ราคาทองคำวันนี้ : เปิดฉากไตรมาส 4 สุดสดใส..เช้านี้บวกแรง 250 บาท

photo by ROMAN ODINTSOV | pexels.com

สมาคมค้าทองคำ ประกาศราคาทองคำ 1 ต.ค.เพิ่มขึ้น 250 บาท หลังราคา goldspot ปรับเพิ่มขึ้น 30 ดอลลาร์ ขึ้นมาแตะจุดสูงสุดที่ $1,764  แต่ยังต้องลุ้นให้ราคาปิดสัปดาห์เหนือ $1,750 ให้ได้

ราคาทองคำวานนี้ปิดทะยานขึ้น 30 ดอลลาร์ หลังจากลดลงติดต่อกัน 2 วัน โดยราคาทองคำได้รับแรงหนุนทั้งปัจจัยทางเทคนิคและปัจจัยพื้นฐาน อาทิ ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในสัปดาห์ที่แล้วของสหรัฐที่เพิ่มขึ้นถึง 11,000 ราย สู่ระดับ 362,000 ราย สูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 7 ส.ค. และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 335,000 ราย

สะท้อนการฟื้นตัวในตลาดแรงงานสหรัฐกำลังชะลอตัวลง  ปัจจัยดังกล่าวกดดันดัชนีดอลลาร์ให้ร่วงลงจาก 94.503 ซึ่งเป็นระดับสูงที่สุดนับตั้งแต่ 28 ก.ย.ปีที่แล้ว

นอกจากนี้ยังมีแรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย หลังจากตลาดหุ้นสหรัฐปรับลงแรง เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่าความขัดแย้งในสภาคองเกรสเกี่ยวกับการเพิ่มเพดานหนี้ของรัฐบาลสหรัฐ อาจส่งผลให้สหรัฐผิดนัดชำระหนี้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ปัจจัยที่กล่าวมาช่วยหนุน ไปแตะจุดสูงสุด 1,763 ดอลลาร์

photo by Zlaťáky.cz | pexels.com
photo by Zlaťáky.cz | pexels.com

ส่วนการเคลื่อนไหวของราคาเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ราคาได้ขยับลงมาเล็กน้อย มาเคลื่อนไหวแนว 1,755 ดอลลาร์  (ดูตารางการเคลื่อนไหวราคาทองคำ)ก่อนที่ราคาจะเคลื่อนไหวในกรอบแคบจนถึงช่วงบ่าย

ขณะที่ราคาทองคำในประเทศที่ประกาศโดยสมาคมค้าทองคำ เช้านี้ขยับขึ้นแรงอีกครั้ง ถึงบาทละ 250 บาท โดยราคารับซื้อทองคำแท่ง อยู่ที่บาทละ  27,900 บาท ขณะที่ราคาขายออก อยู่ที่บาทละ  28,000 บาท(ดูตารางราคาทองคำของสมาคมค้าทองคำ)

หมายเหตุ : เนื้อหาข้างต้นมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ข้อมูลเท่านั้น ไม่ใช่การชักชวนให้ ซื้อ-ขาย หรือ ลงทุน หรือ เป็นเครื่องมือทางการเงินอื่น ๆ และอาจจะไม่สะท้อนถึงความเห็นของ GoldAround.com ทั้งนี้ ทีมงานไม่ยอมรับความผิดในความสูญเสีย และ หรือ ความเสียหาย ที่เกิดจากการใช้ข้อมูลข้างต้น

บทวิเคราะห์ราคาทองคำ 1 ต.ค.64 by TDC

TDC GOLD

รัฐบาลสหรัฐสามารถหลีกเลี่ยง Government shutdown ได้สำเร็จอย่างน้อยจนถึงต้นเดือน ธ.ค. แต่ทั้งนี้การเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นยังคงปรับตัวลดลง ดัชนี DOW30ปรับตัวลดลงกว่า -1% ขณะที่ดัชนี NASDAQ ซึ่งเป็นดัชนีที่รวมหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและกลุ่มบริษัท New economy ปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อยสวนทางกัน ขณะที่ราคาทองคำปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นจากสภาวะ Bullish divergence ระยะสั้น ซึ่งการดีดนั้นมาถึงจุดเส้นแนวโน้มขาลงที่มองว่าเป็นแนวต้านสำคัญคาดว่าจะพักตัวตรงนี้อีกสักระยะหนึ่ง

ขอขอบคุณ : บริษัท ที.ดี.ซี. โกลด์ จำกัด

บทวิเคราะห์ราคาทองคำ 1 ต.ค.64 by YLG

YLG GOLD BULLION

คำแนะนำ :

