นลท.ทองยังลังเล ขณะที่โบรกฯ คาดใกล้สัปดาห์ก่อน แนะรอดูทิศทางดอกเบี้ยในการประชุมเฟด 2-3 พ.ค.นี้

ทองรูปพรรณ และทองคำแท่ง จินฮั้วเฮง

ผลสำรวจทิศทางราคาทองคำในประเทศ ระหว่าง 1-5 พ.ค.66 โดย ศูนย์วิจัยทองคำ ระบุว่า

14 ผู้เชี่ยวชาญในตลาดทองคำ 29% คาดว่าทองคำสัปดาห์หน้าจะปรับเพิ่มขึ้นและลดลงในอัตราเท่ากัน และอีก 42% คาดว่าจะใกล้เคียงกับสัปดาห์ที่ผ่านมา

ส่วนนักลงทุนทองคำ 309 ราย ในจำนวนนี้ 42% คาดว่าราคาทองคำจะปรับเพิ่มขึ้น ส่วน 45% คาดว่าจะลดลง และ 13% คาดว่าจะใกล้เคียงกับสัปดาห์ที่ผ่านมา

สถานการณ์ราคาทองคำ

ราคาทองคำแท่งในประเทศ 96.5% ตามประกาศ สมาคมค้าทองคำ ในสัปดาห์ที่ผ่านมาเคลื่อนไหวอยู่ระหว่าง 32,050 – 32,450 บาท โดยราคาปิดสัปดาห์อยู่ที่ระดับ 32,200 บาท ปรับลดลง 200 เมื่อเปรียบเทียบกับสัปดาห์ก่อนหน้า (สัปดาห์ก่อนหน้าปิดที่ 32,400 บาท) ดูรายงาน GRC ฉบับก่อนหน้า

ปัจจัยที่ต้องติดตาม

1. ปริมาณการซื้อขายทองคำอาจเบาบางลง เนื่องจากตลาดเงินและตลาดทุนในบางประเทศ เช่น ไทย จีน ฮ่องกง เยอรมนี อิตาลี ฝรั่งเศส สวิตเซอร์แลนด์ หยุดทำการในวันที่ 1 พ.ค.66 เนื่องในวันแรงงาน

2. ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) โดยตลาดยังกังวล FED เดินหน้าขึ้นดอกเบี้ย แม้เงินเฟ้อจะชะลอตัวลง ซึ่งล่าสุด Fed Watch Tool ของ CME Group ชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 68% ที่ FED จะขึ้นดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 5.00 – 5.25% ในการประชุมระหว่างวันที่ 2-3 พ.ค.66

3. รายงานตัวเลขทางเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯ ได้แก่ ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร, อัตราการว่างงาน, รายได้เฉลี่ยต่อชั่วโมง, การจ้างงานภาคเอกชน ดัชนี PMI และ ISM ภาคการผลิต/ภาคบริการ เดือน เม.ย.66 และยอดสั่งซื้อภาคโรงงาน

ที่มา : ศูนย์วิจัยทองคำ

ทองคำยังมีลุ้นพุ่งทะลุ $2,075 รอฟังท่าทีประธานเฟด หลังวิกฤตแบงค์กลับมา

photo by Kampus Production | pexels.com

ทองคำ ยังเคลื่อนไหวในกรอบแคบ หลังนักลงทุนกำลังเฝ้าดูผลการประชุม FOMC ในวันที่ 2-3 พ.ค. ว่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย อีก 0.25%

รวมถึงการให้สัมภาษณ์หลังการประชุมของประธานเฟด หากตลาดตีความว่า จะหยุดการขึ้นดอกเบี้ยชั่วขณะ ราคาทองคำอาจปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นอีกครั้ง

ราคาทองคำกำลังจะปิดฉากในเดือน เม.ย. ในแดนบวกอีกครั้ง หลังเดือน เม.ย. ปรับตัวเพิ่มขึ้นถึง 142 ดอลลาร์ และในเดือน เม.ย. ได้ขึ้นไปแตะจุดสูงสุดในรอบ 13 เดือนแถว ๆ 2,050 ดอลลาร์

Michael Boutros senior technical strategist ของ Forex.com กล่าวกับ Kitco News ว่า

ทองคำแตะระดับสูงสุดในปี 2565 ที่ 2,049 ดอลลาร์ และจากนั้น ได้กลับตัวลงไปแตะแถว 1,970 ดอลลาร์ และราคาทองคำได้พยายามกลับมายืนเหนือ 2,000 ดอลลาร์

