บทวิเคราะห์ราคาทองคำ 26 ต.ค.64 by GT

GT GOLD BULLION

Fundamental

  • โควิดระบาดใหม่ในจีน จำนวนไม่มาก แต่เป็นวงกว้าง แต่เนื่องจากเน้นใช้มาตรการปิดเมืองเพื่อหยุดการแพร่กระจายของเชื้อ ทำให้หลายฝ่ายเตือนว่าการฟื้นขึ้นของเศรษฐกิจในปีหน้าจะชะลอตัวกว่าที่คาด
  • โควิดระบาดใหม่ในรัสเซียยังคุมตัวเลขไม่ได้ แม้สั่งงดกิจกรรมและควบคุมเข้มงวดขึ้น หลังจำนวนผู้ติดเชื้อรายวันพุ่งขึ้นไม่หยุด ซึ่งรัฐบาลคาดหวังว่าคำสั่งปิดเมืองระหว่าง 28 ต.ค.–7 พ.ย. จะช่วยกู้สถานการณ์ได้

Technical

  • bearish divergence ใน RSIยังคงเตือนให้ระวังว่าราคาจะไม่ยืนเหนือ 1,800 และอาจย่อลงมาหาเส้น MA
  • ราคาพยายามขึ้นแบบฝืน ๆ เพื่อทดสอบช่วงแนวต้าน1,800-1,815 ระยะสั้นดูเหมือนมีโอกาสจะขึ้นทำจุดสูงใหม่ได้ แต่คาดว่าจะถูกขายกดลงมาทันที
  • ทิศทางวันนี้ขึ้นน้อย ลงมาก
  • จับจังหวะเล่นยังไง?ถ้าขึ้นเกิน 1,810 ให้ชอร์ต และตัดขาดทุนเมื่อทะลุ 1,816ถ้าลงหลุด 1,805 ให้ชอร์ต ตัดขาดทุนเมื่อทะลุ 1,811 ยังเน้นเล่นสั้นให้จบในวัน

Attention

  • 28 ต.ค.จับตา ECB จะลด QE และเปรยแผนปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายตาม Fed หรือไม่
  • 28 ต.ค.  คาด GDP สหรัฐฯไตรมาส 3 โตชะลอลงมาก
  • หลายประเทศกำลังประสบปัญหาขาดแคลนพลังงาน ดันให้ราคาโภคภัณฑ์สำคัญที่เกี่ยวข้องขึ้นสูงต่อเนื่อง ทำให้เกิดความกังวลเรื่องภาวะเงินเฟ้อจะเป็นปัจจัยสำคัญที่กดดันการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกในปีหน้า

ขอขอบคุณ : บริษัท จีที โกลด์ บูลเลี่ยน จำกัด

บทวิเคราะห์ราคาทองคำ 26 ต.ค.64 by GCAP

แนวโน้มราคาทองคำช่วงเช้า

ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (25 ต.ค.) ขณะที่นักลงทุนจับตาตัวเลขเศรษฐกิจ และการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางหลายแห่งในสัปดาห์นี้

มุมมองทองคำภาคเช้า  ทองคำปิดตลาดในแดนบวกติดต่อกัน 2 วันทำการ เนื่องจากนักลงทุนยังคงเข้าซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของเงินเฟ้อ  นอกจากนี้ สัญญาทองคำยังได้ปัจจัยหนุนหลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีร่วงลงแตะระดับ 1.624% เมื่อคืนนี้ ซึ่งการร่วงลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐจะช่วยลดต้นทุนค่าเสียโอกาสในการถือครองทองคำ เนื่องจากทองคำเป็นสินทรัพย์ที่ไม่มีผลตอบแทนในรูปดอกเบี้ย 

นักลงทุนจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางญี่ปุ่นและธนาคารกลางยุโรปในวันพฤหัสบดีนี้ ขณะที่ธนาคารกลางสหรัฐจะจัดการประชุมในที่ 2-3 พ.ย. 

นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ ดัชนีราคาบ้านในเขต 20 เมืองใหญ่  ดัชนีราคาบ้านหน่วยงาน FHFA  ยอดขายบ้านใหม่  ความเชื่อมั่นผู้บริโภค  ดัชนีภาคการผลิต เฟด สาขาริชมอนด์  คำสั่งซื้อสินค้าคงทน  ดุลการค้า  ดัชนีสินค้านำเข้า  ดัชนีสินค้าส่งออก  ดัชนีสินค้าคงคลังภาคค้าส่ง  GDP  จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงาน  ยอดขายบ้านที่รอปิดการขาย  ดัชนีภาคการผลิต เฟด สาขาแคนซัส  ดัชนีต้นทุนค่าจ้างแรงงาน  ดัชนีราคาด้านการบริโภคส่วนบุคคล  ดัชนีราคาการใช้จ่ายด้านการบริโภคพื้นฐานส่วนบุคคล  ดัชนีจัดซื้อจัดจ้างเฟด ชิคาโก  ความเชื่อมั่นผู้บริโภค ม.มิชิแกน เป็นต้น 

สรุปภาวะแลกเปลี่ยนเงินตรา

ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (25 ต.ค.) ขณะที่นักลงทุนจับตาตัวเลขเศรษฐกิจ และการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางหลายแห่งในสัปดาห์นี้

แนะแนวทางการลงทุน

แนวรับ 1,786-  1,780- 1,772

แนวต้าน  1,815–1,821– 1,828

ทองคำปิดบวก โดยนักลงทุนเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัยท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อ  หลังนายเจอโรม พาวเวล ประธาน (เฟด) คาดการณ์ว่า เงินเฟ้อของสหรัฐจะเพิ่มขึ้นจนถึงปีหน้า และเฟดจะเริ่มปรับลดการซื้อสินทรัพย์ในเร็ว ๆ นี้ แต่จะยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหนุนแรงซื้อทองคำ

ขอขอบคุณ : บริษัท จีแคป จำกัด

บทวิเคราะห์ราคาทองคำ 26 ต.ค.64 by TDC

TDC GOLD

ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นเหนือ $1800 อีกครั้งหนึ่งพร้อมกับ Bearish divergenceรายชั่วโมง มองว่าภาพรวมดูดีมากขึ้น แต่ยังวางใจไม่ได้ ยังระมัดระวังหากราคาปรับตัวลดลงหลุดระดับ $1800 ลงมาแรงๆอีกครั้ง แต่ถ้ายังยืนได้จะถือว่าต้องกลับมาพิจารณาแนวโน้มใหม่เพราะอาจจะมีการเปลี่ยนแนวโน้มเป็นขึ้นในระยะสั้นได้ ระดับ$1800 จนถึง $1795 เป็นที่อยู่ของเส้นค่าเฉลี่ย 200 วันในรายวันซึ่งถือว่าเป็นแนวรับ แนวต้านที่มีความสำคัญ ทางฝั่ง Facebook ประกาศผลประกอบการดีขึ้น

