ผู้เชี่ยวชาญคาดสัปดาห์หน้าทองไม่ขยับ ขณะที่นลท.มองทองบวกต่อ

GRC Gold Survey 27-31 ธ.ค.64

| GRC Gold Survey 27-31 ธ.ค. 64 |

ผลสำรวจมุมมองต่อทิศทางราคาทองคำในประเทศรายสัปดาห์ระหว่างวันที่ 27-31 ธ.ค. 64 จากการสำรวจ GRC Gold Survey โดย ศูนย์วิจัยทองคำ

14 ผู้เชี่ยวชาญในตลาดทองคำที่ได้มีส่วนร่วมตอบแบบสำรวจ ในจำนวนนี้มี 4 ราย หรือเทียบเป็น 29% คาดว่าราคาทองคำในสัปดาห์หน้าจะปรับเพิ่มขึ้น ส่วนจำนวน 3 ราย หรือเทียบเป็น 21% คาดว่าราคาทองคำจะลดลง และ จำนวน 7 ราย หรือเทียบเป็น 50% คาดว่าราคาทองคำจะใกล้เคียงกับสัปดาห์ที่ผ่านมา

สำหรับนักลงทุนทองคำ ได้เข้าร่วมตอบแบบสำรวจ จำนวน 314 ราย ในจำนวนนี้มี 182 ราย หรือเทียบเป็น 58% คาดว่าราคาทองคำในประเทศของสัปดาห์หน้าจะปรับเพิ่มขึ้น ส่วนจำนวน 62 ราย หรือเทียบเป็น 20% คาดว่าราคาทองคำจะลดลง และ จำนวน 70 ราย หรือเทียบเป็น 22% คาดว่าราคาทองคำจะใกล้เคียงกับสัปดาห์ที่ผ่านมา

สถานการณ์ราคาทองคำ

ราคาทองคำแท่งในประเทศ 96.5% ตามประกาศสมาคมค้าทองคำ ในสัปดาห์ที่ผ่านมาเคลื่อนไหวอยู่ระหว่าง 28,550 – 28,750 บาท ต่อบาททองคำ โดยราคาทองคำปิดอยู่ที่ระดับ 28,700 บาท ต่อบาททองคำ ปรับเพิ่มขึ้น 250 เมื่อเปรียบเทียบกับราคาปิดของสัปดาห์ก่อนหน้า (สัปดาห์ก่อนหน้าปิดที่ 28,450 บาท) ดูรายงาน GRC ฉบับก่อนหน้า

ปัจจัยที่ต้องติดตาม

1. สถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 สายพันธุ์ Omicron โดยหลายประเทศมีการสั่งห้ามจัดงานฉลองปีใหม่ในที่สาธารณะทั้งหมด หลังจำนวนผู้ติดเชื้อใหม่รายวันทำสถิติสูงเป็นประวัติการณ์

2. บรรยากาศการซื้อขายโดยทั้งตลาดเงินตลาดทุน และตลาดทองคำยังคงเบาบาง เนื่องจากนักลงทุนส่วนใหญ่ชะลอการเข้าตลาดก่อนช่วงวันหยุดปลายปี ซึ่งกรอบการเคลื่อนไหวของราคาทองคำมักจะแคบลงจนถึงเทศกาลปีใหม่

3. ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ และจีน หลังผู้นำสหรัฐฯลงนามบังคับใช้กฎหมายป้องกันการบังคับใช้แรงงานชาวอุยกูร์ (Uyghur Forced Labor Prevention Act) ซึ่งจะมีผล คือ ห้ามบริษัทเอกชนสหรัฐฯ นำเข้าสินค้าจากมณฑลซินเจียงของจีน ซึ่งเป็นหนึ่งในมาตรการของสหรัฐฯ ในการกดดันให้ประเทศจีนแก้ไขปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชนของชาวอุยกูร์

4. รายงานตัวเลขทางเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯ ได้แก่ สต็อกน้ำมันรายสัปดาห์ จากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (EIA) และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์

ที่มา : ศูนย์วิจัยทองคำ

ราคาทองคำวันนี้ : GOLD SPOT ยังไม่สามารถยืนเหนือ $1,810 ได้ แต่ยังได้ลุ้นต่อ

photo by Tima Miroshnichenko | pexels.com

ราคา gold spot พยายามขึ้นไปยืนเหนือ $1,810 แต่ยังไม่สำเร็จ คาดว่าวันนี้ตลาดจะเงียบ เพราะตลาดเงินและตลาดทุนของบางแห่งในยุโรป และตลาดสหรัฐฯ จะปิดทำการเนื่องในวันคริสต์มาส

