สมาคมค้าทองคำ ประกาศราคาทองคำวันที่ 24 มิ.ย. เช้านี้ลดลง 50 บาท

photo by Michael Steinberg | pexels.com

ราคาทองคำยังทรงตัวไม่ได้ แม้จะพยายามกลับขึ้นไปยืนเหนือ 1,800 ดอลลาร์ แต่ ปธ.เฟด แอตแลนต้า ออกมาหนุนให้ลด QE และขึ้นดอกเบี้ย ทำให้ดอลลาร์แข็งค่าฉุดราคาทองคำร่วงลงมาเคลื่อนไหวแถว 1,770 ดอลลาร์ อีกครั้ง

ส่วนราคาทองคำในประเทศเช้านี้ ลดลง 50 บาท

ราคาทองคำวานนี้ ปิดให้เคียงกับวันก่อนหน้า แม้ในระหว่างวัน ราคาทองคำจะขยับขึ้นแตะ 1,794 ดอลลาร์ แต่สุดท้ายถูกเทขายทำกำไร

ประกอบกับ ดัชนีดอลลาร์ฟื้นตัว หลังประธานเฟด สาขาแอตแลนตา ชี้เศรษฐกิจสหรัฐฯ ปีนี้ มีแนวโน้มขยายตัว 7% และคาดว่าอัตราเงินเฟ้อจะดีดตัวขึ้นเหนือเป้าหมายของเฟดที่ระดับ 2% ทำให้มองว่า เฟดอาจจำเป็นต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงปลายปี 2022

ทำให้ราคาทองคำดิ่งลงแตะระดับต่ำสุดที่ 1,773 ดอลลาร์ และยังเคลื่อนไหวในแนวดังกล่าว จนถึงช่วงเที่ยวที่ผ่านมา ( ดูกราฟราคาทองคำ )

ซึ่งแนวโน้มยังดูไม่สู้ดีนัก เพราะคืนนี้จะมีการประกาศตัวเลขประมาณการครั้งสุดท้าย จีดีพีไตรมาส 1/2021 ตลาดคาดจะขยายตัว 6.4% เท่ากับประมาณการครั้งก่อน

นอกจากนั้น มีจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน ตลาดคาดจะอยู่ที่ระดับ 382,000 ราย ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือน พ.ค. ตลาดคาดจะเพิ่มขึ้น 2.9% ดีขึ้นหลังจากที่เดือน เม.ย. ลดลง 1.3% รวมถึง ติดตามถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด ซึ่งน่าจะไม่ส่งผลดีต่อราคาทองคำ

ขณะที่กองทุน SPDR ก็ได้ขายทองคำออกมาอีก 2.91 ตัน

ส่วนราคาทองคำในประเทศ ที่ประกาศโดยสมาคมค้าทองคำ เช้านี้ยังคงทรงตัว หลังจากที่ในช่วงเช้าได้ลดลงไป บาทละ 50 บาท โดยราคารับซื้อทองคำแท่งเช้านี้ อยู่ที่บาทละ 26,750 บาท ขายออกบาทละ 26,850 บาท ( ดูตารางราคาทองคำของสมาคมค้าทองคำ )

ดูการคาดการณ์กรอบการเคลื่อนไหวราคาทองคำวันนี้

YLG

แนวรับ 1,761 ดอลลาร์ 1,749 ดอลลาร์ และ1,733 ดอลลาร์
แนวต้าน 1,796 ดอลลาร์ 1,812 ดอลลาร์ และ 1,826 ดอลลาร์

HGF

แนวรับ 1,770 ดอลลาร์ และ1,760 ดอลลาร์
แนวต้าน 1,790 ดอลลาร์ และ1,800 ดอลลาร์

SCT Gold

แนวรับ 1,770 ดอลลาร์ 1,763 ดอลลาร์ และ1,750 ดอลลาร์
แนวต้าน 1,797 ดอลลาร์ 1,810 ดอลลาร์ และ 1,820 ดอลลาร์

หมายเหตุ : เนื้อหาข้างต้นมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ข้อมูลเท่านั้น ไม่ใช่การชักชวนให้ซื้อ-ขาย หรือลงทุน หรือเป็นเครื่องมือทางการเงินอื่นๆ และอาจะไม่สะท้อนถึงความเห็นของ GoldAround.com ทั้งนี้ทีมงานไม่ยอมรับความผิดในความสูญเสีย และหรือ ความเสียหายที่เกิดจากการใช้ข้อมูลข้างต้น

วิเคราะห์ราคาทองคำ 24 มิ.ย.64(YLG)

YLG Bullion

คำแนะนำ :

เข้าซื้อเพื่อเก็งกำไรระยะสั้นหากราคาทองคำสามารถยืนเหนือบริเวณ 1,772-1,761 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ (ตัดขาดทุนหากหลุด 1,761 ดอลลาร์ต่อออนซ์) และทยอยปิดสถานะทำกำไรหากไม่ผ่านบริเวณแนวต้าน 1,794-1,796 ดอลลาร์ต่อออนซ์

แนวรับ : 1,761 1,749 1,733  แนวต้าน : 1,796 1,812 1,826

สรุป

ราคาทองคำวานนี้ปิดทรงตัวแทบไม่เปลี่ยนแปลง  แม้ในระหว่างวัน  ราคาทองคำจะขยับขึ้น  โดยได้รับแรงหนุนต่อเนื่องจากถ้อยแถลงของประธานธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ที่ระบุว่าเฟดจะไม่เร่งขึ้นดอกเบี้ย  ส่

วนในช่วงบ่ายตามเวลาไทย  ราคาทองคำได้รับแรงหนุนจากการเปิดเผยตัวเลขดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิตและบริการเบื้องต้นของเยอรมนีและยูโรโซนที่ออกมาดีเกินคาด  นอกจากนี้  ราคาทองคำยังได้รับแรงหนุนเพิ่มจากแรงซื้อทางเทคนิคหลังจากราคามีการ Breakout กรอบสามเหลี่ยม 