ขอขอบคุณ : บริษัท ที.ดี.ซี. โกลด์ จำกัด

บทวิเคราะห์ราคาทองคำ 26 ต.ค.64 by YLG

YLG Bullion

คำแนะนำ :

หากแรงขายลดลงทำให้มีลุ้นที่ราคาอาจไปทดสอบแนวต้านโซนที่ 1,814-1,819 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่หากราคายืนไม่ได้อาจเกิดแรงขายทำกำไรระยะสั้นออกมา ราคาทองคำอาจอ่อนตัวลงโดยมีแนวรับบริเวณ 1,797-1,793 ดอลลาร์ต่อออนซ์

แนวรับ : 1,793 1,781 1,766  แนวต้าน : 1,819 1,833 1,847

สรุป  

ราคาทองคำวานนี้ปิดปรับตัวเพิ่มขึ้น 15.12  ดอลลาร์ต่อออนซ์  โดยราคาทองคำได้รับแรงหนุนจากทั้งปัจจัยทางเทคนิคและปัจจัยพื้นฐานบางประการ  ทั้งนี้  ราคาทองคำสามารถทรงตัวรักษาระดับเหนือเส้นค่าเฉลี่ยระยะ 50, 100 และ 200 วันได้อย่างต่อเนื่องจนกระตุ้นแรงซื้อทางเทคนิคให้ราคาเกิดการดีดตัวขึ้น  ประกอบกับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีร่วงลงสู่ระดับ 1.62%  จากความไม่แน่นอนของตลาดที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)จะคุมเข้มนโยบายการเงินด้วยการปรับขึ้นดอกเบี้ยเมื่อใด  หลังจากสหรัฐกำลังเผชิญกับอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะที่แรงซื้อเพื่อปิดสถานะขาย(short covering)ในตลาดพันธบัตรส่งผลกดดันอัตราผลตอบแทนพันธบัตรเพิ่มเติม  ซึ่งเป็นปัจจัยพื้นฐานสำคัญที่หนุนทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ไม่ได้ให้ผลตอบแทนในรูปแบบของดอกเบี้ย  นั่นทำให้ราคาทองคำค่อยๆไต่ขึ้นทดสอบระดับสูงสุดบริเวณ 1,809.84  ดอลลาร์ต่อออนซ์  อย่างไรก็ดี  การปรับตัวขึ้นของทองคำยังคงเป็นไปอย่างจำกัด  เนื่องจากทองคำถูกกดดันจากดัชนีดอลลาร์ที่ฟื้นตัวจากระดับต่ำสุดในรอบ 1 เดือน  ท่ามกลางการอ่อนค่าของยูโรหลัง Ifo ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยเศรษฐกิจของเยอรมนี เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจของเยอรมนีปรับตัวลงเป็นเดือนที่ 4 แตะระดับ 97.7 ในเดือนต.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย. และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 97.9  สถานการณ์ดังกล่าวเป็นปัจจัยสกัดช่วงบวกของราคาทองคำเอาไว้  ด้านกองทุน SPDR ถือครองทองคำไม่เปลี่ยนแปลง  สำหรับวันนี้ติดตามการเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนต.ค.จาก CB, ดัชนีภาคการผลิตเดือนต.ค.จากเฟดสาขาริชมอนด์ และยอดขายบ้านใหม่ของสหรัฐ

ข่าวสารประกอบการลงทุน :