ขณะที่ราคาทองคำ ที่ประกาศโดยสมาคมค้าทองคำ เช้านี้ (24 ธ.ค.) ยังทรงตัวที่ ขายออกบาทละ 28,700 บาท

ราคาทองคำวานนี้ ปิดปรับตัวเพิ่มขึ้น 5 ดอลลาร์ ระหว่างวันราคาทองคำเผชิญกับแรงกดดันจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปี ปรับตัวเพิ่มขึ้น สู่ระดับ 1.4926%

ประกอบกับตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ บางรายการที่ออกมาดีเกินคาด อาทิ ตัวเลขผู้ขอสวัสดิการว่างงานที่ทรงตัวและใกล้เคียงกับตัวเลขคาดการณ์, ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน และการใช้จ่ายส่วนบุคคลที่เพิ่มขึ้น กดดันให้ราคาร่วงลงทดสอบระดับต่ำสุดบริเวณ 1,799 ดอลลาร์ ก่อนจะมีแรงซื้อเข้ามาพยุงราคาเอาไว้

นอกจากนี้ ทองคำยังได้แรงหนุนจากดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) พื้นฐานของสหรัฐฯ เดือน พ.ย. พุ่งขึ้น 4.7% เมื่อเทียบรายปี สะท้อนว่า อัตราเงินเฟ้อในสหรัฐฯ ยังคงเร่งตัวขึ้น บวกรวมกับดัชนีดอลลาร์ที่อ่อนค่าจากแรงขายดอลลาร์ ในฐานะสกุลเงินปลอดภัย ทำให้ราคาทองคำขึ้นไปทดสอบระดับสูงสุดบริเวณ 1,810 ดอลลาร์ ก่อนจะอ่อนค่ามาปิดตลาดแถว 1,807 ดอลลาร์

ส่วนในช่วงเช้าที่ผ่านมา ราคาได้ขึ้นไปแตะ 1,812 ดอลลาร์ แต่ยังยืนไม่ได้และลงมาเคลื่อนไหวต่ำกว่าแนว 1810 ดอลลาร์ เล็กน้อย ( ดูการกราฟเคลื่อนไหวราคาทองคำ )

สำหรับวันนี้ ราคาทองคำอาจเคลื่อนไหวไม่มาก เนื่องจากตลาดเงิน และตลาดทุนของบางแห่งในยุโรป และตลาดสหรัฐฯ จะปิดทำการเนื่องในวันคริสต์มาส

ขณะที่ ราคาทองคำในประเทศ ที่ประกาศโดยสมาคมค้าทองคำ เช้านี้ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง ทำให้ราคารับซื้อล่าสุดอยู่ที่ บาทละ 28,600 บาท ขณะที่ราคาขายออก อยู่ที่บาทละ 28,700 บาท ( ดูตารางราคาทองคำของสมาคมค้าทองคำ )

หมายเหตุ : เนื้อหาข้างต้นมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ข้อมูลเท่านั้น ไม่ใช่การชักชวนให้ ซื้อ-ขาย หรือ ลงทุน หรือ เป็นเครื่องมือทางการเงินอื่น ๆ และอาจจะไม่สะท้อนถึงความเห็นของ GoldAround.com ทั้งนี้ ทีมงานไม่ยอมรับความผิดในความสูญเสีย และ หรือ ความเสียหาย ที่เกิดจากการใช้ข้อมูลข้างต้น

บทวิเคราะห์ราคาทองคำ 22 ธ.ค.64 by MTS

ทิศทางราคาทองคำ

ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อยโดยกลับมายืนเหนือ 1,800 เหรียญได้อีกหนึ่งวัน และกลับมาเคลื่อนไหวขาขึ้นเป็นลักษณะ Sideway Up อย่างช้าๆ โดยปิดตลาดแถว 1,807 เหรียญ โดยมีการแกว่งตัวเล็กน้อยและมีปริมาณการซื้อขายที่ค่อนข้างเบาบาง สำหรับตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯออกมาค่อนข้างออกมาสูงขึ้น นำโดย  Core PCE Price Index ที่อาจสะท้อนถึงภาวะเงินเฟ้อยังอยู่ในระดับสูง ขณะที่ตัวเลขเงินเฟ้อที่ออกมาในช่วงเดือนพ.ย. ยังออกมาสูงกว่าคาดบริเวณ 5.7% ด้านจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการคนว่างงานรายสัปดาห์ออกมาในเกณฑ์ทรงตัวจึงถือว่ายังเป็นเรื่องดี ในส่วนของดัชนีดอลลาร์จาก 96.3 จุด อ่อนค่าเล็กน้อยมาที่ 96 จุดในเช้านี้ สำหรับเงินบาทกลับมาแข็งค่าตามภูมิภาค ซึ่งโดยภาพรวมของตลาดทองคำจะค่อนข้างมีปริมาณการซื้อขายเบาบางเนื่องในเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ ดังนั้น การรับส่งทองคำแบบ Physical คงจะมีปริมาณลดน้อยลง เนื่องจากทางโรงงานของยุโรปและสวิสเซอร์แลนด์ได้ปิดทำการไปแล้ว สำหรับ SPDR ไม่ได้ทำอะไรเพิ่มเติมยังคงถือครองทองคำเท่าเดิมที่ระดับ 973.63 ตัน

