ราคาทองคำ เข้าสู่ ‘โซนอันตราย’ หลังเมื่อวานนี้ราคาได้ร่วงลงมาอีก 30 ดอลลาร์ หรือ 1.58% โดยมาปิดตลาดที่ 1,822 ดอลลาร์ ก่อนที่ช่วงเช้าที่ผ่านมาราคา ราคาได้ร่วงแตะจุดต่ำสุดที่ 1,810 ดอลลาร์ ก่อนจะดีดตัวกลับมาเล็กน้อย
ทั้งนี้ ราคาทองคำได้ร่วงแรงเนื่องจากค่าเงินดอลลาร์ พุ่งแตะเฉียด 105 สูงสุดในรอบ 20 ปี ทั้งนี้ ราคาทองคำมีแนวรับที่แข็งแกร่งที่ระดับ 1,800 ดอลลาร์ แต่หากว่าราคาทะลุผ่านไปได้ อาจจะเกิดแรงเทขายที่พุ่งสูงขึ้น
เอ็ดเวิร์ด โมยา นักวิเคราะห์ตลาดอาวุโสของ OANDA ระบุว่า
ค่าเงินดอลลาร์ทำให้ทองคำอยู่ในโซนอันตรายอย่างมั่นคง และการทะลุระดับ 1,800 ดอลลาร์ อาจนำไปสู่การขายทางเทคนิคเพิ่มเติม
โดยอาจจะเห็นราคาทองคำร่วงลงไปแตะระดับ 1,750 ดอลลาร์ ได้ ทั้งนี้ ทองคำยังคงอยู่ในโซนอันตราย จนกว่าการเคลื่อนไหวของค่าเงินดอลลาร์จะสิ้นสุดลง
ทั้งนี้ ราคาทองคำถูกเทขายต่อเนื่อง หลังไม่สามารถก้าวผ่านระดับ 1,900 ดอลลาร์ ไปได้ ใกล้เคียงกับการถูกเทขายในตลาดหุ้นสหรัฐฯ นักลงทุนได้เปลี่ยนไปให้ความเชื่อมั่นว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ จะสามารถต่อสู้กับภาวะเงินเฟ้อได้โดยไม่ทำให้เกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย
ขณะที่ นักยุทธศาสตร์จาก TD Securities กล่าวว่า
การเทขายสินทรัพย์ออกในวงกว้าง กำลังสร้างสุญญากาศด้านสภาพคล่อง ซึ่งส่งผลกระทบต่อทองคำเช่นกัน
ทั้งนี้ ราคาทองคำกำลังดิ้นรนอย่างหนัก ภายใต้การเคลื่อนไหวของเฟดในเรื่องการใช้นโยบายการเงิน เพื่อต่อสู้กับเงินเฟ้อ
โดนในการประชุมวุฒิสภาสหรัฐฯ เมื่อวานนี้ ได้มีมติให้ นาย เจอโรม พาวเวลล์ ดำรงตำแหน่งประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) สมัยที่ 2 ด้วยคะแนนเสียง 80/19 คะแนน หลังจากที่เฟดตัดสินใจขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% จุด ในเดือนพ.ค. ซึ่งเป็นการปรับขึ้นที่สูงสุดนับตั้งแต่ปี 2543
จากข้อมูลของ CME FedWatch Tool ระบุว่า ขณะนี้ตลาดได้มองว่า มีโอกาส 93% ที่เฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมเดือน มิ.ย. และ โอกาส 90% ที่การปรับขึ้นอีก 0.50% ในการประชุมเดือน ก.ค.
แดเนียล บรีสมันน์ นักวิเคราะห์ของ Commerzbank กล่าวว่า
อัตราเงินเฟ้อจะยังคงสูงกว่าก่อนเกิดการระบาดใหญ่ของโควิด-19 เพราะค่าแรงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว หลังตลาดแรงงานมีความตึงตัว ดังนั้น เฟดจึงยังคงอยู่ภายใต้แรงกดดันที่จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างมีนัยสำคัญ
โดยทางนักเศรษฐศาสตร์ของ Commerzbank คาดว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุม 3 ครั้งถัดไป น่าจะทำให้อัตราดอกเบี้ยจะสูงถึง 3.0% ภายในสิ้นปีนี้