  • (+) ‘ไมโครซอฟท์’ เผยแฮกเกอร์รัสเซียพยายามเจาะล้วงข้อมูลรอบใหม่บริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ของสหรัฐฯ ไมโครซอฟท์ (Microsoft) เปิดเผยในวันอาทิตย์ว่า กลุ่มแฮกเกอร์ที่ได้รับการสนับสนุนจากรัสเซียและเคยก่อเหตุจารกรรมล้วงข้อมูลเครือข่ายคอมพิวเตอร์ในสหรัฐฯ เมื่อปีที่แล้ว ซึ่งเรียกกันว่า โซลาร์วินด์ส (SolarWinds) กำลังพยายามโจมตีเครือข่ายคอมพิวเตอร์ทั่วโลกอีกครั้งไมโครซอฟท์ กล่าวว่า กลุ่มแฮกเกอร์ที่มีชื่อว่า โนเบลเลียม (Nobelium) ได้ใช้ยุทธวิธีใหม่เพื่อฉกฉวยประโยชน์จากการเข้าถึงระบบคลาวด์ของภาคธุรกิจต่าง ๆ ที่เป็นตัวกลางระหว่างผู้ผลิตฮาร์ดแวร์หรือซอฟท์แวร์ กับลูกค้าหรือผู้ใช้เทคโนโลยีของบริษัทเหล่านั้นไมโครซอฟท์มีแถลงการณ์เมื่อวันอาทิตย์ว่า ได้จับตามองการโจมตีของโนเบลเลียมมาตั้งแต่เดือนพฤษภาคม และได้แจ้งให้บริษัทต่าง ๆ ที่ตกเป็นเป้าหมายมากกว่า 140 แห่งรับทราบในจำนวนนี้คาดว่ามีอย่างน้อย 14 บริษัทที่ถูกเจาะล้วงระบบคอมพิวเตอร์แล้ว
  • (+) เฟดชิคาโกเผยดัชนีกิจกรรมทางเศรษฐกิจต่ำกว่าคาดในเดือนก.ย.ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาชิคาโก เปิดเผยว่า ดัชนี Chicago Fed National Activity Index (CFNAI) ปรับตัวลงสู่ระดับ -0.13 ในเดือนก.ย. และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ +0.35 จากระดับ +0.05 ในเดือนส.ค.  ดัชนีได้รับผลกระทบจากการปรับตัวลงของการผลิตในภาคอุตสาหกรรม
  • (-) ยุโรปเริ่มกระบวนการอนุมัติยาโมลนูพิราเวียร์เร่งด่วนแล้ว คาดแซงหน้าสหรัฐบริษัทเมอร์ค แอนด์ โค ซึ่งเป็นบริษัทยารายใหญ่ของสหรัฐ เปิดเผยว่า องค์การยาแห่งยุโรป (EMA) ได้เริ่มต้นกระบวนการประเมินประสิทธิภาพของยาโมลนูพิราเวียร์ ซึ่งเป็นยารักษาผู้ป่วยโควิด-19 อย่างเร่งด่วนแล้ว  ที่ผ่านมา EMA จะใช้มาตรการ “rolling review” ในการเร่งกระบวนการประเมินผลต่อยาที่มีแนวโน้มให้ประสิทธิภาพสูงในช่วงที่เกิดภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุข โดย EMA จะทำการประเมินข้อมูลประสิทธิภาพของยาทันทีที่มีการเผยแพร่ออกมา แทนที่จะรอให้บริษัทยารวบรวมข้อมูลที่จำเป็นทั้งหมด และยื่นเรื่องขออนุมัติอย่างเป็นทางการต่อ EMA
  • (-) Ifo เผยความเชื่อมั่นภาคธุรกิจเยอรมนีต่ำเกินคาดในเดือนต.ค.Ifo ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยเศรษฐกิจของเยอรมนี เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจของเยอรมนีปรับตัวลงเป็นเดือนที่ 4 แตะระดับ 97.7 ในเดือนต.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย. จากระดับ 98.9 ในเดือนก.ย. และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 97.9
  • (-) ดอลลาร์แข็งค่า จับตาข้อมูลเศรษฐกิจ-การประชุมธนาคารกลาง  ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (25 ต.ค.) ขณะที่นักลงทุนจับตาตัวเลขเศรษฐกิจ และการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางหลายแห่งในสัปดาห์นี้  ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.18% แตะที่ 93.8157 เมื่อคืนนี้  ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 113.70 เยน จากระดับ 113.43 เยน และแข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9195 ฟรังก์ จากระดับ 0.9162 ฟรังก์ นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐยังแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.2385 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.2366 ดอลลาร์แคนาดา  ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1612 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1636 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะที่ระดับ 1.3769 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3755 ดอลลาร์
  • (-) ดาวโจนส์ปิดบวก 64.13 จุด ขานรับหุ้นเทสลาพุ่งแรงดัชนีดาวโจนส์และดัชนี S&P500 ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดทำนิวไฮเมื่อคืนนี้ (25 ต.ค.) โดยได้แรงหนุนจากราคาหุ้นเทสลาที่พุ่งขึ้นกว่า 12% ขานรับยอดสั่งซื้อรถยนต์ไฟฟ้าจำนวนมากถึง 100,000 คัน นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยบวกจากแรงซื้อหุ้นกลุ่มพลังงาน ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตารายงานประกอบการของบริษัทยักษ์ใหญ่ในกลุ่มเทคโนโลยีในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงเฟซบุ๊กและอัลฟาเบท  ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 35,741.15 จุด เพิ่มขึ้น 64.13 จุด หรือ + 0.18%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,566.48 จุด เพิ่มขึ้น 21.58 จุด หรือ +0.47% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 15,226.71 จุด เพิ่มขึ้น 136.51 จุด หรือ + 0.90%
  • (+/-) จับตาไบเดนขึ้นเวทีอาเซียนซัมมิต หวังคานอำนาจจีน หลังทรัมป์เมินประชุม 3 ปีติดสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐประจำกรุงบันดาร์เสรีเบกาวัน บรูไนดารุสซาลาม เปิดเผยว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐ จะเข้าร่วมการประชุมสุดยอดของสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) ผ่านระบบการประชุมทางไกลในวันพรุ่งนี้ (26 ตุลาคม)  การเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียนของปธน.ไบเดนเป็นการส่งสัญญาณว่าสหรัฐยังคงต้องการมีบทบาทในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก หลังจากที่อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้ปฏิเสธการเข้าร่วมการประชุมดังกล่าวถึง 3 ปีติดต่อกัน จนทำให้จีนสามารถแผ่อิทธิพลในภูมิภาคดังกล่าวทั้งนี้ การประชุมสุดยอดอาเซียน-สหรัฐจะมีขึ้นในวันที่ 26 ตุลาคม เวลา 20.00 น.ตามเวลาไทย

ขอขอบคุณ  : บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG)

บทวิเคราะห์ราคาทองคำ 26 ต.ค.64 by MTS

ทิศทางราคาทองคำ

ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง โดยสามารถยืนเหนือ 1,800 เหรียญได้ ภาพรวมค่าเงินดอลลาร์กลับมาอ่อนค่าอีกครั้งหลังจากที่ถ้อยแถลงของประธานเฟดโดยองค์รวมยังมุ่งเน้นเรื่องการจะไม่ขึ้นดอกเบี้ยเร็วๆนี้ และไม่กังวลกับเงินเฟ้อที่ขึ้นเพียงชั่วคราว และภาพรวมดัชนีดอลลาร์ยังเคลื่อนไหวกรอบแคบๆ เช้านี้อยู่บริเวณ 93.87 จุด ขยับแข็งค่าเล็กน้อยจาก 93.84 จุด และเมื่อวานนี้ทำต่ำสุดบริเวณ 93.49 จุด อย่างไรก็ดี เงินบาทเองยังอยู่ในแนวโน้มแข็งค่าต่อเนื่องรับข่าวการเปิดประเทศ 1 พ.ย. นี้ โดยเงินบาทแข็งค่าจนเริ่มมาทดสอบ 33 บาท/ดอลลาร์ และเช้านี้แข็งค่าต่อจากเมื่อวานประมาณ 20 สตางค์ อยู่แถว 33.04 บาท/ดอลลาร์ สำหรับตัวเลขทางเศรษฐกิจที่สำคัญคืนนี้ ได้แก่  CB Consumer Confidence คาดว่าจะออกมาแย่ลงเล็กน้อยหรือทรงตัว ขณะที่ Richmond Manufacturing Index และ New Home Sales ที่คาดว่าจะออกมาดีขึ้น

วิเคราะห์ราคาทองคำทางเทคนิค

ราคาทองคำที่ยังสามารถยืนเหนือ 1,800 เหรียญ ได้ช่วยสนับสนุนภาพระยะสั้นเป็นขาขึ้น ขณะที่แนวต้านต่อไปของทองคำจะอยู่ที่ 1,820 เหรียญ และแนวรับ 1,792 เหรียญ สำหรับ Gold Online Futures และ Comex จะมีแนวรับ 1,795 เหรียญ และแนวต้าน  1,820 เหรียญ และทองไทยคาดจะเปิดทรงตัวในระดับเดิม

กลยุทธ์การลงทุนในวันนี้

แนะนำเล่นสั้นขาขึ้นในกรอบ เป็นลักษณะลงซื้อชึ้นขาย และมี Stop Loss หากต่ำกว่า 1,792 เหรียญลงไป