วิเคราะห์ราคาทองคำทางเทคนิค

ราคาทองคำเคลื่อนตัวทดสอบบริเวณแนวต้านสำคัญที่ระดับ 1,812 เหรียญ จึงยังวิเคราะห์ว่า ถ้าราคาสามารถทะลุขึ้นไปเหนือระดับ 1,812 เหรียญได้ น่าจะบ่งชี้ถึงสัญญาณขาขึ้นในระยะยาวได้ อย่างไรก็ดี โดยภาพหลักรวมของสัญญาณทางเทคนิค เส้นค่าเฉลี่ยระยะสั้นเริ่มตัดขึ้นเหนือเส้นค่าเฉลี่ยระยะยาว สัญญาณ Indicators และ MACD หรือ RSI มีการส่งสัญญาณในเชิงบวกสำหรับทิศทางขาขึ้น ดังนั้น โดยภาพรวม จึงวิเคราะห์ว่า โอกาสที่ราคาทองคำจะปรับตัวสูงขึ้นกว่า High เดิมบริเวณ 1,815 เหรียญ น่าจะปรับตัวสูงขึ้นได้ และกลยุทธ์การลงทุนควรเป็นลักษณะเก็งกำไรในทิศทางขาขึ้นอย่างช้าๆ โดยวันนี้จะมีแนวรับ 1,790 เหรียญ และแนวต้านสำคัญ 1,815 เหรียญ ซึ่งหากผ่าน 1,815 เหรียญไปได้แนะนำให้ Follow Buy ถ้าชนแล้วไม่ผ่านให้เล่นสั้นในกรอบเพื่อทำการ Follow Sell ปิดในกรอบระยะสั้น แต่หากผ่าน 1,815 เหรียญไปได้มีแนวโน้มจะไปถึง 1,850 เหรียญ ขณะที่ตลาดทองคำต่างประเทศปิดทำการทุกตลาดทั้งตลาดฮ่องกง, สิงคโปร์, สวิสเซอร์แลนด์, อังกฤษ รวมถึงสหรัฐฯ ดังนั้น ราคาทองคำในวันนี้จึงไม่น่าจะมีการเคลื่อนไหวใดๆ และ MTS Gold Online และ Global Futures ของทางบริษัทฯ ก็จะปิดทำการตามตลาดต่างประเทศเช่นกัน โดยที่ตลาด TFEX บ้านเรายังคงเปิดให้บริการตามปกติ แต่น่าจะมีปริมาณการซื้อขายที่เบาบาง ในส่วนของ Gold Online Futures จะมีแนวรับ 1,800 เหรียญ และแนวต้าน 1,815 เหรียญ ด้านเงินบาทแข็งค่าเล็กน้อย แต่โดยองค์รวมการแข็งค่าของเงินบาทยังเป็นทิศทาง Bullish ที่อาจมีโอกาสอ่อนค่าได้บ้าง

กลยุทธ์การลงทุนในวันนี้

แนะนำ Sideway Up ระยะสั้นๆในกรอบ

– นักลงทุนที่ถือ Long Position 

ลงซื้อขึ้นขาย เล่นสั้นทำกำไรในกรอบแคบ

– นักลงทุนที่ถือ Short Position

หากไม่ผ่านแนวต้าน เล่นสั้นๆ เปิดขายและซื้อปิดตามแนวรับในกรอบได้

Gold Futures ขนาด 10 บาท Z21 จะมีแนวรับที่ระดับ 28,750 บาท และแนวต้านที่ระดับ 28,950  บาท

ขอขอบคุณ  : บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด (MTS)