หากราคายังไม่ผ่านโซน 1,760-1,763 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แนะนำเปิดสถานะขาย(ตัดขาดทุนหากผ่านบริเวณ 1,763 ดอลลาร์ต่อออนซ์)เพื่อไปรอซื้อคืนบริเวณแนวรับบริเวณ 1,742-1,738 ดอลลาร์ต่อออนซ์

แนวรับ : 1,738 1,721 1,707  แนวต้าน : 1,763 1,776 1,789

สรุป  

ราคาทองคำวานนี้ปิดทะยานขึ้น 30.40 ดอลลาร์ต่อออนซ์  โดยราคาทองคำได้รับแรงหนุนทั้งปัจจัยทางเทคนิคและปัจจัยพื้นฐาน  ทั้งนี้  ระหว่างวันราคาทองคำร่วงลงทดสอบระดับต่ำสุดของวันก่อนหน้า  อย่างไรก็ดี  ราคาทองคำสามารถทรงตัวเหนือระดับดังกล่าวได้จึงเริ่มเกิดแรงซื้อเก็งกำไรสลับเข้ามา  ก่อนที่ราคาทองคำจะได้รับแรงหนุนหลังการเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกของสหรัฐที่เพิ่มขึ้นถึง 11,000 ราย สู่ระดับ 362,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 7 ส.ค. และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 335,000 ราย  อีกทั้งยังเป็นการปรับตัวขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 3 ติดต่อกัน  ซึ่งว่าสะท้อนการฟื้นตัวในตลาดแรงงานสหรัฐกำลังชะลอตัวลง  ปัจจัยดังกล่าวกดดันดัชนีดอลลาร์ให้ร่วงลงจาก 94.503 ซึ่งเป็นระดับสูงที่สุดนับตั้งแต่ 28 ก.ย.ปีที่แล้ว  นอกจากนี้  นักลงทุนยังทยอยขายทำกำไรดอลลาร์หลังจากแข็งค่าขึ้นอย่างมากในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมาอีกด้วย  ปัจจัยที่กล่าวมาช่วยหนุนให้ราคาทองคำทะลุผ่านบริเวณ 1,734.87 ดอลลาร์ต่อออนซ์ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในระหว่างวัน  และผ่านกรอบบนของ Pattern Falling Wedge จนกระตุ้นแรงซื้อตามทางเทคนิคเพิ่มเติม  นั่นทำให้ราคาทองคำทะยานขึ้นผ่านแนวต้านระดับต่างๆจนกระทั่งขึ้นไปทดสอบระดับสูงสุดบริเวณ 1,763.98 ดอลลาร์ต่อออนซ์  ด้านกองทุน SPDR ถือครองทองคำไม่เปลี่ยนแปลง  สำหรับวันนี้ติดตามการเปิดเผยดัชนีการใช้จ่ายส่วนบุคคล (PCE), การใช้จ่ายและรายได้ส่วนบุคคล, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ(PMI)ภาคการผลิตจากมาร์กิตและ ISM และคาดการณ์ความเชื่อมั่นผู้บริโภค จาก UoM  ขณะที่ตลาดจีนจะปิดทำการต่อเนื่องในช่วงวันชาติตั้งแต่วันนี้ไปจนถึงวันที่ 7 ต.ค.ซึ่งอาจทำให้ปริมาณการซื้อขายในช่วงเช้าเบาบางกว่าปกติ

ข่าวสารประกอบการลงทุน :