– นักลงทุนที่ถือ Long Position 

ลงซื้อขึ้นขาย เน้นเล่นสั้นในกรอบ และมี Stop Loss หากต่ำกว่าระดับแนวรับ

– นักลงทุนที่ถือ Short Position

แนะนำบริหารพอร์ตสมดุลกับการแกว่ง  ภาพระยะสั้นยืนยันภาวะขาขึ้นหลังจากที่ราคายืนได้เหนือ 1,800 เหรียญ

Gold Futures 10V21 จะมีแนวรับที่ระดับ 28,300 บาท และแนวต้านที่ระดับ 28,600  บาท

ขอขอบคุณ  : บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด (MTS)

ราคาทองคำวันนี้ : ราคาทองคำผันผวนแต่เช้า กูรูชี้หากทะลุ $1,835 มีโอกาสพุ่งไกล

photo by Zlaťáky.cz | pexels.com

สมาคมค้าทองคำ ประกาศราคาทองคำ 25 ต.ค. เช้านี้ราคาทองคำไทยขยับเพิ่ม 50 บาท โดยราคาได้ขยับผัวผวนตั้งแต่เช้า แต่ราคา gold spot เตรียมกลับขึ้นไปทดสอบ $1,800 ดอลลาร์ อีกรอบ หลังสัปดาห์ที่ผ่านพุ่งแตะ $1,813 ก่อนถูกเทกลับมาใต้ $1,800 อีกรอบ นักวิเคราะห์มองหากทะลุ $1,835 ได้ มีอากาสพุ่งแรง

ภาพรวมราคา gold spot ในสัปดาห์ที่ผ่านมาได้ฟื้นตัวขึ้น โดยทองคำได้ปัจจัยบวกจากเงินดอลลาร์อ่อนค่าลง ทั้งนี้ เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ราคาทองคำปรับขึ้นแรง แตะ 1,813 ดอลลาร์ เนื่องจากความกังวลเรื่องภาวะเงินเฟ้อ หลัง 5-Year Breakeven Inflation Rate ซึ่งเป็นตัวเลขคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อเฉลี่ย 5 ปีข้างหน้า เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 3% เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ Bloomberg เริ่มบันทึกข้อมูลในปี 2002 บวกรวมกับแรงซื้อทางเทคนิคหลังจากราคาผ่านแนวต้านสำคัญ

สถานการณ์ดังกล่าว หนุนราคาทองคำให้ทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบเดือนครึ่งบริเวณ 1,813 ดอลลาร์ อย่างไรก็ดี ราคาทองคำอ่อนตัวลงในเวลาต่อมา หลังประธานเฟด ระบุจะเริ่มปรับลดวงเงิน QE แต่ยังไม่ถึงเวลาที่จะปรับขึ้นดอกเบี้ย โดยเฟดจะคุมเข้มนโยบายการเงิน หากเห็นความเสี่ยงที่ร้ายแรงจากการคาดการณ์เงินเฟ้อที่สูงขึ้น ปัจจัยดังกล่าวกดดันให้ราคาทองคำร่วงลง 30 ดอลลาร์ จากระดับสูงสุดในระหว่างวัน ก่อนจะมีแรงซื้อหนุนให้ทองคำฟื้นตัวขึ้นในช่วงปลายตลาด ก่อนปิดปรับตัวเพิ่มขึ้น 9.68 ดอลลาร์

Ole Hansen

ส่วนในช่วงเช้าที่ผ่านมา ราคาได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นจ่อทดสอบระดับ 1,800 ดอลลาร์ อีกรอบ ซึ่งต้องรอดูว่า จะกลับขึ้นไปทดสอบจุดสูงสุดเมื่อสัปดาห์ที่แล้วได้หรือไม่ ( ดูกราฟการเคลื่อนไหวราคาทองคำ )

โดย Ole Hansen หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์สินค้าโภคภัณฑ์ที่ Saxo Bank กล่าวว่า แม้ราคาทองคำพุ่งขึ้นเหนือ 1,800 ดอลลาร์ แต่ยังมองว่าตลาดทองคำยังขาดความดึงดูด จนกว่าราคาจะทะลุ 1,835 ดอลลาร์ ซึ่งจะทำให้เกิดแรงผลักดันในตลาดมีมากพอที่จะทำให้ราคากลับไปที่ 2,000 ดอลลาร์ ( อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม )

ขณะที่ ราคาทองคำในประเทศเช้านี้ ขยับผันผวนตั้งแต่เช้า โดยหลังจากที่สมาคมค้าทองคำ ประกาศราคาแรกไม่ได้ขยับจากราคาปิดเมื่อวันเสาร์ แต่หลังจากนั้นอีกเพียง 1 ชั่วโมง ราคาได้เปลี่ยนแปลงถึง 3 ครั้ง เป็นปรับขึ้น 2 ครั้ง และลง 1 ครั้ง ทำให้ภาพรวมราคาปรับขึ้นอีก 50 บาท โดยล่าสุด ( 11.15 น. ) ราคารับซื้ออยู่ที่ บาทละ 28,250 บาท ขณะที่ราคาขายออก อยู่ที่บาทละ 28,350บาท ( ดูตารางราคาทองคำของสมาคมค้าทองคำ )

ด้านกองทุน SPDR Gold Trust ขายทองคำ 2.03 ตัน ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ( อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม )

หมายเหตุ : เนื้อหาข้างต้นมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ข้อมูลเท่านั้น ไม่ใช่การชักชวนให้ ซื้อ-ขาย หรือ ลงทุน หรือ เป็นเครื่องมือทางการเงินอื่น ๆ และอาจจะไม่สะท้อนถึงความเห็นของ GoldAround.com ทั้งนี้ ทีมงานไม่ยอมรับความผิดในความสูญเสีย และ หรือ ความเสียหาย ที่เกิดจากการใช้ข้อมูลข้างต้น

บทวิเคราะห์ราคาทองคำ 25 ต.ค.64 by GCAP

GCAP GOLD

แนวโน้มราคาทองคำช่วงเช้า

ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อวันศุกร์ (22 ต.ค.) เนื่องจากนักลงทุนขายดอลลาร์ในฐานะสกุลเงินปลอดภัย หลังจากการเปิดเผยข้อมูลกิจกรรมทางธุรกิจของสหรัฐที่ขยายตัวในเดือนต.ค.