บทวิเคราะห์ราคาทองคำ 24 ธ.ค.64 by GCAP

GCAP GOLD

แนวโน้มราคาทองคำช่วงเช้า

ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ เนื่องจากนักลงทุนเทขายดอลลาร์ซึ่งเป็นสกุลเงินปลอดภัย และเข้าซื้อสกุลเงินที่เป็นสินทรัพย์เสี่ยงซึ่งรวมถึงยูโรและเงินปอนด์ หลังคลายกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน และเงินเฟ้อ

มุมมองทองคำภาคเช้า  ราคาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 2 โดยนักลงทุนยังคงเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย ตลาดได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนเข้าซื้อทองคำเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงจากเงินเฟ้อ หลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) พื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน เพิ่มขึ้น 0.5% ในเดือนพ.ย. เมื่อเทียบรายเดือน หลังเพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนต.ค. และหากเทียบเป็นรายปี ดัชนี PCE พื้นฐานดีดตัวขึ้น 4.7% ในเดือนพ.ย. หลังจากปรับขึ้น 4.2% ในเดือนต.ค. ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบกว่า 30 ปี  ทั้งนี้ ดัชนี PCE พื้นฐาน เป็นมาตรวัดอัตราเงินเฟ้อที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ให้ความสำคัญ เนื่องจากเป็นดัชนีชี้วัดเงินเฟ้อที่สามารถตรวจจับการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมของผู้บริโภค และครอบคลุมราคาสินค้าและบริการในวงกว้างมากกว่าข้อมูลดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) จากกระทรวงแรงงานสหรัฐ

นอกจากนี้ การอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ยังช่วยให้สัญญาทองคำมีความน่าดึงดูดใจสำหรับนักลงทุนที่ถือสกุลเงินอื่น ๆ โดยดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.07% แตะที่ 96.0243 เมื่อคืนนี้

สรุปภาวะแลกเปลี่ยนเงินตรา

ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (22 ธ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายดอลลาร์ซึ่งเป็นสกุลเงินปลอดภัย และเข้าซื้อสกุลเงินที่เป็นสินทรัพย์เสี่ยงซึ่งรวมถึงยูโรและเงินปอนด์ หลังคลายกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน

แนะแนวทางการลงทุน

แนวรับ 1,796 –  1,791-  1,786

แนวต้าน  1,810 – 1,815– 1,821

ราคาทองคำปิดบวก  กลับมายืนที่เหนือระดับ 1,800 ดอลลาร์ได้อีกครั้ง เนื่องจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์เป็นปัจจัยหนุนตลาด นอกจากนี้ นักลงทุนยังเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย ท่ามกลางความวิตกกังวลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนและเงินเฟ้อ เก็งกำไรขาขึ้น

