สมาคมค้าทองคำ ประกาศราคาทองคำ ประจำวันที่ 27 มิ.ย.2563

Inter Gold

สมาคมค้าทองคำ ประกาศราคาทองคำ 96.5 %

ประจำวันที่ 27 มิ.ย.2563

ทองคำแท่ง
รับซื้อ บาทละ 25,800 บาท
ขายออก บาทละ 25,900บาท

ทองรูปพรรณ
รับซื้อ บาทละ 25,332 บาท
ขายออก บาทละ 26,400 บาท

เมื่อวานนี้ราคา Gold Spot ได้สวิงตัวค่อนข้างรุนแรง โดยราคาได้ปรับลดจากระดับ 1,761 ดอลลาร์  ลงมาที่ระดับ 1,750 ดอลลาร์ ก่อนจะค่อยๆ ดีดตัวกลับขึ้นมา โดยล่าสุด(11.00 น.)ราคาได้มาเคลื่อนไหวบริเวณ 1,770 ดอลลาร์  

นายธีรรัฐ จุฑาวรากุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินเตอร์โกลด์ โกลด์เทรด จำกัด กล่าวกับ GoldAround.com ว่า

หลังจากที่ราคาทองคำได้พุ่งขึ้นไปทำสถิติใหม่ได้สำเร็จ แต่ไม่สามารถขึ้นไปทดสอบระดับ 1,787 ดอลลาร์ และ 1,800 ดอลลาร์ ตามที่คาดการณ์ไว้ ได้ ก่อนที่จะถูกเทขายทำกำไร และถูกค่าเงินดอลลาร์กดไว้ จนให้ราคาทิ้งตัวลงมาพักฐานเคลื่อนไหวในแนว 1,750 ดอลลาร์ ซึ่งการเคลื่อนไหวในลักษณะนี้ขอให้ลงทุนด้วยความระมัดระวัง เพราะราคามีการกลับทิศทางค่อนข้างรวดเร็ว

นายธีรรัฐ จุฑาวรากุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินเตอร์โกลด์ โกลด์เทรด จำกัด

ทั้งนี้หากราคากลับขึ้นไปทดสอบแถวจุดสูงสุดล่าสุดและผ่านไปได้ โอกาสที่จะเห็นราคาขึ้นไปแตะระดับ 1,800 ดอลลาร์ เป็นไปได้สูง ในทางกลับกันหากขึ้นไปทดสอบแล้วไม่ผ่านอาจจะถูกเทขายจนราคาลงมาเพื่อพักฐานที่แนว 1,745 ดอลลาร์อีกครั้งก็เป็นได้ เพราะในช่วงที่ผ่านมา ได้เห็นการเคลื่อนไหวของราคาทองคำในลักษณะนี้หลายครั้งแล้ว

หากจะลงทุนในช่วงนี้ความเห็นส่วนตัวอยากให้ชะลอเพื่อรอดูความชัดเจนของราคาอีกระยะ เพราะคาดว่าราคาอาจจะไหลลงมาพักฐาน และสามารถเข้าซื้อในจุดดังกล่าวได้ แต่ทั้งนี้   เทรนด์ใหญ่ของราคาทองคำยังคงเป็นขาขึ้น ซึ่งการถือเพื่อการลงทุนระยะยาวยังทำได้แต่การลงทุนระยะสั้นของให้ระมัดระวัง

นายธีรรัฐ จุฑาวรากุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินเตอร์โกลด์ โกลด์เทรด จำกัด

“เฟด” ออก 2 มาตรการคุมธนาคารในอเมริกา ชี้ ศก.ยังมีความเสี่ยงสูง คาดส่งผลดีต่อราคาทองคำ (Shining Gold)

ทองรูปพรรรณ

26-06-20

ธนาคารกลางสหรัฐ หรือ:เฟด ได้ออกมาตรการที่ถือว่าเป็นทั้งผลบวกและผลลบต่อราคาทองคำในคราวเดียว โดยฝั่งที่เป็นบวกก็คือการเข้าควบคุมการจ่ายเงินปันผลของธนาคารพาณิชย์ และห้ามมิให้มีการซื้อหุ้นคืนอย่างน้อยถึง Q3 ถือเป็นการแสดงความกังวลว่า ศก.ยังคงมีความเสี่ยงสูง (การอัดฉีดเงินยังคงจำเป็น) แต่ก็ผ่อนคลายมาตรการ Volker Rule ซึ่งถือเป็นผลดีต่อตลาดหุ้นสหรัฐในช่วงแรกและเป็นลบต่อทองคำ หากเอาผลระยะสั้นของ Volker Rule มาก่อนก็ยังคงแนะนำ Rebound Short เช่นเดิม

กลยุทธ์วันนี้ (26 มิ.ย.) นักลงทุนระยะสั้น : ให้รีบาวน์ Open Short ที่ระดับ 1,767 และ1,778 ดอลลาร์ ส่วนนักลงทุนระยะกลาง ท่านที่ Open Short จุดแรกที่ระดับ 1,771 ดอลลาร์ สามารถ Holding Short เพื่อ Run Profit ได้ต่อ ส่วนที่ซื้อจุดที่ 2 บริเวณ 1,784-86 ดอลลาร์ จะถึงก็ต่อเมื่อมีปัจจัยบวกที่มากกว่าปัจจุบัน

ส่วนกรอบราคาวันนี้ แนวต้าน 1,767 ดอลลาร์ 1,778 ดอลลาร์ และ1,784-86 ดอลลาร์ และ
แนวรับ 1,757 ดอลลาร์ 1,751 ดอลลาร์ และ1,742 ดอลลาร์ ส่วนราคาทองคำไทย 96.5%
แนวต้านบาทละ 25,795 บาทละ และ 25,965 บาทละ แนวรับบาทละ 25,675 บาท 25,590 บาทและ 25,515 บาท

ขอขอบคุณ : บริษัท ชายน์นิ่งโกลด์ บูลเลี่ยน จำกัด

เฟด สั่งแบงค์งดจ่ายปันผลไตรมาส 3 และซื้อหุ้นคืน

เจอโรม พาวเวลเจอโรม พาวเวล ประธาน เฟด

ธนาคารกลางสหรัฐ หรือ เฟด สั่งให้ธนาคารรายใหญ่ของสหรัฐ ระงับการซื้อหุ้นคืน และจำกัดการจ่ายเงินปันผลในไตรมาส 3/2563 เพื่อกันเงินทุนสำรองไว้ที่ระดับปัจจุบัน โดยคำสั่งดังกล่าวมีขึ้น หลังจากการเปิดเผยผลการทดสอบภาวะวิกฤต (Stress Test) ของธนาคารพาณิชย์รายใหญ่ 34 แห่งในสหรัฐเมื่อวานนี้

