุนให้ราคาทองคำเพิ่มสูงขึ้น เพราะทองคำถือเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัยในช่วงเวลาที่เกิดความวุ่นวายทางการเมืองและเศรษฐกิจ ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์ได้อ่อนค่าลงจากระดับสูงสุดในรอบ 4 เดือน ยิ่งทำให้ราคาทองคำถูกลงเมื่อเทียบกับเงินสกุลอื่น

    Carlo Alberto De Casa chief analyst ActivTrades กล่าวว่าเมื่อมาดูด้านเทคนิค ราคาทองคำได้ขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 1,575 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ และสามารถผ่านไปได้ โดยมีเป้าหมายต่อไปที่ 1,600 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์

  • ทองคำยังสดใสหลัง ศก.ทั่วโลกยังไม่ฟื้น

    ทองคำยังสดใสหลัง ศก.ทั่วโลกยังไม่ฟื้น

    ที่มา : KITCO.com

    แนะผู้ลงทุนทองคำควรให้ความสนใจกับสิ่งที่ธนาคารกลางทั่วโลกกำลังทำอยู่ มากกว่าการ พยายามวัดผลกระทบทางเศรษฐกิจจาก coronavirus

    Kitco News: Rhona O’Connell หัวหน้าฝ่ายวิเคราะห์ตลาดสำหรับภูมิภาค EMEA และเอเชีย INTL FCStone กล่าวว่า รัฐบาลหลายประเทศได้ประเมินผลกระทบทางเศรษฐกิจที่จะเกิดขึ้นจาก coronavirus ซึ่งจนถึงขณะนี้ยังไม่สามารถประเมินได้ว่าต้องใช้เวลานานเท่าไรกว่าที่จะสามารถควบคุมไวรัสตัวนี้ได้ พร้อมหาแนวทางที่จะลดผลกระทบที่จะเกิดขึ้นในภาค อุตสาหกรรมต่างๆ โดยเฉพาะมาตกรทางด้านการเงิน ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นผลบวกต่อทองคำในสภาพแวดล้อมที่มีความเสี่ยง


    มาดูความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นที่ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นในสัปดาห์นี้ หลังจากที่ถูกเทขายไปก่อนหน้านี้ ซึ่งเป็นผลมาจากความกลัวผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจาก coronavirus ขณะที่ตลาด ทองคำ ก็เริ่มเห็นแรงเทขายทำกำไรออกมาบางส่วน แต่ยังสามารถรักษาระดับแนวรับที่ 1,550 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ไว้ได้ และเข้าซื้อที่ระดับเหนือ 1,560 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์


    ส่วนตลาดการเงินได้รับความสนใจเป็นอย่างมากนับตั้งแต่ที่จีนมีสัญญาณการบรรเทาปัญหาในเรื่องต่างๆ โดยเมื่อวันอังคารที่ผ่านมาธนาคารประชาชนจีน (PBoC) ยังคงอัดฉีดสภาพคล่องอย่างต่อเนื่อง


    อย่างไรก็ดี Rhona O’Connell มองว่า การเคลื่อนไหวของตลาดเหล่านี้เป็นเพียงภาวะในระยะสั้น แต่นักลงทุนควรให้ความสนใจคือนโยบายของธนาคารกลางจากทั่วโลกที่จะตัดสินใจทำอะไรต่อไปเมื่อต้องรับมือกับผลกระทบที่เกิดจาก coronavirus มากกว่า ซึ่งรัฐบาลในเอเชียเริ่มมองการตัดสินใจเรื่องอัตราดอกเบี้ยแล้ว


    ที่ผ่านมาธนาคารกลางประเทศไทยได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงสู่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 1.0% โดยให้เหตุผลว่าธุรกิจจำนวนมากจะได้รับผลกระทบจาก coronavirus รวมถึงภัยแล้งและความล่าช้าในการผ่านงบประมาณประจำปี ขณะที่ธนาคารกลางของฟิลิปปินส์ ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยในสัปดาห์นี้ลงเช่นกัน