ขณะที่ดัชนี PMI ภาคบริการของสหรัฐ  และยอดขายบ้านใหม่ที่ออกมาแย่เกินคาด  เป็นอีกปัจจัยเพิ่มเติมที่ช่วยหนุนให้ราคาทองคำปรับตัวขึ้นทดสอบระดับสูงสุดบริเวณ  1,794.83 ดอลลาร์ต่อออนซ์ 

อย่างไรก็ดี  ราคาทองคำไม่สามารถรักษาช่วงบวกไว้ได้  โดยเผชิญกับแรงขายทำกำไรเมื่อราคาขยับเข้าใกล้โซนแนวต้านสำคัญ  ประกอบกับดัชนีดอลลาร์ฟื้นตัวขึ้นจากถ้อยแถลงของนายราฟาเอล บอสติก ประธานเฟดสาขาแอนแลนตา 

ที่กล่าวว่า เศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มขยายตัวแข็งแกร่งถึง 7% ในปีนี้ และคาดว่าอัตราเงินเฟ้อจะดีดตัวขึ้นเหนือเป้าหมายของเฟดที่ระดับ 2% ซึ่งจากตัวเลขคาดการณ์เหล่านี้ทำให้เขามองว่า เฟดอาจจำเป็นต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงปลายปี 2022 

สถานการณ์ดังกล่าวกดดันให้ราคาทองคำดิ่งลงจากระดับสูงสุดกว่า 20 ดอลลาร์ต่อออนซ์  จนแตะระดับต่ำสุดในระหว่างวันบริเวณ  1,773.32 ดอลลาร์ต่อออนซ์  

ด้านกองทุน SPDR ถือครองทองลดลง -2.91 ตัน 

สำหรับวันนี้ติดตามผลการประชุมธนาคารกลางอังกฤษ(บีโออี)  และติดตามการเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งสุดท้ายจีดีพีไตรมาส 1/2021, จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน และ  รวมถึงติดตามถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด

ข่าวสารประกอบการลงทุน :

  • (+) สหรัฐเผยยอดขายบ้านใหม่ต่ำสุดรอบ 1 ปีในเดือนพ.ค.  กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดขายบ้านใหม่ลดลง 5.9% สู่ระดับ 769,000 ยูนิตในเดือนพ.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค.2563 และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 870,000 ยูนิต ขณะเดียวกัน กระทรวงพาณิชย์ยังได้ปรับลดยอดขายบ้านใหม่ในเดือนเม.ย.สู่ระดับ 817,000 ยูนิต จากเดิมรายงานที่ระดับ 863,000 ยูนิต
  • (+) ชาวสหรัฐกว่า 1,200 รายกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ หลังฉีดวัคซีนไฟเซอร์-โมเดอร์นา  เอกสารจากศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐ (CDC) ระบุว่า มีการรายงานผู้ป่วยจำนวนมากกว่า 1,200 รายที่มีอาการกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ หลังจากที่ได้รับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ของไฟเซอร์หรือโมเดอร์นา
  •   มีรายงานว่า วัยรุ่นที่มีอายุ 16-24 ปี ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาย มีอาการกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ หรือเยื้อหุ้มหัวใจอักเสบ หลังจากที่ได้รับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ของไฟเซอร์หรือโมเดอร์นา 
  • ทั้งนี้ ผู้ป่วยจำนวน 267 รายมีอาการกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ หรือเยื้อหุ้มหัวใจอักเสบ หลังจากได้รับการฉีดวัคซีนของไฟเซอร์หรือโมเดอร์นาจำนวน 1 เข็ม และจำนวน 827 รายมีอาการดังกล่าว หลังจากได้รับการฉีดวัคซีน 2 เข็ม นอกจากนี้ ยังมีผู้ป่วย 132 รายที่มีอาการเช่นกัน แต่ไม่มีการระบุว่าได้รับการฉีดวัคซีนกี่เข็ม
  • (-) สื่อตีข่าวจีน-สหรัฐเตรียมจัดการเจรจาทางการทูตในสัปดาห์หน้า  หนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียล ไทมส์ รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวใกล้ชิดว่า นักการทูตระดับสูงของจีนและสหรัฐมีแนวโน้มจัดการเจรจาในระหว่างการประชุม G20 ในสัปดาห์หน้าที่ประเทศอิตาลี ซึ่งส่งสัญญาณว่ารัฐบาลทั้ง 2 ประเทศกำลังพยายามผ่อนคลายความสัมพันธ์ที่ตึงเครียด 
  • รายงานระบุว่า นายหวัง อี้ รัฐมนตรีต่างประเทศจีน และนายแอนโทนี บลินเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ อาจร่วมหารือกัน นอกจากนี้ สหรัฐยังได้พยายามสร้างความเป็นไปได้ในการจัดการสนทนาทางโทรศัพท์ระหว่างประธานาธิบดีโจ ไบเดน และประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีนด้วยเช่นกัน
  • (-) เตือนไวรัสโควิดสายพันธุ์เดลตากลายเป็นสายพันธุ์หลักในยุโรป  ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งยุโรป (ECDC) แถลงในวันนี้ว่า ไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา ซึ่งมีการพบครั้งแรกในอินเดีย มีแนวโน้มที่จะกลายเป็นสายพันธุ์หลักในยุโรป  รายงานของ ECDC ระบุว่า เนื่องจากไวรัสโควิดสายพันธุ์เดลตาสามารถแพร่ระบาดได้เร็วกว่าสายพันธุ์ดั้งเดิมถึง 40-60%
  • ทำให้มีการคาดการณ์ว่าไวรัสสายพันธุ์เดลตาจะครองสัดส่วนผู้ติดเชื้อรายใหม่มากถึง 70% ในสหภาพยุโรป (EU) และเขตเศรษฐกิจยุโรป (EEA) ภายในต้นเดือนส.ค. และจะสูงถึง 90% ภายในปลายเดือนส.ค.
  • (-) ดอลล์แข็งค่าเล็กน้อย หลังจนท.เฟดคาดเงินเฟ้อสหรัฐพุ่ง  ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (23 มิ.ย.) หลังจากเจ้าหน้าที่ระดับสูงของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) คาดการณ์ว่าตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐจะดีดตัวขึ้น
  • ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 1/2564
  • และดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนพ.ค.  ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.04% แตะที่ 91.7995 เมื่อคืนนี้ ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 110.96 เยน จากระดับ 110.62 เยน
  • และแข็งค่าเมื่อเทียกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9183 ฟรังก์ จากระดับ 0.9182 ฟรังก์ แต่เมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 1.2303 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.2320 ดอลลาร์แคนาดา 
  • ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1928 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1936 ดอลลาร์
  • ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 1.3963 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3941 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นแตะที่ระดับ 0.7573 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7552 ดอลลาร์สหรัฐ
  • (+/-) ข้อมูลศก.ซบฉุดดาวโจนส์ปิดลบ 71.34 จุด, Nasdaq ทำนิวไฮรับแรงซื้อหุ้นเทคโนฯ  ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (23 มิ.ย.) หลังสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่ซบเซา ซึ่งรวมถึงยอดขายบ้านใหม่ที่ร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 1 ปี อย่างไรก็ดี ดัชนี Nasdaq ปิดทำนิวไฮ
  • โดยได้ปัจจัยหนุนจากแรงซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี  ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,874.24 จุด ลดลง 71.34 จุด หรือ -0.21% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,241.84 จุด ลดลง 4.60 จุด หรือ -0.11% ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,271.73 จุด เพิ่มขึ้น 18.46 จุด หรือ +0.13%
  • (+/-) ดัชนี PMI รวมภาคผลิต-บริการสหรัฐต่ำสุดรอบ 2 เดือนในมิ.ย.  ไอเอชเอส มาร์กิต ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการข้อมูลทางการเงิน เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิตและภาคบริการเบื้องต้นของสหรัฐ ปรับตัวลงสู่ระดับ 63.9 ในเดือนมิ.ย. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 2 เดือน จากระดับ 68.7 ในเดือนพ.ค.