เฟดระบุว่า เกณฑ์ในการอนุญาตให้ธนาคารพาณิชย์สามารถจ่ายเงินปันผลนั้น จะพิจารณาจากกำไรสุทธิในช่วง 4 ไตรมาสที่ผ่านมา ซึ่ง อาจทำให้ธนาคารบางแห่งต้องปรับลดการจ่ายเงินปันผล และอาจทำให้ธนาคารบางแห่งไม่สามารถจ่ายเงินปันผลได้ โดยเฟดจะพิจารณากฎเกณฑ์ดังกล่าวเป็นรายไตรมาส และคาดว่ากำไรสุทธิของธนาคารบางแห่งอาจจะลดลง เพราะผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 นอกจากนี้ เฟดยังกำหนดให้ธนาคารพาณิชย์ทุกแห่งต้องประเมินความต้องการเงินทุน และจะต้องยื่นแผนการใช้จ่ายทุนในช่วงต่อไปของปีนี้

นับเป็นครั้งแรกในประวัติการณ์ของการทดสอบ Stress Test ที่ธนาคารพาณิชย์ของสหรัฐจะต้องยื่นแผนการใช้จ่ายอีกครั้งในปีนี้ และอาจจะยังคงมีการกำหนดข้อจำกัดในการใช้จ่ายของธนาคารต่างๆ ต่อไป นอกจากนี้ เฟดระบุว่า มีความเป็นไปได้ที่ธนาคารพาณิชย์อาจจะต้องยื่นแผนดังกล่าวทุกๆ ไตรมาส

ทั้งนี้เฟดได้เปิดเผยผลการศึกษา 2 กรณีซึ่งได้แก่ การทดสอบ Stress Test แบบเดิมซึ่งกำหนดขึ้นในเดือนก.พ.ที่ผ่านมาก่อนที่จะเกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และการวิเคราะห์เงินทุนของธนาคารภายใต้สถานการณ์เศรษฐกิจ 3 แบบที่มีแนวโน้มจะเกิดขึ้นในช่วงหลายไตรมาสข้างหน้าท่ามกลางวิกฤตโควิด-19 โดยรูปแบบดังกล่าวได้แก่ ภาวะเศรษฐกิจแบบ V-shaped, U-shaped และ W-shaped อย่างไรก็ดีผลการทดสอบแบบเดิมแสดงให้เห็นว่า ธนาคารรายใหญ่ทุกแห่งยังคงมีสถานะเงินทุนที่ดี

การทดสอบ Stress Test ของเฟดนั้นครอบคลุมถึงการประเมินว่า มีความปลอดภัยหรือไม่ที่ธนาคารต่างๆ จะดำเนินการตามแผนการใช้จ่ายเงินทุน ซึ่งรวมถึงการจ่ายเงินปันผล และการใช้จ่ายอื่นๆ นอกเหนือจากการตั้งสำรองหนี้เสีย โดยการทดสอบดังกล่าวได้รับการออกแบบขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อหลีกเลี่ยงการใช้เงินภาษีของประชาชนมาช่วยเหลือธนาคารต่างๆ เหมือนในช่วงที่เกิดวิกฤตการเงินปี 2550-2552

ที่มา : อินโฟเควสท์

ทองคำอ่อนตัวจากแรงเทขายทำกำไร นักวิเคราะห์มองสัปดาห์หน้าอาจทะลุ $1,800 (GCAP Gold)

GCAP GOLD

26-06-20

ทองคำตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (25 มิ.ย.) ปิดลบเนื่องจากการแข็งค่าอย่างต่อเนื่องของสกุลเงินดอลลาร์ยังคงเป็นปัจจัยกดดันตลาดทองคำ อย่างไรก็ดี นักลงทุนส่วนหนึ่งยังคงเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกจำนวน 1.48 ล้านรายในสัปดาห์ที่แล้ว สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.35 ล้านราย ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกยังคงมีจำนวนมากกว่า 1 ล้านรายติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 14 แม้ว่ารัฐต่างๆได้เริ่มผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ และได้เปิดเศรษฐกิจครั้งใหม่

ขณะที่นายพอล เซียนา นักวิเคราะห์จากแบงก์ ออฟ อเมริกา คาดการณ์ว่า ราคาทองจะพุ่งขึ้นทดสอบ 1,790-1,805 ดอลลาร์ในสัปดาห์หน้า ซึ่งเป็นระดับสูงสุดของปี 2555 และหากสามารถทะลุแนวต้าน 1,800 ดอลลาร์ ราคาทองก็จะมีเป้าหมายต่อไปที่ 1,920.70 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดตลอดกาลที่ทำไว้ในปี 2554

นอกจากนี้ นายเซียนากล่าวว่า ราคาทองมีแนวโน้มแตะระดับ 2,000 ดอลลาร์ โดยมีอัพไซด์อยู่ที่ 2,114-2,296 ดอลลาร์

ส่วนภาวะแลกเปลี่ยนเงินตรา ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ เนื่องจากนักลงทุนแห่ซื้อดอลลาร์ซึ่งเป็นสกุลเงินปลอดภัย ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่พุ่งขึ้นทั่วสหรัฐ

นักลงทุนรุกซื้อดอลลาร์ในฐานะสกุลเงินที่ปลอดภัย ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้นในสหรัฐ โดยรายงานระบุว่า จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ในรัฐฟลอริดาพุ่งขึ้น 5,508 รายเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขณะที่อัตราการติดเชื้อในรัฐเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 15.91% จากเดิมที่ 10.82%

มาดูแนวทางการลงทุนวันนี้ ให้กรอบ แนวรับไว้ที่ 1,750 ดอลลาร์ 1,746 ดอลลาร์ และ1,740 ดอลลาร์ ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 1,774 ดอลลาร์ 1,780 ดอลลาร์ 1,785 ดอลลาร์ โดยราคาทองคำอ่อนตัวลง เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไรระยะสั้น แต่ยังปรับตัวลงได้ไม่มากนัก ตลาดยังได้แรงหนุนจากความวิตกเกี่ยวกับการแพร่ระบาดรอบสองของโรคโควิด-19 อาจทำให้รัฐฯ ตัดสินใจใช้มาตรการล็อกดาวน์ประเทศอีกครั้ง ยังหนุนให้ราคาทองคำทรงตัวระดับสูงต่อไป

ขอขอบคุณ : บริษัท จีแคป จำกัด

สมาคมค้าทองคำ ประกาศราคาทองคำ ประจำวันที่ 26 มิ.ย.2563

แหวนทองรูปพรรณ

ทองคำแท่ง ครั้งที่ 1 (+0) 09:29

ทองคำแท่ง ครั้งที่ 2 (-50) 12:04

ทองคำแท่ง ครั้งที่ 3 (-50) 14:07

ภาพรวมการเคลื่อนไหวราคาทองคำในประเทศเมื่อวานนี้ ( 25 มิ.ย.)