  • (+) สหรัฐเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานสูงกว่าคาดในสัปดาห์ที่แล้วกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 11,000 ราย สู่ระดับ 362,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 335,000 ราย  ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในสัปดาห์ที่แล้วแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 7 ส.ค. และปรับตัวขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 3 ติดต่อกัน ซึ่งบ่งชี้ว่าการจ้างงานได้ชะลอตัวลง ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ ขณะที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
  • WMPs ครบกำหนดชำระวันนี้เพียง 10%ไชน่า เอเวอร์แกรนด์ กรุ๊ป บริษัทอสังหาริมทรัพย์ใหญ่อันดับ 2 ของจีน เปิดเผยในเว็บไซต์ว่า ฝ่ายธุรกิจบริหารความมั่งคั่งของบริษัทได้ทำการชำระเงินจำนวน 10% ของตราสารหนี้ผลิตภัณฑ์บริหารความมั่งคั่ง (wealth management products) หรือ WMPs ที่ครบกำหนดชำระในวันนี้  เอเวอร์แกรนด์ระบุว่าทางบริษัทได้โอนเงินทุนดังกล่าวเข้าสู่บัญชีของนักลงทุนในวันนี้
  • ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (30 ก.ย.) หลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานสูงกว่าคาดในสัปดาห์ที่แล้ว นอกจากนี้ ดอลลาร์ยังได้รับแรงกดดันจากการที่นักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากดอลลาร์แข็งค่าอย่างมากในช่วงที่ผ่านมา  ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.12% แตะที่ 94.2291เมื่อคืนนี้  ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 111.37 เยน จากระดับ 111.98 เยน และอ่อนค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9325 ฟรังก์ จากระดับ 0.9342 ฟรังก์ นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐยังอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.2658 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.2747 ดอลลาร์แคนาดา  ยูโรอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1583 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1600 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 1.3475 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3435 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นแตะที่ระดับ 0.7230 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7183 ดอลลาร์สหรัฐ
  • 546.80 จุด วิตกคองเกรสขัดแย้งขยายเพดานหนี้ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (30 ก.ย.) เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่าความขัดแย้งในสภาคองเกรสเกี่ยวกับการเพิ่มเพดานหนี้ของรัฐบาลสหรัฐนั้น อาจส่งผลให้สหรัฐผิดนัดชำระหนี้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ โดยความกังวลดังกล่าวส่งผลให้เกิดแรงเทขายในหุ้นกลุ่มต่าง ๆ เป็นวงกว้าง โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมที่ดิ่งลงอย่างหนัก  ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,843.92 จุด ลดลง 546.80 จุด หรือ -1.59% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,307.54 จุด ลดลง 51.92 จุด หรือ -1.19% ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,448.58 จุด ลดลง -63.86 จุด หรือ -0.44
  • ผู้นำเกาหลีเหนือ คิม จอง อึน ปฏิเสธข้อเสนอของสหรัฐฯ ที่ต้องการกลับสู่การเจรจากับเกาหลีเหนือเพื่อหาทางยุติโครงการนิวเคลียร์ แต่ยืนยันว่ายินดียกระดับความสัมพันธ์กับเกาหลีใต้  สื่อของทางการเกาหลีเหนือ Korean Central News Agency (KCNA) รายงานคำแถลงของผู้นำคิมในวันพฤหัสบดี ซึ่งระบุว่า ความตั้งใจของสหรัฐฯ ที่ต้องการเจรจากับเกาหลีเหนือนั้นเป็นแค่ “การแสดง” เพื่อปกปิดนโยบายที่เป็นปรปักษ์ของรัฐบาลกรุงวอชิงตัน  “ไม่มีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ ต่อนโยบายที่เป็นศัตรูของสหรัฐฯ ต่อเกาหลีเหนือ มีแต่ความหลอกลวงและวิธีการที่เจ้าเล่ห์เพิ่มขึ้นเท่านั้น” ผู้นำคิมกล่าวกับสื่อ KCNA
  • GDP Q2/64 โต 6.7% กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่ 3 สำหรับผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 2/2564 โดยระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐมีการขยายตัว 6.7% ในไตรมาส 2 สูงกว่าตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 ที่ระดับ 6.5% และตัวเลขประมาณการครั้งที่ 2 ที่ระดับ 6.6% หลังจากที่ขยายตัว 6.3% ในไตรมาส 1  อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะชะลอตัวในไตรมาส 3 โดยจะมีการขยายตัวต่ำกว่า 5% ท่ามกลางผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา และการขาดแคลนวัตถุดิบในภาคการผลิต ซึ่งกระทบต่อยอดขายรถยนต์ รวมทั้งตัวเลขการสร้างบ้านและการซื้อบ้าน
  • นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และนางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ กล่าวถ้อยแถลงต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎรในวันนี้ เพื่อแสดงวิสัยทัศน์เกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจสหรัฐ และเน้นย้ำความสำคัญของการใช้นโยบายการเงินและการคลังในการกระตุ้นเศรษฐกิจ หลังจากได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

ขอขอบคุณ  : บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG)

บทวิเคราะห์ราคาทองคำ 1 ต.ค.64 by CAF

ออสสิริส

Reasons  ถือ Short หลังสหรัฐฯหลีกเลี่ยง Government shutdown

การอนุมัติร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราวได้ก่อนตลาดสหรัฐฯจะปิด จึงทำให้ดาวโจนส์ปิดร่วง -1.59% และเงินไหลเข้าทองคำ +1.76%

ซึ่งคาดว่า หลังจากเปิดตลาดสหรัฐฯในค่ำคืนนี้มีความเสี่ยงเข้ามากดดันราคาทองคำ เนื่องจากเมื่อคืนนักลงทุนคาดว่า สภาสหรัฐฯจะไม่ผ่านร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราว

Day Trade

GOZ21  Short  1,750-1,755เป้า 1,720จุด Stop 1,770

GF10V21ไม่เข้าสถานะ

Trend Trade ใช้ราคาปิดสิ้นวัน

GOZ21ไม่เข้าสถานะ

GF10V21ไม่เข้าสถานะ

ขอขอบคุณ : บริษัทหลักทรัพย์ที่ปรึกษาการลงทุน คลาสสิก ออสสิริส จำกัด (CAF)

บทวิเคราะห์ราคาทองคำ 1 ต.ค.64 by HGF

ฮั่วเซ่งเฮง

ทองคำปรับขึ้นแรง เงินดอลลาร์อ่อนค่าลงตลาดหุ้นสหรัฐลงแรง

คืนนี้สหรัฐจะประกาศดัชนีราคา PCEพื้นฐานเดือนส.ค.

