วิเคราะห์ราคาทองคำ 28 มิ.ย.64(HGF)

ฮั่วเซ่งเฮง

สัปดาห์ก่อนกองทุน SPDR ขายทองคำ 10.19 ตัน

สัปดาห์นี้ติดตามการจ้างงานของสหรัฐเดือนมิ.ย.

ทองคำคาดเคลื่อนไหวในกรอบ1,770-1,800 ดอลลาร์

  • สัปดาห์ที่ผ่านมาราคาทองคำ Spot เคลื่อนไหวในกรอบ 1,763-1,794 ดอลลาร์ ทองคำมีประเด็นหลักในเรื่องการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด โดยประธานเฟดแถลงต่อคณะอนุกรรมการว่าด้วยวิกฤตโควิด-19 สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ ว่าเฟดจะไม่ใช้ความกังวลเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อเป็นแรงผลักดันให้เฟดต้องเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วเกินไป ส่วนประธานเฟดสาขาแอตแลนต้าแถลงว่าเฟดอาจต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงปลายปี 2565 นอกจากนี้ทองคำมีปัจจัยลบจากตลาดหุ้นสหรัฐปรับขึ้น จากทำเนียบขาวบรรลุข้อตกลงกับสภาคองเกรสในการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ทางด้านกองทุน SPDR ขายทองคำ 10.19 ตันในสัปดาห์ที่ผ่านมา
  • สัปดาห์นี้ติดตามการจ้างงานของสหรัฐเดือนมิ.ย.ซึ่งจะทำให้ราคาทองคำผันผวนในกรณีที่การจ้างงานสหรัฐออกมาแตกต่างจากที่ตลาดคาดไว้มาก ซึ่งตลาดคาดการจ้างงานภาคเอกชน ADP และการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนมิ.ย.จะเพิ่มขึ้น 555,000 ตำแหน่ง และเพิ่มขึ้น 700,000 ตำแหน่งตามลำดับ
  • แนวโน้มราคาทองคำคาดเคลื่อนไหวในกรอบ 1,770-1,800 ดอลลาร์ โดยทองคำมีแนวต้าน 1,790 ดอลลาร์ และยังมีแนวต้านสำคัญ 1,800 ดอลลาร์ ส่วนแนวรับอยู่ที่ 1,770 ดอลลาร์ และ 1,760 ดอลลาร์

ราคาทองตลาดโลก

Closechg.SupportResistance
1,780.30+6.001,770/1,7601,790/1,800

ราคาทองแท่ง 96.5%

Closechg.SupportResistance
26,85026,700/26,55026,950/27,050

โกลด์ฟิวเจอร์ส

ClosechgSupportResistance
27,000+1026,850/26,70027,100/27,250

แนะนำเปิดสถานะขายถ้าราคาทองคำ Spotปรับขึ้นมาที่แนวต้าน1,800ดอลลาร์ (GF 27,270 บาท) โดยมีจุดขายตัดขาดทุนที่ 1,805ดอลลาร์ (GF 27,350บาท)ส่วนการเข้าซื้อเก็งกำไรการฟื้นตัวแนะนำเมื่อราคาทองคำ Spot ปรับลงมาที่ 1,770 ดอลลาร์ (GF26,850บาท) โดยมีจุดขายตัดขาดทุนที่ 1,760ดอลลาร์ (GF 26,700บาท)

โกลด์ออนไลน์ฟิวเจอร์

ClosechgSupportResistance
1,783.10-3.801,773/1,7631,793/1,803

แนะนำเปิดสถานะขายถ้าราคาGOU21ปรับขึ้นมาที่แนวต้าน1,803ดอลลาร์โดยมีจุดขายตัดขาดทุนที่ 1,808ดอลลาร์ ส่วนการเข้าซื้อเก็งกำไรการฟื้นตัวแนะนำเมื่อราคาGOU21ปรับลงมาที่ 1,773ดอลลาร์โดยมีจุดขายตัดขาดทุนที่ 1,763ดอลลาร์

ค่าเงิน

ทิศทางเงินบาทในวันนี้คาดอ่อนค่าลง ซึ่งเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเมื่อเทียบกับเงินสกุลหลักเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาเนื่องจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจแข็งแกร่ง  โดยดัชนีราคา PCE พื้นฐานเดือนพ.ค. เพิ่มขึ้น 3.4% เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นการพุ่งขึ้นมากที่สุดในรอบเกือบ 30 ปี เงินบาทยังได้รับปัจจัยกดดันจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิดในประเทศที่ยังมีผู้ติดเชื้อในระดับที่สูงในกทม.และปริมณฑล

สำหรับ USD Futures เดือนก.ย.2564 คาดจะมีแนวรับที่ 31.70 บาท/ดอลลาร์ ขณะที่มีแนวต้านที่ 31.90 และ 32บาท/ดอลลาร์

News

ตลาดการเงินต่างประเทศ: ดัชนีดอลลาร์ปรับตัวขึ้นขานรับข้อมูลเศรษฐกิจ-เงินเฟ้อสหรัฐขยายตัว

ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินปอนด์ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา (25 มิ.ย.) โดยได้แรงหนุนจากการที่สหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งรวมถึงข้อมูลเงินเฟ้อที่ขยายตัวดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงินเพิ่มขึ้น 0.04% แตะที่ 91.8522 เมื่อคืนนี้

ตลาดโลหะมีค่าต่างประเทศ : ทองปิดบวก 1.1 ดอลลาร์ข้อมูลเงินเฟ้อสหรัฐเพิ่มหนุนราคา

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา (25 มิ.ย.) โดยได้แรงหนุนจากการเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นในสหรัฐทั้งนี้สัญญาทองคำตลาดCOMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค. เพิ่มขึ้น 1.1 ดอลลาร์หรือ 0.06% ปิดที่ 1,777.8 ดอลลาร์/ออนซ์และปรับตัวขึ้น 0.5% ในรอบสัปดาห์นี้ซึ่งเป็นการปรับขึ้นรายสัปดาห์เป็นครั้งแรกในรอบ 4 สัปดาห์สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 3.7 เซนต์หรือ 0.14% ปิดที่ 26.09 ดอลลาร์/ออนซ์

ตลาดน้ำมันดิบต่างประเทศ :น้ำมันWTI ปิดบวก 75 เซนต์ขานรับแนวโน้มดีมานด์เพิ่มตามเศรษฐกิจฟื้นตัว

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา (25 มิ.ย.) โดยปรับตัวขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 5 ติดต่อกันเนื่องจากนักลงทุนยังคงเชื่อมั่นเกี่ยวกับแนวโน้มอุปสงค์น้ำมันท่ามกลางการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกสัญญาน้ำมันดิบWTI ส่งมอบเดือนส.ค. เพิ่มขึ้น 75 เซนต์หรือ 1% ปิดที่ 74.05 ดอลลาร์/บาร์เรลและเพิ่มขึ้น 3.9% ในรอบสัปดาห์นี้ สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนส.ค. เพิ่มขึ้น 62 เซนต์หรือ 0.8% ปิดที่ 76.18 ดอลลาร์/บาร์เรลและเพิ่มขึ้น 3.6% ในรอบสัปดาห์นี้

ตลาดหุ้นต่างประเทศ :ดาวโจนส์ปิดบวก 237.02 จุดหุ้นไนกี้-หุ้นแบงก์หนุนตลาด

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา (25 มิ.ย.) และดัชนีS&P 500 ปิดตลาดสัปดาห์นี้ที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์โดยได้แรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของหุ้นไนกี้และหุ้นธนาคารหลายแห่งขณะที่การเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อของสหรัฐที่ต่ำกว่าคาดได้ช่วยคลายความวิตกของบรรดานักลงทุนที่กังวลว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะยกเลิกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเร็วกว่าคาด ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,433.84 จุดเพิ่มขึ้น 237.02 จุดหรือ +0.69%, ดัชนีS&P500 ปิดที่ 4,280.70 จุดเพิ่มขึ้น 14.21 จุดหรือ +0.33% และดัชนีNasdaq ปิดที่ 14,360.39 จุดลดลง 9.32 จุดหรือ -0.06%

ขอขอบคุณ  : บริษัท ฮั่วเซ่งเฮง โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด(HGF)

วิเคราะห์ราคาทองคำ 28 มิ.ย.64(SCT)

วิเคราะห์ราคาทองคำ

คำแนะนำ   :  

สัปดาห์นี้ระวังความผันผวนจากชุดตัวเลขสหรัฐฯ &ทางเทคนิครอการ BREAKOUT

แนวรับ 1770|1763|1750   แนวต้าน 1795|1800|1820
              Gold/silver                USD               Baht        DOW (stock)
ระยะสั้น   SW/SW DOWN   SW/SW UP          SW              SW  
ระยะกลาง    SW                        SW                 SW           SW UP
ระยะยาว   NEUTRAL            BULLISH        NEUTRAL   BULLISH

คำแนะนำรายวัน SIDEWAYS  1760-1800

จุดเข้า BUY 1740-50
เป้าหมาย 1800
SL 1730
รายสัปดาห์

คำแนะนำรายเดือน 1700-1900

จุดเข้า BUY 1730-55
เป้าหมาย 1850-1900
SL 1700

บทวิเคราะห์

ตลาดกำลังสับสนท่าทีของเฟด สัปดาห์ก่อนวันประชุม FOMC เฟดแจ้งจะรีบขึ้นดอกเบี้ยก่อนกำหนดพาทองร่วง แต่สัปดาห์ที่ผ่านมาพาวเวลล์แถลงด้วยท่าทีอาจไม่เร่งขึ้นดอกเบี้ยและข่าวว่าปธน.ไบเดน แจ้งงบประมาณมหาศาลกำลังจะผ่านสภา บิทคอยน์ก็ร่วงหนัก 3ปัจจัยน่าจะดีกับทองแต่ทองก็ไม่สามารถทะลุ $1800 ได้ยังดูอึมครึม สัปดาห์นี้มีประกาศตัวเลขการผลิตและตัวเลขจ้างงานสหรัฐฯ คาดว่าตลาดจะต้องเลือกทิศทางแล้ว โดยรวมถ้าราคาลงแต่กลับมาทรงๆแถวนี้ได้ก็มีลุ้นการรีบาวด์ข้าม $1800 เพื่อไป $1820/1830 โดยมีแนวรับสำคัญที่ $1850 คาดว่าราคาในสัปดาห์นี้จะแกว่งแรงหรือผันผวน แต่ท้ายสุดทองอาจจะรีบาวด์

กลยุทธ์ :

ราคาทองถูกบีบแคบพร้อมระเบิดในสัปดาห์ ถ้ามีการลงก็อาจจะเป็นการลงเพื่อขึ้นเพราะตลาดเริ่มรับข่าวเฟดมาเยอะ และมีสัญญาณกลับตัวไดเวอร์เจนในทางเทคนิค ในกรณีทะลุ $1795/1800 ได้อาจซื้อตามเพื่อลุ้นรีบาวด์สั้นๆได้ อย่างไรก็ตามหากราคาทองยืน $1750 ไม่ได้ทองจะเป็นขาลงใหญ่

ขอขอบคุณ : บริษัท ซินเนอร์จี้ คอมโมดิตี้ส์ เทรด จํากัด

วิเคราะห์ราคาทองคำวันนี้ 28 มิ.ย.64 (GT)

GT GOLD BULLION

Fundamental

  • ดัชนีราคาค่าใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคลพื้นฐาน (core PCE)ชี้ว่าอัตราเงินเฟ้อในเดือนพ.ค.พุ่งขึ้นมากที่สุดในรอบเกือบ 30 ปี โดย+3.4% yoyในขณะที่ดัชนีทั่วไป (PCE) +3.9% yoy สูงสุดในช่วงเกือบ 3 ปี เนื่องจากตัวเลขต่ำผิดปกติจากวิกฤตโควิดในปีที่แล้ว
  • ลอว์เรนซ์ ซัมเมอร์ส อดีตรมว.คลังสหรัฐฯมองเศรษฐกิจสุดโต่ง หลังคาดเงินเฟ้อจะแตะ5% สิ้นปีนี้ ทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรจะปรับตัวขึ้นตาม
  • ประธาน Fed สาขามินเนอาโพลิส คาดว่าเงินเฟ้อที่เพิ่งพุ่งขึ้นมาในช่วงนี้จะปรับตัวลดลงในไม่ช้า

Technical

  • รูปซ้ายราคาสวิงตัดเส้นขาลงไปมา แต่ RSI แกว่งขึ้นแค่เล็กน้อย จึงยังไม่ใช่สัญญาณกลับตัวเป็นขาขึ้น แต่อาจเป็นสัญญาณว่าใกล้จบขาลง
  • รูปขวาราคาสวิงไร้ทิศทางระหว่าง1,770-1,795แต่การตัดเส้นขาลงได้แสดงถึงโอกาสจะรีบาวด์มากกว่า คาดว่าถ้าผ่านแนวต้าน 1,795-1,800 ราคาจะพุ่งแรง
  • ทิศทางวันนี้เริ่มมีสัญญาณเลือกทาง
  • จับจังหวะเล่นยังไง?ซื้อสะสมเมื่อราคาย่อลงในช่วง1,755-1,765ถ้าหลุดต่ำกว่านี้ก็ stop loss หรือ follow buy เมื่อผ่าน 1,800 แล้วย่อลงมาไม่หลุด 1,795

Attention

ติดตามผลการเจรจาวงเงินเบิกจ่าย 1.7 ล้านล้านดอลลาร์ ระหว่างพรรคเดโมแครตกับพรรครีพับลิกัน

ขอขอบคุณ  : บริษัท จีที โกลด์ บูลเลี่ยน จำกัด

ทั้งผู้เชี่ยวชาญและนักลงทุนมองทองสัปดาห์หน้าเป็นบวก

GRC Gold Survey 28 มิ.ย. – 2 ก.ค.64

ผลสำรวจมุมมองต่อทิศทางราคาทองคำในประเทศรายสัปดาห์ระหว่างวันที่ 28 มิ.ย. – 2 ก.ค. 64 จากการสำรวจ GRC Gold Survey โดย ศูนย์วิจัยทองคำ

14 ผู้เชี่ยวชาญในตลาดทองคำที่ได้มีส่วนร่วมตอบแบบสำรวจ ในจำนวนนี้มี 7 ราย หรือเทียบเป็น 50% คาดว่าราคาทองคำในสัปดาห์หน้าจะปรับเพิ่มขึ้น ส่วนจำนวน 3 ราย หรือเทียบเป็น 21% คาดว่าราคาทองคำจะลดลง และ จำนวน 4 ราย หรือเทียบเป็น 29% คาดว่าราคาทองคำจะใกล้เคียงกับสัปดาห์ที่ผ่านมา

สำหรับนักลงทุนทองคำ ได้เข้าร่วมตอบแบบสำรวจ จำนวน 315 ราย ในจำนวนนี้มี 134 ราย หรือเทียบเป็น 43% คาดว่าราคาทองคำในประเทศของสัปดาห์หน้าจะปรับเพิ่มขึ้น ส่วนจำนวน 120 ราย หรือเทียบเป็น 38% คาดว่าราคาทองคำจะลดลง และ จำนวน 61 ราย หรือเทียบเป็น 19% คาดว่าราคาทองคำจะใกล้เคียงกับสัปดาห์ที่ผ่านมา

สถานการณ์ราคาทองคำ

ราคาทองคำแท่งในประเทศ 96.5% ตามประกาศสมาคมค้าทองคำ ในสัปดาห์ที่ผ่านมาเคลื่อนไหวอยู่ระหว่าง 26,500 – 26,900 บาท ต่อบาททองคำ โดยราคาทองคำปิดอยู่ที่ระดับ 26,850 บาท ต่อบาททองคำ ปรับเพิ่มขึ้น 450 เมื่อเปรียบเทียบกับราคาปิดของสัปดาห์ก่อนหน้า (สัปดาห์ก่อนหน้าปิดที่ 26,400 บาท) ดูรายงาน GRC ฉบับก่อนหน้า

ปัจจัยที่ต้องติดตาม

1. นักการทูตระดับสูงของจีน และสหรัฐฯ มีแนวโน้มจัดการเจรจาร่วมกันระหว่างการประชุม G20 ในประเทศอิตาลี ซึ่งส่งสัญญาณว่ารัฐบาลของทั้ง 2 ประเทศกำลังพยายามผ่อนคลายความสัมพันธ์ที่ตึงเครียด

2. การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ในสหรัฐฯ หลังจากประธานาธิบดีสหรัฐฯ เตือนว่ายอดผู้เสียชีวิตจากเชื้อไวรัส COVID-19 สายพันธุ์เดลตา จะพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่อันตราย และน่าวิตกอย่างยิ่ง

3. การประชุมกำหนดนโยบายการผลิตของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (OPEC) และชาติพันธมิตร (OPEC Plus) ในวันที่ 1 กรกฎาคม 2564 ในประเด็นเกี่ยวกับการเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมัน เดือน สิงหาคม 2564 ซึ่งอาจกดดันตลาดหุ้นในกลุ่มพลังงาน จนส่งผลบวกต่อราคาทองคำ

4. รายงานตัวเลขทางเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯ เช่น ตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชน, ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร, จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, อัตราการว่างงาน และรายได้เฉลี่ยต่อชั่วโมง

ที่มา : ศูนย์วิจัยทองคำ

อินเตอร์โกลด์แนะมือใหม่ 3 เรื่องที่ต้องรู้ก่อนเริ่มลงทุนทองคำแท่ง

ก่อนอื่นหลายคนอาจจะสงสัยว่าการลงทุนในทองคำแท่งนี้ จะได้ผลตอบแทนมากน้อยคุ้มค่ากับการลงทุนไหม แต่สิ่งแรกที่จำเป็นต้องรู้ คือ 3 เรื่อง ไปดูกันเลยครับ

หน่วยของการซื้อขายทองคำ

1. หน่วยของการซื้อขายทองคำ

Oz         

หน่วยออนซ์ (Oz) เป็นหน่วยหลักที่ใช้ในการซื้อขายทองคำทั่วโลกอย่างถ้าใครเคยดูราคาทองมาบ้างราคาที่แสดงในรูป US Dollar นั้นจะ อยู่ในหน่วย Oz ทั้งหมดเช่นราคาทองที่ 1,200 , 1,300 , 1,400 US Dollar พวกนี้คือราคาต่อ 1 Oz

บาททอง

หน่วยบาททองนั้นจะเป็นหน่วยยอดฮิตในประเทศไทยเรานะครับอย่างตามร้านทองที่ติดป้ายประกาศอยู่นั้นคือ ราคาต่อ 1 บาททองนั้นเองครับ  เอาง่ายๆถ้า Oz เป็นหน่วยหลักของโลก บาททองก็คือหน่วยหลักในประเทศไทยนั่นเองครับ

Kg

Kg นั้นเป็นหน่วยที่อาจจะไม่ค่อยมีใครคุ้นชินเท่าไร โดยส่วนมากเเล้วจะเป็นหน่วยที่โบรคเกอร์ทองใช้ซื้อขายเพื่อนำเข้าส่งออกมากกว่า แต่ก็มีรายย่อยบางคนที่ซื้อขายกันในหน่วยนี้

หากอยากแปลงหน่วยจะมีค่าดังนี้ครับ

ทอง 1 Kg = 65.6 บาททอง = 32.148 Oz

ประเภทของทองคำ

2. ประเภทของทองคำ

ทองคำ 99.99       

เรียกอีกชื่อว่าทองคำโฟร์ไนน์(เก้า4ตัวนั่นเอง)เป็นทองคำบริสุทธิ์ 99.99% ซึ่งโดยหลักๆเเล้วจะมีขายเป็นทองเเท่งเท่านั้น แต่ก็มีบ้างที่เอาไปทำรูปพรรณโดยสาเหตุที่ไม่ค่อยนิยมเอาไปทำรูปพรรณก็เพราะด้วยเปอร์เซนต์ทองที่เยอะทำให้ขึ้นรูปออกมายากกว่านั้นเอง โดยหน่วยซื้อขายของทองคำ 99.99 จะเป็นหน่วย Kg เป็นหลัก ดังนั้นถ้าใครอยากเทรดทอง 99.99 อาจจะต้องมีเงินเยอะซักนิดนึงเพราะซื้อขั้นต่ำทีละ 1 Kg

ทองคำ 96.5         

ทองคำ 96.5 นั้นเป็นทองคำบริสุทธิ์ 96.5 % อีก 3.5 % จะเป็นส่วนประสมของเงิน ซึ่งทองคำชนิดนี้นั้นถือเป็นทองคำที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในประเทศไทยทั้งทองเเท่งเเละรูปพรรณครับ สาเหตุที่ทองคำ 96.5% ได้รับความนิยม ก็เพราะว่าเป็นสัดส่วนที่เหมาะกับการขึ้นรูปเป็นเครื่องประดับ และการที่มีแร่เงินผสมอยู่ 3.5% ก็เพื่อเพิ่มความแข็งแรงของเครื่องประดับ ถ้าเป็นทอง 99.99% จะมีข้อจำกันในการสร้างสรรค์เป็นเครื่องประดับ เพราะทำให้ทองคำอ่อนเกินไป ส่วนทองคำที่ต่ำกว่า 96.5% ก็จะไม่นิยมนำมาซื้อขายกัน เพราะเวลาที่ใช้งานไปเรื่อยๆ ทองคำที่ต่ำกว่า 96.5% จะเปลี่ยนสีเป็นออกเขียวๆ หรือที่เขาเรียกกันว่า”ทองเขียว” โดยหน่วยซื้อขายหลักๆนั้นจะอยู่ในรูปบาททอง ซึ่งเป็นหน่วยยอดฮิตของประเทศไทยนั่นเอง

ทองเค (Karat, กะรัตทอง)

หรือคนไทยเรียกสั้นๆง่ายๆว่า “K” มันเป็นหน่วยวัดส่วนผสมของทองในส่วนต่อ 1000 หรือ 100% ก็คือ 24k นั่นเอง เพราะฉะนั้น ตัว K หรือกะรัต มักจะใช้ตัวย่อเป็นตัวเลข 3 หลัก หรือไม่ก็ K ตรงๆไปเลย ยกตัวอย่างนะ ถ้าตัวเลข3หลักคือ 585 ก็หมายถึง ทอง 14K ซึ่งมีเนื้อทองคำผสมอยู่ 58.5% ดังนั้น ทองเคก็คือทองคำแท้ๆนั่นเอง ซึ่งทองประเภทนี้นั้นส่วนมากจะเน้นทำเครื่องประดับมากกว่าครับไม่ค่อยที่นิยมใช้ลงทุนกัน

วิธีคำนวณราคาทองคำไทย

3. วิธีคำนวณราคาทองคำไทย

ทองคำ 99.99

= (( Gold Spot + ค่าธรรมเนียมการให้บริการ ) x 32.148 x USDTHB ) / 65.6

*ทองคำ 99.99 ในประเทศนั้นจะแปลกอยู่นิดนึงก็คือมัน อ้างอิง ราคาเป็นต่อบาททองเเต่ถ้าจะซื้อขายจริงๆ ต้องซื้อเป็นหน่วย Kg (งงมั้ยหละ) เช่นถ้าราคาทอง 99.99 อยู่ที่ 21,000 บาทแต่เวลาซื้อขายจริงขั้นต่ำก็คือ 1 Kg ซึ่งมีมูลค่า = 65.6 x 21,000 =  1,377,600 บาทนั้นเองครับ

ทองคำ 96.5

= (( Gold Spot + ค่าธรรมเนียมการให้บริการ ) x 32.148 x USDTHB x 0.965) / 65.6

สำหรับทองคำ 96.5 นั้นตรงตัวครับตามสูตรนี้เลย

สุดท้ายคงต้องฝากไว้ว่า สำหรับ มือใหม่ที่อยากเริ่มต้นลงทุน ในทองคำจะต้องทำความเข้าใจก่อนว่าทองคำเป็นสินทรัพย์ที่มีความผันผวนตลอดเวลาตามปัจจัยทางเศรษฐกิจโลก เช่น ค่าเงินดอลล่าร์สหรัฐ และนโยบายการเงินของธนาคารต่าง ๆ ทั่วโลก ดังนั้นการลงทุนในทองคำจึงมีความเสี่ยงเหมือนกับการลงทุนในด้านอื่น ๆ ครับ

หมู-เทรดเดอร์อินเตอร์โกลด์

CIBC ชี้ราคาทองคำยังคงมีเส้นทางสู่ $2,000 เหตุเม็ดเงินยังล้นตลาด

Canadian Imperial Bank of Commerce (CIBC)

แม้ว่าราคาทองคำในขณะนี้ จะยังไม่สามารถกลับขึ้นไปยืนเหนือ ระดับ 1,800 ดอลลาร์ได้ ท่ามกลางกระแสข่าวที่ ธนาคารกกลางสหรัฐฯ จะพิจารณาลด QE และปรับขึ้นดอกเบี้ย แต่ด้วยอัตราเงินเฟ้อที่ยังสูงอยู่ ทำให้นักวิเคราะห์มองว่า ยังเป็นผลบวกต่อราคาทองคำ

Kitco news ได้รายงานโดยอ้างถึงบทวิเคราะห์ของ นักวิเคราะห์สินค้าโภคภัณฑ์ จาก CIBC ที่ได้ปรับการคาดการณ์ราคาสำหรับทองคำ โดยยังคงมองในแง่ดีว่า ราคาทองคำจะพุ่งขึ้นสูงสุดเหนือ $2,000 ต่อออนซ์ ภายในปี 2022

ขณะที่ธนาคารแคนาดา คาดการณ์ราคาทองคำเฉลี่ยในปีนี้อยู่ที่ 1,925 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และในปี 2565 ราคาเฉลี่ยทองคำจะอยู่ที่ 2,100 ดอลลาร์/ออนซ์

นักวิเคราะห์ มองว่าความต้องการทองคำ ที่เป็น Physical Gold จะยังคงเพิ่มสูงขึ้น โดยนักลงทุนยังคงมองหาสินทรัพย์การลงทุนที่เป็นตัวเลือกที่ปลอดภัย เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากความผันผวนของตลาด

photo by Michael Steinberg | pexels.com
photo by Michael Steinberg | pexels.com

ทั้งนี้ แม้ว่าแรงกดดันด้านเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น กำลังทำให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) มีท่าทีจะเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงินมากขึ้น อาจจะเริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปี 2566 ซึ่งนักลงทุนจำเป็นต้องให้ความสนใจกับอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริง ซึ่งการเพิ่มขึ้นของอัตราเงินเฟ้อจะช่วยเพิ่มราคาทองคำอย่างไม่ต้องสงสัย

นักวิเคราะห์ คนดังกล่าวยังมองเพิ่มเติมว่า จากประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา แม้จะแสดงให้เห็นว่า ทองคำดูไม่น่าสนใจเมื่อดอกเบี้ยเพิ่มสูงขึ้น แต่ราคาทองคำจะรักษาระดับไว้ได้ดีกว่า จนกว่าอัตราดอกเบี้ยจริงจะฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญ และการฟื้นตัวดังกล่าว ยังห่างไกลจากระยะนี้มาก

และจากการเพิ่มขึ้นของอัตราเงินเฟ้อในช่วงหลายเดือนข้างหน้า รวมถึงแรงกดดันที่ FED อาจจะต้องขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อจัดการเงินเฟ้อ และสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจ ยังคงเชื่อว่าในไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ ราคาทองคำจะยังคงไต่ระดับต่อไปได้

ประเด็นสำคัญแม้ FED จะเริ่มกระชับนโยบายการเงิน แต่รัฐบาลสหรัฐฯ ก็ยังคงอัดฉีดสภาพคล่องเข้าระบบเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ ปธน.โจ ไบเดน ยังได้เสนอแผนการใช้จ่ายมูลค่า 6 ล้านล้านดอลลาร์ ส่งผลให้ยอดขาดดุลประจำปีในทศวรรษหน้าของสหรัฐฯ มหาศาล ดังนั้น เมื่อมองโดยรวม สภาพคล่องในระดับมหภาคยังคงสูง และมีแนวโน้มไม่คาดว่าจะเปลี่ยนแปลงในเร็ว ๆ นี้ ทำให้คาดหวังว่า FED จะใช้แนวทางที่ระมัดระวังในการกระชับนโยบายการเงิน

photo by Michael Steinberg | pexels.com
photo by Michael Steinberg | pexels.com

ราคาทองคำยังไร้แรงฮึด YLG แนะจับตาหนี้สาธารณะสหรัฐฯ พุ่งสูง

YLG GOLD BULLION

การเคลื่อนไหวราคาทองคำ ตั้งแต่ช่วงต้นสัปดาห์นี้ ได้ขยับ sideway กรอบ 1,797-1,761 ดอลลาร์ หลังปรับตัวลดลงแรงจากผลประชุมเฟดเมื่อกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นจุดสำคัญ และทำให้ราคาทองคำลดลงกว่า 100 ดอลลาร์ ( ดูตารางการเคลื่อนไหวราคาทองคำ )

คุณฐิภา นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG) เปิดเผยว่า ในระยะสั้นราคาทองมีสัญญาณแกว่งตัวลดลง ราคายังมีโอกาสฟื้นตัวได้ หากสามารถกลับไปยืนเหนือ 1,800 ดอลลาร์ หรือ 27,150 บาทได้ โดยแนวต้านต่อไปจะอยู่ที่ 1,840 ดอลลาร์ หรือ 27,800 บาท และหากกลับไปยืนเหนือ 1,870 ดอลลาร์ หรือ 28,250 บาทได้ ก็สัญญาณทางเทคนิคก็จะกลับมาเป็นขาขึ้นอีกครั้ง

ฐิภา นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนฟิวเจอร์ส จำกัด หรือ YLG
ฐิภา นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนฟิวเจอร์ส จำกัด หรือ YLG

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร YLG กล่าวเพิ่มเติมว่า ในทางกลับกัน หากราคาทองคำไม่สามารถยืนที่แนวต้านดังกล่าวได้ จะเป็นสัญญาณเชิงลบ และมีโอกาสจะลงไปทดสอบแนวรับที่จุดต่ำสุดสัปดาห์ก่อน ที่ระดับ 1,761 ดอลลาร์ หรือ 26,550 บาท หรือ มีโอกาสทำจุดต่ำสุดใหม่

ส่วนราคาทองคำในประเทศไทยยังมีปัจจัยบวกจากค่าเงินบาทที่อ่อนค่าในช่วงนี้ และยังมีทิศทางอ่อนค่าไปทดสอบที่ประมาณ 32 บาท ต่อดอลลาร์สหรัฐ หลังคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มองเศรษฐกิจไทยยังมีความเสี่ยงด้านต่ำอย่างมีนัยสำคัญ

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร YLG กล่าวถึงประเด็นที่ต้องจับตามองหลังจากนี้ คงต้องติดตามตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ เพราะจะเป็นตัวแปรสำคัญ สำหรับการดำเนินนโยบายการเงินของเฟดในอนาคต โดยเฉพาะตัวเลขที่เกี่ยวข้องกับเงินเฟ้อและตลาดแรงงาน

“หากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง จะเป็นปัจจัยสนับสนุนการชะลอมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจทางการเงินของเฟด ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนสกุลเงินดอลลาร์ และกดดันราคาทองคำ แต่หากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาไม่ดี อาจส่งผลให้ เฟด ชะลอแผนการต่าง ๆ ทั้ง QE tapering และการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยออกไป ซึ่งจะสร้างแรงหนุนให้แก่ราคาทองคำ” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร YLG กล่าวกับ GoldAround

นอกจากนั้น ยังต้องติดตามหนี้สาธารณะที่เพิ่มขึ้น จากการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจทางการคลังของสหรัฐฯ โดยในปีที่แล้วมีเม็ดเงินในระบบเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่มาจากนโยบายการเงิน และนโยบายการคลัง แล้วอย่างน้อย ๆ กว่า 4 ล้านล้านดอลลาร์

โจ ไบเดน ปธน.สหรัฐอเมริกา
โจ ไบเดน ปธน.สหรัฐอเมริกา

และเมื่อต้นปีที่ผ่านมา รัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การนำของ ประธานาธิบดี โจ ไบเดน ได้ผลักดันมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ชื่อว่า “American Rescue Plan” วงเงิน 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ เพิ่มเติมอีก รวมถึงยังพยายามผลักดันมาตรการสร้างงานและช่วยเหลือครัวเรือนในสหรัฐฯ รอบใหม่ ที่มีวงเงินรวมอีก 4 ล้านล้านดอลลาร์ ทำให้สหรัฐฯ ต้องก่อหนี้เพิ่มขึ้น

ล่าสุด ทำเนียบขาวสามารถบรรลุข้อตกลงกับสภาคองเกรส ในการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน วงเงิน 5.79 แสนล้านดอลลาร์ โดยมีเป้าหมายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ และการจ้างงานในสหรัฐฯ ซึ่งเป็นหนึ่งในแผน American Jobs Plan โดยจะครอบคลุมการลงทุนโครงการสร้างถนน สะพาน ทางรถไฟ โครงสร้างพื้นฐานสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า อินเทอร์เน็ตความเร็วสูงและโครงการอื่นๆ ( อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม ) ทำให้สถานะทางการคลังของสหรัฐฯ ยิ่งทรุดตัวลง

“ผลจากภาวะหนี้ที่อยู่ในระดับสูงทำให้เฟดจำเป็นต้องรักษาระดับของอัตราดอกเบี้ยไว้ในระดับต่ำเพื่อลดภาระต่อรัฐบาลในการจ่ายคืนดอกเบี้ย และรัฐบาลสหรัฐต้องระดมเงินผ่านการออกประมูลพันธบัตรรัฐบาล ทำให้อุปทานของพันธบัตรสหรัฐมีสูงขึ้นจนเป็นปัจจัยกดดันอัตราผลตอบแทนพันธบัตร ที่สำคัญคือเม็ดเงินในระบบเศรษฐกิจในปริมาณอาจกระตุ้นภาวะเงินเฟ้อในประเทศ จะทำให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ มีค่าลดลง ซึ่งเป็นปัจจัยหนุนราคาทองคำ” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร YLG กล่าว

ขอขอบคุณ บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จํากัด

InterGold : goldspot ยังขยับกรอบแคบแนะซื้อสะสม ส่วนทองไทยได้เงินบาทอ่อนค่าหนุน

ราคาทองคำวันนี้ยังคงนิ่งเกาะกรอบบริเวณ 1,772-1,795 ดอลลาร์ หลังจากที่ทิ้งตัวลงมา 120 ดอลลาร์ เมื่อสัปดาห์ก่อน คาดว่าตลาดยังคงต้องอาศัยการปรับฐานอีกสักระยะ คาดว่าในเดือนกรกฏาคม หรือ ต้นสัปดาห์หน้าอาจเห็นการเคลื่อนไหวที่ชัดเจนกว่านี้

เนื่องจากในสัปดาห์หน้ามีการประกาศตัวเลขการจ้างงาน ซึ่งทางเฟดได้ให้ความสำคัญกับเรื่องดังกล่าวเหนือเงินเฟ้อ ราคาทองคำอาจต้องอาศัยข่าวเพื่อให้ราคาวิ่งเลือกทาง

ด้านค่าเงินบาทยังคงอ่อนต่อเนื่องล่าสุดเกือบแตะระดับ 32 บาทต่อดอลลาร์ได้ ในระยะกลางถึงยาว ยังคงมองว่ามีโอกาสที่ค่าเงินบาทสามารถอ่อนต่อได้อีกถึงระดับ 33 ถือว่าเป็นสัญญาณที่ดีสำหรับทองคำแท่ง ที่ราคาอาจได้บาทช่วยพยุงในฝั่งซื้อได้

ในทาง Technical ราคาได้ลงมาลึกและเร็วจากสัปดาห์ก่อน ทรงแบบนี้มีโอกาสที่ราคาจะรีบาวด์และเริ่มปรับตัวออกข้างรอเลือกทางต่อไป กราฟในระดับ 4 ชั่วโมง และรายวัน อาจยังขาดสัญญาณไดเวอร์เจน ซึ่งอาจมีความเป็นไปได้ว่าราคาในระยะสั้นอาจปรับตัวลงต่ออีก 1 ครั้ง เพื่อให้เกิดสัญญาณดังกล่าวและพร้อมกลับตัว

โดยคาดว่าการลงสูงสุดครั้งนี้อยู่บริเวณ 1752-1755 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นแนวรับใหญ่เดิม โดยหากราคายังไม่เลือกทางก็คาดว่าจะเกาะกรอบ 1772-1795 ดอลลาร์ ไปอีกสักพักหนึ่ง และไปรอการเลือกทางในต้นเดือนกรกฏาคม

กลยุทธ์การลงทุน หากเป็นสายเก็บสะสมและได้ราคาที่ถูกใจอาจใช้การซื้อเฉลี่ยเข้ามา ที่ระดับ 1760-1780 ดอลลาร์ ส่วนการเก็งกำไรระยะสั้น ให้คาดหวังกรอบการเทรดที่ 1772-1795 ดอลลาร์ ไปก่อน หรือจะรอจุดต่ำสุดใหม่ที่ต่ำกว่า 1760 ดอลลาร์ค่อยทยอยซื้อได้

ทั้งนี้คาดว่าแนวต้านแรกจะอยู่ที่ 1788 ดอลลาร์ หรือ 26,860 บาท แนวต้านสอง : 1795 ดอลลาร์หรือ 26,930 บาท ส่วนแนวรับแรกจะอยู่ที่ : 1772 ดอลลาร์ หรือ 26,700 บาท แนวรับสอง : 1760 ดอลลาร์หรือ 26,600 บาท และแนวรับสาม : 1755 ดอลลาร์ หรือ 26,550 บาท

สมาคมค้าทองคำ ประกาศราคาทองคำวันที่ 25 มิ.ย. เช้านี้ลดลง 50 บาท

photo by Michael Steinberg | pexels.com

ราคาทองคำยังแกว่งตัวกรอบ $1,787-$1,778 รอ break out โดยราคาพยายามกลับขึ้นไปยืนเหนือ $1,780 แต่ถูกแรงเทขายกดไว้ตลอด

และในสัปดาห์นี้ ยังคงต้องติดตามความเห็นของ ปธ.เฟด สาขาต่าง ๆ ที่ออกมาให้ความเห็นเกี่ยวกับเรื่องการขึ้นดอกเบี้ย และลด QE ซึ่งจะกดดันราคาทองคำอย่างหนัก ส่วนราคาทองคำในประเทศเช้านี้ ลดลง 50 บาท

ราคาทองคำวานนี้ ปิดลดลง 3.60 ดอลลาร์ โดยราคาทองคำยังคงเคลื่อนไหวในกรอบแคบระหว่าง 1,787-1,778 ดอลลาร์ โดยราคาทองคำได้รับแรงหนุนจากการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ออกมาแย่เกินคาด

ทั้งนี้ ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรก ตัวเลขประมาณการ ครั้งที่ 3 สำหรับ GDP ประจำไตรมาส 1/2021 ออกมาตามคาด ทำให้ราคาทองคำดีดตัวขึ้นไปทดสอบระดับสูงสุดในระหว่างวัน บริเวณ 1,787 ดอลลาร์

แต่ในท้ายที่สุด ราคาทองคำก็มาถูกกดดันจากราคาหุ้นสหรัฐฯ ที่ปรับตัวขึ้นแรง หลัง ปธ.ไบเดนฯ ประกาศว่าทำเนียบขาวบรรลุข้อตกลงกับสภาคองเกรส ในการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและการจ้างงานในสหรัฐฯ วงเงิน 5.79 แสนล้านดอลลาร์ รวมถึงแรงซื้อหุ้นกลุ่มธนาคารหลังธนาคารรายใหญ่ 23 แห่งของสหรัฐฯ ผ่านการทดสอบ Stress Test ทำให้ราคาร่วงลงมาปิดตลาดที่ 1,774 ดอลลาร์

ส่วนราคาทองคำในช่วงเช้าที่ผ่านมา ยังคงเคลื่อนไหวอยู่แนวเดิม โดยพยายามขึ้นไปแตะ 1,780 ดอลลาร์ แต่ยังไม่สำเร็จ ( ดูกราฟการเคลื่อนไหวราคาทองคำ ) และมีโอกาสที่จะลงไปหาแนวรับเดิมแถว 1,770 ดอลลาร์ แต่หากทะลุ 1,780 ดอลลาร์ไปได้ เป้าต่อไปก็คือ 1,788 ดอลลาร์

ส่วนราคาทองคำในประเทศ ที่ประกาศโดยสมาคมค้าทองคำ เช้านี้ลดลงอีกบาทละ 50 บาท โดยราคารับซื้อทองคำแท่งเช้านี้อยู่ที่บาทละ 26,700 บาท ขายออกบาทละ 26,800 บาท ( ดูตารางราคาทองคำของสมาคมค้าทองคำ )

ขณะที่กองทุน SPDR ถือครองทองลดลงอีก 3.78 ตัน ทำให้สัปดาห์นี้ขายทองคำออกไปแล้วประมาณ 10 ตัน

วันนี้ จับตาการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ อาทิ Core PCE, รายได้ส่วนบุคคล และการใช้จ่ายส่วนบุคคล รวมถึงถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด อาทิ ประธานเฟดคลีฟแลนด์, ประธานเฟดบอสตัน และ ประธานเฟดนิวยอร์ก

ดูการคาดการณ์กรอบการเคลื่อนไหวราคาทองคำวันนี้

YLG

แนวรับ 1,761 ดอลลาร์ 1,749 ดอลลาร์ และ1,733 ดอลลาร์
แนวต้าน 1,796 ดอลลาร์ 1,812 ดอลลาร์ และ 1,826 ดอลลาร์

HGF

แนวรับ 1,770 ดอลลาร์ และ1,760 ดอลลาร์
แนวต้าน 1,790 ดอลลาร์ และ1,800 ดอลลาร์

SCT Gold

แนวรับ 1,770 ดอลลาร์ 1,763 ดอลลาร์ และ1,750 ดอลลาร์
แนวต้าน 1,797 ดอลลาร์ 1,810 ดอลลาร์ และ 1,820 ดอลลาร์

GCAP

แนวรับ 1,757 ดอลลาร์ 1,752 ดอลลาร์ และ1,747 ดอลลาร์
แนวต้าน 1,790 ดอลลาร์ 1,796 ดอลลาร์ และ 1,801 ดอลลาร์

Ausiris

จุดซื้อ 1,765 ดอลลาร์ หรือบาทละ 26,700 บาท
จุดขาย 1,785 ดอลลาร์ หรือบาทละ 26,900 บาท

หมายเหตุ : เนื้อหาข้างต้นมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ข้อมูลเท่านั้น ไม่ใช่การชักชวนให้ซื้อ-ขาย หรือลงทุน หรือเป็นเครื่องมือทางการเงินอื่นๆ และอาจะไม่สะท้อนถึงความเห็นของ GoldAround.com ทั้งนี้ทีมงานไม่ยอมรับความผิดในความสูญเสีย และหรือ ความเสียหายที่เกิดจากการใช้ข้อมูลข้างต้น

“เยลเลน”ชี้แนวคิดขึ้นดอกเบี้ยก่อนเวลา เป็นความเห็นส่วนตัวของกรรมการ FED

นางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ

หลังจากที่เมื่อเช้าวันพุธ ตามเวลาในประเทศไทยของ นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้แถลงต่อสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ โดยระบุว่าเฟดยังโฟกัสไปที่เรื่องการจ้างงาน และจะไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยก่อนเวลาเพราะมองว่าเงินเฟ้อเป็นเหตุการณ์ชั่วคราว และจะชะลอตัวลงในท้ายที่สุด ซึ่งเฟดจะเพียงใช้เครื่องมืออื่นๆ ที่เหมาะสมในการรับมือ(อ่านรายละเอียดข่าวเพิ่มเติม..)

เมื่อคืนนี้นางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ได้แถลงต่อคณะอนุกรรมการด้านบริการการเงินแห่งวุฒิสภาสหรัฐ เกี่ยวกับการเสนอของบประมาณของกระทรวงการคลังประจำปี 2565 โดยนางเยลเลนได้กล่าวถึงเรื่องอัตราเงินเฟ้อว่า คิดว่าจะน้อยกว่า 5% ภายในสิ้นปีนี้ และจะกลับไปอยู่ที่ประมาณ 2% ในอีก 12 เดือนข้างหน้าซึ่งเป็นระดับเป้าหมายของเฟด

โดยปัจจัยที่คาดว่าจะทำให้อัตราเงินเฟ้อชะลอตัวลงนั้น มาจากภาวะติดขัดด้านอุปทานที่เริ่มคลี่คลายลง ซึ่งขณะนี้มีหลักฐานบางอย่างที่แสดงให้เห็นว่า การคาดการณ์เงินเฟ้อเริ่มลดน้อยลง

มีรายงานว่าวุฒิสมาชิกได้สอบถามถึงกรณีที่รายงาน dot-plot ในการประชุมล่าสุดของเฟดระบุว่า กรรมการเฟดส่วนใหญ่คาดว่าเฟดจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างน้อย 2 ครั้งในปี 2565 นางเยลเลนตอบว่าไม่ต้องการแสดงความเห็นเกี่ยวกับเฟด แต่ขอพูดเพียงว่านั่นไม่ใช่เป็นมติของคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟด (FOMC) แต่เป็นเพียงความเห็น และเป็นการคาดการณ์ส่วนตัวของกรรมการเฟด

photo by Pixabay | pexels.com
photo by Pixabay | pexels.com

นอกจากนั้นนาง เยลเลน ยังเรียกร้องให้สภาคองเกรสเพิ่มเพดานหนี้โดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ หลังสภาคองเกรสระงับวงเงินการกู้ยืมของสหรัฐในปี 2562 การระงับมีผลจนถึงวันที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ.2564

โดยเตือนว่าการไม่ทำเช่นนั้นอาจนำไปสู่ความหายนะ จะส่งผลร้ายแรงทางเศรษฐกิจอย่างร้ายแรง เพราะอาจจะผิดนัดชำระหนี้ของชาติ ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ไม่ควรเกิดขึ้น การไม่เพิ่มวงเงินหนี้ จะถือเป็นประวัติศาสตร์ของอเมริกา ที่รัฐบาลสหรัฐฯ จะผิดนัดในข้อผูกพันทางกฎหมายอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน

ทั้งนี้จะต้องชำระหนี้ภายในสิ้นเดือนสิงหาคม แต่นางเยลเลนเห็นว่าสภาคองเกรสจะดำเนินการก่อนหน้าเนื่องจากความไม่แน่นอนที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งผลจากการผิดนัดชำระหนี้ของประเทศอาจทำให้เกิดวิกฤตการณ์ทางการเงินได้

นอกจากนั้นยังจะคุกคามการจ้างงานและการออมของชาวอเมริกัน ในช่วงเวลาที่ประเทศกำลังฟื้นตัวจากการระบาดของโควิด-19 จึงขอวิงวอนให้สภาคองเกรสเพิ่มหรือระงับวงเงินหนี้โดยเร็วที่สุด เพื่อปกป้องความน่าเชื่อถือของสหรัฐ