YLG ผนึก 3 ธนาคารใหญ่ในไทย เพิ่มประสิทธิภาพ “YLG Gold Saving”

YLG Gold Saving

การเคลื่อนไหวของแวดวง การลงทุนทองคำในประเทศ ยังต้องจับตาใกล้ชิด เพราะก่อนหน้านี้ กลุ่มบริษัท MTS Gold ได้จับมือ ธนาคารกรุงไทย เปิดซื้อขายทองคำออนไลน์แบบครบวงจร ผ่าน “Krungthai Gold Wallet” บนแอปฯ เป๋าตัง ไปแล้ว ขณะที่ “ฮั่วเซ่งเฮง” ได้จับมือ “SCB” ออกแอปพลิเคชัน “GOLD NOW” เพื่อการลงทุนในทองคำแท่งรูปแบบใหม่ ( อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม ) ซึ่งรูปแบบการให้บริการทั้ง 2 บริษัท จะตอบสนองกลุ่มเป้าหมายที่ต่างกันไป

มาดูทางฝั่ง YLG กันบ้าง นางพวรรณ์ นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นเเนล จำกัด (YLG) กล่าวว่า ได้จับมือ 3 ธนาคารยักษ์ใหญ่ คือ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) และธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด เปิดบริการตัดเงินออมทองแบบออนไลน์ ผ่าน ylggoldsaving.com เพื่อหนุนบริการออมทอง 24 ชั่วโมง ซึ่งจะช่วยให้การตัดเงินมีความปลอดภัย

จุดเด่นอยู่ที่ใช้เงินลงทุนเริ่มต้นออมเพียง 100 บาท ในรูปแบบการออมสะสม ผ่านระบบออนไลน์ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ผ่านสมาร์ทโฟนหรือ ดีไวซ์ต่าง ๆ โดยผู้ออมที่สะสมทองคำไปจนครบ 1 กรัม ขึ้นไป สามารถเลือกได้ว่าจะไถ่ถอนนำทองคำกลับไป หรือ ถอนเป็นเงินสด หรือ จะออมต่อเนื่อง

ขั้นตอนการสมัครผ่านช่องทางออนไลน์ง่าย ๆ เพียงเปิดบัญชีออมทองที่ ylggoldsaving.com ใช้เอกสารเปิดบัญชีเพียง 3 อย่าง ประกอบด้วย บัตรประจำตัวประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน และ หน้าสมุดบัญชีเงินฝาก เมื่อสมัครเปิดบัญชีพร้อมแนบไฟล์เอกสารและถ่ายรูปคู่บัตรประชาชนเรียบร้อยแล้ว สามารถเริ่มต้นการออมทองได้ทันที

โดยเลือกออมได้ 2 รูปแบบ รูปแบบแรก การออมทอง แบบรายวัน เริ่มเพียง 100 บาท หรือ หากต้องการถอนก็สามารถถอนได้ตั้งแต่ 100 บาท เช่นกัน นอกจากนั้น ยังสามารถกดออมในระบบด้วยตนเอง ตามวัน เวลา ที่สะดวก โดยไม่จำเป็นต้องออมทองทุกวัน

ส่วนรูปแบบที่ 2 คือ การออมทองแบบรายเดือน เริ่มต้น 1,000 บาทต่อเดือน ในรูปแบบ ของการหักผ่านบัญชีอัตโนมัติ ซึ่งสามารถกำหนดวันตัดรอบบิลได้ด้วยตนเอง และยังสามารถกดออมทองรายวันเพิ่มได้เช่นกัน นอกจากนั้น การถอนเงินจากระบบออมทอง จะไม่เสียค่าธรรมเนียมใด ๆ ในการทำธุรกรรม เมื่อถอนเงินขั้นต่ำ 3,000 บาท ขึ้นไป

YLG ได้ร่วมดำเนินงานกับทั้ง 3 ธนาคารเข้าสู่ปีที่ 3 ช่วยสร้างความมั่นใจให้กับผู้ออมทองได้มากขึ้น เห็นได้จากพอร์ตลูกค้าออมทองของ วายแอลจี ที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง

อีกทั้งยังเป็นบริการที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนในยุคปัจจุบัน ที่ใช้สมาร์ทโฟนเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน และต้องการความสะดวกรวดเร็วในการทำธุรกรรมผ่านระบบออนไลน์ ที่ไม่ต้องมีขั้นตอนการยื่นเอกสาร สามารถทำธุรกรรมซื้อ-ขาย ตัดเงินผ่านธนาคารได้ทุกที่ ทุกเวลา โดยไม่มีค่าธรรมเนียม

ทั้งนี้ จุดเด่นของการออมทองกับ วายแอลจี คือ มีบริการออมทองคำให้เลือกทั้ง 96.5% และ 99.99% โดยไม่ต้องวางเงินประกันในการซื้อขาย สามารถซื้อ-ขาย ได้ตลอดเวลา 24 ชั่วโมง ทั้ง 7 วัน ไม่เว้นวันเสาร์-อาทิตย์ ด้วยราคาทองคำที่เคลื่อนไหวแบบเรียลไทม์

อีกทั้งสามารถตั้งทำรายการล่วงหน้าได้อีกด้วย และในกรณีที่ผู้ออมทำการออมจนครบ 1 กรัม ขึ้นไป และต้องการไถ่ถอน สามารถไถ่ถอนทองคำได้โดยสามารถเลือกมารับด้วยตนเอง หรือเลือกบริการส่งทองให้ถึงที่บ้านทางไปรษณีย์ หรือ สามารถเลือกรับเป็นเงินสดก็ได้

InterGOLD ชี้ “stagflation” หนุนทองคำ เป้าระยะสั้น $1,825

นายธีรรัฐ จุฑาวรากุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินเตอร์โกลด์ โกลด์เทรด จำกัด

ในช่วงสัปดาห์นี้ ต่อเนื่องสัปดาห์หน้า ถือเป็นอีกหนึ่งช่วงสำคัญของตลาดทองคำ เพราะจะมีการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FOMC)

ซึ่งประเด็นที่หลายฝ่ายจับตามอง ก็คือ รายละเอียดการปรับลด QE (QE Tapering) ก่อนจะตามมาด้วยการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ในปี 2022 ซึ่งที่ผ่านมาเมื่อมีการลด QE และ เตรียมขึ้นดอกเบี้ย จะทำให้ราคาทองคำลดลงอย่างมาก