    เช่นเดียวกับธนาคารกลางออสเตรเลียก็อาจพิจารณาลดอัตราดอกเบี้ยในเร็วๆนี้ หลังได้รับผลกระทบจากเหตุเพลิงไหม้ป่าครั้งใหญ่ และ corona virus ส่วนประเทศอื่น ๆ ที่ลดอัตราดอกเบี้ยลง ได้แก่ ไอซ์แลนด์และบาห์เรน ขณะที่อัตราดอกเบี้ยของสหภาพยุโรปและญี่ปุ่นอยู่ในแดนลบอยู่แล้ว

  • วิเคราะห์ราคาทองคำวันนี้ 4 ก.พ.63 (ภาคเช้า) by YLG Bullion

    วิเคราะห์ราคาทองคำวันนี้ 4 ก.พ.63 (ภาคเช้า) by YLG Bullion

    คำแนะนำ : ราคายังมีโอกาสทดสอบแนวต้านโซน 1,593-1,598 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยให้ดูแรงซื้อแรงขายในช่วงนี้เพื่อประกอบการตัดสินใจ แต่หากราคาอ่อนตัวลงสามารถยืนเหนือ 1,573-1,565 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ แนะนำเข้าซื้อเก็งกำไรระยะสั้นจากการแกว่งตัวในกรอบ

    แนวรับ : 1,573 1,565 1,556  แนวต้าน : 1,598 1,612 1,624

    จจัยพื้นฐาน :

    ราคาทองคำวานนี้ปิดปรับตัวลดลง 11.72  ดอลลาร์ต่อออนซ์  แม้ราคาทองคำจะทะยานขึ้นไปแตะระดับสูงสุดบริเวณ 1,593.90 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในระหว่างการซื้อขายในตลาดเอเชีย  แต่ราคาทองคำไม่สามารถรักษาช่วงบวกไว้ได้

    โดยได้รับแรงกดดันหลังธนาคารกลางจีนประกาศอัดฉีดเม็ดเงิน 1.2 ล้านล้านหยวนเข้าสู่ระบบการเงินวานนี้  เพื่อสกัดผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่จึงช่วยลดทอนความวิตกกังวลในตลาดไปได้บางส่วน 

    ส่งผลให้เกิดแรงขายเข้าสู่ตลาดทองคำที่อยู่ในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย   ประกอบกับดัชนี PMI ภาคการผลิตของสหรัฐ จาก ISM พุ่งขึ้นเกินคาดสู่ระดับ 50.9 ในเดือน ม.ค. แตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ค.ปี 2019  สะท้อนภาคการผลิตสหรัฐกลับมาขยายตัวอีกครั้งหลังหดตัว 5 เดือนติดต่อกัน

    จึงเป็นปัจจัยหนุนให้ดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้นกว่า 140 จุดจนกดดันทองคำ  ขณะที่สกุลเงินดอลลาร์แข็งค่าขานรับการเปิดเผยตัวเลขภาคการผลิตที่ดีเกินคาดเช่นกัน 

    ส่วนปอนด์ดิ่งลงเทียบดอลลาร์หลังนักลงทุนไม่มั่นใจว่าอังกฤษและสหภาพยุโรป (EU) จะบรรลุข้อตกลงการค้ากันได้ภายในช่วงเวลาเปลี่ยนผ่าน 11 เดือนจึงช่วยสร้างแรงหนุนให้กับดอลลาร์เพิ่มเติม  สำหรับวันนี้ติดตามการเปิดเผยยอดสั่งซื้อภาคโรงงาน และการสำรวจความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจจาก IBD/TIPP

    จจัยทางเทคนิค :

    แม้ว่าราคาจะสร้างระดับสูงสุดใหม่จากสัปดาห์ก่อนหน้า แต่กรอบแนวต้านด้านบนจำกัด หากยังสามารถไม่สามารถยืนเหนือโซน 1,593-1,598 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ จะทำให้เกิดการอ่อนตัวลง

    โดยประเมินแนวรับบริเวณที่ 1,573-1,565 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่หากสามารถยืนเหนือโซนแนวรับดังกล่าวได้ประเมินว่าเป็นเพียงแรงขายทำกำไรระยะสั้น

    กลยุทธ์การลงทุน :

    แนะนำลงทุนในกรอบราคา โดยเข้าซื้อเมื่อราคาทองคำอ่อนตัวลงและสามารถยืนเหนือโซน 1,573-1,565 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้อย่างแข็งแกร่ง

