Month: December 2021

คำแนะนำ        เปิดสถานะขาย 1,820-1,834

จุดทำกำไร      ซื้อคืนเพื่อทำกำไร $1,797-1,789

ตัดขาดทุน       ตัดขาดทุนสถานะขายหากผ่าน $1,834

แนวรับ : 1,798 1,772 1,753  แนวต้าน : 1,834 1,849 1,863

สรุป  

ราคาทองคำวานนี้ปิดปรับตัวลดลง 5.10  ดอลลาร์ต่อออนซ์  แม้ในระหว่างวันราคาทองคำจะทะยานขึ้นทดสอบระดับสูงสุดในรอบกว่า 1 เดือนบริเวณ 1,820.06  ดอลลาร์ต่อออนซ์  โดยได้รับแรงหนุนจากการอ่อนค่าของดัชนีดอลลาร์  และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีที่ร่วงลงทดสอบระดับต่ำสุดบริเวณ 1.455% ซึ่งเป็นปัจจัยหนุนทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ไม่ได้ให้ผลตอบแทนในรูปแบบของดอกเบี้ย  อย่างไรก็ดี  ราคาทองคำไม่สามารถรักษาช่วงบวกไว้ได้  โดยได้รับแรงกดดันจากหลายปัจจัย  ได้แก่ (1.) แรงขายทำกำไร และแรงขายทางเทคนิค  หลังจากเกิดสัญญาณเชิงลบที่บ่งชี้ว่าโมเมนตัมที่ผลักดันให้ราคาทะยานขึ้นเริ่มชะลอตัวลง  (2.) ดัชนีดอลลาร์ฟื้นตัวจากระดับต่ำสุดในระหว่างวัน  ขานรับการเปิดเผย ดัชนีภาคการผลิตจากเฟดริชมอนด์ ที่ดีดตัวขึ้นสู่ระดับ 16 ในเดือนธ.ค. ซึ่งสูงกว่านักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่าจะทรงตัวที่ระดับ 12 ในเดือนธ.ค.  นอกจากนี้  ดัชนีดอลลาร์ยังได้รับแรงหนุนเพิ่มจากคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจปรับขึ้นดอกเบี้ยอย่างเร็วที่สุดในเดือนมี.ค.ปีหน้า  เห็นได้จากสัญญา Fed fund futures ซึ่งสะท้อนการคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยระยะสั้นของเฟดได้ปรับตัวรับโอกาส 50% สำหรับการขึ้นดอกเบี้ย 0.25% ภายในเดือนมี.ค.ปีหน้า ซึ่งเป็นระดับที่ “ไม่เคยเห็นมาก่อนเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อนหน้านี้”  และ (3.) อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีลดช่วงติดลบ  ปัจจัยที่กล่าวมากดดันให้ราคาทองคำร่วงลง 15 ดอลลาร์ต่อออนซ์จากระดับสูงสุดสู่ระดับต่ำสุดบริเวณ 1,804.10 ดอลลาร์ต่อออนซ์  ด้านกองทุน SPDR ถือครองทองคำเพิ่มขึ้น +2.03 ตัน  สำหรับวันนี้ติดตามการเปิดเผยสต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่ง และยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขายของสหรัฐ

ข่าวสารประกอบการลงทุน :