ทองคำมีคาดเคลื่อนไหวในกรอบ 1,740-1,760 ดอลลาร์

  • ราคาทองคำSpot เมื่อวานปรับขึ้นแรงหลังจากลดลงติดต่อกัน 2 วันเนื่องจากเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงจากการที่สหรัฐประกาศจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์สูงกว่าตลาดคาด โดยเพิ่มขึ้น 11,000 ราย สู่ระดับ 362,000 รายสวนทางกับตลาดคาดจะลดลงสู่ระดับ 333,000 รายรวมทั้งแรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัยหลังจากตลาดหุ้นสหรัฐปรับลงแรง เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่าความขัดแย้งในสภาคองเกรสเกี่ยวกับการเพิ่มเพดานหนี้ของรัฐบาลสหรัฐอาจส่งผลให้สหรัฐผิดนัดชำระหนี้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ทางด้านกองทุน SPDRGold Trust ถือครองทองคำเท่าเดิมติดต่อกันเป็นวันที่ 2
  • คืนนี้สหรัฐจะประกาศดัชนีราคา PCEพื้นฐานเดือนส.ค. ซึ่งตลาดคาดจะเพิ่มขึ้น 0.2% เมื่อเทียบรายเดือน และเพิ่มขึ้น 3.5% เมื่อเทียบรายปี สะท้อนให้เห็นว่าอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐยังอยู่ในระดับที่สูง และอาจจะยังเป็นปัจจัยลบต่อราคาทองคำดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.ย.ตลาดคาดจะทรงตัวที่ระดับ 71.0ดัชนี PMI ภาคการผลิตเดือนก.ย.ตลาดคาดจะลดลงสู่ระดับ 59.6
  • แนวโน้มราคาทองคำ Spotคาดเคลื่อนไหวในกรอบ1,740-1,760ดอลลาร์ซึ่งทองคำมีปัจจัยหนุนเรื่องปัญหาการเพิ่มเพดานหนี้ของรัฐบาลสหรัฐ แต่มีปัจจัยลบในเรื่องอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐยังอยู่ในระดับที่สูงระยะสั้นทองคำมีแนวรับอยู่ที่ 1,740 ดอลลาร์และ 1,730 ดอลลาร์ ขณะที่มีแนวต้าน 1,760 ดอลลาร์และ 1,770 ดอลลาร์

ราคาทองตลาดโลก

Closechg.SupportResistance
1,756.60+30.41,740/1,7301,760/1,770

ราคาทองแท่ง 96.5%

Closechg.SupportResistance
27,750-15027,700/27,55028,000/28,150

โกลด์ฟิวเจอร์ส

ClosechgSupportResistance
28,100+24027,850/27,70028,170/28,330

แนะนำซื้อขายตามกรอบราคาทองคำ Spot1,740-1,760 ดอลลาร์ (GF 27,850-28,170บาท) การเข้าซื้อเก็งกำไรแนะนำที่ราคาทองคำ Spot1,740 ดอลลาร์ (GF27,850 บาท) โดยมีจุดขายตัดขาดทุนที่ 1,730 ดอลลาร์ (GF27,700 บาท)

โกลด์ออนไลน์ฟิวเจอร์

ClosechgSupportResistance
1,760.00+27.201,743/1,7331,763/1,773

แนะนำซื้อขายตามกรอบราคา GOZ211,743-1,763ดอลลาร์ การเข้าซื้อเก็งกำไรแนะนำที่ราคา GOZ211,743ดอลลาร์โดยมีจุดขายตัดขาดทุนที่ 1,733ดอลลาร์

ค่าเงิน

ทิศทางเงินบาทในวันนี้คาดแข็งค่าขึ้น เนื่องจากเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆเนื่องจากสหรัฐประกาศจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์สูงกว่าตลาดคาด โดยเพิ่มขึ้น 11,000 ราย สู่ระดับ 362,000 รายในสัปดาห์ที่แล้วสวนทางกับตลาดคาดจะลดลงสู่ระดับ 333,000 รายโดยUSD Futures เดือนธ.ค.2564 คาดจะมีแนวรับที่ 33.50 บาท/ดอลลาร์ ขณะที่มีแนวต้าน33.80บาท/ดอลลาร์