ขอขอบคุณ : บริษัท จีแคป จำกัด

บทวิเคราะห์ราคาทองคำ 24 ธ.ค.64 by YLG

YLG Bullion

คำแนะนำ        เปิดสถานะขาย 1,815-1,834

จุดทำกำไร      ซื้อคืนเพื่อทำกำไร $1,783-1,772

ตัดขาดทุน       ตัดขาดทุนสถานะขายหากผ่าน $1,834

แนวรับ : 1,772 1,753 1,737  แนวต้าน : 1,815 1,834 1,849

สรุป  

ราคาทองคำวานนี้ปิดปรับตัวเพิ่มขึ้น 5.31 ดอลลาร์ต่อออนซ์  ระหว่างวันราคาทองคำเผชิญกับแรงกดดันจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีปรับตัวเพิ่มขึ้น 3.5 bps สู่ระดับ 1.4926% ท่ามกลางแรงขายพันธบัตรในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย  เนื่องจากนักลงทุนคลายความวิตกเกี่ยวผลกระทบทางเศรษฐกิจจากโอมิครอน  หลังผลการวิจัยของหลายสถาบันบ่งชี้ว่าความเสี่ยงของไวรัสโอมิครอนมีน้อยกว่าไวรัสสายพันธุ์เดลตา  ขณะที่แอสตร้าเซนเนก้าเปิดเผยผลการวิจัยว่า วัคซีนโดสที่ 3 ของแอสตร้าเซนเนก้ามีประสิทธิภาพในการป้องกัน COVID-19 สายพันธุ์โอมิครอน  ปัจจัยที่กล่าวมา  บวกรวมกับการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐบางรายการที่ออกมาดีเกินคาด  อาทิ ตัวเลขผู้ขอสวัสดิการว่างงานที่ทรงตัวและใกล้เคียงกับตัวเลขคาดการณ์, ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนและการใช้จ่ายส่วนบุคคลที่เพิ่มขึ้น  กดดันให้ราคาร่วงลงทดสอบระดับต่ำสุดบริเวณ 1,799.08  ดอลลาร์ต่อออนซ์  ก่อนจะมีแรงซื้อ Buy the dip เข้ามาพยุงราคาเอาไว้  นอกจากนี้  นักลงทุนบางส่วนยังเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ช่วยป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อ  หลังดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) พื้นฐานของสหรัฐพุ่งขึ้น 4.7% ในเดือนพ.ย.เมื่อเทียบรายปี  สะท้อนว่าอัตราเงินเฟ้อในสหรัฐยังคงเร่งตัวขึ้น  บวกรวมกับดัชนีดอลลาร์ที่อ่อนค่าจากแรงขายดอลลาร์ในฐานะสกุลเงินปลอดภัย  นั่นทำให้ราคาทองคำฟื้นตัวขึ้นจากระดับต่ำสุดในระหว่างวันจนทดสอบระดับสูงสุดบริเวณ 1,810.69 ดอลลาร์ต่อออนซ์  ด้านกองทุน SPDR ถือครองทองคำไม่เปลี่ยนแปลง  สำหรับวันนี้ราคาทองคำอาจเคลื่อนไหวไม่มาก  เนื่องจากตลาดเงินและตลาดทุนของบางแห่งในยุโรป  และตลาดสหรัฐจะปิดทำการเนื่องในวันคริสต์มาส

ข่าวสารประกอบการลงทุน :