• (+) “เอสแอนด์พี” เผยราคาบ้านสหรัฐพุ่ง 19.1% ในเดือนต.ค.ผลสำรวจของเอสแอนด์พี คอร์โลจิก เคส ชิลเลอร์ บ่งชี้ว่า ดัชนีราคาบ้านในสหรัฐยังคงดีดตัวขึ้นในเดือนต.ค.  ทั้งนี้ ดัชนีราคาบ้านทั่วประเทศในสหรัฐพุ่งขึ้น 19.1% ในเดือนต.ค. เมื่อเทียบรายปี แต่ต่ำกว่าระดับ 19.7% ในเดือนก.ย.  ส่วนดัชนีราคาบ้านใน 20 เมืองของสหรัฐ เพิ่มขึ้น 18.4% ในเดือนต.ค. หลังจากพุ่งขึ้น 19.1% ในเดือนก.ย. 
• (+) นักวิเคราะห์คาดเงินเฟ้อตุรกีพุ่งทะลุ 30% ในเดือนธ.ค. สูงสุดรอบ 18ปีผลการสำรวจของสำนักข่าวรอยเตอร์คาดว่า อัตราเงินเฟ้อของตุรกีจะพุ่งแตะระดับ 30.6% ในเดือนธ.ค. เมื่อเทียบรายปี  หากอัตราเงินเฟ้อดังกล่าวเป็นไปตามที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ ก็จะเป็นครั้งแรกที่เงินเฟ้อของตุรกีพุ่งทะลุระดับ 30% นับตั้งแต่ปี 2546 โดยแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค.2546
• (-) ดอลล์แข็งค่า รับข้อมูลศก.สดใส-คาดเฟดขึ้นดอกเบี้ยดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (28 ธ.ค.) ขานรับข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสของสหรัฐ รวมทั้งการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจปรับขึ้นดอกเบี้ยอย่างเร็วที่สุดในเดือนมี.ค.ปีหน้า  ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.12% แตะที่ 96.2028 เมื่อคืนนี้  ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.2816 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.2796 ดอลลาร์แคนาดา แต่ดอลลาร์อ่อนค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 114.81 เยน จากระดับ 114.90 เยน และอ่อนค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9175 ฟรังก์ จากระดับ 0.9176 ฟรังก์  ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1302 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1325 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 1.3423 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3440 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงสู่ระดับ 0.7229 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7239 ดอลลาร์สหรัฐ
• (-) ผลการศึกษาล่าสุดชี้ การติดเชื้อ ‘โอมิครอน’ สามารถเสริมภูมิคุ้มกันต้าน ‘เดลตา’นักวิจัยในแอฟริกาใต้ค้นพบว่า ผู้ที่เคยติดเชื้อโคโรนาไวรัสสายพันธุ์โอมิครอนจะพัฒนาภูมิคุ้มกันต้านไวรัสสายพันธุ์เดลตาได้มากยิ่งขึ้น  การศึกษาโดยสถาบันวิจัยสุขภาพแอฟริกาเป็นผลสรุปของข้อมูลจากผู้ที่ฉีดวัคซีนและไม่ฉีดวัคซีน 33 คน ซึ่งนักวิทยาศาสตร์พบว่า ภูมิต่อต้านโอมิครอนหลังการติดเชื้อครั้งแรกจะพุ่งขึ้น 14 เท่าภายในช่วง 2 สัปดาห์ ขณะที่ภูมิต้านเชื้อเดลตาเพิ่มขึ้น 4.4 เท่า  นักวิทยาศาสตร์ยังกล่าวด้วยว่า ภูมิคุ้มกันที่ว่านี้จะพุ่งสูงเป็นพิเศษในกลุ่มผู้ติดเชื้อที่ได้รับการฉีดวัคซีนครบแล้ว  อเล็ก ซิกัล ผู้ร่วมจัดทำรายงานดังกล่าว ทวีตข้อความออกเมื่อวันจันทร์ว่า หากเชื้อโอมิครอน “ไม่ก่อให้เกิดโรคได้ง่าย” อย่างที่เห็นกัน “(เชื้อโอมิครอน)ก็จะทำการต่อต้านเชื้อเดลตาออกไป” ซึ่งหมายความว่า “ความยุ่งยากในชีวิตจากการระบาดของโควิด-19 ดังที่เกิดขึ้นมานั้นก็จะรุนแรงน้อยลงไปด้วย” 
• (-) โอมิครอนยึดตำแหน่งสายพันธุ์หลักในเนเธอร์แลนด์แล้ว แทนที่เดลตาสถาบันสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อมแห่งชาติของเนเธอร์แลนด์ (RIVM) เปิดเผยในวันนี้ว่า ไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนได้กลายเป็นสายพันธุ์หลักในเนเธอร์แลนด์แล้ว โดยคิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 50% ของจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ทั้งหมดในประเทศ โดยสามารถแทนที่สายพันธุ์เดลตา  “การระบาดของสายพันธุ์โอมิครอนจะทำให้ผู้ติดเชื้อพุ่งขึ้นในอนาคต ซึ่งจะทำให้จำนวนผู้ป่วยที่ต้องเข้าโรงพยาบาลเพิ่มมากขึ้น”

ขอขอบคุณ  : บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG)