ขอขอบคุณ  : บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG)

วิเคราะห์ราคาทองคำวันนี้ 24 มิ.ย.64 (CAF)

ออสสิริส

บทวิเคราะห์จาก ClassicAusirisFutures

Reasons ลุ้น GDP สหรัฐฯ

  • จับการการระบาดโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา(อินเดีย) ที่กำลังจะเป็นสายพันธุ์ของโลก
  • ลุ้นการประชุมตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯอย่าง GDP Q1/64 คาดการณ์ขยายตัว 6.4%

Day Trade

GOU21 ไม่เข้าสถานะ
GF10Q21 Hold Short เป้า 26,400-26,500 จุด Stop สิ้นวัน 27,000

Trend Trade ใช้ราคาปิดสิ้นวัน

GOU21 Hold Short จุด Stop 1,782
GF10Q21 Hold Short จุด Stop 27,630 หรือ TP (ATR 27,150)

ขอขอบคุณ : บริษัทหลักทรัพย์ที่ปรึกษาการลงทุน คลาสสิก ออสสิริส จำกัด (CAF)

วิเคราะห์ราคาทองคำวันนี้ 24 มิ.ย.64 (GT)

GT GOLD BULLION

Fundamental

  • เยลเลนเตือนสภาต้องโหวตขยายเพดานหนี้สหรัฐฯก่อนสิ้นเดือน ก.ค. ไม่งั้นรัฐบาลจะเริ่มผิดนัดชำระหนี้และก่อให้เกิดวิกฤตเศรษฐกิจครั้งมโหฬารตามมา
  • ประธาน Fed สาขาแอตแลนต้า ซึ่งเป็น 1 ใน 11 เสียงโหวตนโยบายการเงิน เห็นว่าต้องรีบลด QEและเริ่มขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีหน้า
  • การที่ Fed ส่งสัญญาณปรับขึ้นดอกเบี้ยเร็วกว่าเดิมเพื่อสะท้อนภาวะเงินเฟ้อที่เร่งเร็วขึ้น ทำให้ราคาบ้านในสหรัฐฯปรับตัวสูงขึ้น แต่ยอดขายกลับลดลง และมีการขอรีไฟแนนซ์มากขึ้น

Technical

  • รูปซ้ายราคาขึ้นมาแถว 1,795 แล้วทิ้งตัวทันที แสดงว่ามีแรงซื้อ แต่ยังไม่ใช่เวลาที่ดีในการกลับเป็นขาขึ้น
  • รูปขวาราคาทะลุขึ้นเหนือเส้น MA แต่ดิ่งกลับลงมา ภาพรวมยังสร้างฐานรอเลือกทางในช่วง1,755-1,800
  • ทิศทางวันนี้ไร้ทิศทาง
  • จับจังหวะเล่นยังไง?ซื้อสะสมในช่วง1,755-1,765ถ้าหลุดก็ stop loss หรือ หาจังหวะเก็งกำไรฝั่ง short เมื่อขึ้นไปถึงช่วง1,795-1800

Attention

ติดตามผลการเจรจาวงเงินเบิกจ่าย 1.7 ล้านล้านดอลลาร์ ระหว่างพรรคเดโมแครตกับพรรครีพับลิกัน