แต่ผมกลับมองว่า การลด QE ประชุม FOMC ในช่วงต้นเดือน พ.ย. จะไม่ส่งผลต่อราคาทองคำมากนัก เพราะที่ผ่านมาตลาดรับข่าวไปหมดแล้ว ไม่น่าจะเหลือประเด็นให้มากดดันราคาทองคำ ในทางกลับกันมองว่า หลังการประชุมราคาทองคำอาจจะขยับเพิ่มขึ้น ซึ่งจะต้องดูรายละเอียดว่า ที่ประชุมได้คาดการณ์เรื่องการขยายตัวของเศรษฐกิจอย่างไรบ้าง เพราะในช่วงหลังเรื่องของตัวเลขเงินเฟ้อค่อนข้างจะแรง สวนทางกับการเติบโตของเศรษฐกิจ ทำให้หลายฝ่ายกังวลเรื่องของ stagflation ซึ่งถือว่าเป็นปัจจัยหนุนราคาทองคำ

คุณ ธีรรัฐ จุฑาวรากุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินเตอร์โกลด์ โกลด์เทรด จำกัด กล่าวกับ GoldAround.com

ทั้งนี้ ในระยะสั้นมองว่า ราคาทองคำยังวิ่ง sideway จนกว่าประชุม FOMC จะเสร็จสิ้น หากราคาสามารถทะลุ $1,813 ไปได้ คาดว่าจะมีโอกาสไปถึง $1,825 หลังจากนั้น จะไปได้ไกลมากน้อยแค่ไหน ยังยากที่จะประเมิน ขอรอดูรายละเอียดจากการประชุม FOMC ก่อน

อย่างไรก็ดี มองว่าในสภาวะเช่นนี้ ฝั่งซื้อยังได้เปรียบ โดยเฉพาะราคาทองคำในประเทศ ที่ได้ค่าเงินบาทอ่อนค่าหนุน โดยราคาทองคำในประเทศอาจขึ้นไปแตะบาทละ 28,600 บาท หรือมากกว่านั้น หากราคา gold spot ไปถึง $1,825 ได้

กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินเตอร์โกลด์ โกลด์เทรด จำกัด กล่าวเพิ่มเติมว่า การเคลื่อนไหวของราคาทองคำในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ได้ขยับ sideway กินระยะเวลานานเกินไป ซึ่งผิดวิสัยของราคาทองคำ

โดยมองว่า เป็นการยื้อกันระหว่างกลุ่มนักลงทุนที่มองว่า การปรับตัวขึ้นของทองคำในรอบนี้ได้จบลงแล้ว หลังปัญหาเรื่องการแพร่ระบาดของ โควิด-19 ได้ลดลง และมีการเปิดประเทศมากขึ้น ทำให้เศรษฐกิจกลับมาฟื้นตัว ซึ่งสถานการณ์ในลักษณะนี้ จะกดดันราคาทองคำ และนักลงทุนจะหันไปถือดอลลาร์แทน

แต่นักลงทุนอีกกลุ่มกลับมองว่า อัตราเงินเฟ้อยังอยู่ในระดับสูง และเศรษฐกิจไม่ได้ฟื้นตัวและเติบโตจริง ซึ่งจะเข้าสู่สภาวะ stagflation ทำให้เศรษฐกิจถดถอย และกระแส stagflation ได้ขยายเป็นวงกว้างหลายประเทศทั่วโลกกำลังเผชิญ

และมองว่าการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นจากการแพร่ระบาดของ โควิด-19 ยังต้องใช้เวลาแก้ไขอีกหลายปี โดยเฉพาะเรื่องของหนี้สินที่เพิ่มขึ้นมหาศาล ทำให้เรื่องเหล่านี้จะหนุนให้ราคาทองคำขยายตัวเพิ่มมากขึ้น

“ส่วนที่หลายคนกังวลว่า เมื่อตัวเลขเงินเฟ้อสูง จะทำให้เฟดเร่งการปรับขึ้นดอกเบี้ย ซึ่งเป็นเรื่องที่กดดันราคาทองคำ แต่ต้องมาดูว่าตัวเลขของอัตราดอกเบี้ยที่ปรับขึ้น จะชนะตัวเลขเงินเฟ้อหรือไม่ หรือ จะใกล้เคียงกับเงินเฟ้อหรือไม่ ถ้าเป็นเช่นนั้น จะทำให้ราคาทองคำร่วงลง แต่หากมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแต่ไม่มาก อาจจะปรับเพื่อเป็นเชิงสัญลักษณ์ ก็จะทำให้ไม่กระทบราคาทองคำมากนัก” คุณ ธีรรัฐ จุฑาวรากุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินเตอร์โกลด์ โกลด์เทรด จำกัด กล่าวกับ GoldAround.com

ที่ผ่านมา ได้ฟังการให้สัมภาษณ์ของ นางเจเน็ต เยลเลน รมว.คลังสหรัฐฯ ได้ส่งสัญญาณว่า สามารถคุมเงินเฟ้อได้ เพราะไม่อยากจะให้เฟดปรับขึ้นดอกเบี้ย เนื่องจากจะส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ รวมถึงจะส่งผลต่อเพดานหนี้ของรัฐบาล ดังนั้น หากเฟดขยับขึ้นดอกเบี้ยได้ไม่มาก ยังมองว่าทองคำจะได้อานิสงค์จากจุดนี้

ขอขอบคุณ : บริษัท อินเตอร์โกลด์ โกลด์เทรด จำกัด

Inter Gold
Inter Gold

SPDR ซื้อทองคำอีก – Haywood Securities ปรับราคาเฉลี่ยทองคำปีนี้เหลือ $1,800

photo by Zlaťáky.cz | pexels.com

หลังจากที่เมื่อวานนี้ SPDR ได้กลับมาซื้อทองคำ หลังไม่ได้ซื้อมาเดือนเศษ ๆ ( อ่านข่าว ความเคลื่อนไหว SPDR ก่อนหน้านี้ )

เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ( 28 ต.ค.) SPDR GOLD SHARES กองทุนทองคำแท่งที่ใหญ่ที่สุดในโลก ได้ซื้อทองคำต่อเนื่อง โดยเช้านี้กวาดเข้าเพิ่ม 3.20 ตัน ที่ราคา 1,796.50 ดอลลาร์

ทำให้ในเดือน ตุลาคม SPDR เหลือยอดติดลบประมาณ 7 ตัน แต่ปีนี้ยังติดลบ 187.73 ตัน เหลือถือครองทองคำ 983.01 ตัน