News

ตลาดการเงินต่างประเทศ: ดอลล์อ่อนค่าหลังสหรัฐเผยข้อมูลแรงงานซบเซา

ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนที่ผ่านมา (30 ก.ย.) หลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานสูงกว่าคาดในสัปดาห์ที่แล้วนอกจากนี้ดอลลาร์ยังได้รับแรงกดดันจากการที่นักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากดอลลาร์แข็งค่าอย่างมากในช่วงที่ผ่านมาทั้งนี้ดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงินลดลง 0.12% แตะที่ 94.2291 เมื่อคืนนี้

ตลาดโลหะมีค่าต่างประเทศ : ทองปิดพุ่ง $34.1 รับดอลล์อ่อน-แรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเกือบ 2% เมื่อคืนที่ผ่านมา (30 ก.ย.) โดยได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์รวมทั้งแรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัยหลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลแรงงานที่ซบเซาอย่างไรก็ดีเมื่อพิจารณาตลอดทั้งเดือนก.ย. สัญญาทองคำร่วงลงรุนแรงถึง 3.4%   ทั้งนี้สัญญาทองคำตลาดCOMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 34.1 ดอลลาร์หรือ 1.98% ปิดที่ 1,757 ดอลลาร์/ออนซ์สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 56.2 เซนต์หรือ 2.62% ปิดที่ 22.047 ดอลลาร์/ออนซ์

ตลาดน้ำมันดิบต่างประเทศ :น้ำมันWTI ปิดบวก 20 เซนต์รับข่าวจีนเล็งซื้อน้ำมันเพิ่ม

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนที่ผ่านมา (30 ก.ย.) ขานรับรายงานที่ว่าจีนจะสั่งซื้อน้ำมันเพิ่มขึ้นเพื่อรองรับความต้องการภายในประเทศโดยขณะนี้จีนกำลังเผชิญวิกฤตขาดแคลนพลังงานและส่งผลกระทบต่อภาคส่วนต่างๆโดยเฉพาะภาคการผลิตสัญญาน้ำมันดิบWTI ส่งมอบเดือนพ.ย. เพิ่มขึ้น 20 เซนต์หรือ 0.3% ปิดที่ 75.03 ดอลลาร์/บาร์เรลสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนพ.ย. ลดลง 12 เซนต์หรือ 0.2% ปิดที่ 78.52 ดอลลาร์/บาร์เรล

ตลาดหุ้นต่างประเทศ : ดาวโจนส์ปิดร่วง 546.80 จุดวิตกคองเกรสขัดแย้งขยายเพดานหนี้

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนที่ผ่านมา (30 ก.ย.) เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่าความขัดแย้งในสภาคองเกรสเกี่ยวกับการเพิ่มเพดานหนี้ของรัฐบาลสหรัฐนั้นอาจส่งผลให้สหรัฐผิดนัดชำระหนี้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์โดยความกังวลดังกล่าวส่งผลให้เกิดแรงเทขายในหุ้นกลุ่มต่างๆเป็นวงกว้างโดยเฉพาะหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมที่ดิ่งลงอย่างหนักดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,843.92 จุดลดลง 546.80 จุดหรือ -1.59% ดัชนีS&P500 ปิดที่ 4,307.54 จุดลดลง 51.92 จุดหรือ -1.19% ดัชนีNasdaqปิดที่ 14,448.58 จุดลดลง -63.86 จุดหรือ -0.44

“พาวเวล” เผยเฟดเผชิญความท้าทายครั้งใหญ่เหตุเงินเฟ้อสูง-อัตราว่างงานพุ่ง

นายเจอโรมพาวเวลประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้กล่าวในงานเสวนาซึ่งจัดขึ้นโดยธนาคารกลางยุโรป (ECB) เมื่อวานนี้ว่าการแก้ปัญหา “ความตึงเครียด” ระหว่างอัตราเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับสูงและอัตราว่างงานที่ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องนั้นเป็นปัญหาเร่งด่วนที่สุดที่เฟดกำลังเผชิญอยู่ในขณะนี้   “นี่ไม่ใช่สถานการณ์ที่เราเคยเผชิญมาเป็นเวลานานแต่เป็นสถานการณ์ตึงเครียดระหว่าง2เป้าหมายหลักของเราคืออัตราเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับสูงกว่าเป้าหมายในขณะที่ตลาดแรงงานยังคงซบเซา” นายพาวเวลกล่าวโดยเขาอ้างถึงเหตุการณ์ “Stagflation” ที่เกิดขึ้นในทศวรรษที่1970ซึ่งเป็นภาวะที่สหรัฐเผชิญกับอัตราว่างงานที่สูงมากและราคาสินค้าผู้บริโภคพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วในการประชุมเมื่อวันที่22ก.ย.ที่ผ่านมาคณะกรรมการเฟดได้ปรับเพิ่มตัวเลขคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อในปี2564-65สู่ระดับ4.2%และ2.2%ตามลำดับและปรับเพิ่มตัวเลขคาดการณ์อัตราว่างงานในปี2564ขึ้นสู่ระดับ4.8%นายพาวเวลกล่าวว่าเฟดตั้งสมมุติฐานว่าอัตราเงินเฟ้อจะชะลอตัวลงเองเมื่อเศรษฐกิจทั่วโลกกลับสู่ภาวะปกติหลังจากมีการเปิดเศรษฐกิจ