  • (+) สหรัฐเผยตัวเลขผู้ขอสวัสดิการว่างงานคงตัวตามคาดในสัปดาห์ที่แล้ว  กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกไม่มีการเปลี่ยนแปลงในสัปดาห์ที่แล้ว โดยอยู่ที่ระดับ 205,000 รายหลังมีการปรับตัวเลข ซึ่งตรงกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
  • (+) ดอลล์อ่อนค่า หลังสหรัฐเผยข้อมูลแรงงานซบเซา  ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (23 ธ.ค.) หลังสหรัฐเปิดเผยข้อมูลแรงงานที่ซบเซา อย่างไรก็ดี ดอลลาร์อ่อนค่าลงเพียงเล็กน้อย เนื่องจากนักลงทุนขานรับผลการวิจัยเชิงบวกเกี่ยวกับไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน  ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.07% แตะที่ 96.0243 เมื่อคืนนี้  ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9180 ฟรังก์ จากระดับ 0.9196 ฟรังก์ และอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.2809 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.2843 ดอลลาร์แคนาดา แต่ดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 114.44 เยน จากระดับ 114.17 เยน ยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1333 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1331 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะที่ระดับ 1.3419 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3359 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 0.7248 ดอลลาร์ จากระดับ 0.7214 ดอลลาร์
  • (+) สหรัฐเผยยอดขายบ้านใหม่ทะยานขึ้นในเดือนพ.ย.  กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดขายบ้านใหม่อยู่ที่ระดับ 744,000 ยูนิตในเดือนพ.ย. พุ่งขึ้น 12.4% จากระดับ 662,000 ในเดือนต.ค. แต่ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 766,000 ยูนิต  อย่างไรก็ดี บ่อยครั้งที่ตัวเลขยอดขายบ้านถูกปรับทบทวน ซึ่งรวมถึงในเดือนต.ค. ที่กระทรวงพาณิชย์ได้ปรับลดยอดขายบ้านใหม่ลงสู่ระดับ 662,000 ยูนิต จากเดิมรายงานที่ระดับ 745,000 ยูนิต
  • (-) ผลสำรวจม.มิชิแกนชี้ ความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐเพิ่มเล็กน้อยในเดือนธ.ค.  ผลสำรวจของมหาวิทยาลัยมิชิแกนเปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐขั้นสุดท้ายในเดือนธ.ค. ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 70.6 จากรายงานช่วงต้นเดือนที่ระดับ 70.4 และเพิ่มขึ้นจากระดับ 67.4 ในเดือนพ.ย.  ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าดัชนีจะอยู่ที่ระดับ 70.4
  • (-) ดาวโจนส์ปิดบวก 196.67 จุด นลท.คลายกังวลผลกระทบโอมิครอน  ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (23 ธ.ค.) ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดทำนิวไฮ โดยได้ปัจจัยหนุนจากการที่นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน หลังผลการวิจัยของหลายสถาบันบ่งชี้ว่าความเสี่ยงของไวรัสโอมิครอนมีน้อยกว่าไวรัสสายพันธุ์เดลตา โดยรายงานดังกล่าวช่วยหนุนหุ้นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากการเปิดเศรษฐกิจ ซึ่งรวมถึงหุ้นกลุ่มสายการบินและกลุ่มโรงแรม  ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 35,950.56 จุด เพิ่มขึ้น 196.67 จุด หรือ +0.55%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,725.79 จุด เพิ่มขึ้น 29.23 จุด หรือ +0.62% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 15,653.37 จุด เพิ่มขึ้น 131.48 จุด หรือ +0.85%
  • (-) FDA ไฟเขียวโมลนูพิราเวียร์ของเมอร์คเป็นยารักษาผู้ป่วยโควิด  สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาสหรัฐ (FDA) อนุมัติยาโมลนูพิราเวียร์ (molnupiravir) ของบริษัทเมอร์ค เป็นยารักษาผู้ป่วยโควิด-19 แล้วในวันนี้ ซึ่งนับเป็นยาตัวที่สองที่ได้รับการอนุมัติให้ใช้รักษาผู้ป่วยโควิดในสหรัฐ หลังจากที่ FDA เพิ่งอนุมัติยาแพกซ์โลวิด (paxlovid) ของบริษัทไฟเซอร์ไปเมื่อวันก่อน
  • (-) สหรัฐเผยยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเพิ่มขึ้น 2.5% ในเดือนพ.ย.  กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐ เช่น เครื่องบิน รถยนต์ และเครื่องจักรขนาดใหญ่ที่มีอายุการใช้งานตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป เพิ่มขึ้น 2.5% ในเดือนพ.ย. หลังจากกระเตื้องขึ้นเพียง 0.1% ในเดือนต.ค.  ทั้งนี้ ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนได้รับแรงหนุนจากยอดสั่งซื้ออุปกรณ์สำหรับการขนส่งที่ทะยานขึ้นถึง 6.5%  นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนพื้นฐานเพิ่มขึ้น 0.6% ในเดือนพ.ย.
  • (+/-) สหรัฐเผยดัชนี PCE พื้นฐานพุ่ง 4.7% ในเดือนพ.ย. ทำนิวไฮต่อเนื่อง  กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) พื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน และเป็นมาตรวัดอัตราเงินเฟ้อที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ให้ความสำคัญ เพิ่มขึ้น 0.5% ในเดือนพ.ย. เมื่อเทียบรายเดือน หลังเพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนต.ค.  เมื่อเทียบรายปี ดัชนี PCE พื้นฐานดีดตัวขึ้น 4.7% ในเดือนพ.ย. หลังจากปรับขึ้น 4.2% ในเดือนต.ค. ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบกว่า 30 ปี
  • (+/-) เยอรมนีรายงานผู้เสียชีวิตจากโอมิครอนรายแรก  สถาบันโรเบิร์ต คอช (RKI) ซึ่งเป็นหน่วยงานด้านโรคติดเชื้อของเยอรมนี ยืนยันพบผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนเป็นรายแรกในประเทศ

ขอขอบคุณ  : บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG)

บทวิเคราะห์ราคาทองคำ 24 ธ.ค.64 by GT

GT GOLD BULLION

Fundamental

  • สหรัฐฯเผยดัชนีcore PCEซึ่งวัดเงินเฟ้อระดับบุคคลโดยไม่คิดรวมราคาอาหารและพลังงาน ในเดือนพ.ย.เพิ่มขึ้น 0.5% mom และเพิ่มขึ้น 4.7% yoy
  • จีนสั่งปิดซีอาน ซึ่งเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศ หลังยอดผู้ป่วยโควิดพุ่งสูงขึ้น

Technical

  • ราคาปรับขึ้นมายืนค้างใต้ช่วงแนวต้าน วันนี้บางตลาดปิดทำการ ราคาอาจไม่ไปไหน แต่ยังต้องระวังการเหวี่ยงแรงไร้ทิศทางไปจนตลอดสัปดาห์หน้า
  • มองกรอบเดิม 1,785-1,815 การพุ่งขึ้นแรง ๆ แม้ขาดปัจจัยสำคัญสนับสนุนก็ยังมีความเป็นไปได้ท่ามกลางปริมาณซื้อขายที่เบาบาง