ด้าน Haywood Securities บริษัทจัดการลงทุน ประเมินว่า ภาพรวมตลาดทองคำ ระยะสั้นยังคงอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น แต่ระยะยาวจำเป็นที่จะต้องก้าวข้ามผ่านช่วงของการปรับฐานในช่วงนี้ไปก่อน ในระยะสั้นราคาทองคำจะเผชิญกับการแข็งค่าของดอลลาร์ และการขยับตัวขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตร ที่มีแรงหนุนมาจากความคาดหวังของการปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้น

อย่างไรก็ตาม ทองคำยังมีแรงบวกจากการชะลอตัวของอัตราการเติบโตเศรษฐกิจ และการพุ่งขึ้นของอัตราเงินเฟ้อ ที่ยังอาจนำไปสู่ภาวะ Stagflation

Haywood Securities คาดว่าปีนี้ ราคาเฉลี่ยทองคำจะอยู่ที่ประมาณ $1,800 ลดลงจากที่คาดการณ์ก่อนหน้าที่ระดับ $1,815 นอกจากนั้น ได้ปรับลดค่าเฉลี่ยปีจาก $1,900 เหลือ $1,850 แต่ขยับตัวเลขของปี 2023 จาก $1,800 ขึ้นไปเป็น $1,900

หมายเหตุ : เนื้อหาข้างต้นมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ข้อมูลเท่านั้น ไม่ใช่การชักชวนให้ ซื้อ-ขาย หรือ ลงทุน หรือ เป็นเครื่องมือทางการเงินอื่น ๆ และอาจจะไม่สะท้อนถึงความเห็นของ GoldAround.com ทั้งนี้ ทีมงานไม่ยอมรับความผิดในความสูญเสีย และ หรือ ความเสียหาย ที่เกิดจากการใช้ข้อมูลข้างต้น

บทวิเคราะห์ราคาทองคำ 28 ต.ค.64 by HGF

ฮั่วเซ่งเฮง

ทองคำปรับขึ้น เงินดอลลาร์อ่อนค่าลงBond yield สหรัฐลดลง

วันนี้ติดตามจีดีพีสหรัฐไตรมาส 3การประชุมธนาคารกลางยุโรป

ราคาทองคำคาดจะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,780-1,813 ดอลลาร์

  • ราคาทองคำ Spot เมื่อวานปรับขึ้นเข้าใกล้แนวต้าน 1,800 ดอลลาร์โดยได้ปัจจัยหนุนจากเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงและอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐปรับตัวลง ซึ่งอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐอายุ 10 ปีลดลงสู่ระดับต่ำกว่า 1.6% โดยสหรัฐเปิดเผยยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนก.ย.ลดลง 0.4%ต่ำกว่าตลาดคาดจะลดลง 1.1% หลังจากเพิ่มขึ้น 1.8% ในเดือนส.ค. ทางด้านกองทุน SPDRGold Trust ซื้อทองคำต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 โดยซื้อทองคำ 3.20ตันเมื่อวาน
  • วันนี้ติดตามจีดีพีไตรมาส 3 ของสหรัฐ การประชุมธนาคารกลางยุโรป และการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่นซึ่งตลาดคาดการณ์ว่าจีดีพีไตรมาส 3 ของสหรัฐจะเติบโต 2.8% เติบโตในอัตราที่ชะลอตัวลงหลังจากที่ไตรมาส 2 เติบโต 6.7% ส่วนการประชุมธนาคารกลางยุโรปคาดการณ์ว่ามีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 0% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ แต่ต้องติดตามว่าจะส่งสัญญาณคุมเข้มนโยบายการเงินทั้งการปรับลดวงเงินซื้อพันธบัตรในโครงการ PEPP และปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหรือไม่
  • แนวโน้มราคาทองคำ Spot คาดจะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,780-1,813 ดอลลาร์ซึ่งคาดทองคำมีปัจจัยหนุนจากจีดีพีไตรมาส 3 ของสหรัฐคาดจะเติบโตในอัตราที่ชะลอตัวลง ระยะสั้นทองคำมีแนวต้าน 1,800ดอลลาร์และ 1,813 ดอลลาร์ ส่วนแนวรับอยู่ที่ 1,780 ดอลลาร์และแนวรับ 1,770 ดอลลาร์

ราคาทองตลาดโลก

Closechg.SupportResistance
1,795.70+3.11,780/1,7701,800/1,813

ราคาทองแท่ง 96.5%

Closechg.SupportResistance
28,200-5028,050/27,95028,350/28,450

โกลด์ฟิวเจอร์ส

ClosechgSupportResistance
28,410+6028,230/28,08028,530/28,650

สำหรับนักลงทุนที่ซื้อไว้แนะนำขายทำกำไรที่ราคาทอง Spot1,813 ดอลลาร์ (GF 28,530 บาท) การเข้าซื้อเก็งกำไรระยะสั้นแนะนำเมื่อราคาทอง Spot ปรับลงมาที่ 1,780 ดอลลาร์ (GF 28,230บาท) โดยมีจุดขายตัดขาดทุนที่ 1,770 ดอลลาร์ (GF28,080บาท)

โกลด์ออนไลน์ฟิวเจอร์

ClosechgSupportResistance
1,800.20+10.201,782/1,7721,802/1,815

สำหรับนักลงทุนที่ซื้อไว้แนะนำขายทำกำไรที่ราคา GOZ211,815 ดอลลาร์การเข้าซื้อเก็งกำไรระยะสั้นแนะนำเมื่อราคา GOZ21 ปรับลงมาที่ 1,782 ดอลลาร์โดยมีจุดขายตัดขาดทุนที่ 1,772 ดอลลาร์

ค่าเงิน

ทิศทางเงินบาทในวันนี้คาดจะทรงตัว โดยมีปัจจัยกดดันจากเม็ดเงินจากนักลงทุนต่างประเทศที่ไหลออกจากตลาดหุ้นไทยทั้งนี้เงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ จากข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่อ่อนแอโดยสหรัฐเปิดเผยยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐเดือนก.ย.ลดลง 0.4%ขณะที่นักลงทุนจับตาการประชุมของธนาคารกลางต่างๆ โดยธนาคารกลางญี่ปุ่นและธนาคารกลางยุโรปจะจัดการประชุมในวันนี้โดยUSD Futures เดือนธ.ค.2564 คาดจะมีแนวรับที่ 33.10 บาท/ดอลลาร์ ขณะที่มีแนวต้าน33.40บาท/ดอลลาร์