แอสตร้าฯเผยผลทดลองในสหรัฐยืนยันวัคซีนโควิดกันติดเชื้อแบบมีอาการได้74%

บริษัทแอสตร้าเซนเนก้าเปิดเผยข้อมูลของบริษัทจากการทดลองทางการแพทย์ในสหรัฐเมื่อวานนี้ (29ก.ย.) ระบุว่าวัคซีนป้องกันโควิด-19ของบริษัทมีประสิทธิภาพ74%ในการป้องกันการติดเชื้อแบบแสดงอาการสำหรับคนทั่วไปและสูงถึง83.5%สำหรับกลุ่มอายุ65ปีขึ้นไปโดยมีการเก็บข้อมูลจากอาสาสมัครกว่า26,000ในสหรัฐชิลีและเปรูที่ได้รับวัคซีนของแอสตร้าเซนเนก้าครบทั้ง2โดสโดยเว้นระยะเวลา1เดือนระหว่างโดสผลการทดลองที่เผยแพร่ในวารสารการแพทย์นิวอิงแลนด์ (NEJM) พบว่าในบรรดาผู้เข้าร่วมทดลองกว่า17,600คนไม่พบผู้ติดเชื้อโควิด-19แบบแสดงอาการหนักหรือเข้าขั้นวิกฤตเลยเทียบกับที่มีการพบ8รายในกลุ่มที่ได้รับวัคซีนหลอกจำนวน8,500คนนอกจากนี้กลุ่มที่ได้รับวัคซีนหลอกยังมีผู้เสียชีวิต2รายแต่กลุ่มที่ได้รับวัคซีนจริงนั้นไม่มีผู้เสียชีวิตเลยอย่างไรก็ดีประสิทธิภาพโดยรวมที่ระดับ74%ก็ยังคงต่ำกว่าระดับ79%ที่ระบุในรายงานเบื้องต้นของแอสตร้าเซนเนก้าเมื่อช่วงมี.ค.ที่ผ่านมาโดยบริษัทได้แก้ไขตัวเลขเป็น76%หลังจากผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขหลายรายออกมาท้วงติงว่าตัวเลขประสิทธิภาพ79%นั้นมาจากข้อมูลที่ไม่เป็นปัจจุบันดร.แอนนาเดอร์บินนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยจอห์นส์ฮ็อปกินส์ผู้ตรวจสอบผลการทดลองเปิดเผยว่าเธอรู้สึกประหลาดใจกับผลลัพธ์ของการทดลองโดยรวมและระบุว่าวัคซีนของแอสตร้าเซนเนก้าสามารถป้องกันการติดเชื้อแบบแสดงอาการหนักและต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล

สภาผู้แทนฯสหรัฐผ่านร่างกม.ระงับเพดานหนี้แต่คาดถูกรีพับลิกันขวางในวุฒิสภา

สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐมีมติด้วยคะแนน219ต่อ212ผ่านร่างกฎหมายระงับเพดานหนี้ของรัฐบาลสหรัฐเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้สหรัฐเผชิญกับการผิดนัดชำระหนี้ครั้งแรกในประวัติศาสตร์อย่างไรก็ดีคาดว่าร่างกฎหมายดังกล่าวจะถูกขัดขวางจากสมาชิกพรรครีพับลิกันในวุฒิสภาโดยที่ผ่านมานั้นพรรครีพับลิกันได้ขัดขวางความพยายามของคณะบริหารของประธานาธิบดีโจไบเดนที่ต้องการจะเพิ่มเพดานหนี้และพยายามเปิดโปงเจตนารมณ์ของพรรคเดโมแครตที่ต้องการเพิ่มงบประมาณการลงทุนในโครงการด้านสังคมและนโยบายลดโลกร้อนรายงานระบุว่าในการโหวตร่างกฎหมายระงับเพดานหนี้เมื่อวานนี้ตามเวลาสหรัฐ (29ก.ย.) สมาชิกพรรคเดโมแครตเกือบทุกคนได้โหวตสนับสนุนร่างกฎหมายดังกล่าวยกเว้นนายจาเร็ดโกลด์เดนส.ส.จากรัฐเมนและนางเคิร์ทแชรดเดอร์ส.ส.จากรัฐโอเรกอนที่คัดค้านส่วนสมาชิกพรรครีพับลิกันโหวตสนับสนุนเกือบทุกคนยกเว้นนายอดัมคินซิงเกอร์ส.ส.จากรัฐอิลลินอยส์