มุมมองทองคำภาคเช้า  นักลงทุนเข้าซื้อสัญญาทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย เนื่องจากวิตกเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อ หลังนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) คาดการณ์ในวันศุกร์ว่า เงินเฟ้อของสหรัฐจะเพิ่มขึ้นจนถึงปีหน้า และเฟดจะเริ่มปรับลดการซื้อสินทรัพย์ในเร็ว ๆ นี้ แต่จะยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 

นอกจากนี้ สัญญาทองคำยังได้แรงหนุนจากการที่ไอเอชเอสมาร์กิต ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการข้อมูลทางการเงิน เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของสหรัฐอยู่ที่ระดับ 59.2 ในเดือนต.ค. ลดลงจาก 60.7 ในเดือนก.ย. และทำสถิติต่ำสุดในรอบ 7 เดือน

นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ ดัชนีกิจกรรมทางเศรษฐกิจเฟดชิคาโก  ดัชนีภาคการผลิต เฟดสาขาดัลลัส  ดัชนีราคาบ้านในเขต 20 เมืองใหญ่  ดัชนีราคาบ้านหน่วยงาน FHFA  ยอดขายบ้านใหม่  ความเชื่อมั่นผู้บริโภค  ดัชนีภาคการผลิต เฟด สาขาริชมอนด์  คำสั่งซื้อสินค้าคงทน  ดุลการค้า  ดัชนีสินค้านำเข้า  ดัชนีสินค้าส่งออก  ดัชนีสินค้าคงคลังภาคค้าส่ง  GDP  จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงาน  ยอดขายบ้านที่รอปิดการขาย  ดัชนีภาคการผลิต เฟด สาขาแคนซัส  ดัชนีต้นทุนค่าจ้างแรงงาน  ดัชนีราคาด้านการบริโภคส่วนบุคคล  ดัชนีราคาการใช้จ่ายด้านการบริโภคพื้นฐานส่วนบุคคล  ดัชนีจัดซื้อจัดจ้างเฟด ชิคาโก  ความเชื่อมั่นผู้บริโภค ม.มิชิแกน เป็นต้น 

สรุปภาวะแลกเปลี่ยนเงินตรา

ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อวันศุกร์ (22 ต.ค.) เนื่องจากนักลงทุนขายดอลลาร์ในฐานะสกุลเงินปลอดภัย หลังจากการเปิดเผยข้อมูลกิจกรรมทางธุรกิจของสหรัฐที่ขยายตัวในเดือนต.ค. 

แนะแนวทางการลงทุน

แนวรับ 1,786-  1,780- 1,772

แนวต้าน  1,806–1,810– 1,815

ทองคำปิดบวก โดยนักลงทุนเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัยท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อ  หลังนายเจอโรม พาวเวล ประธาน (เฟด) คาดการณ์ว่า เงินเฟ้อของสหรัฐจะเพิ่มขึ้นจนถึงปีหน้า และเฟดจะเริ่มปรับลดการซื้อสินทรัพย์ในเร็ว ๆ นี้ แต่จะยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหนุนแรงซื้อทองคำ

ขอขอบคุณ : บริษัท จีแคป จำกัด

บทวิเคราะห์ราคาทองคำ 25 ต.ค.64 by MTS

MTS GOLD

ทิศทางราคาทองคำ

ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นโดยในช่วงคืนวันศุกร์ปรับขึ้นไปทดสอบบริเวณ 1,810 เหรียญ ไปทำจุดสูงสุดบริเวณ 1,813 เหรียญ ก่อนที่จะมีแรงเทขายทำกำไรกลับเข้ามา ทำให้ราคาปิดบริเวณ 1,793 เหรียญ ซึ่งจะเห็นถึงความผันผวนหรือเคลื่อนไหวอยjางรุนแรงของราคาทองคำ หลังจากที่ราคาขึ้นทะลุ 1,800 เหรียญได้ โดยในวันศุกร์นายเจอโรม โพเวลล์แถลงถึงภาวะเศรษฐกิจที่ยังไม่แข็งแรงพอที่จะปรับขึ้นดอกเบี้ย แต่ก็ยังยืนยันว่าจะมีการทำ Tapering QE  ด้านตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯเมื่อวันศุกร์ออกมาผสมผสานกัน ดัชนีดอลลาร์ปรับตัวลดลงต่อเนื่อง หลังจากหลุด 94 จุดลงมา โดยมีบางช่วงที่แข็งแกร่งลงมา 93.20 จุด   เช้านี้อยู่ที่ 93.66 จุด ด้านกองทุน SPDR เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาไม่ได้ทำอะไรเพิ่มเติม ปัจจุบันถือครองทองคำที่ระดับ 978.07 ตัน ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯอายุ 10 ปี เช้านี้ทรงตัวอยู่ที่ 1.64%

วิเคราะห์ราคาทองคำทางเทคนิค

ราคาทองคำระยะสั้นเริ่มเข้าสู่ทิศทางแนวโน้มขาขึ้น ขณะที่ระยะกลางและยาวกำลังทดสอบแนวต้านสำคัญบริเวณ 1,800 และ 1,810 เหรียญ แนะนำให้นักลงทุนปรับสภาพตลาดจากขาลงเป็นขาขึ้น หลังจากที่ราคาทองคำสามารถยืนเหนือระดับ 1,780 เหรีญญตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา วันนี้คาดว่าราคาจะเคลื่อนไหวในกรอบแนวรับ 1,785 เหรีญย แนวต้าน 1,810 เหรียญ ด้าน Gold Online Futures และ Comex Gold จะมีแนวรับ 1,787 เหรียญ และแนวต้าน 1,810 เหรียญ ในส่วนของทองคำไทยคาดว่าจะเปิดเท่าเดิ

กลยุทธ์การลงทุนในวันนี้

รอจังหวะช้อนซื้อเมื่อราคาอ่อนตัว และรอปิดทำกำไรเมื่อราคาทดสอบแนวต้าน ควรมี Stop Loss หากราคาต่ำกว่าแนวรับเสมอ

– นักลงทุนที่ถือ Long Position 

แนะนำแบ่งปิดสถานะทำกำไรบางส่วนเมื่อราคาทดสอบแนวต้าน และเข้าช้อนซื้อกลับอีกครั้งเมื่อราคาปรับตัวลง

– นักลงทุนที่ถือ Short Position

หาจังหวะลดสถานะเมื่อราคาปรับทดสอบแนวรับและเริ่มปรับกลยุทธ์มาสู่สถานะ Long

Gold Futures 10V21 จะมีแนวรับที่ระดับ 28,200 บาท และแนวต้านที่ระดับ 28,500  บาท

ขอขอบคุณ  : บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด (MTS)