News

ตลาดการเงินต่างประเทศ: ดอลล์อ่อนค่าจับตาข้อมูลศก.-ประชุมแบงก์ชาติทั่วโลก

ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนที่ผ่านมา (27 ต.ค.) ขณะที่นักลงทุนจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางหลายแห่งทั่วโลกรวมทั้งข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐเช่นตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 3   ดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงินลดลง 0.14% แตะที่ 93.8082 เมื่อคืนนี้

ตลาดโลหะมีค่าต่างประเทศ : ทองปิดบวก $5.4 ดอลล์อ่อน-บอนด์ยีลด์ร่วงหนุนแรงซื้อ

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนที่ผ่านมา (27 ต.ค.) โดยได้ปัจจัยหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์และการปรับตัวลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐรวมทั้งการที่นักลงทุนเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัยหลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ทั้งนี้สัญญาทองคำตลาดCOMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 5.4 ดอลลาร์หรือ 0.3% ปิดที่ 1,798.8 ดอลลาร์/ออนซ์สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 10.3 เซนต์หรือ 0.43% ปิดที่ 24.191 ดอลลาร์/ออนซ์

ตลาดน้ำมันดิบต่างประเทศ :น้ำมันWTI ปิดร่วง 1.99 ดอลล์วิตกสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐพุ่ง

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 2% เมื่อคืนที่ผ่านมา (27 ต.ค.) หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่าสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐพุ่งขึ้นกว่า 4 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้วซึ่งสวนทางกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาการประชุมของกลุ่มโอเปกพลัสในวันที่ 4 พ.ย.นี้ทั้งนี้สัญญาน้ำมันดิบWTI ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 1.99 ดอลลาร์หรือ 2.4% ปิดที่ 82.66 ดอลลาร์/บาร์เรลสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 1.82 ดอลลาร์หรือ 2.1% ปิดที่ 84.58 ดอลลาร์/บาร์เรลสัญญาน้ำมันดิบร่วงลงหลังจากรายงานของEIA ระบุว่าสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐเพิ่มขึ้น 4.3 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้วสวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 100,000 บาร์เรล

ตลาดหุ้นต่างประเทศ :ดาวโจนส์ปิดร่วง 266.19 จุดหลังหุ้นพลังงาน-หุ้นแบงก์ดิ่งหนัก

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนที่ผ่านมา (27 ต.ค.) โดยได้รับแรงกดดันจากการดิ่งลงของหุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มธนาคารอย่างไรก็ดีดัชนีNasdaqปิดทรงตัวหลังจากบริษัทอัลฟาเบทและไมโครซอฟท์เปิดเผยผลประกอบการที่ดีเกินคาดขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐในสัปดาห์นี้ซึ่งรวมถึงตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 3     ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 35,490.69 จุดลดลง 266.19 จุดหรือ -0.74%, ดัชนีS&P500 ปิดที่ 4,551.68 จุดลดลง 23.11 จุดหรือ -0.51% และดัชนีNasdaqปิดที่ 15,235.84 จุดเพิ่มขึ้น 0.12 จุดหรือ 0.00%

ผู้บริหารติ๊กต็อกสหรัฐย้ำไม่เผยข้อมูลให้รัฐบาลจีนหลังถูกคองเกรสไล่บี้

นายไมเคิลเบ็คเคอร์แมนหัวหน้าฝ่ายนโยบายสาธารณะประจำอเมริกาของติ๊กต็อก (TikTok) แอปพลิเคชันวิดีโอสั้นของบริษัทไบต์แดนซ์ (ByteDance) ได้เข้าพบสภาคองเกรสของสหรัฐเป็นครั้งแรกเมื่อวานนี้ (26 ต.ค.) โดยถูกตั้งคำถามอย่างหนักในประเด็นการแชร์ข้อมูลให้กับรัฐบาลจีนทั้งนี้นายเบ็คเคอร์แมนเป็นผู้บริหารคนแรกของติ๊กต็อกที่ถูกสภาคองเกรสของสหรัฐไต่สวนโดยเขาได้ยืนยันต่อคณะอนุกรรมาธิการในสังกัดคณะกรรมการด้านการค้าของวุฒิสภาว่าติ๊กต็อกไม่ได้ให้ข้อมูลกับรัฐบาลจีนและได้ดำเนินการเพื่อสร้างความปลอดภัยให้กับข้อมูลของผู้ใช้งานในสหรัฐโดยกรรมการจากพรรครีพับลิกันได้ย้ำถามนายเบ็คเคอร์แมนในประเด็นเกี่ยวกับความกังวลในการดูแลข้อมูลผู้ใช้งานแอปพลิเคชันของติ๊กต็อกนายเบ็คเคอร์แมนได้ตอบคำถามของนายเท็ดครูซวุฒิสมาชิกของพรรครีพับลิกันโดยระบุว่า “ติ๊กต็อกไม่มีความเชื่อมโยงกับบริษัทไบต์แดนซ์เทคโนโลยีซึ่งรัฐบาลจีนถือหุ้นอยู่และมีตำแหน่งในคณะกรรมการบริหารปีนี้” นอกจากนี้เขายังยืนยันว่าข้อมูลของผู้ใช้งานติ๊กต็อกในสหรัฐนั้นเก็บไว้ที่สหรัฐและมีการสำรองข้อมูลไว้ที่สิงคโปร์ทั้งนี้วุฒิสมาชิกได้แสดงความกังวลว่าติ๊กต็อกรวมถึงยูทูบและสแนปแชทใช้อัลกอริทึมที่เป็นอันตรายต่อผู้ใช้ที่เป็นเยาวชนทางด้านมาร์ชาแบลคเบิร์นวุฒิสมาชิกพรรครีพับลิกันและเป็นหนึ่งในคณะกรรมการระดับสูงชุดดังกล่าวระบุว่าเธอเองก็กังวลเกี่ยวกับการเก็บข้อมูลของติ๊กต็อกรวมถึงข้อมูลเสียงและตำแหน่งที่ตั้งของผู้ใช้งานตลอดจนความเป็นไปได้ที่รัฐบาลจีนจะเข้าถึงข้อมูลเหล่านี้โดยเธอได้ถามนายเบ็คเคอร์แมนว่าติ๊กต็อกจะคัดค้านหรือไม่หากรัฐบาลจีนขอให้เปิดเผยข้อมูลผู้ใช้งานขณะที่นายเบ็คเคอร์แมนตอบว่า “เราจะไม่ให้ข้อมูลกับรัฐบาลจีน”