Attention

  • ระวังภาวะตลาดซบเซาช่วงคริสต์มาสไปจนถึงปีใหม่ จะทำให้ราคาทองคำแกว่งแรงไร้ทิศทาง
  • รัฐบาลสหรัฐฯจะมีเงินใช้จ่ายไปถึง 18 ก.พ. ปีหน้า
  • ดอกเบี้ยโลกมีแนวโน้มจะปรับขึ้นเร็วกว่าคาดเพราะการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่เกิดจากการอัดฉีดสภาพคล่องทำให้

ขอขอบคุณ : บริษัท จีที โกลด์ บูลเลี่ยน จำกัด

SPDR ขายทองคำเกือบ 5 ตัน ลุ้นสิ้นปีจะขายทะลุ 200 ตันหรือไม่

SPDR Sell Gold

หลังจากที่ไม่ได้เคลื่อนไหวมาระยะหนึ่ง เช้านี้ (23 ธ.ค.) SPDR GOLD SHARES กองทุนทองคำแท่งที่ใหญ่ที่สุดในโลก ได้ขายทองคำออกมาอีก 4.94 ตัน ที่ราคา 1,803.50 ดอลลาร์

ทำให้เดือนนี้ SPDR ติดลบเกือบ 20 ตัน โดยเป็นขายออก 7 ครั้ง และซื้อเข้าเพียงครั้งเดียว แค่ 0.87 ตัน ( อ่านข่าวความเคลื่อนไหวก่อนหน้า )

ส่งผลให้ยอดการซื้อขายทองคำของ SPDR ในปีนี้ ติดลบเกือบ 195 ตัน เหลือถือครองทองคำ 973.63 ตัน

ทั้งนี้ SPDR ยังขายทองคำ แม้ว่าราคาจะกลับมายืนเหนือ 1,800 ดอลลาร์ ได้ โดยเมื่อคืนนี้ ทองคำได้รับแรงหนุนจาก ดัชนีดอลลาร์ อ่อนค่าลง 0.41% มาแตะที่ 96.0888

อีกเรื่องก็คงจะหนีไม่พ้นความกังวลจากการแพร่ระบาดของไวรัส โอมิครอน หลังศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐฯ ระบุว่า ขณะนี้ โควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน ได้กลายเป็นสายพันธุ์หลักในสหรัฐฯ แล้ว โดยมีผู้ติดเชื้อไวรัสสายพันธุ์นี้มากกว่า 70 เปอร์เซ็นต์ ของผู้ติดเชื้อในปัจจุบัน ส่วนที่อังกฤษ มีรายงานว่ามีผู้เสียชีวิตจากไวรัสสายพันธุ์ดังกล่าวแล้ว 14 ราย

หมายเหตุ : เนื้อหาข้างต้นมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ข้อมูลเท่านั้น ไม่ใช่การชักชวนให้ ซื้อ-ขาย หรือ ลงทุน หรือ เป็นเครื่องมือทางการเงินอื่น ๆ และอาจจะไม่สะท้อนถึงความเห็นของ GoldAround.com ทั้งนี้ ทีมงานไม่ยอมรับความผิดในความสูญเสีย และ หรือ ความเสียหาย ที่เกิดจากการใช้ข้อมูลข้างต้น

ราคาทองคำวันนี้ : เช้าวันพฤหัสสุดสดใส.. gold spot ยืนเหนือ $1,800 ทองไทยบวก 100 บาท

photo by Artem Beliaikin | pexels.com

ราคา gold spot ดีดแรง มาแตะ $1,808 ก่อนขยับลดลงเล็กน้อย ลุ้นให้ยืนเหนือ $1,800 จนจบปี ขณะที่ราคาทองคำที่ประกาศโดยสมาคมค้าทองคำ เช้านี้ (23 ธ.ค.) ขยับบวก 100 บาท มาอยู่ที่ขายออกบาทละ 28,700 บาท

ราคาทองคำวานนี้ ปิดเพิ่มขึ้นเกือบ 15 ดอลลาร์ แม้ว่าระหว่างวันราคาจะลงไปแตะจุดต่ำสุดที่ 1,785.30 ดอลลาร์ โดยถูกกดดันจากดัชนีดอลลาร์ที่แข็งค่า และการปรับตัวขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปี ก่อนที่ราคาทองคำกลับมาได้รับแรงหนุนจากสกุลเงินดอลลาร์มาอ่อนค่า และเข้าซื้อสกุลเงินที่เป็นสินทรัพย์เสี่ยง