ขอขอบคุณ  : บริษัท ฮั่วเซ่งเฮง โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด(HGF)

บทวิเคราะห์ราคาทองคำ 1 ต.ค.64 by GT

GT GOLD BULLION

Fundamental

  • สภาคองเกรสของสหรัฐฯมีมติโหวตผ่านร่างกฎหมายขยายเพดานหนี้สาธารณะเพื่อไม่ให้รัฐบาลต้องผิดนัดชำระหนี้ตามกำหนดจนถึงกลางเดือน ธ.ค.
  • ขั้นตอนต่อไปจะเป็นการส่งเรื่องให้วุฒิสภาพิจารณา ซึ่งคาดว่าจะมีมติโหวตผ่านอย่างฉิวเฉียดเพราะพรรคเดโมแครตถือเสียงเพียงกึ่งหนึ่งของสภา
  • ประธาน Fed เผย กำลังกังวลกับเงินเฟ้อสูงที่อยู่นานเกินคาดกับการว่างงานที่กลับมาเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
  • OPEC+ กำลังพิจารณาขยายกำลังการผลิตน้ำมันดิบเพื่อส่งออกเพิ่มขึ้นอีกวันละ 4 แสนบาร์เรล

Technical

  • ราคารีบาวด์ขึ้นไปทดสอบเส้น MA และเส้นแนวโน้มขาลง ส่งสัญญาณว่าทิศทางหลักมีโอกาสจะเปลี่ยนจากขาลงไปเป็นขาขึ้นในไม่ช้านี้
  • ราคาพุ่งแรงทะลุเส้น MA รองขึ้นไปหาเส้น MA หลักได้ทันที คาดวันนี้แกว่งในช่วงห่างระหว่าง MA สองเส้น เพื่อปรับฐานก่อนพยายามวิ่งขึ้นอีกครั้ง
  • ทิศทางวันนี้sideway ลุ้นสัปดาห์หน้าเป็นขาขึ้น
  • จับจังหวะเล่นยังไง?ซื้อสะสมเมื่ออ่อนตัว

Attention

  • เช้านี้สภาคองเกรสของสหรัฐฯกำลังจะลงมติโหวตร่างกฎหมายงบประมาณรายจ่ายโครงสร้างพื้นฐานวงเงิน 1.2 ล้านล้านดอลลาร์
  • ทั่วโลกยังคงจับตาเอเวอร์แกรนด์ต่อ ว่ารัฐบาลจีนจะเข้ามาพยุงฐานะหรือจะช่วยจัดการปรับโครงสร้างหนี้หรือไม่ หลังบริษัทขอขยายเวลาชำระดอกเบี้ยหุ้นกู้ออกไป 1 เดือน และยังมีดอกเบี้ยหุ้นกู้ชุดอื่นที่ทยอยครบกำหนดชำระอีกเรื่อย ๆ

ขอขอบคุณ : บริษัท จีที โกลด์ บูลเลี่ยน จำกัด

บทวิเคราะห์ราคาทองคำ 1 ต.ค.64 by SCT

sct goldaround 16.02

คำแนะนำ : 

ทองรีบาวด์สวย คืนนี้จับตาดัชนีเงินเฟ้อ PCE คาดทองยังผันผวน
 
แนวรับ 1745/ 1735/ 1720  แนวต้าน 1775|1788|1796
              Gold/silver           USD                       Baht        DOW (stock)
ระยะสั้น     SW                       SW                        SW                    SW 
ระยะกลาง  SW/SW UP           SW                       SW                SW UP
ระยะยาว BULLISH              Neutral            NEUTRAL         BULLISH

คำแนะนำรายวัน SIDEWAYS  1735-80

จุดเข้า BUY 1735-45
เป้าหมาย 1775-88
SL 1719รายสัปดาห์

คำแนะนำรายเดือน 1720-1835

จุดเข้า BUY 1720 เป้าหมาย 1830/ 1850
SL 1700   

บทวิเคราะห์ : 