“ไบเดน” เตรียมร่วมประชุมสุดยอดG20มุ่งถกราคาพลังงาน-วิกฤตซัพพลายเชน

นายเจคซัลลิแวนที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐเปิดเผยว่าประธานาธิบดีโจไบเดนของสหรัฐเตรียมเข้าร่วมการประชุมสุดยอดผู้นำกลุ่มG20ที่ยุโรปในสัปดาห์นี้เพื่อหารือเกี่ยวกับราคาพลังงานโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่านและวิกฤตห่วงโซ่อุปทานโดยไบเดนได้ส่งสัญญาณว่าจะกลับมาร่วมมือกับพันธมิตรอีกครั้งหลังจากอดีตปธน.โดนัลด์ทรัมป์ใช้นโยบายอเมริกาต้องมาก่อนนอกจากนี้ปธน.ไบเดนจะพยายามสร้างความคืบหน้าเกี่ยวกับการเรียกเก็บอัตราภาษีขั้นต่ำเท่ากันทั่วโลกในระหว่างการประชุมสุดยอดครั้งนี้รายงานระบุว่าปธน.ไบเดนเตรียมเดินทางไปยังอิตาลีในวันพฤหัสบดีนี้และมีกำหนดการเข้าพบสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสที่นครวาติกันในวันศุกร์ก่อนเริ่มการประชุมสุดยอดกับผู้นำกลุ่มG20และจะเดินทางต่อไปยังเมืองกลาสโกลว์ประเทศสกอตแลนด์เพื่อเข้าร่วมการประชุมสุดยอดด้านสภาพอากาศCOP26ของสหประชาชาติ (UN)

ที่ปรึกษาFDA สหรัฐลงมติหนุนฉีดวัคซีนโควิดของไฟเซอร์-ไบออนเทคแก่เด็ก5-11ปี

คณะผู้เชี่ยวชาญได้ลงมติอย่างท่วมท้นเมื่อวานนี้ (26ต.ค.) เพื่อแนะนำให้สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (FDA) ของสหรัฐอนุมัติการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19ของบริษัทไฟเซอร์อิงค์และไบออนเทคเอสอีให้แก่เด็กอายุ5-11ปีโดยชี้ว่าการฉีดวัคซีนในเด็กมีประโยชน์มากกว่าความเสี่ยงมติอนุมัติดังกล่าวจะเป็นก้าวสำคัญในด้านการกำกับดูแลที่จะช่วยให้เด็กจำนวน28ล้านคนซึ่งส่วนใหญ่กลับไปเรียนหนังสือที่โรงเรียนอีกครั้งได้รับวัคซีนทั้งนี้FDA มักจะดำเนินการตามคำแนะนำของคณะผู้เชี่ยวชาญนอกหน่วยงานแม้จะไม่มีข้อผูกมัดให้ต้องทำก็ตามหากFDA อนุมัติการฉีดวัคซีนสำหรับเด็กอายุ5-11ปีคณะที่ปรึกษาของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) ของสหรัฐจะประชุมกันในสัปดาห์หน้าเพื่อให้คำแนะนำเกี่ยวกับการฉีดวัคซีนโดยผู้อำนวยการของCDC จะเป็นผู้ตัดสินชี้ขาด

ขอขอบคุณ  : บริษัท ฮั่วเซ่งเฮง โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด(HGF)

บทวิเคราะห์ราคาทองคำ 28 ต.ค.64 by TDC

TDC GOLD

ตลาดหุ้นปรับตัวลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 4 วันทำการ ขณะที่กลุ่มเทคโนโลยียังปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นนำโดย Alphabet และ Microsoft หลังจากประกาศผลประกอบการออกมาดีกว่าที่ตลาดคาดการณ์ ปัจจุบันบริษัทจดทะเบียนใน S&P500 ประกาศผลประกอบการออกมาแล้วกว่า 38% ซึ่งส่วนใหญ่แล้วยังดีกว่าที่ตลาดคาดการณ์กัน ทั้งนี้ค่าเงินดอลลาร์ยังส่งสัญญาณแข็งค่าต่อ ขณะที่ Bond yield อายุ 10 ปีทรงตัวอยู่ระดับ 1.5%ด้วยทิศทางที่ยังไม่ชัดเจน ส่งผลให้ทองคำยังคงแกว่งตัวในกรอบใกล้เคียง $1800

อขอบคุณ บริษัท ที.ดี.ซี. โกลด์ จำกัด

บทวิเคราะห์ราคาทองคำ 28 ต.ค.64 by GT

GT GOLD BULLION

Fundamental

  • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯดิ่งลงทุกช่วงอายุหลังสถานการณ์จีนกับสหรัฐฯเริ่มตึงเครียดขึ้นอีกครั้ง ซึ่งเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าช่วยให้ทองคำดีดขึ้นเล็กน้อย
  • ราคาน้ำมันดิบดิ่งแรงกว่า 2% เมื่อคืนนี้ หลังอุปทานมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นทันทีที่อิหร่านไม่ถูกชาติพันธมิตรตะวันตกของสหรัฐฯคว่ำบาตรอีก ซึ่งจะทำให้กลับมาผลิตน้ำมันเพื่อส่งออกได้ นอกจากนี้ การพุ่งขึ้นของสต๊อกน้ำมันสหรัฐฯก็ช่วยกดดันราคาน้ำมันอีกทางหนึ่ง

Technical

  • รูปซ้ายแรงซื้อดันให้ราคากลับขึ้นมาใกล้1,800 แต่ทิศทางในระยะสั้นยังดูอ่อนแอ อย่างไรก็ตาม การที่เส้น MA ยกตัวขึ้น ก็ถือเป็นสัญญาณเชิงบวกต่อขาขึ้น
  • รูปขวาราคาขึ้นพ้น 1,795 แล้วใช้เส้น MA รองเป็นแนวพัก ทำให้มีโอกาสจะขึ้นทดสอบ 1,800 ได้อีกครั้ง แต่ยังคงมองว่าในระยะสั้นไม่น่าจะยืนเหนือ 1,800 ได้
  • ทิศทางวันนี้ไร้ทิศทาง
  • จับจังหวะเล่นยังไง?wait & seeรอเล่นสวนทางในจังหวะที่มีสัญญาณกลับตัวระยะสั้น ยังเน้นจบในวัน