ราคา Gold Spot เมื่อวานปิดตลาดที่ 1,762 ดอลลาร์ โดยได้ทำจุดสูงสุดระหว่างวันที่ 1,768 ดอลลาร์ และจุดต่ำสุดที่ 1,753 ดอลลาร์ ทั้งนี้ราคาทองคำได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ หลังนักลงทุนมีความกังวลการแพร่ระบาดรอบ 2 ของไวรัสโควิด-19 และสหรัฐประกาศจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์อยู่ที่ระดับ 1.48 ล้านราย สูงกว่าตลาดคาดจะอยู่ที่ระดับ 1.32 ล้านราย ส่วนจีดีพีสหรัฐไตรมาส 1 ซึ่งเป็นประมาณการครั้งสุดท้ายหดตัวลง 5.0% เท่ากับที่ตลาดคาดและเท่ากับประมาณการครั้งก่อน

ขณะที่ธนาคารกลางสหรัฐ หรือเฟด ได้ออกมาตรคุมเข้มอีกรอบ โดยได้สั่งให้ธนาคารรายใหญ่ของสหรัฐระงับการซื้อหุ้นคืน และจำกัดการจ่ายเงินปันผลในไตรมาส 3/2563 เพื่อเงินทุนสำรองไว้ที่ระดับปัจจุบัน หลังได้รับรายงานผลการทดสอบภาวะวิกฤต (Stress Test) ของธนาคารพาณิชย์รายใหญ่ 34 แห่งในสหรัฐ เมื่อวานนี้

ด้านกองทุน SPDR ได้ขายทองคำออกมาครั้งแรก จำนวน 2.7 ตัน หลังจากซื้อทองคำติดต่อกัน 4 วัน โดยขณะนี้ถือครองทองคำ 1,175.39 ตัน

กลยุทธ์การลงทุนทองคำวันนี้

แนวต้าน 1,767 ดอลลาร์ 1,778 ดอลลาร์ และ1784-86 ดอลลาร์
แนวรับ 1,757 ดอลลาร์ 1,751 ดอลลาร์ และ1,742 ดอลลาร์

ราคาทองไทย 96.5%
แนวต้าน 25,795และ 25,965 บาท
แนวรับ 25,675 บาท ,25,590 บาท และ 25,515 บาท

ธนาคารกลางสหรัฐ หรือเฟด ออกมาตรการที่ถือว่าเป็นทั้งผลบวกและผลลบต่อราคาทองคำในคราวเดียวกัน ส่วนที่เป็นบวกก็ในเรื่องการเข้าควบคุมการจ่ายเงินปันผลของธนาคารพาณิชย์ และห้ามมิให้มีการซื้อหุ้นคืนอย่างน้อยถึง Q3 ถือเป็นการแสดงความกังวลว่า ศก.ยังคงมีความเสี่ยงสูง แต่ก็ผ่อนคลายมาตรการ Volker Rule ซึ่งถือเป็นผลดีต่อตลาดหุ้นสหรัฐในช่วงแรกและเป็นลบต่อทองคำ หากเอาผลระยะสั้นของ Volker Rule มาก่อนก็ยังคงแนะนำ Rebound Shortเช่นเดิม

กลยุทธฺการลงทุน นักลงทุนระยะสั้น รอรีบาวน์ Open Short ที่ระดับ 1,767 และ1,778 ดอลลาร์
นักลงทุนระยะกลาง คนที่ Open Short จุดแรก 1,771 ดอลลาร์ สามารถ Holding Short เพื่อ Run Profit ได้ต่อ ส่วนจุดที่ 2 บริเวณ 1,784-86 ดอลลาร์ จะถึงก็ต่อเมื่อมีปัจจัยบวกที่มากกว่าปัจจุบัน

แนวรับ 1,753 ดอลลาร์ 1,740 ดอลลาร์ และ1,725 ดอลลาร์
แนวต้าน 1,769 ดอลลาร์ 1,779 ดอลลาร์ และ 1,790 ดอลลาร์

วันนี้หากราคาทองคำไม่สามารถผ่านแนวต้านโซน 1,769-1,779 ดอลลาร์ ได้ให้ระมัดระวังแรงขายทำกำไรเนื่องจากวานนี้ราคาไม่มีการสร้างระดับสูงสุดใหม่ แต่สร้างระดับต่ำสุดใหม่จากวันก่อนหน้า เมื่อราคาปรับตัวขึ้นอาจมีแรงขายออกมาเพิ่ม โดยประเมินแนวรับโซนแนวรับโซน 1,753 ดอลลาร์ หากไม่หลุดราคาจะเป็นเพียงการอ่อนตัวลงเพื่อสะสมแรงซื้อ
กลยุทธ์การลงทุน ขายเพื่อทำกำไรระยะสั้นหากราคาทองคำดีดตัวขึ้นยังไม่สามารถยืนเหนือแนวต้าน 1,769-1,779 ดอลลาร์ แล้วเข้าซื้อคืนเพื่อทำกำไรหากราคายืนเหนือ 1,753 ดอลลาร์

แนวรับ 1,753 ดอลลาร์ 1,740 ดอลลาร์
แนวต้าน 1,780 ดอลลาร์ และ1,800 ดอลลาร์

วันนี้คาดราคาทองคำจะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,753-1,780 ดอลลาร์ ซึ่งยังมีปัจจัยหนุนจากความกังวลการแพร่ระบาดรอบ 2 ของไวรัสโควิด-19 ส่วนทิศทางเงินบาทคาดอ่อนค่าลงเล็กน้อย หลังเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ

แนวต้าน 1,774 ดอลลาร์ 1,780 ดอลลาร์ และ1,785 ดอลลาร์
แนวรับ 1,750 ดอลลาร์ 1,746 ดอลลาร์ และ1,740 ดอลลาร์

ราคาทองคำ อ่อนตัวลงเนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไรระยะสั้น แต่ยังปรับตัวลงไม่มากนัก ตลาดยังได้แรงหนุนจากความ วิตกเกี่ยวกับการแพร่ระบาดรอบสองของ โรคโควิด-19 อาจทำให้รัฐฯ ตัดสินใจใช้มาตรการล็อกดาวน์อีกครั้งยังหนุนให้ราคาทองคำทรงตัวระดับสูงต่อไป

จุดขาย 1,768 ดอลลาร์ หรือ บาทละ 25,790 บาท
จุดซื้อ 1,749 ดอลลาร์ หรือ บาทละ 25,600 บาท

ทองคำกลับสู่ภาวะการปรับฐานอีกครั้งหลังขึ้นไปทำสูงสุดใหม่รอบหลายปี และเริ่มมีการทรงตัวบริเวณ $1,760 (MTS)

