ทิศทางราคาทองคำ
ราคาทองคำปรับตัวลดลง โดยถูกกดดันจากการแข็งค่าขึ้นของค่าเงินดอลลาร์ หลังจากที่ประธานเฟดหลายสาขาออกมาแสดงความคิดเห็น โดยสนับสนุนให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ โดยนายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานเฟดสาขาเซนต์หลุยส์ ได้ออกมาแสดงความคิดเห็น สนับสนุนให้เฟดเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยไปสู่กรอบ 5% – 7%
ขณะที่นายราฟาเอล บอสติก ประธานเฟดสาขาแอตแลนตา สนับสนุนให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยโดยมีเป้าหมายอยู่ที่กรอบ 4.75% – 5% ส่งผลให้ดัชนีดอลลาร์แข็งค่าขึ้น โดยวันศุกร์ดัชนีดอลลาร์เคลื่อนตัวอยู่ในกรอบระหว่าง 106.34 – 107.04 จุด และปิดที่ระดับ 106.97 จุด ขณะที่เช้านี้อยู่ที่ 107.09 จุด ทำให้ค่าเงินบาทปรับอ่อนค่า หลังจากแข็งค่าลงไปที่บริเวณ 35.5 บาทต่อดอลลาร์ ปรับอ่อนค่าขึ้นมาต่อเนื่อง โดยเช้านี้อยู่ที่ระดับ 36.02 บาทต่อดอลลาร์ ภาพรวมของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ยังคงแข็งค่าขึ้น จากความคาดหวังว่าเฟดจะยังคงใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวด โดยการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่อง รวมถึงความกังวลด้านภาวะเศรษฐกิจยุโรป และสหรัฐฯ มีแนวโน้มที่จะเข้าสู่ภาวะถดถอย โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯอายุ 10 ปี ยังคงน้อยกว่าอายุ 2 ปี อยู่ 0.7% ซึ่งอยู่ในภาวะ inverted yield curve
สำหรับกองทุนทองคำ SPDR เมื่อวันศุกร์ขายออก 1.73 ตัน ปัจจุบันถือครองที่ 904.62 ตัน ด้านตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯ เมื่อวันศุกร์ ได้แก่ Existing Home Sales ออกมาเพิ่มขึ้นกว่าคาดการณ์
วิเคราะห์ราคาทองคำทางเทคนิค
ราคาทองคำปรับตัวลดลง โดยมีการปรับฐานหลังจากที่ราคาปรับตัวสูงขึ้นมามาก โดยลงไปทดสอบแนวรับระยะสั้นที่บริเวณ 1,750 เหรียญ และราคาทองคำจะมีแนวรับถัดไปอยู่ที่ 1,730 เหรียญ วันนี้คาดว่าราคาทองคำจะเคลื่อนตัวในกรอบแนวรับระยะกลางที่ 1,730 เหรียญ และแนวต้านที่ 1,760 เหรียญ
กลยุทธ์การลงทุนในวันนี้
ยังคงแนะนำ Open Long เทรดซื้อขายตามกรอบแนวโน้มทิศทางขาขึ้น ลงซื้อขึ้นขาย ตามการแกว่งตัวของราคาระหว่างวัน ระวังความผันผวนของราคา
– นักลงทุนที่ถือ Long Position
เก็งกำไรในกรอบขาขึ้น เข้าซื้อตามแนวรับเมื่อราคาย่อตัว และปิดทำกำไรตามแนวต้าน ระวังความผันผวนของราคา
– นักลงทุนที่ถือ Short Position
รอเปิดสถานะตามแนวต้าน และปิดทำกำไรตามแนวรับเมื่อราคาย่อตัว เน้นเทรดระยะสั้น และควรมีจุด Stop Loss
ขอขอบคุณ : บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด (MTS)