คำแนะนำ        เปิดสถานะขาย 1,812-1,815

จุดทำกำไร      ซื้อคืนเพื่อทำกำไร $1,785-1,772

ตัดขาดทุน       ตัดขาดทุนสถานะขายหากผ่าน $1,834

แนวรับ : 1,772 1,753 1,737  แนวต้าน : 1,815 1,834 1,849

สรุป  

ราคาทองคำวานนี้ปิดปรับตัวเพิ่มขึ้น 9.20  ดอลลาร์ต่อออนซ์  โดยราคาทองคำเปิดตลาดวานนี้บริเวณ 1,801.90 ดอลลาร์ต่อออนซ์  ก่อนที่จะมีการฟื้นตัวขึ้นตลอดทั้งวัน  ท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับสถานการณ์การระบาดของ COVID-19 สายพันธุ์โอมิครอนทั่วโลก  และการระบาดดังกล่าวกระทบต่อภาคการบินอย่างหนักจนเป็นเหตุให้เกิดการยดเลิกเที่ยวบินทั่วโลกหลายพันเที่ยวบิน  และอาจส่งผลต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจช่วงปีใหม่ในหลายประเทศ  ปัจจัยดังกล่าวกระตุ้นแรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัยในวงกว้าง  ส่งผลให้ดัชนีดอลลาร์ในฐานะสกุลเงินปลอดภัยฟื้นตัวขึ้นจากระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 1 สัปดาห์จนเป็นปัจจัยกดดันให้ราคาทองคำร่วงลงทดสอบระดับต่ำสุดบริเวณ 1,802.94 ดอลลาร์ต่อออนซ์  อย่างไรก็ดี  ราคาฟื้นตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งในเวลาต่อมา  จากแรงซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยโดยตรง  รวมถึงเกิดแรงซื้อพันธบัตรซึ่งส่งผลกดดันอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีให้ปรับตัวลดลงจากระดับสูงสุดในวันพฤหัสบดีที่ 1.5% สู่ระดับต่ำสุดบริเวณ 1.4738% จนเป็นปัจจัยหนุนทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ไม่ได้ให้ผลตอบแทนในรูปแบบของดอกเบี้ยเพิ่ม  ส่งผลให้ราคาทองคำฟื้นตัวขึ้นทดสอบระดับสูงสุดในระหว่างวันบริเวณ 1,813.45 ดอลลาร์ต่อออนซ์  แม้ว่าจะถูกสกัดช่วงบวกจากดัชนีดาวโจนส์ที่ปิดพุ่งขึ้นกว่า 300 จุด ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดทำนิวไฮ ขานรับรายงานยอดค้าปลีกช่วงเทศกาลที่แข็งแกร่งในสหรัฐก็ตาม  ด้านกองทุน SPDR ถือครองทองคำไม่เปลี่ยนแปลง  สำหรับวันนี้ตลาดทองคำอังกฤษจะปิดทำการต่ออีกหนึ่งวันเนื่องในวัน Boxing Day แต่แนะนำติดตามการเปิดเผยดัชนีราคาบ้านโดย S&P/CS และดัชนีภาคการผลิตเดือนธ.ค. จาก เฟดริชมอนด์

ข่าวสารประกอบการลงทุน :