ราคาทองเกิดเทคนิคอลรีบาวด์หลังราคาลงแรงมา2 วัน โดยรวมราคาดีดกลับมาข้าม $1750 ถือว่าดีมาก หากการตั้งฐานไม่ลงลึกต่ำกว่า $1725อีกทีก็มีลุ้นเปลี่ยนแนวโน้มระยะสั้น คืนนี้ยังต้องระวังความผันผวนของราคาเพราะจะมีตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯประกาศหลายตัว ให้จับตาดัชนีเงินเฟ้อ PCE และดัชนีการผลิต ISM คาดว่าจะมีทั้งบวกและลบกับทอง นอกจากนี้ต้องระวังค่าเงินบาทที่เริ่มแข็งค่าสวนแล้ว ดังนั้นกลยุทธการเทรดทองไทยต้องเล่นสั้นไปก่อน ส่วนนักลงทุนระยะกลาง ถ้าราคาที่ซื้อมาเด้งแรงก็ขายทำกำไรออกบางส่วนไปก่อนได้

ขอขอบคุณ : บริษัท ซินเนอร์จี้ คอมโมดิตี้ส์ เทรด จํากัด

ทองคำดีดแรง หลัง“เยลเลน” ชี้ชัดเงินเฟ้อยังสูงกว่าดอกเบี้ย แม้จะปรับขึ้นแล้วก็ตาม

photo by Anna Nekrashevich | pexels.com

ราคาทองคำดีดตัวขึ้นมาแตะระดับ 1,760 ดอลลาร์ หลังจากลงไปแตะจุดต่ำสุดในรอบ 6 สัปดาห์ และดัชนีดอลลาร์สหรัฐได้ร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดรายวันหลังจากพุ่งขึ้นในช่วงก่อนหน้า หลังนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และนางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ ได้แสดงวิสัยทัศน์เกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจสหรัฐ และเน้นย้ำความสำคัญของการใช้นโยบายการเงินและการคลังในการกระตุ้นเศรษฐกิจ หลังจากได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎร

ประธานเฟด ระบุว่าสหรัฐฯ ยังห่างไกลจากการจ้างงานเต็มประสิทธิภาพ ซึ่งเฟดต้องสร้างสมดุลระหว่างอัตราเงินเฟ้อและการจ้างงาน พร้อมเตือนว่าแรงกดดันจากเงินเฟ้อจะยาวนานกว่าที่คาดไว้ เนื่องจากเศรษฐกิจกำลังเผชิญเหตุการณ์ที่ไม่ปกติจากภาวะตึงตัวด้านอุปทาน แต่เงินเฟ้อจะปรับตัวลง ในช่วงหลายเดือนข้างหน้า และในช่วงครึ่งแรกของปีหน้า ส่วนคาดการณ์เงินเฟ้อยังคงอยู่ที่ระดับสอดคล้องกับเป้าหมายของเฟด ที่ระดับ 2%

นางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ
นางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ

ขณะที่ นางเยลเลน กล่าวว่า อัตราดอกเบี้ยมีแนวโน้มที่จะยังคงอยู่ในระดับต่ำ แม้ว่าเงินเฟ้อปรับตัวขึ้นก็ตาม นอกจากนี้นางเยลเลนเรียกร้องอีกครั้งหนึ่งให้สภาคองเกรสปรับเพิ่มเพดานหนี้สหรัฐ ภายในวันที่ 18 ต.ค. มิฉะนั้นจะเกิดหายนะตามมา เพราะเม็ดเงินในมาตรการพิเศษของกระทรวงการคลังจะหมดลง หากสภาคองเกรสล้มเหลวในการเพิ่มเพดานหนี้ ก็จะส่งผลให้สหรัฐเผชิญกับการผิดนัดชำระหนี้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ และจะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อเศรษฐกิจของประเทศ

ส่วนประชุมวุฒิสภาสหรัฐเมื่อคืนนี้ ที่ประชุมให้การอนุมัติร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราวแล้ว เพื่อสนับสนุนหน่วยงานของรัฐบาลกลางสหรัฐให้มีงบประมาณใช้จ่ายจนถึงวันที่ 3 ธ.ค. และหลีกเลี่ยงไม่ให้หน่วยงานเหล่านี้ต้องถูกปิดการดำเนินงาน

หลังจากนี้วุฒิสภาจะส่งร่างกฎหมายดังกล่าวเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร และหากสภาผู้แทนฯให้การอนุมัติ ก็จะต้องส่งให้ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ลงนามรับรองเป็นกฎหมายก่อนเวลาเที่ยงคืนของวันนี้ (30 ก.ย.) ตามเวลาสหรัฐ หรือเวลา 11.00 น.ของวันที่ 1 ต.ค.ตามเวลาไทย