บทวิเคราะห์ราคาทองคำ 25 ต.ค.64 by YLG

YLG BULLION

คำแนะนำ :

เสี่ยงเปิดสถานะซื้อเมื่อราคาอ่อนตัวลงมาใกล้ 1,785-1,776 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (ตัดขาดทุนหากหลุด 1,776 ดอลลาร์ต่อออนซ์) แต่หากรับความเสี่ยงได้ไม่มาก อาจเลือกซื้อขายทำกำไรระยะสั้นจากการแกว่งตัวของราคา

แนวรับ : 1,785 1,776 1,760  แนวต้าน : 1,808 1,819 1,833

สรุป  

ราคาทองคำวันศุกร์ที่ผ่านมาปรับตัวเพิ่มขึ้น 9.68   ดอลลาร์ต่อออนซ์  โดยราคาทองคำได้รับแรงหนุนจากแรงซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ช่วยป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อ  หลังจาก 5-Year Breakeven Inflation Rate ซึ่งเป็นตัวเลขคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อเฉลี่ย 5 ปีข้างหน้า เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 3% เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ Bloomberg เริ่มบันทึกข้อมูลในปี 2002  ประกอบกับดัชนีดอลลาร์อ่อนค่าลงจากแรงขายทำกำไร  หลังจากดอลลาร์แตะระดับสูงสุดในรอบ 1 ปีในสัปดาห์ก่อนหน้าขานรับการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)จะขึ้นเร่งขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อรับมือเงินเฟ้อ  นอกจากนี้สกุลเงินดอลลาร์ยังอ่อนค่าลงในช่วงปลายเดือนตุลาคมตามปัจจัยด้านฤดูกาลอีกด้วย  บวกรวมกับแรงซื้อทางเทคนิคหลังจากราคาผ่านแนวต้านสำคัญ  สถานการณ์ดังกล่าวหนุนราคาทองคำให้ทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบเดือนครึ่งบริเวณ  1,813.63 ดอลลาร์ต่อออนซ์  อย่างไรก็ดี  ราคาทองคำอ่อนตัวลงในเวลาต่อมา  เนื่องจากดัชนีดอลลาร์ลดช่วงติดลบที่ทำมาในระหว่างวัน  หลังนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด เปิดเผยในวันศุกร์ว่า  เฟดจะเริ่มกระบวนการปรับลดวงเงินการเข้าซื้อสินทรัพย์ตามมาตรการ QE พร้อมเสริมว่า  ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาที่จะปรับขึ้นดอกเบี้ย  แต่นายพาวเวลระบุว่าเฟดจะคุมเข้มนโยบายการเงินหากเห็นความเสี่ยงที่ร้ายแรงจากการคาดการณ์เงินเฟ้อที่สูงขึ้น  ปัจจัยดังกล่าวกระตุ้นแรงขายในตลาดทองคำจนกดดันให้ราคาทองคำร่วงลง 30 ดอลลาร์ต่อออนซ์จากระดับสูงสุดในระหว่างวัน  ก่อนจะมีแรงซื้อหนุนให้ทองคำฟื้นตัวขึ้นในช่วงปลายตลาด  ด้านกองทุน SPDR ถือครองทองคำไม่เปลี่ยนแปลง  สำหรับวันนี้ไม่มีกำหนดการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐ

ข่าวสารประกอบการลงทุน :