โดย  : บริษัท จีที โกลด์ บูลเลี่ยน จำกัด

ดัชนี PMI ร่วง แต่ทองคำยังทะลุ $1,800 ไม่ได้

photo by energepic.com | pexels.com

ราคาทองคำยังคงเคลื่อนไหวอยู่ในแดนบวกใกล้กับ 1,800 ดอลลาร์ แม้ว่าดัชนี PMI เดือนมิ.ย. ที่ประกาศออกมา จะลดลงจากเดือน พ.ค. แต่ยังอยู่เหนือระดับ 50

ทั้งนี้ ไอเอชเอส มาร์กิต เผย ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิตและภาคบริการเบื้องต้นของสหรัฐ ในเดือน มิ.ย.ปรับตัวลงสู่ระดับ 63.9 ต่ำสุดในรอบ 2 เดือน จากระดับ 68.7 ในเดือนพ.ค. แต่ยังดีกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดไว้ที่ระดับ 61.5

แต่ดัชนี PMI ยังคงอยู่เหนือระดับ 50 บ่งชี้ว่า ภาคธุรกิจของสหรัฐยังคงอยู่ในภาวะขยายตัว โดยได้แรงหนุนจากการเพิ่มขึ้นของคำสั่งซื้อใหม่และการจ้างงาน ขณะที่ความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจดีดตัวขึ้นขานรับการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ และความคืบหน้าในการฉีดวัคซีนโควิด-19 ในวงกว้าง

ขณะที่ ดัชนี PMI ภาคการผลิตเบื้องต้น อยู่ที่ 62.6 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ จากระดับ 62.1 ในเดือนพ.ค. ส่วนดัชนี PMI ภาคบริการเบื้องต้น อยู่ที่ 64.8 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 2 เดือน จากระดับ 70.4 ในเดือนพ.ค.

ทั้งนี้ตลาดทองคำมีปฏิกิริยาเพียงเล็กน้อยต่อข้อมูลเศรษฐกิจล่าสุด โดยยังคงมีแรงซื้อทางเทคนิคเข้ามา แม้ว่าข้อมูลจะยังคงชี้ให้เห็นถึงการเติบโตทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง นักวิเคราะห์ของ IHS กล่าวว่าอัตราเงินเฟ้อยังคงเป็นปัญหาสำคัญ หลังมีรายงานว่าบริษัทต่างๆ ได้ขึ้นราคาขายสินค้าในอัตราที่รวดเร็วขึ้น หลังค่าใช้จ่ายต่างๆ สูงขึ้น

คริส วิลเลี่ยมสัน หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ธุรกิจของ IHS ระบุในรายงานว่า แม้ดัชนีจะร่วงลงจากระดับสูงสุดตลอดกาลของเดือนพฤษภาคม แต่ก็ชัดเจนว่าเศรษฐกิจยังคงมีการฟื้นตัวต่อเนื่อง ราคาสินค้าและบริการยังคงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ปัญหาเรื่องของการผลิตยังคงมีเข้ามาต่อเนื่อง ทั้งเรื่องแรงงาน และสต็อกวัตถุดิบกำลังหมดลงในอัตราที่น่ากังวล เนื่องจากบริษัทต่างๆ พยายามเร่งผลิตเพื่อให้ทันกับความต้องการ

สมาคมค้าทองคำ ประกาศราคาทองคำวันที่ 23 มิ.ย. เช้านี้บวกเพิ่ม 50 บาท

photo by Nout Gons | pexels.com

ราคาทองคำยังปรับตัวลดลงเล็กน้อย แม้ ปธ.เฟด ออกมาย้ำอีกครั้งว่า เงินเฟ้อไม่ได้มีส่วนเร่งในการขึ้นดอกเบี้ย แต่จะดูตัวเลขการจ้างงานเป็นหลัก

โดยราคาทองคำยังรอปัจจัยใหม่ ๆ เข้ามาหนุน โดยมีเป้ากลับไปยืนเหนือ 1,800 ดอลลาร์

ส่วนราคาทองคำในประเทศเช้านี้บวกเพิ่ม 50 บาท

ราคาทองคำเมื่อวานนี้ ปิดปรับตัวลดลง 5.20 ดอลลาร์ โดยราคาพยายามจะกลับไปยืนเหนือ 1,790 ดอลลาร์ แต่ไม่สำเร็จ ก่อนจะถูกเทขายร่วงแตะ 1,772 ดอลลาร์

อย่างไรก็ดี ราคาทองคำฟื้นตัวขึ้นอีกครั้ง โดยได้แรงหนุนจากถ้อยแถลงของประธานเฟด ที่มีต่อสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ โดยย้ำชัดว่า จะไม่ขึ้นอัตราดอกเบี้ยรวดเร็วเกินไป เพียงเพราะกังวลเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อ ( อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม ) ทำให้ดอลลาร์อ่อนค่าลง

แต่ราคาทองคำก็ไปไม่ได้ไกล เพราะนักลงทุนยังคงวิตกว่า เฟดอาจปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ภายในปลายปีนี้ หรือ ต้นปีหน้า ทำให้เกิดแรงขายทำกำไรสลับเข้ามาในตลาดทองเป็นระยะ

ขณะที่การเคลื่อนไหวของราคาทองคำในช่วงเช้าวันนี้ ราคายังขยับ sideway กรอบแคบ แนว 1,775-1,782 ดอลลาร์ ( ดูกราฟราคาทองคำ ) เพื่อรอปัจจัยใหม่ ๆ เข้ามาหนุน แต่ต้องระวังการออกมาให้ความเห็นของ ปธ.เฟด สาขาต่าง ๆ เกี่ยวกับเรื่องเงินเฟ้อ และการปรับลดQE

ส่วนราคาทองคำในประเทศ ที่ประกาศโดยสมาคมค้าทองคำ เช้านี้บวกเพิ่มบาทละ 50 บาท โดยราคารับซื้อทองคำแท่งเช้านี้อยู่ที่บาทละ 26,700 บาท ขายออกบาทละ 26,800 บาท ( ดูตารางราคาทองคำของสมาคมค้าทองคำ )

ประเด็นที่ต้องติดตามในคืนนี้ สหรัฐฯ จะประกาศดัชนี PMI ภาคการผลิตและดัชนี PMI ภาคบริการเดือน มิ.ย. ตลาดคาดจะลดลงเหลือ 61.5 และ 70.0 ตามลำดับ ยอดขายบ้านใหม่เดือน พ.ค. ตลาดคาดจะเพิ่มขึ้นเป็น 864,000 ยูนิต จาก 863,000 ยูนิตในเดือน เม.ย.