จนกระทั่งในช่วงค่ำ ราคาทองคำถูกกดดันจากตัวเลขประมาณการครั้งที่ 3 สำหรับผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 3/2021 ของสหรัฐฯ มีการขยายตัว 2.3% สูงกว่าตัวเลขประมาณการครั้งที่สอง ที่ระดับ 2.1% แต่ราคาก็ลงไปไม่มาก และได้แรงหนุนจากยอดขายบ้านมือสองของสหรัฐฯ ในเดือน พ.ย. ออกมาแย่เกินคาด ทำให้ราคาทองคำปรับตัวขึ้นจนทดสอบจุดสูงสุดที่ 1,805 ดอลลาร์

ส่วนในช่วงเช้าที่ผ่านมา ราคาได้ขึ้นไปแตะ 1,808 ดอลลาร์ ก่อนจะลงมาเคลื่อไหวแนว 1,805 ดอลลาร์ ( ดูการกราฟเคลื่อนไหวราคาทองคำ )

คืนนี้ สหรัฐฯ จะประกาศ ดัชนีการใช้จ่ายส่วนบุคคลพื้นฐาน (Core PCE) ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน, การใช้จ่ายและรายได้ส่วนบุคคล, จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน, ยอดขายบ้านใหม่, ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคช่วงท้ายเดือน ธ.ค. จาก UoM ซึ่งน่าจะเป็นตัวเลขสำคัญก่อนจะจบปี

ขณะที่ ราคาทองคำในประเทศ ที่ประกาศโดยสมาคมค้าทองคำเช้านี้ ปรับเพิ่มขึ้น 100 บาท หลังเมื่อคืนนี้ราคา gold spot ปรับขึ้นแรง ทำให้ราคารับซื้อล่าสุดอยู่ที่ บาทละ 28,600 บาท ขณะที่ราคาขายออก อยู่ที่บาทละ 28,700 บาท ( ดูตารางราคาทองคำของสมาคมค้าทองคำ )

ด้านกองทุน SPDR ถือครองทองคำลดลง -4.94 ตัน ( อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม )

หมายเหตุ : เนื้อหาข้างต้นมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ข้อมูลเท่านั้น ไม่ใช่การชักชวนให้ ซื้อ-ขาย หรือ ลงทุน หรือ เป็นเครื่องมือทางการเงินอื่น ๆ และอาจจะไม่สะท้อนถึงความเห็นของ GoldAround.com ทั้งนี้ ทีมงานไม่ยอมรับความผิดในความสูญเสีย และ หรือ ความเสียหาย ที่เกิดจากการใช้ข้อมูลข้างต้น

บทวิเคราะห์ราคาทองคำ 23 ธ.ค.64 by GCAP

แนวโน้มราคาทองคำช่วงเช้า

ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (22 ธ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายดอลลาร์ซึ่งเป็นสกุลเงินปลอดภัย และเข้าซื้อสกุลเงินที่เป็นสินทรัพย์เสี่ยงซึ่งรวมถึงยูโรและเงินปอนด์ หลังคลายกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน

มุมมองทองคำภาคเช้า  ราคาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (22 ธ.ค.) โดยสัญญาทองคำกลับมายืนที่เหนือระดับ 1,800 ดอลลาร์ได้อีกครั้ง เนื่องจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์เป็นปัจจัยหนุนตลาด นอกจากนี้ นักลงทุนยังเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย ท่ามกลางความวิตกกังวลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน

นักลงทุนยังต้องคอยติดตามตัวเลขที่จะประกาศในรอบสัปดาห์นี้ได้แก่ คำสั่งซื้อสินค้าคงทน  จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงาน  รายได้ส่วนบุคคล  รายจ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล  ดัชนีราคาด้านการบริโภคส่วนบุคคล  ยอดขายบ้านใหม่  ความเชื่อมั่นผู้บริโภค ม.มิชิแกน เป็นต้น

สรุปภาวะแลกเปลี่ยนเงินตรา

ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (22 ธ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายดอลลาร์ซึ่งเป็นสกุลเงินปลอดภัย และเข้าซื้อสกุลเงินที่เป็นสินทรัพย์เสี่ยงซึ่งรวมถึงยูโรและเงินปอนด์ หลังคลายกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน

แนะแนวทางการลงทุน

แนวรับ 1,796 –  1,791-  1,786

แนวต้าน  1,810 – 1,815– 1,821

ราคาทองคำปิดบวก  กลับมายืนที่เหนือระดับ 1,800 ดอลลาร์ได้อีกครั้ง เนื่องจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์เป็นปัจจัยหนุนตลาด นอกจากนี้ นักลงทุนยังเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย ท่ามกลางความวิตกกังวลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน แนะเก็งกำไรขาขึ้น

ขอขอบคุณ : บริษัท จีแคป จำกัด