แรงซื้อที่แข็งแกร่งที่แนวรับ 1760 แนะนำรอเข้าซื้อ 1760 ไปขายโซนแนวต้าน 1790(InterGold)

GOLD BULLION INTERGOLD

29-6-20

แนวรับ 1760 แนวต้าน 1790 

แนวรับราคาไทย 25800 แนวต้านราคาไทย 26000

ราคาทองผันผวนหนัก หลังตัวเลขผู้ติดเชื้อCovidต่อวันของสหรัฐ พุ่งทำ New high  โดยในเชิงเทคนิค กราฟทองมีแนวรับสำคัญที่ 1760 โดยเคยติดแนวรับตรงจุดนี้มา 3 รอบ (ตามลูกศร สีน้ำเงิน) รวมทั้งเคยหลุดแนวนี้มา 1 รอบ เมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา จากการที่ทองโดนเทขาย เนื่องจากนักลงทุนส่วนใหญ่มีการทำ Asset Allocation แต่ราคาทองก็ดีดกลับขึ้นมายืนเหนือ 1760 ได้ไว แสดงถึงแรงซื้อที่แข็งแกร่งที่แนวรับ 1760 แนะนำรอเข้าซื้อ 1760 ไปขายโซนแนวต้าน 1790

ขอขอบคุณ บริษัท อินเตอร์โกลด์ โกลด์เทรด จำกัด

ราคาทองคำดีดตัวขึ้น เนื่องจากนักลงทุน ยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของโควิค-19 รอบสอง (GCAP)

GCAP GOLD

29-6-20

แนวโน้มช่วงเช้า

                ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อวันศุกร์ (26 มิ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนขายดอลลาร์ออกมาท่ามกลางความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจที่ยืดเยื้อจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในสหรัฐ หลังจากที่มีรายงานการพบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นในหลายสหรัฐ ซึ่งส่งผลให้มีการประกาศมาตรการล็อกดาวน์อีกครั้งเพื่อควบคุมการแพร่ระบาด 

มุมมองทองคำภาคเช้า 

ทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อวันศุกร์ (26 มิ.ย.) โดยได้แรงหนุนจากคำสั่งซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย หลังจากตลาดหุ้นทั่วโลกร่วงลงจากความวิตกเกี่ยวกับจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่พุ่งขึ้นในสหรัฐ และในประเทศต่างๆ อย่างไรก็ดี นายพอล เซียนา นักวิเคราะห์จากแบงก์ ออฟ อเมริกา คาดการณ์ว่า ราคาทองจะพุ่งขึ้นทดสอบ 1,790-1,805 ดอลลาร์/ออนซ์ในสัปดาห์หน้า ซึ่งเป็นระดับสูงสุดของปี 2555 และหากสามารถทะลุแนวต้าน 1,800 ดอลลาร์ ราคาทองก็จะมีเป้าหมายต่อไปที่ 1,920.70 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดตลอดกาลที่ทำไว้ในปี 2554  นอกจากนี้ นายเซียนากล่าวว่า ราคาทองมีแนวโน้มแตะระดับ 2,000 ดอลลาร์ โดยมีอัพไซด์อยู่ที่ 2,114-2,296 ดอลลาร์ อย่างไรก็ตามนักลงทุนจับตาการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญในคืนนี้ซึ่งได้แก่   ยอดขายบ้านที่รอปิดการขาย  ดัชนีภาคการผลิตเฟดสาขา ดัลลัส  ดัชนีราคาบ้านใน 20 เมืองใหญ่ S&P/CS  ดัชนีจัดซื้อจัดจ้าง ชิคาโก  ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค  การจ้างงานนอกภาคเกษตร ADP  ดัชนีฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิต   ดัชนีฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิต ISM  ค่าใช้จ่ายด้านก่อสร้าง  เป็นต้น            

สรุปภาวะแลกเปลี่ยนเงินตรา

                ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อวันศุกร์ (26 มิ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนขายดอลลาร์ออกมาท่ามกลางความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจที่ยืดเยื้อจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในสหรัฐ หลังจากที่มีรายงานการพบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นในหลายสหรัฐ ซึ่งส่งผลให้มีการประกาศมาตรการล็อกดาวน์อีกครั้งเพื่อควบคุมการแพร่ระบาด

แนะแนวทางการลงทุน

แนวรับ   1764 –  1760 –  1756

แนวต้าน   1774 –  1780 –  1785

ราคาทองคำดีดตัวขึ้น เนื่องจากนักลงทุน  ยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของโควิค-19 รอบสอง  อาจทำให้รัฐฯ ต่าง ๆตัดสินใจใช้มาตรการล็อกดาวน์ประเทศอีกครั้ง กระตุ้นให้นักลงทุนหันมาถือสินทรัพย์ที่ปลอดภัยหนุนให้ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้น

ขอขอบคุณ : บริษัท จีแคป จำกัด(Gcap)

ราคาทองคำแนวโน้มดียังมีปัจจัยหนุนอีกมาก(ShiningGold)

ชายน์นิ่งโกลด์ บูลเลี่ยน

ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ได้ยื่นขอให้ศาลฏีกาสหรัฐ สั่งยกเลิก “โอบามา แคร์” ซึ่งเป็นกฏหมายที่ให้ความคุ้มครองด้านสุขภาพชาวอเมริกันหลายล้านชีวิต ท่ามกลางการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส โควิด 19 อย่างหนัก ทั้งในสหรัฐและทั่วโลก โดยทรัมป์ ระบุว่า กฎหมาย นี้ใช้เงินมากเกินไป ซึ่งแนวทางดังกล่าวค่อนข้างสวนทางกับนายโจ ไบเดน คู่แข่งทางการเมืองสำคัญทั้งนี้หากประธานาธิบดีทรัมป์สามารถทำได้สำเร็จก็น่าเป็นห่วงสวัสดิภาพชาวอเมริกันเช่นกัน ถือว่าเรื่องดังกล่าวเป็นปัจจัยบวกโดยตรงกับกระแสโควิดในขณะนี้