ดูการคาดการณ์กรอบการเคลื่อนไหวราคาทองคำวันนี้

Ausiris

จุดซื้อ 1,772 ดอลลาร์ หรือ บาทละ 26,650 บาท
จุดขาย 1,790 ดอลลาร์ หรือบาทละ 26,850 บาท

YLG

แนวรับ 1,761 ดอลลาร์ 1,749 ดอลลาร์ และ1,733 ดอลลาร์
แนวต้าน 1,796 ดอลลาร์ 1,812 ดอลลาร์ และ 1,826 ดอลลาร์

HGF

แนวรับ 1,770 ดอลลาร์ และ1,760 ดอลลาร์
แนวต้าน 1,790 ดอลลาร์ และ1,800 ดอลลาร์

SCT Gold

แนวรับ 1,763 ดอลลาร์ 1,755 ดอลลาร์ และ1,750 ดอลลาร์
แนวต้าน 1,790 ดอลลาร์ 1,800 ดอลลาร์ และ 1,820 ดอลลาร์

GCAP

แนวรับ 1,764 ดอลลาร์ 1,759 ดอลลาร์ และ1,754ดอลลาร์
แนวต้าน 1,794 ดอลลาร์ 1,798 ดอลลาร์ และ 1,802 ดอลลาร์

หมายเหตุ : เนื้อหาข้างต้นมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ข้อมูลเท่านั้น ไม่ใช่การชักชวนให้ซื้อ-ขาย หรือลงทุน หรือเป็นเครื่องมือทางการเงินอื่นๆ และอาจะไม่สะท้อนถึงความเห็นของ GoldAround.com ทั้งนี้ทีมงานไม่ยอมรับความผิดในความสูญเสีย และหรือ ความเสียหายที่เกิดจากการใช้ข้อมูลข้างต้น

วิเคราะห์ราคาทองคำ 23 มิ.ย.64(YLG)

YLG Bullion

คำแนะนำ :

เสี่ยงเปิดสถานะซื้อเพื่อทำกำไรระยะสั้นเมื่อราคาอ่อนตัวลงมาใกล้ 1,767-1,761 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (ตัดขาดทุนหากหลุด 1,761 ดอลลาร์ต่อออนซ์) หรือหากรับความเสี่ยงได้ไม่มาก หรือ หากถือครองทองคำอยู่แล้วอาจเลือกชะลอการเข้าซื้อ

แนวรับ : 1,761 1,749 1,733  แนวต้าน : 1,796 1,812 1,826

สรุป

ราคาทองคำวานนี้ปิดปรับตัวลดลง  5.20 ดอลลาร์ต่อออนซ์  แม้ในระหว่างวันราคาทองคำจะปรับตัวขึ้นไปทดสอบระดับสูงสุดบริเวณ 1,790.02  ดอลลาร์ต่อออนซ์  แต่กลับเผชิญแรงขายทำกำไรในที่สุด 

นอกจากนี้  ราคาทองคำยังได้รับแรงกดดันเพิ่มการเปิดเผยยอดขายบ้านมือสอง และดัชนีภาคการผลิตจากเฟดริชมอนด์ที่ออกมาดีกว่าที่คาด  ส่งผลให้ราคาทองคำอ่อนตัวลงทดสอบระดับต่ำสุดบริเวณ 1,772 ดอลลาร์ต่อออนซ์ 

อย่างไรก็ดี  ราคาทองคำฟื้นตัวขึ้นอีกครั้ง  โดยกลับมาได้รับแรงหนุนจากถ้อยแถลงของนายพาวเวล ประธานเฟด ซึ่งมีกำหนดแถลงต่อคณะอนุกรรมการว่าด้วยวิกฤตการณ์ COVID-19 ประจำสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐเมื่อวานนี้  โดยนายพาวเวลย้ำชัดว่า  “เฟดจะไม่ขึ้นอัตราดอกเบี้ยรวดเร็วเกินไปเพียงเพราะกังวลเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อ”  และเฟดจะไม่ขึ้นอัตราดอกเบี้ยจนกว่าจะมีสัญญาณของการฟื้นตัว “ในวงกว้างและครอบคลุม” ทั้งในตลาดแรงงานและเศรษฐกิจ 

ทั้งนี้  สัญญาณที่สะท้อนว่าเฟดจะยังไม่เร่งขึ้นดอกเบี้ย  เป็นปัจจัยกดดันดอลลาร์และสร้างแรงหนุนเข้ามาพยุงราคาทองคำเอาไว้  แต่การปรับตัวขึ้นของราคาทองคำยังคงเป็นไปอย่างจำกัดเช่นกัน  เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกว่าเฟดอาจปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ภายในปลายปีนี้ หรือ ต้นปีหน้า  นั

่นทำให้เกิดแรงขายทำกำไรสลับเข้ามาในตลาดทองเป็นระยะ  ด้านกองทุน SPDR ถือครองทองคำไม่เปลี่ยนแปลง 

