เมื่อวานนี้ ไม่ใช่เพียงแค่ราคาทองคำ จะถูกดัชนีดอลลาร์ที่แข็งค่ามากสุดในรอบ 20 ปี กดร่วงลงแตะระดับ 1,764 ดอลลาร์
แต่สินทรัพย์อื่น ๆ ก็ปรับตัวลงแรงเช่นกัน ทั้ง ราคาน้ำมัน ดัชนีดาวโจนส์, S&P 500 และ Nasdaq ต่างก็ปรับตัวลดลง
Carsten Fritsch analyst Commerzbank กล่าวว่า ดัชนีดอลลาร์สหรัฐฯ ที่ไต่ขึ้นสู่ระดับ 106.66 สูงสุดในรอบ 20 ปี และยังซื้อขายที่ระดับสูงสุดในรอบ 20 ปี เมื่อเทียบกับเงินยูโร ดึงให้ราคาทองคำร่วงลงต่ำกว่าระดับ 1,800 ดอลลาร์
ทั้งนี้ นักลงทุนต่างแห่กันไปถือดอลลาร์สหรัฐฯ ในฐานะสกุลเงินที่ปลอดภัย หลังจากที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ได้เริ่มเดินหน้านโยบายทางการเงินที่เข้มงวด เพื่อควบคุมอัตราเงินเฟ้อ
นอกจากนั้น นักลงทุนยังรอดูรายงานการประชุมของ FOMC (Fed minutes) ในเดือน มิ.ย. ที่จะเผยแพร่ในวันนี้ (5 ก.ค.)
โดยนักวิเคราะห์ กำลังมองหาเบาะแสที่เกี่ยวข้องกับเส้นทางการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ที่กำลังจะเกิดขึ้น และความคิดเห็นใหม่ ๆ เกี่ยวกับภาวะถดถอยจากสมาชิกธนาคารกลางสหรัฐฯ
ขณะที่ เครื่องมือ CME Fed Watch แสดงโอกาส 85.6% ของการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในการประชุม เดือน ก.ค. และ มีโอกาสเพียง 14.4% ที่จะปรับขึ้น 0.50% ทำให้เงินดอลลาร์ยังมีแนวโน้มที่จะจะรักษาความแข็งแกร่งไว้ได้ต่อไป
สิ่งเดียวที่อาจจะทำให้เงินดอลลาร์อ่อนค่าลงมาได้ คือ รายนงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตร (NFP) เดือนมิ.ย. จะเผยแพร่ในวันศุกร์ หรือ ข้อมูลเงินเฟ้อที่ชะลอตัวลง

ขณะที่ James Knightley chief international economist ING กล่าวว่า
ปธ.เฟด ได้ประกาศอย่างชัดเจนว่า จะใช้เครื่องมือทุกอย่างที่มี เพื่อควบคุมอัตราเงินเฟ้อ
ดังนั้น เราจะต้องดูรายงานการจ้างงาน ซึ่งจะเผยแพร่ในวันที่ 8 ก.ค. หรือ รอดูการประกาศตัวเลข CPI ในกลางสัปดาห์หน้า ซึ่งอาจเป็นไปได้ว่า เงินเฟ้อที่ลดลงอย่างน่าประหลาดใจ
ด้าน Bart Melek global head of commodity strategy TD Securities ระบุว่า
การที่ราคาทะลุระดับต่ำกว่า 1,780 ดอลลาร์ ถือว่าอยู่ในโซนอันตราย โดยการเคลื่อนไหวของราคาทองคำในช่วงนี้ บ่งชี้ว่า จะยอมจำนนต่อระบอบธนาคารกลาง ที่ต่ำต้อยที่สุดนับตั้งแต่ทศวรรษ 1980
อย่างไรก็ตาม ในขณะที่ธนาคารกลางเผชิญกับวิกฤตความน่าเชื่อถือ พวกเขายังคงมุ่งมั่นที่จะต่อสู้กับเงินเฟ้อ และพยายามดันอัตราดอกเบี้ยให้สูงขึ้น จะกว่าจะเห็นสัญญาณเศรษฐกิจถดถอยอย่างจริงจัง จึงอาจจะมาตัดสินใจใหม่อีกรอบ
ที่มา : Kitco.com