Attention

  • 28 ต.ค.จับตา ECB จะลด QE และเปรยแผนปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายตาม Fed หรือไม่
  • 28 ต.ค.  คาด GDP สหรัฐฯไตรมาส 3 โตชะลอลงมาก
  • หลายประเทศกำลังประสบปัญหาขาดแคลนพลังงาน ดันให้ราคาโภคภัณฑ์สำคัญที่เกี่ยวข้องขึ้นสูงต่อเนื่อง ทำให้เกิดความกังวลเรื่องภาวะเงินเฟ้อจะเป็นปัจจัยสำคัญที่กดดันการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกในปีหน้า

ขอขอบคุณ : บริษัท จีที โกลด์ บูลเลี่ยน จำกัด

บทวิเคราะห์ราคาทองคำ 28 ต.ค.64 by GCAP

GCAP GOLD

แนวโน้มราคาทองคำช่วงเช้า

ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (27 ต.ค.) ขณะที่นักลงทุนจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางหลายแห่งทั่วโลก รวมทั้งข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐ เช่น ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 3

มุมมองทองคำภาคเช้า  ทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (27 ต.ค.) โดยได้ปัจจัยหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์และการปรับตัวลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ รวมทั้งการที่นักลงทุนเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัยหลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่ย่ำแย่

นักลงทุนจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางญี่ปุ่นและธนาคารกลางยุโรปในวันพฤหัสบดีนี้ ขณะที่ธนาคารกลางสหรัฐจะจัดการประชุมในที่ 2-3 พ.ย. 

นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ GDP  จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงาน  ยอดขายบ้านที่รอปิดการขาย  ดัชนีภาคการผลิต เฟด สาขาแคนซัส  ดัชนีต้นทุนค่าจ้างแรงงาน  ดัชนีราคาด้านการบริโภคส่วนบุคคล  ดัชนีราคาการใช้จ่ายด้านการบริโภคพื้นฐานส่วนบุคคล  ดัชนีจัดซื้อจัดจ้างเฟด ชิคาโก  ความเชื่อมั่นผู้บริโภค ม.มิชิแกน เป็นต้น  

สรุปภาวะแลกเปลี่ยนเงินตรา

ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (27 ต.ค.) ขณะที่นักลงทุนจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางหลายแห่งทั่วโลก รวมทั้งข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐ เช่น ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 3 

แนะแนวทางการลงทุน

แนวรับ 1,783-  1,779- 1,774

แนวต้าน  1,806–1,810– 1,815

ทองคำปิดบวกโดยได้ปัจจัยหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์และการปรับตัวลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ นักลงทุนเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัยหลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่ย่ำแย่  หนุนทองคำขยับตัวขึ้น  นักลงทุนยังสามารถรอเข้าซื้อเมื่อราคาอ่อนตัวลง เล่นเก็งกำไรระยะสั้น

ขอขอบคุณ : บริษัท จีแคป จำกัด

บทวิเคราะห์ราคาทองคำ 28 ต.ค.64 by YLG

คำแนะนำ :

สามารถถือทองคำต่อได้หากราคาไม่หลุดแนวรับ 1,784ดอลลาร์ต่อออนซ์ และไปรอลุ้นขายทำกำไรบริเวณแนวต้าน 1,804-1,809ดอลลาร์ต่อออนซ์

แนวรับ : 1,784 1,772 1,760  แนวต้าน : 1,809 1,819 1,833

สรุป  

ราคาทองคำวานนี้ปิดปรับตัวเพิ่มขึ้น  3.10 ดอลลาร์ต่อออนซ์  แม้ระหว่างวันราคาทองคำจะอ่อนตัวลงทดสอบระดับต่ำสุดบริเวณ 1,783.30 ดอลลาร์ต่อออนซ์  แต่ท้ายที่สุดแล้วราคาทองคำฟื้นตัวได้อย่างแข็งแกร่ง  โดยได้รับแรงหนุนจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีที่ร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 2 สัปดาห์ที่ 1.5186% จากแรงซื้อพันธบัตรระยะยาวในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย  ท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับความตึงเครียดจีน-สหรัฐรอบใหม่  หลังคณะกรรมการด้านการสื่อสารของสหรัฐประกาศถอนใบอนุญาตประกอบธุรกิจในสหรัฐฯ ของ บริษัท ไชน่า เทเลคอม เป็นบริษัทโทรคมนาคมที่รัฐบาลจีนเป็นเจ้าของ  นอกจากนี้ตลาดยังเกิดความวิตกว่าธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) อาจดำเนินนโยบายผิดพลาด(Policy Error) ทั้งในแง่ที่ว่าเฟดอาจขึ้นดอกเบี้ยช้าไป หรือ อาจขึ้นดอกเบี้ยมากและเร็วเกินไปซึ่งจะส่งผลให้การเติบโตทางเศรษฐกิจในระยะยาวชะลอตัวลง  ประกอบกับดีมานด์ในการประมูลพันธบัตรอายุ 5 ปีเป็นไปอย่างแข็งแกร่งกดบอนด์ยีลด์เพิ่ม  อีกหนึ่งปัจจัยหนุนทองคำ  คือ  ดัชนีดอลลาร์ อ่อนค่าลง 0.11% หลังจากล่าสุดธนาคารกลางแคนาดาส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้  ตอกย้ำแนวโน้มที่ธนาคารกลางหลายแห่งทั่วโลกอาจคุมเข้มนโยบายการเงินเร็วกว่าสหรัฐ  สถานการณ์ดังกล่าวหนุนให้ทองคำพุ่งแตะระดับสูงสุดบริเวณ 1,798.99 ดอลลาร์ต่อออนซ์  ด้านกองทุน SPDR ถือครองทองเพิ่ม +3.20 ตัน  สำหรับวันนี้ติดตามผลการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BoJ) และธนาคารกลางยุโรป(ECB) รวมไปถึงการเปิดเผยประมาณการครั้งแรก GDP ไตรมาส 3/2021, จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน และยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขายของสหรัฐ

ข่าวสารประกอบการลงทุน :

