S&P Global Market Intelligence ออกรายงานที่แสดงถึงการคาดการณ์แนวโน้มทองคำในช่วงที่เหลือของปีนี้ พบว่ายังดูแข็งแกร่ง หลัง ราคาทองคำ ยังยืนเหนือระดับ 1,900 ดอลลาร์ ต่อออนซ์ ได้
โดยราคาทองคำได้แรงหนุนจากความต้องการจากอุตสาหกรรมอัญมณี และ ความสนใจของกลุ่ม ETF และ การซื้อทองคำจากธนาคารกลาง
Bjorn Goosen นักวิเคราะห์อาวุโสของ S&P Global Market Intelligence ระบุว่า
ปัจจัยหลักที่เกี่ยวข้องกับทองคำในช่วงที่เหลือของปี จะมีเรื่องการรุกรานยูเครนของรัสเซีย อัตราเงินเฟ้อสูงที่ยังสูงต่อเนื่อง ความกังวลด้านการเติบโตทางเศรษฐกิจ การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางที่กำลังจะเกิดขึ้น และการระบาดของโควิด- 19 ที่ยังคงมีอยู่
ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจโลกและตลาดสินเชื่อกำลังเผชิญกับความเสี่ยงด้านลบ โดยคาดว่าในปีนี้ GDP โลกคาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 3.6% ขณะที่ ราคาทองคำมีแนวโน้มที่ดีในระยะสั้นและระยะกลาง
อย่างไรก็ตาม ปัจจัยที่จะเข้ามากดดันราคาทองคำในช่วงท้ายปี ก็คือ
อัตราดอกเบี้ยโดยรวมที่พุ่งสูงขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้ราคาทองคำปรับตัวลงสู่ระดับ 1,825 ดอลลาร์ ต่อออนซ์ และ หลังจากนี้อีก 5 ปี ราคาทองคำอาจจะลงไปต่ำถึง 1,650 ดอลลาร์ต่อออนซ์
มาดูเรื่องของการผลิตทองคำ ในปีนี้
คาดว่าเหมืองต่าง ๆ จะขุดทองคำขึ้นมามากกว่าปีที่แล้ว ประมาณ 5.8% หลังจากที่ราคาทองคำยังปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยที่ปริมาณทองคำจากเหมืองที่ออสเตรเลียจะแซงหน้าจีน ตามมาด้วยรัสเซีย
โดยปริมาณทองคำที่ขุดขึ้นมาในเดือน มีนาคม แตะระดับสูงสุดในรอบหลายปี สูงกว่าก่อนเกิดโรคระบาด
อย่างไรก็ดีต้นทุนในการผลิตก็ได้เพิ่มสูงขึ้นประมาณ 10% จากต้นทุนพลังงาน และ ต้นทุนวัตถุดิบที่สูงขึ้น
ที่มา : Kitco.com