    ตัดขาดทุนหากราคาหลุดแนวรับบริเวณ 1,565 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และแบ่งขายทำกำไรหากราคาทองคำไม่ผ่านแนวต้านบริเวณ 1,593-1,598 ดอลลาร์ต่อออนซ์

    ข่าวสารประกอบการลงทุน :

    • (+) จีนยืนยันยอดผู้เสียชีวิตจากไวรัสโคโรนาพุ่งขึ้นเป็น 425 ราย, ยอดติดเชื้อเพิ่มเป็น 20,438 รายคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติของจีน (NHC) แถลงยืนยันว่า ณ วันจันทร์ที่ 3 ก.พ.มีผู้เสียชีวิตจากโรคปอดอักเสบที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ในจีนเพิ่มขึ้นอีก 64 ราย ส่งผลให้ยอดรวมผู้เสียชีวิตในจีนเพิ่มขึ้นเป็น 425 ราย ส่วนจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มอีก 3,235 ราย ส่งผลให้ยอดรวมผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นเป็น 20,438 ราย  รายงานของ NHC ระบุว่า ผู้ที่เสียชีวิตรายใหม่ทั้งหมด 64 ราย ณ วันจันทร์ที่ 3 ก.พ. นั้น เป็นผู้ป่วยในมณฑลหูเป่ย  ส่วนผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโคโรนาที่ได้รับอนุญาตให้ออกจากโรงพยาบาลหลังจากมีอาการดีขึ้นแล้วนั้น อยู่ที่ 632 ราย
    • (+) สหรัฐเผยการใช้จ่ายด้านการก่อสร้างลดลงในเดือนธ.ค. สวนทางคาดการณ์  กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า การใช้จ่ายด้านการก่อสร้างลดลง 0.2% ในเดือนธ.ค. เมื่อเทียบรายเดือน ซึ่งเป็นการปรับตัวลงเป็นเดือนแรกนับตั้งแต่เดือนมิ.ย.ปีที่แล้ว หลังจากเพิ่มขึ้น 0.7% ในเดือนพ.ย.  นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า การใช้จ่ายด้านการก่อสร้างเพิ่มขึ้น 0.5% ในเดือนธ.ค.  เมื่อเทียบรายปี การใช้จ่ายด้านการก่อสร้างของสหรัฐเพิ่มขึ้น 5.0% ในเดือนธ.ค.
    • (-) ดอลล์แข็งเทียบสกุลเงินหลัก ขานรับภาคการผลิตสหรัฐฟื้นตัว  ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (3 ก.พ.) โดยได้แรงหนุนจากผลสำรวจของสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) ซึ่งระบุว่า ดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐฟื้นตัวขึ้นในเดือนม.ค. หลังจากที่หดตัวลงติดต่อกัน 5 เดือน  ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 108.68 เยน จากระดับ 108.35 เยน และแข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9660 ฟรังก์ จากระดับ 0.9635 ฟรังก์ นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐยังแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.3295 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3234 ดอลลาร์แคนาดา  ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1063 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1087 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 1.2997 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3198 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงสู่ระดับ 0.6688 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ  0.6694 ดอลลาร์สหรัฐ
    • (-) ISM เผยดัชนีภาคการผลิตสหรัฐขยายตัวในเดือนม.ค. หลังหดตัวติดต่อกัน 5 เดือน  ผลสำรวจของสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) ระบุว่า ดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐพุ่งขึ้นสู่ระดับ 50.9 ในเดือนม.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ค.ปีที่แล้ว จากระดับ 47.8 ในเดือนธ.ค. และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 48.5  ดัชนีอยู่สูงกว่าระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ถึงการขยายตัวของภาคการผลิตของสหรัฐ หลังจากหดตัวติดต่อกัน 5 เดือน
    • (-) ดาวโจนส์ปิดบวก 143.78 จุด ขานรับภาคการผลิตสหรัฐฟื้นตัว,หุ้นเทคโนฯพุ่งแรงดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (3 ก.พ.) โดยได้แรงหนุนจากการฟื้นตัวของภาคการผลิตสหรัฐ และราคาหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่พุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่ง นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยบวกจากการที่นักลงทุนเข้าช้อนซื้อหุ้นที่ทรุดตัวลงในสัปดาห์ที่แล้ว อันเนื่องมาจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่  ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 28,399.81 จุด เพิ่มขึ้น 143.78 จุด หรือ +0.51% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,248.92 จุด เพิ่มขึ้น 23.40 จุด หรือ +0.73% ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดที่ 9,273.40 จุด เพิ่มขึ้น 122.47 จุด หรือ +1.34%
    • (-) บอนด์ยีลด์สหรัฐดีดตัว ขานรับภาคการผลิตแกร่ง หลังจากหดตัวติดต่อกัน 5 เดือน  อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐดีดตัวขึ้นในวันนี้ โดยได้รับปัจจัยบวกจากการเปิดเผยดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐมีการขยายตัวในเดือนม.ค. หลังจากหดตัวติดต่อกัน 5 เดือน  ทั้งนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ดีดตัวสู่ระดับ 1.554% ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 30 ปี ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 2.041%