  • (+) ดอลลาร์อ่อนค่า นลท.ขายหลังข้อมูลศก.แกร่งดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (22 ต.ค.) เนื่องจากนักลงทุนขายดอลลาร์ในฐานะสกุลเงินปลอดภัย หลังจากการเปิดเผยข้อมูลกิจกรรมทางธุรกิจของสหรัฐที่ขยายตัวในเดือนต.ค.  ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.13% แตะที่ 93.6449 เมื่อคืนนี้  ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 113.43 เยน จากระดับ 113.94 เยน และอ่อนค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9162 ฟรังก์ จากระดับ 0.9184 ฟรังก์ นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐยังอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.2366 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.2378 ดอลลาร์แคนาดา  ยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1636 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1624 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะที่ระดับ 1.3755 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3784 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียทรงตัวที่ระดับ 0.7465 ดอลลาร์สหรัฐ
  • (+) สหรัฐจับตาไวรัสโควิดสายพันธุ์ “เดลตา พลัส” เชื่อแพร่ระบาดได้เร็วขึ้นสำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า เจ้าหน้าที่สาธารณสุขของสหรัฐกำลังจับตาอย่างใกล้ชิดกับไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์ “เดลตา พลัส” ซึ่งนักวิทยาศาสตร์บางรายระบุว่า อาจแพร่ระบาดได้มากกว่าไวรัสสายพันธุ์เดลตาเดิมที่สามารถแพร่กระจายได้ในระดับสูงอยู่แล้ว  ไวรัสโควิดสายพันธุ์เดลตา พลัส ซึ่งเรียกอย่างเป็นทางการว่า AY.4.2 นั้น เป็นการกลายพันธุ์ใหม่ของสไปค์โปรตีน A222V และ Y145H  ฟรังซัวส์ แบลูซ์ ผู้อำนวยการสถาบันพันธุศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัยคอลเลจลอนดอนระบุว่า ไวรัสโควิดสายพันธุ์เดลตา พลัส อาจแพร่เชื้อได้มากกว่าสายพันธุ์เดลตาเดิมราว 10-15%
  • (+) จีนออกโรงประณามหลังสหรัฐแสดงความมุ่งมั่นปกป้องไต้หวันจีนประณามการแสดงความมุ่งมั่นของประธานาธิบดีไบเดนแห่งสหรัฐที่จะปกป้องไต้หวัน หากจีนโจมตีไต้หวันซึ่งเป็นประเทศประชาธิปไตยและปกครองตนเอง  นายหวัง เหวินปิน โฆษกกระทรวงต่างประเทศจีนเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวที่กรุงปักกิ่งในวันนี้ว่า “ไม่ควรมีใครประมาณการต่ำเกินไปถึงความตั้งใจอย่างแรงกล้าของประชาชนจีน, เจตจำนงที่แน่วแน่ และความสามารถอันแข็งแกร่งที่จะปกป้องอธิปไตยของชาติและบูรณภาพแห่งดินแดน” นายหวังระบุเสริมว่า สหรัฐควรละเว้นจากการส่งสัญญานที่ผิดใด ๆ ให้กับกองกำลังแบ่งแยกดินแดนของไต้หวัน เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายกับความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐและจีน รวมถึงสันติภาพและเสถียรภาพบริเวณช่องแคบไต้หวัน”
  • (-) ดัชนี PMI รวมผลิต-บริการสหรัฐขยายตัวแตะระดับสูงสุดในรอบ 3 เดือนไอเอชเอส มาร์กิต ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการข้อมูลทางการเงิน เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิตและบริการเบื้องต้นของสหรัฐ อยู่ที่ 57.3 ในเดือนต.ค. เพิ่มขึ้นจากระดับ 55.0 ในเดือนก.ย. และยังทำสถิติสูงสุดในรอบ 3 เดือน
  • (+/-) “พาวเวล” เผยถึงเวลาแล้วที่เฟดจะลดซื้อบอนด์ แต่ยังไม่ขึ้นดอกเบี้ยนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยในวันศุกร์ (22 ต.ค.) ว่า เฟดจะเริ่มกระบวนการลดการสนับสนุนเศรษฐกิจด้วยการปรับลดการซื้อสินทรัพย์ แต่จะยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย  นายพาวเวลกล่าวในการประชุมออนไลน์ของธนาคารเพื่อการชำระหนี้ระหว่างประเทศเมื่อวันศุกร์ว่า “ผมคิดว่า ถึงเวลาแล้วที่เฟดจะลดการซื้อสินทรัพย์ แต่ยังไม่ถึงเวลาที่จะปรับขึ้นดอกเบี้ย” โดยเขาระบุว่า สหรัฐยังคงมีการจ้างงานน้อยกว่าช่วงก่อนเกิดโรคโควิด-19 ระบาดอยู่ราว 5 ล้านตำแหน่ง  นอกจากนี้ นายพาวเวลยังกล่าวย้ำถึงมุมมองของเขาที่ว่า เงินเฟ้อที่ระดับสูงนั้นอาจจะสิ้นสุดลงในปีหน้า เนื่องจากแรงกดดันจากโรคระบาดหมดไป
  • (+/-) ดาวโจนส์ปิดบวก 73.94 จุด สวนทาง S&P500-Nasdaq ปิดลบดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (22 ต.ค.) และปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่วันที่ 16 ส.ค. หลังจากที่การซื้อขายเป็นไปอย่างผันผวน ขณะที่ดัชนี S&P500 และดัชนี Nasdaq ปิดลดลง โดยถูกกดดันจากการเปิดเผยผลประกอบการที่น่าผิดหวังของบริษัทสแนป และบริษัทอินเทล กรุ๊ป ซึ่งกดดันหุ้นกลุ่มสื่อสาร และกลุ่มเทคโนโลยี นอกจากนี้ นักลงทุนได้เริ่มวิตกกังวลอีกครั้ง หลังจากที่นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ระบุว่า เฟดได้หารือที่จะเริ่มปรับลดการซื้อสินทรัพย์ตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE)  ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 35,677.02 จุด เพิ่มขึ้น 73.94 จุด หรือ +0.21%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,544.90 จุด ลดลง 4.88 จุด หรือ -0.11% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 15,090.20 จุด ลดลง 125.50 หรือ -0.82%
  • (+/-) ซีอีโอทวิตเตอร์เผย “ภาวะเงินเฟ้อรุนแรง” จ่อเกิดขึ้นในสหรัฐและทั่วโลกนายแจ็ค ดอร์ซีย์ ผู้ร่วมก่อตั้งทวิตเตอร์ เปิดเผยว่า ภาวะเงินเฟ้อทวีความรุนแรงขึ้นในสหรัฐ พร้อมกล่าวว่าสถานการณ์มีแนวโน้มจะย่ำแย่ลงไปอีก  นายดอร์ซีย์ทวีตข้อความว่า “ภาวะเงินเฟ้อรุนแรงจะเปลี่ยนทุกอย่าง” และ “มันกำลังเกิดขึ้น” พร้อมระบุว่าแนวโน้มดังกล่าวจะเกิดขึ้นในสหรัฐเร็ว ๆ นี้ ก่อนที่จะขยายตัวไปยังประเทศอื่น ๆ ทั่วโลก 

ขอขอบคุณ : บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG)

จับตาตลาดทองคำไทย หลัง 2 ยักษ์ใหญ่วงการค้าทองผนึกธนาคารชั้นนำ เชื่อมต่อธุรกรรมซื้อขายทองคำ

ตลาดลงทุนทองคำไทยคึกคัก เมื่อ 2 บริษัททองคำชั้นนำในเมืองไทย ผนึก 2 ธนาคารใหญ่ เปิดการซื้อขายทองคำออนไลน์ เพื่อตอบสนองความต้องการของนักลงทุนยุคใหม่ ที่ต้องการความรวดเร็วสะดวก และปลอดภัย

เริ่มจากฝั่งของ กลุ่มบริษัท MTS Gold ได้จับมือ ธนาคารกรุงไทย เปิดซื้อขายทองคำออนไลน์แบบครบวงจร ผ่าน Krungthai Gold Wallet บนแอปฯ เป๋าตัง เริ่มให้บริการ 25 ต.ค.2564

โดยนายรวินทร์ บุญญานุสาสน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานธุรกิจตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทย ระบุว่า ธนาคารได้พัฒนา “Krungthai Gold Wallet” บนแอปฯ เป๋าตัง เพื่อเปิดโอกาสนักลงทุนทั่วไปเข้าถึงการลงทุนทองคำบริสุทธิ์ 99.99% ผ่านช่องทางออนไลน์ได้อย่างครบวงจร ตั้งแต่เปิดบัญชี เติมและแลกเงิน ซื้อและขายทองคำ โดยไม่จำเป็นต้องเดินทางไปร้านทองหรือธนาคาร ซึ่งเป็นการตอบโจทย์การลงทุนยุคใหม่ และลดภาระการเก็บรักษาทองคำของผู้ลงทุน

ทั้งนี้ การลงทุนเริ่มจากขั้นต่ำเพียง 0.1 ออนซ์ โดยราคาซื้อขายอ้างอิงตามราคาตลาดโลก บนสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ และจะเปิดให้ลงทุนในช่วงวันทำการ จันทร์-ศุกร์ ตั้งแต่เวลา 7.00 น. ถึง 02.00 น. เมื่อมีการซื้อทองคำ ทองคำจะถูกเพิ่มเข้าในวอลเล็ตทองคำที่เปิดกับร้านทองทันที และเมื่อกดขายทองจะได้รับเงินเข้าบัญชีทันทีเช่นกัน โดยไม่มีค่าใช้จ่ายหรือค่าธรรมเนียมใด ๆ

นักลงทุนสามารถซื้อขายจากราคาทองโลก โดยตัด หรือ รับเงิน ในบัญชีดอลลาร์สหรัฐฯ ได้โดยตรง ซึ่งสามารถเปิดบัญชีสกุลเงินดอลลาร์เพื่อซื้อขาย เงินดอลลาร์แบบออนไลน์ หรือ eFCD ครบวงจร ได้ทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง ถือเป็นการให้บริการ eFCD ครั้งแรกของประเทศ โดยไม่มีค่าธรรมเนียม ไม่กำหนดวงเงินขั้นต่ำ ด้วยอัตราแลกเปลี่ยนพิเศษที่ดีกว่าการแลกผ่านเคาท์เตอร์ธนาคาร

ด้าน นายณัฐพงศ์ หิรัณยศิริ ประธานฝ่ายบริหารกลุ่มบริษัท MTS Gold กล่าวว่า เชื่อว่าการเชื่อมต่อการซื้อขายทองคำผ่านแอปพลิเคชันเป๋าตัง จะเป็นการนำร่องความก้าวหน้า และความสำเร็จของอุตสาหกรรมทองคำไทย เพื่อให้เกิดความหลากหลายและความสะดวกในทุกช่องทางการลงทุน รองรับการเข้าถึงทองคำในทุกการใช้งาน ให้แก่ผู้ใช้บริการทั่วประเทศมากยิ่งขึ้น

หลังจากที่ MTS ได้เปิดตัวในการร่วมมือกับ ธนาคารกรุงไทย ได้ไม่นาน ทางกลุ่ม ฮั่วเซ่งเฮง ได้เป็นตัวเปิดตัวแอปพลิเคชัน “GOLD NOW” ซึ่งเป็นการร่วมมือกับ ธนาคารไทยพาณิชย์ โดย GOLD NOW เป็นดิจิทัลแพลตฟอร์มเพื่อการลงทุนในทองคำแท่งรูปแบบใหม่ จับกลุ่มลูกค้าซื้อขายออนไลน์ ที่ต้องการความสะดวก รวดเร็ว

โดยรูปแบบการเปิดบัญชีแบบไม่ต้องกรอกเอกสาร ผูกบัญชีได้ง่ายผ่าน SCB EASY ชำระราคาซื้อขายเต็มจำนวนได้นอกเวลาทำการธนาคาร ทำให้สามารถลงทุนได้ทุกที่ สะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย โดยไม่ต้องวางหลักประกัน และไม่มีค่าธรรมเนียม เมื่อสั่งซื้อทองคำสามารถเลือกเก็บเครดิต การซื้อ-ขายทอง เข้าพอร์ตการลงทุนในแอปฯ หรือ เลือกที่จะมารับทองคำได้ที่ “ฮั่วเซ่งเฮง” ทุกสาขา

นายธนรัชต์ พสวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มฮั่วเซ่งเฮง กล่าวว่า พฤติกรรมของลูกค้าในการลงทุนทองคำยุคปัจจุบัน และแอปพลิเคชัน “GOLD NOW” จะช่วยตอบโจทย์ความต้องการด้านการลงทุนให้กับลูกค้าที่สนใจ สามารถทำธุรกรรมทองคำได้ทุกที่ ด้วยระบบเคลียร์รายการซื้อขายอัตโนมัติแบบเรียลไทม์ มอบประสบการณ์ใหม่ที่ง่ายแค่ปลายนิ้วให้กับลูกค้า

จุดเด่นของแอปพลิเคชัน “GOLD NOW” คือ ลงทะเบียนง่ายผ่านระบบ และด้วยความแข็งแกร่งด้านระบบการชำระเงินของธนาคารไทยพาณิชย์ ช่วยให้เราสามารถเชื่อมโยงทุกธุรกรรมเข้ากับบัญชีธนาคารฯ ได้โดยตรง ผ่าน SCB EASY ลูกค้าสามารถชำระเงินในการซื้อและรับเงินจากการขายทองคำแบบเต็มจำนวน ทันทีที่มีธุรกรรม

ที่สำคัญ ลูกค้าไม่ต้องวางหลักประกัน เพื่อการส่งคำสั่ง และไม่มีค่าธรรมเนียม ทำให้ลูกค้าไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเดินทางไปที่ร้านทอง หรือธนาคาร แต่ยังสามารถมารับทองคำได้ที่ ฮั่วเซ่งเฮง ทุกสาขาตามเวลาให้บริการของแต่ละสาขาได้เลย

นายวศิน ไสยวรรณ รองผู้จัดการใหญ่อาวุโส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจ Wholesale ธนาคารไทยพาณิชย์ กล่าวว่า แอปพลิเคชัน “GOLD NOW” เป็นการยกระดับการ ซื้อ-ขาย และลงทุนในทองคำ ทำให้มีความสะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย สามารถทำได้ทุกที่ ทุกเวลา แค่มีบัญชี SCB EASY เชื่อมต่อระบบการชำระเงินผ่านการตัดบัญชีธนาคารไทยพาณิชย์ ทำให้การชำระเงินในการซื้อ-ขาย เป็นแบบเรียลไทม์ แม้จะเป็นช่วงที่สาขาร้านทองปิดให้บริการ และสามารถเลือกเก็บเครดิต การซื้อ-ขายทองเข้า พอร์ตการลงทุนในแอปฯ หรือ เลือกที่จะมารับทองคำได้ที่ “ฮั่วเซ่งเฮง” ทุกสาขา ทำให้นักลงทุนสามารถเข้าถึงการลงทุนทองคำได้ง่ายขึ้น ตอบโจทย์ความต้องการนักลงทุนยุคใหม่ได้อย่างตรงจุด”

“GOLD NOW” ดิจิทัลแพลตฟอร์มเพื่อการลงทุนในทองคำรูปแบบใหม่ เปิดให้บริการซื้อ-ขาย ทองคำ 96.5% ตั้งแต่เวลา 06.00 – 02.00 น. ทุกวันจันทร์ – ศุกร์ และเวลา 09.30 – 17.30 น. ทุกวันเสาร์ – อาทิตย์

นี่เป็นการขยับตัวของ 2 บริษัทชั้นนำ ในการซื้อขายทองคำในไทย โดยจะเห็นได้ว่า แต่ละบริษัทจะมีจุดเด่นที่แตกต่างกันไป อย่างไรก็ดี หลังจากนี้คงจะต้องมาติดตามกันว่า แล้วบริษัทอื่น ๆ จะมีการขยับตัวอย่างไร ในการนำเทคโนโลยีมาใช้รองรับกับธุรกิจการลงทุนทองคำที่ได้ปรับเปลี่ยนไป