ขณะนี้ ตลาดกำลังเฝ้ามองผลการประชุม FED เดือน พ.ค. โดย 83% คาดว่า FED จะปรับดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น 0.25% ความเห็นของประธานเฟดจะเป็นกุญแจสำคัญ โดยจะรอดูว่าประธาน FED จะพูดถึงระบบธนาคาร และปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างไรบ้าง

ซึ่ง Boutros เชื่อว่า ความวุ่นวายในภาคธนาคารยังไม่จบ ซึ่งจะต้องมาดูว่าเฟดจะมองเห็นรอยร้าวหรือความเสี่ยงที่เกิดขึ้นหรือไม่

ล่าสุดมีรายงานว่า รัฐบาลสหรัฐฯ จะเป็นผู้นำการเจรจาช่วยเหลือธนาคาร First Republic อีกครั้ง

ทั้งนี้ ตลาดคาดการณ์ว่า จะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ แต่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่กำลังจับตาว่าระหว่างความคาดหวังของตลาด กับเป้าหมายการลดเงินเฟ้อของเฟด สิ่งไหนจะเกิดขึ้น

โดย Sean Lusk co-director ของ Walsh Trading เชื่อว่า

อัตราเงินเฟ้อจะไม่หายไปในเร็ว ๆ นี้ ซึ่งเป็นเหตุผลว่า ทำไมเฟดจะไม่ลดอัตราดอกเบี้ย

หลายคนมองว่าการปรับขึ้นดอกเบี้ย เดือน พ.ค. เป็นรอบสุดท้าย แต่ Boutros ยังอยากให้จับตาการประชุม เดือน มิ.ย. ซึ่งอาจจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้อีก

เมื่อมองปัจจัยพื้นฐานราคาทองคำยังเป็นขาขึ้น โดยนักวิเคราะห์มองว่า มีโอกาสไปแตะ 2,100 ดอลลาร์ โดยทองคำจะถูกเลือกในฐานะสินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยง ท่ามกลางความไม่แน่นอนของตลาด

จากมุมมองทางเทคนิค Sean Lusk ให้แนวรับหลักแรกของทองคำอยู่ที่ 1,950-1,940 ดอลลาร์ หากหลุดลงไป จะไปอยู่ที่ 1,925 ดอลลาร์

ในทางกลับกัน เป้าหมายแนวต้านจะอยู่ที่ 2,060 และ 2,100 ดอลลาร์ ซึ่งจะทำให้ราคาทองคำปรับเพิ่มขึ้น 15% ในปีนี้ และมีโอกาสไปถึง 2,190 ดอลลาร์ นั่นคือเป้าหมายขาขึ้นที่ยอดเยี่ยมมาก Sean Lusk กล่าว

อีกเหตุการณ์หนึ่ง ที่น่าจับตามองในสัปดาห์หน้า คือ รายงานการจ้างงานของสหรัฐฯ ในเดือน เม.ย. โดยตลาดคาดว่าตำแหน่งงาน เดือน เม.ย. จะมีการชะลอตัวลงเหลือ 178,000 ตำแหน่ง เพิ่มจาก 236,000 ตำแหน่งใน เดือน มี.ค. และอัตราการว่างงานคาดว่าจะสูงถึง 3.6%

นักวิเคราะห์กล่าวเสริมว่า ตัวขับเคลื่อนทองอื่น ๆ ที่สนับสนุนในระยะยาว ได้แก่ ความกังวลเกี่ยวกับเพดานหนี้ และความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ ซึ่งจะเป็น X-factor หรือ “ปัจจัยที่ไม่สามารถคาดหมายได้” ในการหนุนราคาทองคำให้พุ่งไปข้างหน้า

ที่มา : Kitco.com

ทองคำอาจทะยานแรง หลัง FDIC เตรียมเข้าคุมกิจการของ FRB

ภาพถ่ายโดย Pixabay: https://www.pexels.com/th-th/photo/164527

ราคาหุ้นของ First Republic Bank หรือ FRB ได้ร่วงลงกว่า 30% สู่ระดับ 4.31 ดอลลาร์ ในการซื้อขายสัปดาห์ที่ผ่านมา

หลังมีรายงานว่า บรรษัทค้ำประกันเงินฝากของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ (FDIC) มีแนวโน้มที่จะเข้าพิทักษ์ทรัพย์ของ FRB เหตุกลุ่มที่ปรึกษาของ FRB ยังคงไม่สามารถบรรลุข้อตกลงร่วมกันในการฟื้นฟูกิจการของ FRB

ทั้งนี้ FDIC จะเข้าควบคุมกิจการ FRB โดยจะมีการยึดทรัพย์สิน หรือ FDIC หารือกับธนาคารอื่น ๆ ที่อาจสนใจเข้าซื้อกิจการของ FRB