  • (+) ดาวโจนส์ปิดร่วง 266.19 จุด หลังหุ้นพลังงาน-หุ้นแบงก์ดิ่งหนักดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (27 ต.ค.) โดยได้รับแรงกดดันจากการดิ่งลงของหุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มธนาคาร อย่างไรก็ดี ดัชนี Nasdaq ปิดทรงตัว หลังจากบริษัทอัลฟาเบทและไมโครซอฟท์เปิดเผยผลประกอบการที่ดีเกินคาด ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 3  ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 35,490.69 จุด ลดลง 266.19 จุด หรือ -0.74%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,551.68 จุด ลดลง 23.11 จุด หรือ -0.51% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 15,235.84 จุด เพิ่มขึ้น 0.12 จุด หรือ 0.00%
  • (+) สหรัฐเผยขาดดุลการค้าสูงเป็นประวัติการณ์ในเดือนก.ย.กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยในวันนี้ว่า ตัวเลขประมาณการเบื้องต้นของการขาดดุลการค้าสหรัฐพุ่งขึ้น 9.2% สู่ระดับ 9.63 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนก.ย. ซึ่งเป็นระดับสูงเป็นประวัติการณ์ และสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 8.79 หมื่นล้านดอลลาร์ 
  • (+) กูรูคาดบิตคอยน์ลงต่อ หลังทรุดใกล้หลุด $58,000 ต่ำกว่า 2,000,000 บาท บิตคอยน์ทรุดตัวลงใกล้หลุดระดับ 58,000 ดอลลาร์ในวันนี้ โดยปรับตัวลงต่ำกว่า 2,000,000 บาท ขณะที่นักลงทุนพากันเทขายทำกำไร หลังพุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ก่อนหน้านี้  บิตคอยน์ดิ่งลงแตะระดับ 58,100 ดอลลาร์ในวันนี้ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 15 ต.ค. และทรุดตัวลง 13% จากระดับ 67,016 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดตลอดกาลที่ทำไว้เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว  การร่วงลงในวันนี้ ส่งผลให้มูลค่าตลาดของบิตคอยน์ลดลงสู่ระดับ 1.11 ล้านล้านดอลลาร์  อย่างไรก็ดี แม้ว่าจะดิ่งลงอย่างหนัก บิตคอยน์ยังคง ทะยานขึ้น 35% นับตั้งแต่ต้นเดือนต.ค. และมีแนวโน้มทำสถิติปรับตัวดีที่สุดในเดือนนี้นับตั้งแต่เดือนก.พ.  นักวิเคราะห์ระบุว่า ปัจจัยทางเทคนิคบ่งชี้ว่า บิตคอยน์ถึงเวลาปรับฐานแล้ว และมีแนวโน้มในช่วงขาลง โดยจะทดสอบแนวรับที่ระดับ 54,000 ดอลลาร์ และการร่วงลงอาจรุนแรง
  • (+) ดอลล์อ่อนค่า จับตาข้อมูลศก.-ประชุมแบงก์ชาติทั่วโลกดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (27 ต.ค.) ขณะที่นักลงทุนจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางหลายแห่งทั่วโลก รวมทั้งข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐ เช่น ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 3  ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.14% แตะที่ 93.8082 เมื่อคืนนี้  ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 113.77 เยน จากระดับ 114.14 เยน และอ่อนค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9173 ฟรังก์ จากระดับ 0.9196 ฟรังก์ นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐยังอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.2344 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.2384 ดอลลาร์แคนาดา  ยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1608 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1597 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 1.3745 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3766 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 0.7524 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7506 ดอลลาร์สหรัฐ
  • (+) บริษัทโทรคมนาคมของรัฐบาลจีนถูกถอนสิทธิ์ให้บริการในตลาดสหรัฐฯคณะกรรมการด้านการสื่อสารของสหรัฐฯ (U.S. Federal Communications Commission – FCC) อ้างเหตุผลด้านความมั่นคงในการประกาศถอนใบอนุญาตประกอบธุรกิจในสหรัฐฯ ของ บริษัท ไชน่า เทเลคอม (China Telecom) ซึ่งเป็นบริษัทโทรคมนาคมที่รัฐบาลจีนเป็นเจ้าของ  ภายใต้การตัดสินใจที่มีออกมาในวันอังคารของ FCC ซึ่งมีอำนาจกำกับดูแลกิจการโทรศัพท์ ระบบสื่อสารแบบไร้สาย และการสื่อสารผ่านระบบวิดีโอ ในสหรัฐฯ บริษัท ไชน่า เทเลคอม อเมริกาส์ (China Telecom Americas) จะต้องยุติการให้บริการทั้งหมดในตลาดสหรัฐฯ ภายใน 60 วัน ซึ่งหมายถึงการสิ้นสุดการทำธุรกิจที่ดำเนินมานานถึง 20 ปีในประเทศนี้
  • (-) สหรัฐเผยยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนลดลง 0.4% ในเดือนก.ย.กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐ เช่น เครื่องบิน รถยนต์ และเครื่องจักรขนาดใหญ่ที่มีอายุการใช้งานตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป ลดลง 0.4% ในเดือนก.ย. หลังจากเพิ่มขึ้น 1.3% ในเดือนส.ค.  ทั้งนี้ ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนในเดือนก.ย.ได้รับผลกระทบจากการร่วงลงของยอดสั่งซื้อรถยนต์และเครื่องบิน  อย่างไรก็ดี ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนพื้นฐาน ซึ่งเป็นคำสั่งซื้อสินค้าทุนที่ไม่รวมเครื่องบิน และสินค้าด้านอาวุธ โดยเป็นสิ่งบ่งชี้แผนการใช้จ่ายของภาคธุรกิจ เพิ่มขึ้น 0.8% ในเดือนก.ย. แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ หลังจากเพิ่มขึ้น 0.5% ในเดือนส.ค.  นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนพื้นฐานเพิ่มขึ้น 0.5% ในเดือนก.ย.
  • (-) “เมอร์ค” ไฟเขียวบริษัทยาทั่วโลกผลิตโมลนูพิราเวียร์ได้แล้วองค์การสิทธิบัตรยา (MPP) ซึ่งเป็นหน่วยงานภายใต้องค์การสหประชาชาติ (UN) เปิดเผยในวันนี้ว่า MPP ได้บรรลุข้อตกลงด้านสิทธิบัตรยากับบริษัทเมอร์ค แอนด์ โค และบริษัทริดจ์แบ็ค ไบโอเทราพิวติกส์ โดยบริษัททั้งสองจะอนุญาตให้ประเทศต่างๆทั่วโลกผลิตยาโมลนูพิราเวียร์เพื่อให้ประเทศยากจนสามารถเข้าถึงยาดังกล่าว

ขอขอบคุณ  : บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG)