    โดย  : บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG)

  • วิเคราะห์ราคาทองคำ 4 ก.พ.63(ภาคเช้า) by HGF

    วิเคราะห์ราคาทองคำ 4 ก.พ.63(ภาคเช้า) by HGF

    โดย  : บริษัท ฮั่วเซ่งเฮง โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด(HGF)

    ทองคำลดลง ตลาดหุ้นสหรัฐฟื้นตัว

    คืนนี้สหรัฐไม่มีประกาศตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญ

    ทองคำคาดเคลื่อนไหวในกรอบ 1,570-1,590 ดอลลาร์

    • ราคาทองคำ Spot เมื่อวานเริ่มปรับลดลง หลังจากที่ราคาทองคำปรับขึ้นทำจุดสูงสุดในรอบกว่า 3 สัปดาห์ที่ 1,593 ดอลลาร์ในระหว่างวัน จากแรงเทขายทำกำไรในทองคำที่เป็นสินทรัพย์ปลอดภัย หลังจากตลาดหุ้นสหรัฐปรับขึ้นและดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่าขึ้น โดยดัชนีภาคการผลิต ISM ของสหรัฐเดือนม.ค. เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 50.9 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ค.2562
    • สถานการณ์การระบาดของไวรัสโคโรนาคาดว่ายังเป็นปัจจัยที่กระทบต่อราคาทองคำ ขณะที่คืนนี้สหรัฐไม่มีประกาศตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญ ส่วนคืนพรุ่งนี้สหรัฐจะประกาศการจ้างงานภาคเอกชนของ ADP เดือนม.ค.ซึ่งตลาดคาดจะเพิ่มขึ้น 150,000 ตำแหน่ง หลังจากที่เดือนธ.ค.เพิ่มขึ้น 202,000 ตำแหน่ง
    • แนวโน้มราคาทองคำคาดเคลื่อนไหวในกรอบ 1,570-1,590 ดอลลาร์ ทั้งนี้นักลงทุนยังติดตามสถานการณ์การระบาดของไวรัสโคโรนา หากรายงานจำนวนผู้ติดเชื้อเริ่มคงที่หรือมีจำนวนน้อยลง คาดทองคำจะมีแรงเทขายทำกำไร โดยในระยะสั้นทองคำมีแนวต้านที่ 1,590 ดอลลาร์ และแนวต้านถัดไปที่ 1,600 ดอลลาร์ ขณะที่มีแนวรับที่ 1,570 ดอลลาร์ และ 1,565 ดอลลาร์

    ราคาทองคำตลาดโลก

    Closechg.SupportResistance
    1,576.50-13.191,570/1,5651,590/1,600

    ราคาทองคำแท่ง 96.5%

    Closechg.SupportResistance
    23,200-20023,100/23,05023,400/23,500

    โกลด์ฟิวเจอร์ส

    ClosechgSupportResistance
    23,390-1023,320/23,24023,580/23,720

    การเข้าซื้อเก็งกำไรระยะสั้น แนะนำเมื่อราคาทองคำ Spot ปรับลงมาที่ 1,570 ดอลลาร์ (GF 23,320 บาท) โดยมีจุดขายตัดขาดทุนที่ 1,560 ดอลลาร์ (GF 23,240 บาท) การลงทุนในทองแท่ง สำหรับนักลงทุนที่ซื้อไว้แนะนำขายทำเมื่อราคาทองคำ Spot ปรับขึ้นมาที่ 1,600 ดอลลาร์

    โกลด์ออนไลน์ฟิวเจอร์

    ClosechgSupportResistance
    1,586.80+1.401,576/1,5711,596/1,606

    การเข้าซื้อเก็งกำไรระยะสั้น แนะนำเมื่อราคา GOH19 ปรับลงมาที่ 1,576 ดอลลาร์ โดยมีจุดขายตัดขาดทุนที่ 1,566 ดอลลาร์

    ค่าเงินบาท

    ทิศทางเงินบาทในวันนี้คาดจะอ่อนค่าลง โดยเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้น ส่วนสัปดาห์นี้รอติดตามการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน ธปท.  โดย USD Futures เดือนมี.ค.63 คาดจะมีแนวต้านที่ 31.20 บาท/ดอลลาร์ ขณะที่มีแนวรับที่ 31.0 บาท/ดอลลาร์

    News

    ตลาดการเงินต่างประเทศ:ดอลล์แข็งเทียบสกุลเงินหลัก ขานรับภาคการผลิตสหรัฐฟื้นตัว

    ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนที่ผ่านมา (3 ก.พ.) โดยได้แรงหนุนจากผลสำรวจของสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) ซึ่งระบุว่า ดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐฟื้นตัวขึ้นในเดือนม.ค. หลังจากที่หดตัวลงติดต่อกัน 5 เดือน

    ตลาดโลหะมีค่าต่างประเทศ : ทองปิดลบ $5.5 นักลงทุนเทขายสินทรัพย์ปลอดภัยหลังตลาดหุ้นพุ่ง

    สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนที่ผ่านมา (3 ก.พ.) เนื่องจากนักลงทุนลดการถือครองทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังจากตลาดหุ้นสหรัฐดีดตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ยังสร้างแรงกดดันต่อตลาดทองคำ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย. ลดลง 5.5 ดอลลาร์ หรือ 0.35% ปิดที่ 1,582.4 ดอลลาร์/ออนซ์ สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค. ลดลง 34.2 เซนต์ หรือ 1.9% ปิดที่ 17.67 ดอลลาร์/ออนซ์

    ตลาดน้ำมันดิบต่างประเทศ :น้ำมัน WTI ปิดร่วง $1.45 หวั่นไวรัสโคโรนาระบาดกระทบศก.โลก

    สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงแตะระดับต่ำสุดในรอบกว่า 1 ปีเมื่อคืนนี้ (3 ก.พ.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงกังวลว่าการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและอุปสงค์น้ำมันในตลาดโลก ขณะที่นักลงทุนจับตาความเคลื่อนไหวของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ว่าจะดำเนินมาตรการใดในการสร้างเสถียรภาพราคาน้ำมัน หลังจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาได้ส่งผลกระทบต่อราคาและอุปสงค์น้ำมัน สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมี.ค. ร่วงลง 1.45 ดอลลาร์ หรือ 2.8% ปิดที่ 50.11 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค. 2562

    ตลาดหุ้นต่างประเทศ : ดาวโจนส์ปิดบวก 143.78 จุด ขานรับภาคการผลิตสหรัฐฟื้นตัว,หุ้นเทคโนฯพุ่งแรง          ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนที่ผ่านมา (3 ก.พ.) โดยได้แรงหนุนจากการฟื้นตัวของภาคการผลิตสหรัฐ และราคาหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่พุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่ง นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยบวกจากการที่นักลงทุนเข้าช้อนซื้อหุ้นที่ทรุดตัวลงในสัปดาห์ที่แล้ว อันเนื่องมาจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 28,399.81 จุด เพิ่มขึ้น 143.78 จุด หรือ +0.51% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,248.92 จุด เพิ่มขึ้น 23.40 จุด หรือ +0.73% ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดที่ 9,273.40 จุด เพิ่มขึ้น 122.47 จุด หรือ +1.34%