- Advertisement -

หลังจากที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ ได้ใช้นโยบายการเงินอย่างเข้มข้นในช่วงที่ผ่านมา ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจถดถอยหรือการชะลอตัวทางเศรษฐกิจอย่างมีนัยสำคัญ แต่สถานการณ์ดังกล่าวจะดีต่อทองคำหรือไม่?

Daniel Hynes senior commodity strategist ของ Australia and New Zealand Banking Group’s (ANZ) กล่าวว่า

ในช่วง 9 เดือน ของปี 2565 เฟดได้ใช้นโยบายการเงินอย่างแข็งกร้าว ทำให้ดอลลาร์แข็งค่าขึ้น และได้กดดันทองคำ โดยราคาทองคำร่วงหลังความต้องการของนักลงทุนที่ลดลง

อย่างไรก็ดี ในช่วงท้ายปี ราคาทองคำได้ปรับตัวเพิ่มขึ้น เมื่อเศรษฐกิจโลกอยู่ในจุดผันผวน เนื่องจากการใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวด ท่ามกลางอัตราเงินเฟ้อที่สูง มีแนวโน้มที่ทำให้เศรษฐกิจในปี 2566 เกิดการชะลอตัว ซึ่งจะส่งผลดีต่อทองคำ

ในการประชุม FOMC เดือน ธ.ค. เฟดได้ขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ทำให้อัตราดอกเบี้ยของเฟดอยู่ที่ 4.25% และ ปีหน้าคาดการณ์ว่าจะขึ้นแตะระดับ 5.1% โดย ประธานเฟดระบุว่า อัตราจะคงอยู่ในระดับสูงต่อไป

- Advertisement -

ทั้งนี้ ANZ คาดว่า อัตราดอกเบี้ยของเฟดจะสูงสุดที่ 5% สิ่งนี้น่าจะเปลี่ยนความเชื่อมั่นของตลาดให้หันมาลงทุนทองคำ และเงินดอลลาร์สหรัฐฯ จะมีบทบาทสำคัญในการช่วยให้ทองคำขยับสูงขึ้น

Daniel Hynes กล่าวเพิ่มเติมว่า สิ่งนี้เกิดขึ้นเมื่อเราเข้าใกล้จุดสิ้นสุดของแข็งค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐฯ และด้วยคำคำยืนยันของเฟดว่า อัตราดอกเบี้ยจะยังคงสูงไปจนถึงปี 2566 ทำให้เกิดความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยในปีหน้า

และราคาทองคำมักจะได้รับแรงกดดัน ก่อนที่จะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย แต่จากนั้นจะมีประสิทธิภาพดีกว่าตลาดอื่น ๆ (เช่น ตราสารทุน) ในช่วงเวลาดังกล่าว

อ้างอิง : Kitco.com

- Advertisement -