• (+) โอมิครอนป่วนสายการบินสหรัฐ! ประกาศยกเลิกเที่ยวบินเกือบ 800 เที่ยววันนี้สายการบินของสหรัฐประกาศยกเลิกเที่ยวบินเกือบ 800 เที่ยวบินในวันนี้ หลังจากที่ได้ระงับเที่ยวบินมากกว่า 3,000 เที่ยวบินในช่วงเทศกาลคริสต์มาส โดยได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน  FlightAware.com ซึ่งให้บริการข้อมูลเกี่ยวกับเส้นทางการบิน รายงานว่า สายการบินหลายแห่งของสหรัฐประกาศยกเลิกเที่ยวบินราว 740 เที่ยวบินในวันนี้ ทั้งภายในสหรัฐ หรือเที่ยวบินออกจากสหรัฐ หลังจากที่ประสบปัญหาขาดแคลนพนักงาน เนื่องจากนักบินและพนักงานต้อนรับบนเครื่องจำนวนมากต้องถูกกักตัว จากสาเหตุการติดเชื้อโควิด-19
• (+) อังกฤษยันไม่ออกมาตรการคุมเข้มโควิดก่อนปีใหม่  นายซาจิด จาวิด รัฐมนตรีสาธารณสุขอังกฤษ กล่าวยืนยันในวันนี้ว่า รัฐบาลจะไม่ยกระดับคุมเข้มมาตรการรับมือการแพร่ระบาดของโควิด-19 ก่อนเทศกาลปีใหม่นี้  “รัฐบาลจะไม่ออกมาตรการเพิ่มเติมก่อนปีใหม่ แต่ประชาชนยังคงต้องใช้ความระมัดระวังขณะที่เราเข้าใกล้เทศกาลเฉลิมฉลองปีใหม่” นายจาวิดกล่าว หลังรัฐบาลเสร็จสิ้นการหารือกับที่ปรึกษาด้านการแพทย์ในวันนี้ เพื่อพิจารณาว่าจะมีการยกระดับคุมเข้มมาตรการรับมือการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในสัปดาห์นี้หรือไม่
• (+) “ไบเดน” เรียกประชุมผู้ว่าการรัฐ หารือมาตรการสกัดโอมิครอนประธานาธิบดีโจ ไบเดน พร้อมกับคณะทำงานด้านการควบคุมโรคโควิด-19 ของทำเนียบขาว เตรียมจัดการประชุมร่วมกับผู้ว่าการรัฐของสหรัฐในวันนี้ เพื่อหารือเกี่ยวกับมาตรการรับมือการแพร่ระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน
• (+) แพทย์ใหญ่ทำเนียบขาววอนชาวอเมริกันงดจัดปาร์ตี้ฉลองปีใหม่ หวังสกัดโอมิครอนนายแพทย์แอนโทนี เฟาชี แพทย์ใหญ่ประจำคณะทำงานด้านการควบคุมโรคโควิด-19 ของทำเนียบขาว กล่าวเรียกร้องให้ชาวอเมริกันหลีกเลี่ยงการรวมตัวกันเฉลิมฉลองเทศกาลปีใหม่เพื่อลดจำนวนผู้ป่วยจากการติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน  “เมื่อพูดถึงการจัดปาร์ตี้ฉลองปีใหม่ ผมขอแนะนำให้เราหลีกเลี่ยงในปีนี้ โดยเรายังมีโอกาสฉลองในอีกหลายปี แต่ไม่ใช่ปีนี้” นายแพทย์เฟาชีกล่าว  นายแพทย์เฟาชีคาดหวังว่าการพุ่งขึ้นของจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 จะบรรเทาลงในเดือนม.ค.2565 แต่การเพิ่มขึ้นของจำนวนผู้ติดเชื้อก็อาจจะทำให้จำนวนเตียงในโรงพยาบาลไม่พอรองรับผู้ป่วย
• (-) ดอลล์แข็งค่าเล็กน้อย ตลาดจับตาผลกระทบไวรัสโอมิครอน ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเล็กน้อยเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (27 ธ.ค.) ขณะที่นักลงทุนจับตาการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน รวมทั้งข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐในสัปดาห์นี้  ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.07% แตะที่ 96.0910 เมื่อคืนนี้ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 114.90 เยน จากระดับ 114.44 เยน แต่อ่อนค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9176 ฟรังก์ จากระดับ 0.9180 ฟรังก์ และอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.2796 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.2809 ดอลลาร์แคนาดา  ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1325 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1333 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะที่ระดับ 1.3440 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3419 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงสู่ระดับ 0.7239 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7248 ดอลลาร์สหรัฐ
• (-) ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 351.82 จุด รับยอดค้าปลีกสดใส-ตลาดคลายกังวลโอมิครอน ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 300 จุดเมื่อคืนนี้ (27 ธ.ค.) ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดทำนิวไฮ ขานรับรายงานยอดค้าปลีกช่วงเทศกาลที่แข็งแกร่งในสหรัฐ รวมทั้งผลวิจัยจากหลายสถาบันที่ระบุว่า ไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนมีความเสี่ยงน้อยกว่าสายพันธุ์เดลตา  ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 36,302.38 จุด เพิ่มขึ้น 351.82 จุด หรือ +0.98%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,791.19 จุด เพิ่มขึ้น 65.40 จุด หรือ +1.38% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 15,871.26 จุด เพิ่มขึ้น 217.89 จุด หรือ +1.39%
• (-) “มาครง” เตรียมประกาศคุมเข้มโควิด หลังพบผู้ติดเชื้อมากกว่า 100,000 รายต่อวันสื่อรายงานว่า ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ผู้นำฝรั่งเศส จะประกาศยกระดับคุมเข้มมาตรการรับมือการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในวันนี้ หลังพบว่าจำนวนผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 พุ่งขึ้นมากกว่า 100,000 รายต่อวัน  ทั้งนี้ ฝรั่งเศสรายงานยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายวันพุ่งทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา โดยมีจำนวนสูงถึง 104,611 ราย ซึ่งสูงเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดในฝรั่งเศสในช่วงต้นปี 2563  นอกจากนี้ ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าจำนวนผู้ติดเชื้อรายวันจะยังคงพุ่งขึ้นในช่วงเดือนม.ค.2565 แม้ว่าชาวฝรั่งเศสจำนวนหลายล้านคนได้รับการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา

ขอขอบคุณ  : บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG)