หลังจากที่เมื่อวานนี้ราคา goldspot ได้พุ่งขึ้นไปแตะ 1,868 ดอลลาร์ ก่อนที่วันนี้ราคาจะขยับไซด์เวย์ และขึ้นไปแตะจุดสูดสุดระหว่างวันที่ 1,871 ดอลลาร์ จากนั้นได้ขยับลงมาเคลื่อนไหวในแนว 1,865 ดอลลาร์   ขณะที่ราคาทองคำในประเทศได้ลดลงเล้กน้อยจากในเปิดตลาดเพิ่มขึ้นบาทละ 350 บาท ก่อนที่จะปิดตลาดลดลงบาทละ 50 บาท เนื่องจากค่าเงินบาทแข็งค่าจ่อหลุด 30 บาทต่อดอลลาร์  จากเมื่อช่วงเช้าอยู่ที่ 30.17 บาทต่อดอลลาร์ ล่าสุดแข็งค่าแตะ 30.02 บาทต่อดอลลาร์แล้ว

ฐิภา นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนฟิวเจอร์ส จำกัด หรือ YLG กล่าวกับ GOLDAROUND.COM

“มุมมองในระยะสั้นของราคาทองคำกลับมาเป็นขาขึ้น (Uptrend) อีกครั้ง หลังจากราคาทองคำดีดกลับขึ้นมายืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ย(MA) 200 วันได้ นอกจากนี้ราคาทองคำยังทะลุกรอบทิศทางขาลง(Downtrend Line สีน้ำเงิน)ในระยะสั้นได้ สะท้อนมุมมองเชิงบวกที่เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน อย่างไรก็ดีจะเห็นว่าในระยะกลางราคาทองคำยังคงเคลื่อนไหวในกรอบ Sideway Down (Downtrend Line สีแดง) ขณะที่ความแข็งแกร่งของแรงซื้อในระยะสั้นยังไม่มากเท่าที่ควร สะท้อนจากสัญญาณ RSI Bearish Divergence ที่เกิดขึ้นใน Timeframe ย่อย จึงแนะนำว่านักลงทุนยังต้องจับตาบริเวณแนวต้านต่างๆ อย่างใกล้ชิด และยังต้องระวังแรงขายทำกำไรที่จะสลับออกมาเช่นเดิม”


ส่วนการเคลื่อนไหวของราคาทองคำในช่วงเวลาที่เหลือของปีนี้ คาดว่าราคายังมีโอกาสแกว่งตัวในทิศทางอ่อนตัวลงในกรอบ Sideway Down ต่อไป แต่หากยืนเหนือแนวรับบริเวณ 1,806-1,763 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ ก็จะทำให้ในระยะยาวราคายังคงรักษาแนวโน้มเชิงบวกไว้ได้ และมีโอกาสขยับขึ้นไปทดสอบแนวต้าน 1,911-1,921 ดอลลาร์ต่อออนซ์

อย่างไรก็ตามในสัปดาห์สุดท้ายของปี อาจมีปริมาณการซื้อขายเบาบาง ซึ่งกรอบการเคลื่อนไหวของราคาทองคำมักจะแคบลงหลังช่วงเทศกาลคริสต์มาสจนถึงเทศกาลปีใหม่จึงแนะนำนักลงทุนเน้นการทำกำไรระยะสั้นจากการแกว่งตัวของราคา โดยเข้าซื้อหากราคาย่อตัวไม่หลุดแนวรับบริเวณ 1,806-1,763 ดอลลาร์ต่อออนซ์

ทั้งนี้ไม่แนะนำให้เข้าซื้อทั้งหมดบริเวณแนวรับใดแนวรับหนึ่ง ควรเหลือเงินทุนเพื่อซื้อ เฉลี่ยหากราคาหลุดแนวรับแรก และให้แบ่งขายทำกำไรเมื่อราคาดีดตัวขึ้น โดยประเมินบริเวณแนวต้าน 1,911-1,921 ดอลลาร์ต่อออนซ์

ขอบคุณ : บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนฟิวเจอร์ส จำกัด หรือ YLG