บทวิเคราะห์ราคาทองคำ 28 ต.ค.64 by MTS

MTS GOLD

ทิศทางราคาทองคำ

ราคาทองคำมีการปรับตัวลดลงบ้างหลังจากที่ค่าเงินดอลลาร์เองเมื่อวานนี้แกว่งตัว โดยปรับตัวสูงขึ้น โดยมีบางช่วงที่ราคาทองคำร่วงหลุดไปที่บริเวณ 1,785 เหรียญโดยประมาณก่อนจะปิดตลาดบริเวณ 1,796 เหรียญ ทางด้านดัชนีดอลลาร์มีการแกว่งแข็งค่าขึ้น ซึ่งมีการปรับแข็งค่าขึ้นไปแตะ 94 จุด ก่อนที่จะมีแรงเทขายทำกำไรกลับเข้ามา อันจะเห็นได้ว่าดัชนีดอลลาร์มีการแกว่งตัวในทิศทาง Sideways และปรับลงมาแถว 93.83 จุดในเช้านี้ สำหรับค่าเงินบาทปรับอ่อนค่าขึ้นหลังจากที่ลงไปทำต่ำสุดช่วงหลายวันก่อนที่บริเวณ 33.00 บาท/ดอลลาร์ และค่อยๆปรับอ่อนค่าขึ้นมาเรื่อยๆ เป็นการรับข่าวต่างๆไม่ว่าจะเป็นการเปิดประเทศและการคาดหวังจะเห็นนักท่องเที่ยวกลับสู่ประเทศ และภาพรวมทำให้เงินบาทยังอยู่ในทิศทางอ่อนค่า ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯค่อนข้างทรงตัว แม้จะเห็นถึงการปรับในเกณฑ์ไม่ดีนัก ได้แก่ Durable Goods Orders และ Core Durable Goods Orders ขณะที่ Goods Trade Balance ออกมาแย่อย่างมาก ในส่วนของ SPDR ซื้อทองคำเพิ่ม 3.2 ตัน ปัจจุบันเพิ่มการถือครองมาที่ 983.01 ตัน

วิเคราะห์ราคาทองคำทางเทคนิค 

ทองคำอยู่ในช่วงของการปรับฐานเป็นลักษณะ Sideways คาดจะแกว่งตัวอีกระยะหนึ่ง โดยที่ภาพระยะกลางของทองคำยังดูเป็นแนวโน้มทิศทางขาขึ้น แต่มีการแกว่งตัวของราคาค่อนข้างมากหลังราคาไปทดสอบ 1,813 เหรียญ อย่างไรก็ดี ภาพรวมราคาทองคำกลับมายืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ย ทั้งในระยะสั้น, กลาง และยาวได้ ทำให้โดยองค์รวมยังมองเป็นทิศทางขาขึ้น วันนี้คาดว่าราคาทองคำจะมีแนวรับ 1,790 เหรียญ และแนวต้าน 1,815 เหรียญ ในส่วนของ Gold Online Futures และ Gold Comex จะมีแนวรับ 1,792 เหรียญ และแนวต้าน 1,817 เหรียญ สำหรับทองคำไทยคาดว่าเช้านี้จะเปิด +150 บาท/บาททองค

กลยุทธ์การลงทุนในวันนี้ 

Sideway Up แนะนำเป็นลักษณะลงซื้อขึ้นขายในกรอบ

– นักลงทุนที่ถือ Long Position  
ลงซื้อขึ้นขาย แนะนำทำกำไรระยะสั้นในกรอบ ควรมี Stop Loss หากต่ำกว่าแนวรับ

– นักลงทุนที่ถือ Short Position

แนะนำให้บริหารพอร์ตสมดุลก่อนทราบผลประชุมเฟดสัปดาห์หน้า

Gold Futures 10V21 จะมีแนวรับที่ระดับ 28,350 บาท และแนวต้านที่ระดับ 28,550 บาท

ขอขอบคุณ  : บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด (MTS)

สัญญาณดี SPDR กลับมาซื้อทองคำแล้ว.. แม้จะเพียงแค่ 1 ตันเศษ

หลังจากที่เทขายมาตลอดในช่วงเดือนเศษ เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ( 27 ต.ค.) SPDR GOLD SHARES กองทุนทองคำแท่งที่ใหญ่ที่สุดในโลก ได้กลับมาซื้อทองคำ แม้จะซื้อเข้าเพียง 1.74 ตัน ที่ราคา 1,792.70 ดอลลาร์ แต่ถือเป็นสัญญาณที่ดี เพราะครั้งล่าสุดที่ SPDR ซื้อทองคำคือวันที่ 14 กันยายน โดยซื้อเข้า 2.04 ตัน ( อ่านข่าว ความเคลื่อนไหว SPDR ก่อนหน้านี้ )

ทำให้ในเดือน ตุลาคม SPDR มียอดติดลบ 10.22 ตัน และทำให้ปีนี้ ยังติดลบ 190.93 ตัน เหลือถือครองทองคำ 979.81 ตัน

ทั้งนี้ ในช่วงที่ผ่านมา กองทุน ETF ทองคำ ในฝั่งยุโรป และอเมริกาเหนือ ได้เทขายทองคำออกมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งนักวิเคราะห์มองว่าส่วนหนึ่ง เป็นการโยกเงินจากทองคำไปยังตลาดคริปโตเคอเรนซี่ ที่มีการปรับตัวขึ้นอย่างร้อนแรง

ทั้งนี้ จากรายงานของบริษัทจัดการสินทรัพย์ดิจิทัล CoinShares พบว่าในสัปดาห์ที่ผ่านมา มีเม็ดเงินไหลเข้าผลิตภัณฑ์คริปโตเคอร์เรนซี และกองทุนที่เกี่ยวข้อง มากถึง 1.5 พันล้านดอลลาร์ และยังทำสถิติยอดบวกสุทธิเป็นสัปดาห์ที่ 10 ติดต่อกัน

ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากการเปิดตัวกองทุน Bitcoin-ETF ในสหรัฐฯ ทำให้กระแสไหลเงินเข้านับจากต้นปี จนถึงวันที่ 22 ต.ค. อยู่ที่ 8 พันล้านดอลลาร์ มากกว่ายอดรวมทั้งปี 2020 ที่มีเงินไหลเข้า 6.7 พันล้านดอลลาร์

หมายเหตุ : เนื้อหาข้างต้นมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ข้อมูลเท่านั้น ไม่ใช่การชักชวนให้ ซื้อ-ขาย หรือ ลงทุน หรือ เป็นเครื่องมือทางการเงินอื่น ๆ และอาจจะไม่สะท้อนถึงความเห็นของ GoldAround.com ทั้งนี้ ทีมงานไม่ยอมรับความผิดในความสูญเสีย และ หรือ ความเสียหาย ที่เกิดจากการใช้ข้อมูลข้างต้น