Michael Lee ผู้ก่อตั้ง Michael Lee Strategy และอดีตรองประธาน Morgan Stanley กล่าวว่า

เหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นกับ FRB จะไม่ใช่ครั้งสุดท้าย หลังเริ่มต้นจากการปิดธนาคาร 3 แห่ง ได้แก่ Silver gate, Silicon Valley Bank , และ Signature Bank

โดยอาจจะเห็นธนาคารขนาดเล็กทั่วประเทศลดลงครึ่งหนึ่ง จากการควบรวมกิจการ และจะเห็นการล่มสลายของการปล่อยสินเชื่อ ซึ่งจะนำไปสู่เศรษฐกิจชะลอตัวลง ซึ่งจะทำให้อัตราเงินเฟ้ออยู่ภายใต้การควบคุม

ในขณะที่เศรษฐกิจอ่อนแอลงและเกิดหายนะทางการเงิน จะทำให้ทองคำมีราคาสูงขึ้น โดยเฉพาะหากทะลุกลับไปเหนือ 2,000 ดอลลาร์ อาจจะพุ่งทะลุจุดสูงสุดตลอดกาลไปไกล เนื่องจากทองคำเป็นสินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยงจากวิกฤต ซึ่ง Michael Lee เชื่อว่า สิ่งเลวร้ายกำลังจะเกิดขึ้น

ก่อนหน้านี้ว่า FDIC, ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) และกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ได้หารือกับสถาบันการเงินหลายแห่งเกี่ยวกับการอัดฉีดสภาพคล่องให้แก่ FRB หลังจากเผชิญการไหลออกของเงินฝากมากกว่า 1 แสนล้านดอลลาร์ ในไตรมาส 1/2566 แต่สถานะทางการเงินของ FRB ยังคงไม่ดีขึ้น

ทางด้านที่ปรึกษาของ FRB ได้แนะนำให้ธนาคารขนาดใหญ่เพิ่มความช่วยเหลือด้วยการซื้อสินทรัพย์ของ FRB ในราคาสูงกว่าตลาด ซึ่งแม้ว่าจะทำให้ธนาคารเหล่านี้ขาดทุน แต่ก็จะดีกว่าการปล่อยให้ FRB ล้มละลาย ซึ่งจะส่งผลกระทบที่รุนแรงต่อตลาด แต่ข้อเสนอดังกล่าวยังคงไม่มีความคืบหน้าแต่อย่างใด

ทั้งนี้ หากพิจารณาตั้งแต่ต้นปี 2566 ราคาหุ้น FRB ได้ทรุดตัวลงมากกว่า 90% ขณะที่นักลงทุนขาดความเชื่อมั่นต่อ FRB หลังการล้มละลายของซิลิคอน วัลเลย์ แบงก์ (SVB) และซิกเนเจอร์ แบงก์ (SB)

ธนาคารแห่งประเทศไทย รับมอบทองคำ เพื่อสมทบเข้าเป็นทุนสำรองเงินตราระหว่างประเทศ

gold reserve BOT | ภาพจาก bot.or.th

นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ได้รับมอบทองคำจำนวน 14.5 กิโลกรัม

จาก หลวงปู่บุญเรือง กิตฺติปุญโญ วัดพุมุด อำเภอไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี ประธานสงฆ์และผู้แทนคณะศิษยานุศิษย์พระธรรมวิสุทธิมงคล (หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน) 

ซึ่งทองคำดังกล่าว เป็นทองคำที่ได้รับจากการจัดงานบุญประเพณี “ผ้าป่า 12 เมษาฯ สืบหน่อต่อแขนงคลังหลวง บูชาพระคุณองค์หลวงตา” ตามเจตนารมณ์ของหลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน เพื่อสมทบเข้าเป็นทุนสำรองเงินตรา 

สินทรัพย์ที่ได้รับมอบมาทั้งหมดในช่วงก่อนหน้านี้ แบ่งเป็นทองคำแท่งน้ำหนักรวมประมาณ 13,102.844 กิโลกรัม และเงินตราต่างประเทศจำนวน 10,457,159.63 ดอลลาร์ สรอ. (ข้อมูล ณ วันที่ 13 มิถุนายน 2565)