MTS GOLD

26-6-20

ทิศทางราคาทองคำ

ราคาทองคำปรับตัวลดลงและมีการทรงตัวบริเวณ 1,760 เหรียญ ท่ามกลางการซื้อขายที่เบาบางลงหลังจากที่ไปทำสูงสุดนับตั้งแต่ต.ค. ปี 2012 บริเวณ 1,779 เหรียญโดยประมาณ ภาพรวมตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯดูจะออกมาใกล้เคียงกับคาดการณ์ และดูจะมีการฟื้นตัวขึ้นมาหลังจากที่พยายามเปิดภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง ในขณะที่การติดเชื้อไวรัสโคโรนายังไม่หยุดนิ่ง และเล็งเห็น Second Wave ในบางแห่งที่ทำให้บางรัฐของสหรัฐฯยังต้องปิดตัวไปก่อน ด้านไอเอ็มเอฟเมื่อวันก่อนมองเศรษฐกิจโลกหดตัว และคาดเศรษฐกิจไทยเองจะหดตัวลงมากถึง 7-8% ในจีดีพีรวม สำหรับดัชนีดอลลาร์กลับมาแข็งค่าเล็กน้อยโดยเช้านี้อยู่ที่ 97.37 จุด และเงินบาททรงตัวในบริเวณแข็งค่าแนว 30.90 บาท/ดอลลาร์โดยประมาณ หลังไปทำแข็งค่ามากที่สุดที่ 30.82 บาท/ดอลลาร์ ดัชนีดาวโจนส์เมื่อวานนี้ปิด +299.66 จุด หรือ +1.18% ที่ 25,745.6 จุด ทางด้านดัชนี S&P500 ปิด +1.1% ที่ 3,083.76 จุด และ Nasdaq ปิด +1.09% ที่ 10,017 จุด ขณะที่ภาพรวม SPDR มีการเทขายทองคำออกมาเล็กน้อย 1.46 ตัน โดยปัจจุบันถือครองทองคำที่ระดับ 1,175.39 ตัน

วิเคราะห์ราคาทองคำทางเทคนิค

ราคาทองคำกลับสู่ภาวะของการปรับฐานอีกครั้งหนึ่งหลังจากที่ขึ้นไปทำสูงสุดใหม่รอบหลายปี และเริ่มมีการทรงตัวบริเวณ 1,760 เหรียญ คาดวันนี้ทองคำจะเคลื่อนตัวกรอบเดิมโดยมีแนวรับ 1,750 เหรียญ และมีแนวต้าน 1,775 เหรียญ ยังคงเป็นแนวโน้มทิศทางขาขึ้น ในส่วนของ Gold Online Futures คาดจะมีแนวรับ 1,763 เหรียญ และแนวต้าน 1,775 เหรียญ ทางด้าน Gold Comex คาดจะมีแนวรับที่ระดับ 1,768 เหรียญ และแนวต้าน 1,780 เหรียญ สำหรับราคาทองคำไทย คาดว่าจะทรงตัวเท่าเดิม

* อย่างไรก็ดี  Gold Futures M20 และ Gold Online Futures M20 จะหมดอายุลงในวันที่  29 มิ.ย. 63 จึงแนะนำให้นักลงทุนเปลี่ยนมาถือครองสถานะของ GOLD FUTURES Q20 และ Gold Online Futures U20 แทน *

โดยย้ำนักลงทุนว่า ราคาจะแตกต่างกันประมาณ 2 – 5 เหรียญ ดังนั้น การวิเคราะห์หรือ Arbitrage จะต้องใช้ความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง

กลยุทธ์การลงทุนในวันนี้

เก็งกำไร Sideways ในกรอบเป็นลักษณะลงขึ้นขึ้นขายทำกำไรในกรอบตามการปรับฐานล่าสุดของราคา

– นักลงทุนที่ถือ Long Position 

ลงซื้อขึ้นขาย ทำกำไรระยะสั้นๆในกรอบ

– นักลงทุนที่ถือ Short Position

แนะนำให้ทำการปรับพอร์ตให้สมดุล ไม่แนะนำให้เล่นโดยใช้ Leverage มากนัก

กลยุทธ์สำหรับนักลงทุน Weekly Trading

แนะนำให้บริหารพอร์ตสมดุลตามการปรับฐานของราคา หากเล่นให้เล่นระยะสั้นเป็นลักษณะลงซื้อขึ้นขายในกรอบ

Gold Futures M20 จะมีแนวรับที่ระดับ 25,800 บาท และแนวต้านที่ระดับ 26,000  บาท

ขอขอบคุณ  : บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด (MTS)

ทยอยซื้อคืนทำกำไรหากราคาอ่อนตัวลงไม่หลุดแนวรับ 1,753 (YLG)

YLG BULLION GOLD

ราคาทองคำวานนี้ปิดปรับตัวลดลง 1.50  ดอลลาร์ต่อออนซ์  โดยราคาทองคำได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์

คำแนะนำ :

พิจารณาเสี่ยงเปิดสถานะขายเพื่อทำกำไรระยะสั้นหากราคาทองคำดีดตัวขึ้นยังไม่สามารถยืนเหนือแนวต้าน1,769-1,779 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (ตัดขาดทุนหากผ่าน1,779 ดอลลาร์ต่อออนซ์) แล้วเข้าซื้อคืนเพื่อทำกำไรหากราคายืนเหนือ 1,753 ดอลลาร์ต่อออนซ์

พิจารณาเสี่ยงเปิดสถานะขายเพื่อทำกำไรระยะสั้นหากราคาทองคำดีดตัวขึ้นยังไม่สามารถยืนเหนือแนวต้าน1,769-1,779 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (ตัดขาดทุนหากผ่าน1,779 ดอลลาร์ต่อออนซ์) แล้วเข้าซื้อคืนเพื่อทำกำไรหากราคายืนเหนือ 1,753 ดอลลาร์ต่อออนซ์

แนวรับ : 1,753 1,740 1,725 แนวต้าน : 1,769 1,779 1,790

จจัยพื้นฐาน :

ราคาทองคำวานนี้ปิดปรับตัวลดลง 1.50  ดอลลาร์ต่อออนซ์  โดยราคาทองคำได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ 

หลังจากนักลงทุนยังคงเข้าซื้อดอลลาร์ในฐานะสกุลเงินปลอดภัย ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับการระบาดของ COVID-19 ในสหรัฐ  ประกอบกับยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนและยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนพื้นฐานของสหรัฐออกมาดีเกินคาด  ขณะที่ความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐ และสหภาพยุโรป (EU)

เป็นอีกปัจจัยที่กดดันการเคลื่อนไหวของสกุลเงินยูโร จนเพิ่มแรงหนุนให้กับสกุลเงินดอลลาร์  ปัจจัยที่กล่าวมาแม้จะกดดันราคาทองคำ  แต่การปรับตัวลงของราคายังคงอยู่ในกรอบจำกัด 

ส่วนหนึ่งเพราะนักลงทุนบางส่วนเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย  หลังจากสหรัฐเปิดเผยว่า  ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานจำนวน 1.48 ล้านรายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.35 ล้านราย สะท้อนชาวอเมริกันหลายล้านคนยังยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานต่อเนื่องนานกว่า 1 เดือน

แม้ธุรกิจกลับมาเปิดดำเนินการแล้วไม่เพียงเท่านั้น  ความกังวลว่าการระบาดของ COVID-19 ในสหรัฐจะส่งผลให้รัฐบาลกลับมาใช้มาตรการ Lockdown ซึ่งจะยิ่งซ้ำเติมเศรษฐกิจเป็นอีกปัจจัยที่อยู่เบื้องหลังการทรงตัวในระดับสูงของทองคำเช่นกัน  ด้านกองทุน SPDR ลดการถือครองทองคำลง -1.46ตัน สู่ระดับ 1,175.39 ตัน 