สำหรับวันนี้ติดตามผลการประชุมกนง.ของไทย  การเปิดเผยยอดขายบ้านใหม่, ดัชนี PMI  ภาคการผลิตและภาคการบริการของสหรัฐ  รวมถึงติดตามถ้อยแถลงของนางโบว์แมน หนึ่งในคณะผู้ว่าการเฟด, นายบอสติก ประธานเฟดแอตแลนตา และนายโรเซนเกรน ประธานเฟดบอสตัน

ข่าวสารประกอบการลงทุน :

  • (+) ดอลล์อ่อน หลังพาวเวลส่งสัญญาณไม่เร่งขึ้นดอกเบี้ย  ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (22 มิ.ย.) หลังจากนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ให้คำมั่นว่า เฟดจะไม่เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วเกินไป
  • ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 1/2564 และดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนพ.ค.  ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.14% แตะที่ 91.7626 เมื่อคืนนี้ 
  • ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9182 ฟรังก์ จากระดับ 0.9185 ฟรังก์ และอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.2320 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.2359 ดอลลาร์แคนาดา
  • แต่เมื่อเทียบกับเงินเยน ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นแตะที่ระดับ 110.62 เยน จากระดับ 110.27 เยน  ยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1936 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1909 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะที่ระดับ 1.3941 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3929 ดอลลาร์
  • (+) นพ.เฟาชี่ รับโควิดสายพันธุ์เดลตา คือ ภัยคุกคามใหญ่ของสหรัฐฯ  โควิดกลายพันธุ์สายพันธุ์เดลตา ที่ถูกพบครั้งแรกในอินเดีย ถือเป็นภัยคุกคามครั้งใหญ่ของสหรัฐฯ ในการสกัดกั้นการระบาดของโควิด-19 ในประเทศ 
  • นายแพทย์แอนโธนี เฟาชี่ ผู้อำนวยการสถาบันโรคภูมิแพ้และโรคติดเชื้อแห่งชาติสหรัฐฯ กล่าวเมื่อวันอังคารว่า โควิดกลายพันธุ์เดลตา มีการระบาดที่มากกว่า รวดเร็วกว่า และมีความรุนแรงกว่าโควิดสายพันธุ์ดั้งเดิม 
  • (+) เกาหลีเหนือ ส่งสัญญาณไม่พร้อมกลับคืนสู่โต๊ะเจรจากับสหรัฐฯ เร็วๆ นี้  เกาหลีเหนือ บอกปัดแผนคืนสู่โต๊ะเจรจากับสหรัฐฯ ในเร็วๆ นี้ หลังผู้นำรัฐบาลกรุงเปียงยางส่งสัญญาณพร้อมร่วมหารือกับรัฐบาลกรุงวอชิงตันเมื่อสัปดาห์ก่อน  คิม โย จอง น้องสาวของ คิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ ระบุในแถลงการณ์ที่รายงานโดยสำนักข่าว Korean Central News Agency ว่า ดูเหมือนว่า สหรัฐฯ จะมีความคาดหวัง “แบบผิดๆ” เกี่ยวกับความเห็นของพี่ชายของเธอที่มีออกมาเมื่อไม่นานมานี้  น้องสาวคนสนิทของผู้นำเกาหลีเหนือที่ถูกมองว่าเป็นหนึ่งในผู้ทรงอิทธิพลในรัฐบาลกรุงเปียงยาง กล่าวว่า “สหรัฐฯ อาจจะตีความสถานการณ์ในแบบที่ทำให้ตนเองรู้สึกสบายใจ และความคาดหวังแบบผิดๆ นี้ มีแต่จะทำให้ผิดหวังหนักยิ่งขึ้นมากกว่า”
  • (+) สหรัฐพลาดเป้าฉีดวัคซีนโควิดให้ชาวอเมริกัน 70% ก่อนวันชาติ 4 ก.ค.  ทำเนียบขาวยืนยันในวันนี้ว่า สหรัฐจะไม่สามารถฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้แก่ชาวอเมริกันที่เป็นผู้ใหญ่จำนวน 70% อย่างน้อย 1 โดสก่อนวันที่ 4 ก.ค. ซึ่งเป็นวันชาติสหรัฐ ตามที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดนตั้งเป้าไว้ 
  • นายเจฟฟ์ เซียนส์ ผู้ประสานงานด้านโควิด-19 ประจำทำเนียบขาว กล่าวว่า “เราคิดว่าอาจจะต้องใช้เวลามากขึ้นอีกหลายสัปดาห์เพื่อให้ชาวสหรัฐที่เป็นผู้ใหญ่จำนวน 70% ได้รับการฉีดวัคซีนอย่างน้อย 1 โดส โดยรวมถึงผู้ที่มีอายุ 18-26 ปี”
  • (-) สหรัฐเผยยอดขายบ้านมือสองลดลงเป็นเดือนที่ 4  สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) เปิดเผยว่า ยอดขายบ้านมือสองปรับตัวลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 4 โดยลดลง 0.9% สู่ระดับ 5.80 ล้านยูนิตในเดือนพ.ค. เมื่อเทียบรายเดือน ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าลดลงสู่ระดับ 5.72 ล้านยูนิต
  • (-) ประธานเฟดซานฟรานซิสโกชี้เฟดอาจลดวงเงิน QE ในปีนี้  นางแมรี ดาลี ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาซานฟรานซิสโก กล่าวว่า เฟดอาจปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ภายในปลายปีนี้ หรือต้นปีหน้า  “ดิฉันมีความเชื่อมั่นในการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ โดยเฟดอาจบรรลุเป้าหมายการจ้างงานเต็มศักยภาพ และอัตราเงินเฟ้อแตะระดับ 2% ในเวลาอีกไม่นาน ซึ่งจะทำให้เฟดสามารถลดวงเงิน QE จากระดับ 1.2 แสนล้านดอลลาร์ โดยเราอาจบรรลุเป้าในปลายปีนี้ หรือต้นปีหน้า” นางดาลีกล่าว
  • (-) ดาวโจนส์ปิดบวก 68.61 จุด ขานรับพาวเวลส่งสัญญาณไม่เร่งขึ้นดอกเบี้ย  ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (22 มิ.ย.) หลังจากนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ให้คำมั่นว่า เฟดจะไม่เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วเกินไป โดยถ้อยแถลงดังกล่าวเป็นปัจจัยหนุนหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ซึ่งเป็นหุ้นที่มีความอ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ย 
  • ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 33,945.58 จุด เพิ่มขึ้น 68.61 จุด หรือ +0.20% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,246.44 จุด เพิ่มขึ้น 21.65 จุด หรือ +0.51% ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,253.27 จุด เพิ่มขึ้น 111.79 จุด หรือ + 0.79%
  • (+/-) อินเดียจับตาโควิดกลายพันธุ์ชนิดใหม่ ‘เดลตา พลัส’  อินเดียประกาศการค้นพบโคโรนาไวรัส โควิด-19 กลายพันธุ์ชนิดใหม่ ‘เดลตา พลัส’ (Delta plus) ตามรายงานของรอยเตอร์  ทางการอินเดีย ระบุให้ไวรัสกลายพันธุ์ชนิดใหม่ที่พบนี้ ชื่อว่า ‘เดลตา พลัส’ (Delta plus)
  • หลังจากพบผู้ติดเชื้อไวรัสกลายพันธุ์ชนิดนี้นับสิบราย ใน 3 รัฐของอินเดียตอนนี้ โดยผู้ติดเชื้อ 16 ราย อยู่ในรัฐมหาราชตระ ตามการเปิดเผยของกระทรวงสาธารณสุขอินเดีย และว่าโควิดสายพันธุ์ เดลตา พลัส มีระดับการแพร่เชื้อที่สูงขึ้นกว่าสายพันธุ์เดลตาและจำเป็นต้องเพิ่มการตรวจหาเชื้อมากขึ้นในแต่ละพื้นที่ของอินเดีย