ที่มา : ส่วนบริหารความสัมพันธ์องค์กร ธนาคารแห่งประเทศไทย

27 เมษายน 2566

บทวิเคราะห์ราคาทองคำ 28-4-23 By YLG

แนวโน้ม Sideway

กลยุทธ์ Long

Gold Spot

แนวต้าน 2,014 2,031 2,048

แนวรับ 1,969 1,949 1,933

STOP LOSS 1,949

Gold 96.5

แนวต้าน 32,550 32,850 33,150

แนวรับ 31,850 31,500 31,250

STOP LOSS 31,500

คำแนะนำ

มีแรงซื้อเพิ่มขึ้นหลังจากราคาอ่อนตัวลงทดสอบกรอบแนวรับด่านล้างของทิศทาง Sideway  ทั้งนี้ หากราคาทองคำสามารถยืนเหนือแนวรับที่ 1,975-1,969 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้  อาจมีแรงซื้อทำกำไรระยะสั้นเข้ามาดันให้ราคาฟื้นตัวขึ้นอีกครั้ง แนะนำรอเปิดสถานะซื้อเพื่อทำกำไรระยะสั้นหากราคาอ่อนตัวลงไม่หลุดแนวรับดังกล่าว โดยสถานะซื้อ ตัดขาดทุนหากราคาหลุดแนวรับ1,949 ดอลลาร์ต่อออนซ์  รอปิดสถานะซื้อทำกำไรหากการดีดตัวขึ้นไม่สามารถยืนเหนือโซนแนวต้าน 2,008-2,014 ดอลลาร์ต่อออนซ์

ปัจจัยพื้นฐาน

เมื่อวานนี้ ราคาทองคำมีผันผวนสูง ทำระดับสูงสุดที่ 2,003.14 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และเหวี่ยงลงไปทำระดับต่ำสุดถึง 1,974.38 ดอลลาร์ต่อออนซ์  แต่ปิดตลาดแล้วกลับมาปิดลบเพียง 1.53 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยถึงแม้ว่า ดัชนี GDP ในไตรมมาส 1/2023 ของสหรัฐ จะออกมาเติบโตในระดับที่ต่ำลงมาอยู่ที่ 1.1% จากที่คาดการณ์ไว้ 2.0% เป็นปัจจัยหนุนทองทำ High ได้เพียงช่วงสั้นๆ ก่อนโดนแรงขาย Sell on fact จากที่ราคาปรับขึ้นมาแล้วพอสมควร อีกทั้งตัวเลขเศรษฐกิจอื่นๆ ไม่ได้ไปในทิศทางเดียวกัน โดยเฉพาะตัว GDP price index ที่วัดราคาสินค้าและบริการ นั้นเพิ่มขึนมาถึง 4% สวนทางดัชนี GDP ซึ่งอาจสะท้อนถึงเงินเฟ้อที่สูงขึ้น  อีกทั้ง งบการเงินบริษัทใหญ่สหรัฐ ยังสะท้อนกำไรที่ยังแข็งแกร่งสวนทาง GDP ทั้ง อเมริกัน แอร์ไลน์, คอมแคสต์, แคทเธอร์ พิลลาร์ รวมไปถึง เมตา ที่ประกาศมาก่อนหน้านี้  และ Jobless Claims สะท้อนคนว่างงานต่ำกว่าคาด มากดทองซ้ำ แต่ทองมีแรง Buy the dip เริ่มฟื้นจาก Low 1,974.38 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หลัง Pending Home Sales กลับมาติดลบหนัก

ขอขอบคุณ : YLG Bullion

บทวิเคราะห์ราคาทองคำ 28-4-23 By InterGOLD

InterGOLD

แนวต้าน |  2,010 หรือ 32,400 บาท

แนวรับ |  1,970 หรือ 31,800 บาท

ข่าว :

– ตลาดหุ้นวันที่ผ่านปรับตัวบวก หลังตัวเลข GDP ไตรมาสแรกของสหรัฐฯ ออกมาบวกน้อยกว่าคาด แสดงให้เห็นว่าดอกเบี้ยขาขึ้นน่าจะเริ่มหยุดแล้ว เพราะหากเศรษฐกิจเริ่มชะลอตัว เงินเฟ้อก็จะปรับตัวลงเช่นกัน

กลยุทธ์ :

– ทองคำปรับตัวอยู่ในกรอบ $1970-$2010 เมื่อคืนมีการลงมารับแถว $1970 คืนนี้อาจลุ้นทดสอบ $2000-$2010 ได้