สำหรับวันนี้  ติดตามการเปิดเผยดัชนีการใช้จ่ายส่วนบุคคลพื้นฐาน (Core PCE), การใช้จ่ายและรายได้ส่วนบุคคล และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคช่วงท้ายเดือนมิ.ย.จากUoM

จจัยทางเทคนิค :

หากราคายังไม่สามารถผ่านแนวต้านโซน1,769-1,779 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ได้ ซึ่งนักลงทุนยังคงต้องระมัดระวังแรงขายทำกำไรเนื่องจากวานนี้ราคาไม่มีการสร้างระดับสูงสุดใหม่

แต่สร้างระดับต่ำสุดใหม่จากวันก่อนหน้า เมื่อราคาปรับตัวขึ้นอาจมีแรงขายออกมาเพิ่มโดยประเมินแนวรับโซนแนวรับโซน 1,753 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากไม่หลุดราคาจะเป็นเพียงการอ่อนตัวลงเพื่อสะสมแรงซื้อ

กลยุทธ์การลงทุน :

เสี่ยงเปิดสถานะขายหากราคาไม่ผ่านแนวต้าน 1,769-1,779 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (ตัดขาดทุนหากผ่าน 1,779 ดอลลาร์ต่อออนซ์) ทยอยเข้าซื้อคืนเพื่อทำกำไรหากราคาอ่อนตัวลงไม่หลุดแนวรับ 1,753 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่หากหลุดโซน 1,746 ดอลลาร์ต่อออนซ์ สามารถถือสถานะขายต่อ

ข่าวสารประกอบการลงทุน :

  • (+) สหรัฐเผยตัวเลขผู้ขอสวัสดิการว่างงานสูงกว่าคาดในสัปดาห์ที่แล้วกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกจำนวน 1.48 ล้านรายในสัปดาห์ที่แล้ว สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.35 ล้านราย
  • (+) นักวิเคราะห์ฟันธงทองพุ่งทะลุ 2,000 ดอลลาร์ แต่อาจปรับฐานในระยะใกล้  ราคาทองได้ดีดตัวขึ้นในช่วงที่ผ่านมา โดยได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในสหรัฐ ซึ่งได้ส่งผลกระทบต่อความหวังในการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ  นักวิเคราะห์มองว่าการปรับตัวขึ้นของราคาทองจะยังคงดำเนินต่อไป ท่ามกลางความไม่แน่นอนของการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐและประเทศคู่ค้า  นายพอล เซียนา นักวิเคราะห์จากแบงก์ ออฟ อเมริกา กล่าวว่า ราคาทองจะพุ่งขึ้นทดสอบ 1,790-1,805 ดอลลาร์/ออนซ์ในสัปดาห์หน้า ซึ่งเป็นระดับสูงสุดของปี 2555 และหากสามารถทะลุแนวต้าน 1,800 ดอลลาร์ ราคาทองก็จะมีเป้าหมายต่อไปที่ 1,920.70 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดตลอดกาลที่ทำไว้ในปี 2554  นอกจากนี้ นายเซียนากล่าวว่า ราคาทองมีแนวโน้มแตะระดับ 2,000 ดอลลาร์ โดยมีอัพไซด์อยู่ที่ 2,114-2,296 ดอลลาร์
  • (+) เท็กซัสพับแผนผ่อนคลายล็อกดาวน์เฟสต่อไป หลังผู้ติดเชื้อโควิดยังคงพุ่งขึ้น นายเกรก แอบบอตต์ ผู้ว่าการรัฐเท็กซัส กล่าวว่า ทางรัฐจะระงับแผนการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ในเฟสต่อไป เนื่องจากยังคงมีการรายงานการเพิ่มขึ้นของจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 และผู้เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลอย่างไรก็ดี ธุรกิจที่ได้รับอนุญาตให้เปิดทำการก่อนหน้านี้ จะยังคงสามารถดำเนินการต่อไปได้
  • (-) รัฐบาลสหรัฐประกาศผ่อนคลายข้อกำหนดการลงทุนสำหรับภาคธนาคาร คณะกรรมการประกันเงินฝากของรัฐบาลกลางสหรัฐ (FDIC) แถลงในวันนี้ว่า FDIC ได้ผ่อนคลายข้อกำหนดจาก Volcker Rule โดยจะอนุญาตให้ธนาคารสหรัฐสามารถทำการลงทุนได้มากขึ้น  ทั้งนี้ การผ่อนคลายข้อจำกัดดังกล่าว จะทำให้ธนาคารขนาดใหญ่ของสหรัฐสามารถเข้าลงทุนในกองทุนร่วมลงทุน (venture capital) หรือกองทุนอื่นที่มีลักษณะคล้ายกัน  นอกจากนี้ ธนาคารยังได้รับการยกเว้นจากการสำรองเงินสดสำหรับการซื้อขายตราสารอนุพันธ์ระหว่างบริษัทในเครือ
  • (-) สหรัฐเผยยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนพุ่งในเดือนพ.ค. หลังดิ่งลงจากพิษโควิด กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐ เช่น เครื่องบิน รถยนต์ และเครื่องจักรขนาดใหญ่ที่มีอายุการใช้งานตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป พุ่งขึ้น 15.8% ในเดือนพ.ค. หลังจากร่วงลง 18.1% ในเดือนเม.ย.  การพุ่งขึ้นของยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนในเดือนพ.ค. ได้รับแรงหนุนจากการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ หลังจากมีการปิดเศรษฐกิจก่อนหน้านี้เพื่อสกัดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19  ส่วนยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนพื้นฐาน ซึ่งเป็นคำสั่งซื้อสินค้าทุนที่ไม่รวมเครื่องบิน และสินค้าด้านอาวุธ โดยเป็นสิ่งบ่งชี้แผนการใช้จ่ายของภาคธุรกิจ เพิ่มขึ้น 2.3% ในเดือนพ.ค. หลังจากดิ่งลง 6.5% ในเดือนเม.ย.  นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนพื้นฐานจะเพิ่มขึ้น 1.0% ในเดือนพ.ค.
  • (-) ดาวโจนส์ปิดบวก 299.66 จุด หุ้นแบงก์พุ่งรับข่าวสหรัฐผ่อนคลายข้อกำหนดการลงทุน  ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดดีดตัวขึ้นเกือบ 300 จุดเมื่อคืนนี้ (25 มิ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนรุกซื้อหุ้นกลุ่มธนาคาร หลังจากรัฐบาลสหรัฐประกาศผ่อนคลายข้อกำหนดการลงทุนสำหรับภาคธนาคาร ขณะที่นักลงทุนจับตาธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เตรียมเปิดเผยผลการทดสอบภาวะวิกฤต (Stress Test) ของธนาคารพาณิชย์ในสหรัฐ  ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,745.60 จุด เพิ่มขึ้น 299.66 จุด หรือ +1.18% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,083.76 จุด เพิ่มขึ้น 33.43 จุด หรือ +1.10% ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดที่ 10,017.00 จุด เพิ่มขึ้น 107.84 จุด หรือ +1.09%
  • (+/-) สหรัฐเผย GDP Q1/63 หดตัว 5% ขณะคาด Q2 ทรุด 30% กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งสุดท้ายสำหรับผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 1/2563 โดยระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐหดตัวลง 5% ซึ่งไม่เปลี่ยนแปลงจากตัวเลขประมาณการครั้งที่ 2 หลังจากที่ตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 ระบุว่าหดตัวลง 4.8% โดยได้รับผลกระทบจากมาตรการล็อกดาวน์ของรัฐบาล ซึ่งทำให้มีการปิดเศรษฐกิจเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19  ครั้งนี้นับเป็นครั้งแรกที่สหรัฐเปิดเผยตัวเลข GDP ติดลบ นับตั้งแต่ที่มีการรายงานว่าเศรษฐกิจหดตัว 1.1% ในไตรมาส 1/2557 และเป็นตัวเลขที่ย่ำแย่ที่สุดนับตั้งแต่ที่เศรษฐกิจหดตัว 8.4% ในไตรมาส 4/2551 ซึ่งขณะนั้นสหรัฐกำลังเผชิญวิกฤตการเงิน
  • (-) ดอลล์แข็งเทียบสกุลเงินหลัก เหตุวิตกโควิดระบาดหนุนแรงซื้อสกุลเงินปลอดภัย  ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (25 มิ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงเดินหน้าซื้อดอลลาร์ซึ่งเป็นสกุลเงินปลอดภัย ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐ และสหภาพยุโรป (EU)  ดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.29% สู่ระดับ 97.4380 เมื่อคืนนี้  ดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 107.20 เยน จากระดับ 106.94 เยน และแข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9489 ฟรังก์ จากระดับ 0.9478 ฟรังก์ นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐยังแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.3649 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3611 ดอลลาร์แคนาดา  ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1215 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1258 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 1.2405 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2423 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 0.6871 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.6867 ดอลลาร์

ขอขอบคุณ  : บจ.วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส (YLG)

ราคาทองคำคาดจะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,753-1,780 ดอลลาร์ ซึ่งยังมีปัจจัยหนุนจากความกังวลการแพร่ระบาดรอบ 2 ของไวรัสโควิด-19 (HGF)

ทองรูปพรรณ

26-6-20

กองทุน SPDR เริ่มขายทองคำ 2.7 ตัน

คืนนี้สหรัฐจะประกาศดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค

ทองคำคาดจะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,753-1,780 ดอลลาร์

  • ราคาทองคำ Spotเมื่อวานปิดตลาดเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ซึ่งทองคำได้รับปัจจัยหนุนจากความกังวลการแพร่ระบาดรอบ 2 ของไวรัสโควิด-19 และสหรัฐประกาศจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์อยู่ที่ระดับ 1.48 ล้านราย สูงกว่าตลาดคาดจะอยู่ที่ระดับ 1.32 ล้านราย ส่วนจีดีพีสหรัฐไตรมาส 1 ซึ่งเป็นประมาณการครั้งสุดท้ายหดตัวลง 5.0% เท่ากับที่ตลาดคาดและเท่ากับประมาณการครั้งก่อน แต่เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นกดดันต่อราคาทองคำ ทางด้านกองทุน SPDR เริ่มขายทองคำ 2.7 ตัน หลังจากซื้อทองคำติดต่อกัน 4 วัน
  • คืนนี้สหรัฐจะประกาศดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนมิ.ย. ตลาดคาดจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 79.1 จากระดับ 78.9 ในเดือนพ.ค. ดัชนีราคา PCE พื้นฐานเดือนพ.ค.ตลาดคาดจะทรงตัว หลังจากที่เดือนเม.ย.ลดลง 0.4%
  • ราคาทองคำคาดจะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,753-1,780 ดอลลาร์ ซึ่งยังมีปัจจัยหนุนจากความกังวลการแพร่ระบาดรอบ 2 ของไวรัสโควิด-19 โดยมีแนวต้าน1,780 ดอลลาร์ และแนวต้านสำคัญ 1,800 ดอลลาร์ขณะที่มีแนวรับ 1,753 ดอลลาร์ และ 1,740 ดอลลาร์ 

ราคาทองตลาดโลก

Closechg.SupportResistance
1,763.30+2.601,753/1,7401,780/1,800

ราคาทองแท่ง 96.5%

Closechg.SupportResistance
25,800-10025,650/25,45025,950/26,200

โกลด์ฟิวเจอร์ส

ClosechgSupportResistance
25,91025,760/25,60026,050/26,330

แนะนำซื้อเมื่อราคาทองคำ Spot ปรับลงมาที่1,753 ดอลลาร์ (GF 25,760บาท) โดยมีจุดขายตัดขาดทุนที่ 1,750 ดอลลาร์ (GF 25,700 บาท) สำหรับนักลงทุนทองแท่ง แนะนำขายทำกำไรที่ราคาทอง Spot 1,780 ดอลลาร์และ 1,800ดอลลาร์

โกลด์ออนไลน์ฟิวเจอร์

ClosechgSupportResistance
1,764.50+2.901,753/1,7401,780/1,800

แนะนำซื้อเมื่อราคาGOM20ปรับลงมาที่1,753 ดอลลาร์ โดยมีจุดขายตัดขาดทุนที่ 1,750 ดอลลาร์

ค่าเงินบาท

ทิศทางเงินบาทในวันนี้คาดอ่อนค่าลงเล็กน้อย โดยเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ เนื่องจากความกังวลการแพร่ระบาดรอบ 2 ของไวรัสโควิด-19ในสหรัฐซึ่งUSD Futures เดือนมิ.ย.63คาดจะมีแนวรับที่ 30.85 บาท/ดอลลาร์ ขณะที่มีแนวต้านที่ 31 บาท/ดอลลาร์

News

ตลาดการเงินต่างประเทศดอลล์แข็งเทียบสกุลเงินหลักเหตุวิตกโควิดระบาดหนุนแรงซื้อสกุลเงินปลอดภัย

ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนที่ผ่านมา (25 มิ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงเดินหน้าซื้อดอลลาร์ซึ่งเป็นสกุลเงินปลอดภัยท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐและสหภาพยุโรป (EU) ดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงินเพิ่มขึ้น 0.29% สู่ระดับ 97.4380 เมื่อคืนนี้

ตลาดโลหะมีค่าต่างประเทศ:ทองปิดลบ $4.5 เหตุเงินดอลล์แข็งกดดันตลาด

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนที่ผ่านมา (25 มิ.ย.) เนื่องจากการแข็งค่าอย่างต่อเนื่องของสกุลเงินดอลลาร์ยังคงเป็นปัจจัยกดดันตลาดทองคำอย่างไรก็ดีสัญญาทองคำปรับตัวลงเพียงเล็กน้อยเนื่องจากข้อมูลแรงงานที่ซบเซาของสหรัฐทำให้นักลงทุนส่วนหนึ่งยังคงเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัยสัญญาทองคำตลาดCOMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค. ลดลง 4.5 ดอลลาร์หรือ 0.25% ปิดที่ 1770.6 ดอลลาร์/ออนซ์สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 22.5 เซนต์หรือ 1.27% ปิดที่ 17.895 ดอลลาร์/ออนซ์

ตลาดน้ำมันดิบต่างประเทศ:น้ำมันWTI ปิดบวก 71 เซนต์รับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐสดใส

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนที่ผ่านมา (25 มิ.ย.) โดยได้แรงหนุนจากรายงานยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐที่พุ่งขึ้นเกินคาดในเดือนพ.ค. ซึ่งบ่งชี้ถึงแนวโน้มการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐนอกจากนี้ราคาน้ำมันยังได้ปัจจัยบวกจากการที่นายแลร์รีคุดโลว์ที่ปรึกษาเศรษฐกิจของทำเนียบขาวกล่าวว่ารัฐบาลสหรัฐจะไม่ล็อกดาวน์ประเทศรอบใหม่แม้ยอดติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในหลายรัฐเพิ่มขึ้นก็ตามสัญญาน้ำมันดิบWTI ส่งมอบเดือนส.ค. เพิ่มขึ้น 71 เซนต์หรือ 1.9% ปิดที่ 38.72 ดอลลาร์/บาร์เรล สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนส.ค. เพิ่มขึ้น 74 เซนต์หรือ 1.8% ปิดที่ 41.05 ดอลลาร์/บาร์เรล

ตลาดหุ้นต่างประเทศ:ดาวโจนส์ปิดบวก 299.66 จุดหุ้นแบงก์พุ่งรับข่าวสหรัฐผ่อนคลายข้อกำหนดการลงทุน

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดดีดตัวขึ้นเกือบ 300 จุดเมื่อคืนที่ผ่านมา (25 มิ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนรุกซื้อหุ้นกลุ่มธนาคารหลังจากรัฐบาลสหรัฐประกาศผ่อนคลายข้อกำหนดการลงทุนสำหรับภาคธนาคารขณะที่นักลงทุนจับตาธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เตรียมเปิดเผยผลการทดสอบภาวะวิกฤต (Stress Test) ของธนาคารพาณิชย์ในสหรัฐดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,745.60 จุดเพิ่มขึ้น 299.66 จุดหรือ +1.18% ขณะที่ดัชนีS&P500 ปิดที่ 3,083.76 จุดเพิ่มขึ้น 33.43 จุดหรือ +1.10% ส่วนดัชนีNasdaq ปิดที่ 10,017.00 จุดเพิ่มขึ้น 107.84 จุดหรือ +1.09%

ขอขอบคุณ  : บริษัท ฮั่วเซ่งเฮง โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด(HGF)

สมาคมค้าทองคำ ประกาศราคาทองคำ ประจำวันที่ 25 มิ.ย.2563

GCAP GOLD

ทองคำแท่ง ครั้งที่ 1 (-150) 09:27

ทองคำแท่ง ครั้งที่ 2 (+50) 11:03

ทองคำแท่ง ครั้งที่ 3 (-50) 12:40

ทองคำแท่ง ครั้งที่ 4 (+50) 13:18

ทองคำแท่ง ครั้งที่ 5 (+50) 13:43

ทองคำแท่ง ครั้งที่ 6 (-50) 17:10

ภาพรวมการเคลื่อนไหวราคาทองคำในประเทศเมื่อวานนี้ ( 24 มิ.ย.)

เมื่อวานนี้ราคา Gold Spot ได้ปิดปรับตัวลดลง 5.33 ดอลลาร์ ทั้งนี้ในช่วงระหว่างวันราคา Gold Spot จะพุ่งขึ้นไปแตะระดับสูงสุดครั้งใหม่ของปีนี้ และเป็นระดับสูงสุดในรอบกว่า 7 ปีที่ระดับ 1,779 ดอลลาร์ แต่ในช่วงดึกราคาได้ปรับลดลงมาแตะระดับต่ำสุดที่ 1,760 ดอลลาร์จากแรงเทขายทำกำไรหลังจากราคาทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้นตลอดสัปดาห์ นอกจากนั้นยังมาจากเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น

อย่างไรก็ดีราคาทองคำได้รับปัจจัยหนุนมากมาย โดยเฉพาะความกังวลการแพร่ระบาดรอบ 2 ของไวรัสโควิด-19 ในสหรัฐ นอกจากนี้กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจโลกทั้งในปีนี้และปีหน้า และคาดสถานะทางการคลังของรัฐบาลประเทศต่างๆจะทรุดตัวลงอย่างหนัก โดยคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจโลกในปีนี้จะหดตัว 4.9% จากคาดการณ์เดิมว่าจะหดตัว 3%

คืนนี้จับตาการประกาศจีดีพีไตรมาส 1 ของสหรัฐ ซึ่งเป็นประมาณการครั้งสุดท้าย โดยตลาดคาดจะหดตัวลง 5.0% เท่ากับประมาณการครั้งก่อน ส่วนจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ตลาดคาดจะอยู่ที่ระดับ 1.32 ล้านราย

แนวรับ 1,746 ดอลลาร์ 1,737 ดอลลาร์ และ1,725 ดอลลาร์
แนวต้าน 1,770 ดอลลาร์ 1,779 ดอลลาร์ และ 1,790 ดอลลาร์

วันนี้ราคา Gold Spot ได้สร้างระดับต่ำสุดใหม่จากวันก่อนหน้า หากราคาทองคำปรับตัวขึ้นมาใกล้โซนแนวต้าน 1,770-1,779 ดอลลาร์ หากไม่สามารถผ่านได้อาจมีแรงขายกลับเข้ามากดดันเพิ่ม เบื้องต้นประเมินแนวรับที่ 1,753-1,746 ดอลลาร์ หากยืนได้ราคาอาจฟื้นตัวขึ้นอีกครั้ง ดังนั้นให้ระมัดระวังแรงขายเพิ่มและมีโอกาสที่ราคาทองคำจะปรับย่อลงมาบริเวณแนวรับ 1,753-1,746 ดอลลาร์

แนวรับ 1,753 ดอลลาร์ 1,740 ดอลลาร์
แนวต้าน 1,780 ดอลลาร์ และ1,800 ดอลลาร์


ราคาทองคำคาดยังมีแนวโน้มปรับขึ้น โดยคาดจะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,753-1,780 ดอลลาร์ ขณะที่ทิศทางเงินบาทในวันนี้คาดอ่อนค่าลงเล็กน้อย หลังเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ เนื่องจากความกังวลการแพร่ระบาดรอบ 2 ของไวรัสโควิด-19 ในสหรัฐ ซึ่ง USD Futures เดือนมิ.ย.63 คาดจะมีแนวรับที่ 30.80 บาทต่อดอลลาร์ ขณะที่มีแนวต้านที่ 31 บาทต่อดอลลาร์

แนวต้าน 1,774 ดอลลาร์ 1,780 ดอลลาร์ และ1,785 ดอลลาร์
แนวรับ 1,756 ดอลลาร์ 1,750 ดอลลาร์ และ1,746 ดอลลาร์

ทองคำตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้(24 มิ.ย.) ปิดปรับตัวลดลง เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไรระยะสั้น แต่ยังปรับตัวลงได้ ไม่มากนัก ตลาดยังได้แรงหนุนจากความวิตกเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของ ไวรัส โควิด-19 รอบสอง ซึ่งอาจทำให้มีการใช้มาตรการล็อกดาวน์ประเทศอีกครั้ง หนุนให้ราคา ทองคำทรงตัวระดับสูงต่อไป

แนวต้าน 1,771 ดอลลาร์ 1,778 ดอลลาร์ และ1784-86 ดอลลาร์
แนวรับ 1,758 ดอลลาร์ 1,747 ดอลลาร์ และ1,739 ดอลลาร์

ราคาทองไทย 96.5%
แนวต้าน 25,905และ 26,025 บาท
แนวรับ 25,720 และ 25,510 บาท

วานนี้ทองคำได้ขึ้นไปทดสอบระดับ 1,778 ดอลลาร์ ก่อนปรับตัวลงมาทดสอบแนวรับ 1,754 ดอลลาร์ ถือเป็นผลทางเทคนิคเกือบ 80% ระหว่างวันทองคำยังพอจะรีบาวน์กันได้อยู่บ้างจากการคาดการณ์การหดตัวทางเศรษฐกิจโลกของ IMF โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกาคาดหดตัว 8% มีเพียงประเทศจีนเท่านั้นที่ IMF ที่คาดว่าจะขยายตัว 1.0% ที่โฟกัส 2 ประเทศนี้เป็นหลัก เนื่องจากยังเกี่ยวพันกับการกังวลปัญหาสงครามทางการค้าอยู่


ส่วนกลยุทธ์การลงทุน นักลงทุนระยะสั้น รีบาวน์ Open Short 1,771/1,784-86 ดอลลาร์
นักลงทุนระยะกลาง รอเปิด Short ในรอบสัปดาห์จุดแรก บริเวณ 1,771 ดอลลาร์ โดยคาดหวังการออกเป็นกำไรมากกว่า 18 เหรียญขึ้นไป และเผื่อจุดที่ 2 บริเวณ 1,784-86 ดอลลาร์

จุดขาย 1,770 ดอลลาร์ หรือ บาทละ 25,850 บาท
จุดซื้อ 1,760 ดอลลาร์ หรือ บาทละ 25,700 บาท

ราคาทองคำตลาดโลกแกว่งตัวโดยขึ้นไปทำสูงสุดใหม่ของปีนี้ที่ 1,779 เหรียญโดยประมาณ(MTS)

MTS GOLD

25-6-20

ทิศทางราคาทองคำ

ราคาทองคำตลาดโลกแกว่งตัวโดยขึ้นไปทำสูงสุดใหม่ของปีนี้ที่ 1,779 เหรียญโดยประมาณ ก่อนจะย่อตัวมาปิดแถว 1,765 เหรียญโดยประมาณ ท่ามกลางแรงเทขายทำกำไรอย่างหนาแน่น ขณะที่ SPDR มีการเข้าซื้อทองคำเพิ่ม 7.6 ตัน ปัจจุบันถือครองที่ 1,176.85 ตัน ในส่วนของตัวเลขที่ต้องจับตาคืนนี้ของสหรัฐฯ ได้แก่ Unemployment Claims, Core Durable Goods Orders และ Durable Goods Orders คาดว่าจะออกมาดีขึ้น ขณะที่ Final GDP คาดว่าจะทรงตัวเท่าเดิม -5% สำหรับดัชนีดอลลาร์เช้านี้ปรับแข็งค่าต่อมาที่ 97.78 จุด ด้านไอเอ็มเอฟมองว่าเศรษฐกิจโลกจะหดตัวมากขึ้นและจะมีระดับหนี้ทั่วโลกเป็นประวัติการณ์ ด้านประชุมกนง. คงดอกเบี้ยที่ 0.5% แต่ประเมินว่าเศรษฐกิจไทยปี 63 มีแนวโน้มหดตัวกว่าที่คาด เงินบาททรงตัวที่ 30.82 บาท/ดอลลาร์ และเช้านี้อยู่ที่ 30.85 บาท/ดอลลาร์ ทางด้านกระทรวงพาณิชย์ ในส่วนของผู้ส่งออกทองคำไทยในเดือนพ.ค.63 ยังได้อานิสงส์จากการส่งออกทองคำที่ขยายตัวสูงถึง 735.1% หากหักลบมูลค่าการส่งออกทองคำแล้ว มูลค่าการส่งออกสินค้าไทยหดตัว -27.9% อย่างไรก็ดี ราคาทองคำไทยเองก็ยังคงปรับตัวสูงขึ้นได้แต่ไม่มากนักจากเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น โดยที่การแข็งค่าของเงินบาทดูจะเป็นตัวกดดันทองคำในรูปเงินบาท

วิเคราะห์ราคาทองคำทางเทคนิค

ราคาทองคำยังคงแกว่งตัวในแนวทิศทางขาขึ้น โดย Gold Spot ไปทำจุดสูงสุดที่ระดับ 1,779 เหรียญ ทางด้าน Gold Futures ในตลาด COMEX ทำสูงสุดที่ 1,796 เหรียญเกือบแตะ 1,800 เหรียญ และภาพรวมยังเป็นขาขึ้น โดยราคาทองคำวันนี้คาดจะมีแนวรับที่ 1,755 เหรียญ และแนวต้าน 1,780 เหรียญ ขณะที่ Gold Online Futures คาดว่าจะมีแนวรับ 1,770 – 1,790 เหรียญ ในส่วนของ Gold Comex คาดมีแนวรับ 1,775 เหรียญ และแนวต้าน 1,800 เหรียญ

กลยุทธ์การลงทุนในวันนี้

เก็งกำไรกรอบขาขึ้น มี Stop Loss หากต่ำกว่าแนวรับ

– นักลงทุนที่ถือ Long Position 

หาจังหวะเข้าซื้อเมื่อราคาอ่อนตัว และขายปิดทำกำไรตามแนวต้าน

– นักลงทุนที่ถือ Short Position

ไม่แนะนำให้ถือครองสถานะในเวลานี้

กลยุทธ์สำหรับนักลงทุน Weekly Trading

ปรับพอร์ตการลงทุนมาเป็นขาขึ้นระยะสั้นๆ ในลักษณะ Buy on the dips, Sell on the Rallies

Gold Futures M20 จะมีแนวรับที่ระดับ 25,800 บาท และแนวต้านที่ระดับ 26,000 บาท

ขอขอบคุณ : บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด (MTS)