ขอขอบคุณ  : บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG)

ปธ.FED ยืนยันคำเดิมโฟกัสการจ้างงาน เงินเฟ้อพุ่งไม่ได้หนุนให้เร่งขึ้นดอกเบี้ย

FOMC | photo by wikipedia.org

ราคาทองคำไม่ตอบสนองต่อถ้อยแถลงของ นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ที่มีต่อคณะอนุกรรมการว่าด้วยวิกฤตการณ์โควิด-19 ประจำสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ ในช่วงเช้าตรู่ที่ผ่านมา หลังจากที่ราคาทองคำได้ปรับลดลงไปกว่า 100 ดอลลาร์ในสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังการประชุม FOMC (อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม..)

ทั้งนี้ นายเจอโรม ได้ระบุว่า FED ยังโฟกัสไปที่เรื่องการจ้างงานให้กลับมาอย่างเต็มประสิทธิภาพ โดยไม่วิตกเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น เพราะมองว่าเป็นผลกระทบโดยตรงที่เกิดจากการเปิดเศรษฐกิจของสหรัฐ และFED จะไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยก่อนเวลาเพียงเพราะความกังวลเรื่องเงินเฟ้อเพียงปัจจัยเดียว แต่จะดูหลายๆปัจจัยประกอบ ก่อนที่จะตัดสินใจใดๆเกี่ยวกับทิศทางอัตราดอกเบี้ย

นายพาวเวล กลาวต่อว่า FED จะจับตาข้อมูลสถิติของตลาดแรงงานเป็นวงกว้าง รวมถึงจับตาดูว่าตัวเลขจ้างงานของประชาชนกลุ่มผิวสีและกลุ่มอื่นๆ ว่ามีความแตกต่างกันมากเพียงใด และจะไม่มองแค่จำนวนคนที่ไม่มีงานทำ แต่จะดูมาตรวัดทั้งหมดของตลาดแรงงาน เพื่อสร้างความมั่นใจว่ามีข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจมากขึ้น

ส่วนตัวเลขเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น นายพาวเวล ยังยืนยันว่าเป็นเพียงแค่เหตุการณ์ชั่วคราว ซึ่งเป็นผลมาจากความต้องการสินค้าและการบริการที่เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลเกินกว่าที่คาดการณ์ แต่การผลิตทำได้ไม่ทันเพราะเป็นช่วงที่สหรัฐเริ่มเปิดเศรษฐกิจ หลังจากต้องปิดเศรษฐกิจเป็นเวลานานเนื่องจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

ทั้งนี้ FED เชื่อว่าแรงกดดันด้านเงินเฟ้อที่เกิดจากการพุ่งขึ้นของราคาผู้บริโภคจะชะลอตัวลงในท้ายที่สุด ซึ่งจะส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อชะลอตัวลงสู่ระดับต่ำกว่าเป้าหมายที่วางไว้ หากเป็นเช่นนั้น FED ก็เพียงใช้เครื่องมืออื่นๆ ที่เหมาะสมในการรับมือ

ขณะที่นางแมรี ดาลี ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (FED ) สาขาซานฟรานซิสโก กล่าวว่า FED อาจปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ภายในปลายปีนี้ หรือต้นปีหน้า โดยเชื่อว่า FED อาจบรรลุเป้าหมายการจ้างงานเต็มศักยภาพ และอัตราเงินเฟ้อแตะระดับ 2% ในเวลาอีกไม่นาน ซึ่งจะทำให้เฟดสามารถลดวงเงิน QE จากระดับ 1.2 แสนล้าน

ทั้งนี้ ความเห็นของประธาน FED สาขาซานฟรานซิสโก สอดคล้องกับนายพาวเวลและกรรมการ FED รายอื่นที่มองว่า เศรษฐกิจสหรัฐกำลังใกล้เข้าสู่ภาวะที่ไม่จำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากเฟด

วิเคราะห์ราคาทองคำวันนี้ 22 มิ.ย.64 (MTS)

ทิศทางราคาทองคำ

ราคาทองคำดีดกลับขึ้นมาบริเวณ 1,780 เหรียญ ท่ามกลางแรงซื้อจาก SPDR ในวันก่อนกว่า 11 ตัน และเมื่อวานนี้เทขายออกเล็กน้อย 3.5 ตัน ปัจจุบันถือครองทองคำที่ระดับ 1,049.56 ตัน จากตลาดที่กังวลกระแสเศรษฐกิจ ซึ่งโดยภาพรวมตลาดยังมีความไม่มั่นใจในการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ประกอบกับตลาดรับกระแสข่าวที่ชัดเจนจากการที่เฟดจะปรับลด QE  เมื่อวานนี้ไม่มีตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญ ขณะที่ดัชนีดอลลาร์อ่อนค่าลงจากที่ทำสูงสุดเมื่อวานนี้ที่ระดับ 92.37 จุด โดยทำต่ำสุดแถว 91.95 จุด ในส่วนของค่าเงินบาทอ่อนค่าขึ้นมาทดสอบ 31.69 บาท/ดอลลาร์ โดยสามารถทะลุ 31.50 บาท/ดอลลาร์มาได้ และเช้านี้เคลื่อนไหวบริเวณ 31.64 บาท/ดอลลาร์

วิเคราะห์ราคาทองคำทางเทคนิค

ทองคำมี  Technical Rebound มาแถวระดับเส้น Fibonacci 23.6% บริเวณ 1,785 เหรียญ และแนวต้านสำคัญถัดไปจะอยู่ที่ 1,800 เหรียญ ภาพรวมทางเทคนิคเชื่อว่าทองคำจะเป็นขาขึ้นระยะสั้นมีโอกาสแตะ 1,800 เหรียญได้ โดยวันนี้คาดว่าราคาจะเคลื่อนไหวในกรอบแนวรับ 1,770 เหรียญ และแนวต้าน 1,795 เหรียญ  โดยที่ Gold Online Futures และ Gold Comex จะมีกรอบ 1,770-1,795 เหรียญ ด้านทองคำไทยคาดว่าจะปรับขึ้น 50 บาท/บาททองคำ

กลยุทธ์การลงทุนในวันนี้

SIDEWAYS แนะนำเก็งกำไรระยะสั้นๆในกรอบเท่านั้น

– นักลงทุนที่ถือ Long Position 

ลงซื้อขึ้นขาย แนะนำทำกำไรระยะสั้นๆ เข้าออกในวัน มี Stop Loss หากต่ำกว่า 1,770 เหรียญ

– นักลงทุนที่ถือ Short Position

แนะนำรอจังหวะหากราคาไม่สามารถยืนเหนือ 1,800 เหรียญได้ ค่อยเปิดสถานะขาย และรอซื้อปิดทำกำไรตามแนวรับ โดยผู้ถือสถานะไว้อาจตั้ง Stop Loss หากสูงกว่า 1,800 เหรียญ

Gold Futures 10M21 จะมีแนวรับที่ระดับ 26,670 บาท และแนวต้านที่ระดับ 27,000 บาท

ขอขอบคุณ  : บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด (MTS)

วิเคราะห์ราคาทองคำ 22 มิ.ย.64(Gcap)

แนวโน้มราคาทองคำช่วงเช้า

ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (21 มิ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากที่ดอลลาร์พุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งในสัปดาห์ที่ผ่านมา ขานรับธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่ส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้

มุมมองทองคำภาคเช้า

ทองคำตลาดนิวยอร์กดีดตัวขึ้นเหนือระดับ 1,780 ดอลลาร์เมื่อคืนนี้ (21 มิ.ย.) โดยได้ปัจจัยบวกจากการอ่อนค่าของดอลลาร์ และการร่วงลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐโดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ร่วงลงสู่ระดับ 1.354% เมื่อคืนนี้ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 24 ก.พ. โดยการร่วงลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐจะช่วยลดต้นทุนค่าเสียโอกาสในการถือครองทองคำ เนื่องจากทองคำเป็นสินทรัพย์ที่ไม่มีผลตอบแทนในรูปดอกเบี้ยอย่างไรก็ตามนักลงทุนยังต้องติดตามตัวเลขเศรษฐกิจที่จะประกาศในสัปดาห์นี้ได้แก่ ยอดขายบ้านมือสอง ดัชนีภาคการผลิต เฟด สาขาริชมอนด์ ดุลบัญชีเดินสะพัด ดัชนีฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิต ดัชนีฝ่ายจัดซื้อภาคการบริการ ยอดขายบ้านใหม่ คำสั่งซื้อสินค้าคงทน GDP ดุลการค้า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงาน สินค้าคงคลังภาคค้าส่ง ดัชนีภาคการผลิตเฟด สาขาแคนซัสซิตี้ ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล PCE ดัชชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค ม.มิชิแกน เป็นต้น

สรุปภาวะแลกเปลี่ยนเงินตรา

ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (21 มิ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากที่ดอลลาร์พุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งในสัปดาห์ที่ผ่านมา ขานรับธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่ส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้

แนะแนวทางการลงทุน

แนวรับ 1,770- 1,766- 1,760
แนวต้าน 1,793 – 1,798 – 1,802
ราคาทองคำขยับตัวขึ้น แรงซื้อเริ่มมีเข้ามามาก หลังจากที่ราคาร่วงลงไปทำจุดต่ำสุดในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมาและเกิดสัญญาณ Bullish Divergence และช่วงราคาที่ต่ำทำให้ราคาน่าซื้อสะสม สัญญาณระยะสั้นเริ่มมองทิศทางบวก แนะเก็งกำไรทิศทางขาขึ้น

ขอขอบคุณ : บริษัท จีแคป จำกัด