ขอขอบคุณ : บริษัท อินเตอร์โกลด์ โกลด์เทรด จำกัด

บทวิเคราะห์ราคาทองคำ 28-4-23 By MTS Gold

ทิศทางราคาทองคำ

ราคาทองคำยังคงเคลื่อนตัวผันผวนอยู่ในกรอบเดิมระหว่าง 1,970-2,000 เหรียญ เรียกได้ว่าเป็นการเคลื่อนตัวอยู่ในกรอบดังกล่าวมาแล้วประมาณ 2 สัปดาห์ ขณะที่ภาพรวมตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯ เมื่อวานนี้ ได้แก่ ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 1 ปี 2566 ของสหรัฐฯ ออกมาขยายตัวต่ำกว่าที่คาดการณ์ ขณะที่ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานออกมาดีขึ้นกว่าที่คาดการณ์ โดยมีผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานลดลงสู่ระดับ 230,000 ราย โดยจะเห็นว่าตัวเลข GDP ที่ปรับตัวลดลง ไม่ค่อยส่งผลกระทบต่อดัชนีดอลลาร์มากนัก โดยดัชนีดอลลาร์เมื่อวานนี้เปิดที่ 101.39 จุด ก่อนแข็งค่าขึ้นเล็กน้อยปิดที่ 101.48 จุด

ขณะที่เช้านี้อยู่ที่ 101.55 จุด สำหรับวันนี้มีตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯ ได้แก่ Core PCE Price Index m/m และ Revised UoM Consumer Sentiment คาดการณ์ว่าจะออกมาใกล้เคียงเดิม ขณะที่ Personal Spending m/m และ Chicago PMI คาดการณ์ออกมาลดลงจากเดิม ซึ่งหากตัวเลขเศรษฐกิจออกมาตามที่คาดการณ์ คาดว่าราคาทองมีโอกาสที่จะเคลื่อนตัวอยู่ในกรอบใกล้เคียงเดิม โดยนักลงทุนยังคงกังวลเกี่ยวกับปัญหาของธนาคารเฟิร์สท์ รีพับลิก แบงก์ (FRB) แม้ว่ายังไม่ส่งผลกระทบลุกลามมากนัก ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจไทยภาคการส่งออกดีขึ้นกว่าที่คาดการณ์ ทำให้ค่าเงินบาทแข็งค่าลงมาอย่างรวดเร็วจากระดับ 34.37 บาทต่อดอลลาร์ มาที่ 34.12 บาทต่อดอลลาร์ กดดันราคาทองไทยให้ปรับตัวลดลงมาอยู่แถวบริเวณ 32,000 บาท

วิเคราะห์ราคาทองคำทางเทคนิค

ภาพรวมราคาทองคำยังคงเคลื่อนตัวในกรอบ Sideways ระหว่าง 1,980-2,000 เหรียญ ขณะที่ค่าเงินบาทมีการเคลื่อนตัวอยู่ในแนวโน้มทิศทางขาลงแถวบริเวณแนวรับที่ 34.05 บาทต่อดอลลาร์ โดยวันนี้คาดว่าค่าเงินบาทจะเคลื่อนตัวอยู่ในกรอบที่ 34.05 – 34.20 บาทต่อดอลลาร์ สำหรับราคาทองคำจะเคลื่อนตัวอยู่ในกรอบโดยมีแนวรับที่ 1,970 เหรียญ และแนวต้านที่ 2,000 เหรียญ

สำหรับ Gold Online Futures คาดจะมีกรอบแนวรับ 1,990 เหรียญ และแนวต้าน 2,020 เหรียญ และ Gold Comex คาดจะมีกรอบแนวรับ 1,980 เหรียญ และแนวต้าน 2,010 เหรียญ สำหรับราคาทองคำไทยมีแนวรับที่ 31,900 บาท/บาททองคำ และมีแนวต้านที่ 32,300 บาท/บาททองคำ

Gold Futures Series M23 จะมีแนวรับที่ระดับ 32,250 บาท และแนวต้านที่ระดับ 32,550 บาท

โดยเน้นย้ำนักลงทุนว่า ราคาทองคำและราคาฟิวเจอร์สอาจจะแตกต่างกันประมาณ 10 – 20 เหรียญ ดังนั้น การวิเคราะห์หรือ Arbitrage จะต้องใช้ความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง

กลยุทธ์การลงทุนในวันนี้

ยังแนะนำลงทุนในกรอบตามทิศทางการเคลื่อนตัวของราคาในลักษณะ Sideways ลงซื้อขึ้นขาย ระวังความผันผวนของราคา ติดตามตัวเลขเศรษฐกิจที่จะประกาศออกมา

– นักลงทุนที่ถือ Long Position

เก็งกำไรในกรอบ เข้าซื้อตามแนวรับและปิดทำกำไรตามแนวต้าน เฝ้าติดตามราคาทองคำระหว่างวัน

– นักลงทุนที่ถือ Short Position

เก็งกำไรในกรอบ เปิดสถานะตามแนวต้าน และปิดทำกำไรตามแนวรับเมื่อราคาย่อตัว

ขอขอบคุณ : บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด (MTS GOLD)