มาดูกลยุทธ์การลงทุนในวันนี้ นักลงทุนระยะสั้น ให้รอราคาย่อตัว โดย Open Long ที่ 1,759 ดอลลาร์ และ1,742 ดอลลาร์ ตั้งจุด Stop Loss ที่ 1,737 ดอลลาร์ส่วนนักลงทุนระยะกลาง ให้รอรีบาวน์ โดย Open Short จุดแรกที่ 1,785 ดอลลาร์ และจุดที่ 2 ที่บริเวณ 1,807 ดอลลาร์ โดยคาดหวังการปิดรอบทำกำไรมากกว่า 18 ดอลลาร์

ส่วนการณ์คาดการณ์การเคลื่อนไหวราคาทองคำ วันนี้คาดมีแนวต้านที่ 1,776 ดอลลาร์ 1,785 ดอลลาร์ และ 1,796 ดอลลาร์ ส่วนแนวรับ 1,759 ดอลลาร์ และ1,742 ดอลลาร์ โดยจุดStop-loss ฝั่ง Long ที่1,737 ดอลลาร์ ส่วนฝั่ง Short อยู่ที่1,803 ดอลลาร์

ส่วนการการคาดการณ์ราคาทองคำไทย 96.5% แนวต้านอยู่ที่บาทละ  25,970 บาท และ 26,150 บาท ส่วนแนวรับอยู่ที่บาทละ  25,830 บาท และ 25,715 บาท

ราคาทองมีแรงซื้อกลับในคืนวันศุกร์ จึงทำให้ราคามีการดีดกลับขึ้นมายืนเหนือ 1,760 เหรียญอีกครั้งหนึ่ง(MTS)

MTS GOLD

29-6-20

ทิศทางราคาทองคำ

ราคาทองคำปรับตัวลดลงในช่วงต้นตลาดวันศุกร์ และปลายตลาดมีแรงซื้อกลับในคืนวันศุกร์ จึงทำให้ราคามีการดีดกลับขึ้นมายืนเหนือ 1,760 เหรียญอีกครั้งหนึ่ง หลังจากที่ร่วงหลุดลงไปที่ 1,750 เหรียญ ภาพรวมของตลาดเริ่มกลับมากังวลเรื่องการระบาดรอบที่ 2 ของไวรัสโคโรนา ทำให้บางรัฐมียอดผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงอย่างมาก และมีการกลับมาปิดสถานบริการบางแห่ง ขณะที่ความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีนก็มีมากขึ้น หลังจีนกล่าวว่าหากสหรัฐฯเข้ามาก้าวก่ายมากกว่านี้ก็จะไม่ยอมทำตามข้อตกลงการค้า ด้านดัชนีดาวโจนส์ปิดปรับลงกว่า 2.84% ทางด้าน Nasdaq ปิด -2.59% และดัชนี S&P500 -2.42%  ดัชนีดอลลาร์ทรงตัวแถว 97.5 จุด และเงินบาททรงตัวแถว 30.90 บาท/ดอลลาร์ และตลาดทั่วโลกกลับมากังวลต่อเศรษฐกิจชะลอตัวและอาจฟื้นตัวได้ช้าลง ด้าน SPDR มีการเข้าซื้อทองคำเพิ่ม 3.51 ตัน ที่ระดับ 1,178.9 ตัน

วิเคราะห์ราคาทองคำทางเทคนิค

ราคาทองคำกลับมายืนเหนือ 1,750 เหรียญอีกครั้ง และราคาดูจะเป็นแนวโน้มทิศทางขาขึ้น โดยมีการปรับฐานช่วงสั้นๆบริเวณ 1,760 เหรียญ ยังคาดว่าราคามีโอกาสที่จะกลับไปทดสอบ High เดิมหรือ 1,800 เหรียญได้ โดยวันนี้คาดว่าราคาจะมีแนวรับ 1,760 เหรียญ และแนวต้าน 1,775 เหรียญ ที่เคยเป็นสูงสุดเดิมในสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่ Gold Online Futures M20 ที่จะหมดอายุในวันนี้คาดว่าจะมีกรอบราคาใกล้เคียงกับ Gold Spot  ขณะที่ Gold Online Futures U20 และ Gold Comex จะมีแนวรับเท่ากันที่ 1,770 เหรียญ และแนวต้าน 1,800 เหรียญ สำหรับทองคำไทยคาดว่าวันนี้จะปรับตัวลดลงประมาณ 50 บาท/บาททองคำ

กลยุทธ์การลงทุนในวันนี้

เก็งกำไรระยะสั้นๆ Sideways ในกรอบเป็นลักษณะลงซื้อขึ้นขายตามการปรับฐานรของราคา

– นักลงทุนที่ถือ Long Position 

ลงซื้อขึ้นขาย เก็งกำไรระยะสั้นๆในกรอบเท่านั้น

– นักลงทุนที่ถือ Short Position

บริหารพอร์ตสมดุล ยังไม่แนะนำให้ถือครองสถานะเพิ่ม

กลยุทธ์สำหรับนักลงทุน Weekly Trading

แนะนำให้เก็งกำไรระยะสั้นๆในกรอบเท่านั้น

Gold Futures M20 จะมีแนวรับที่ระดับ 25,900 บาท และแนวต้านที่ระดับ 26,100 บาท

Gold Futures Q20 จะมีแนวรับที่ระดับ 26,030 บาท และแนวต้านที่ระดับ 26,230 บาท

ขอขอบคุณ  : บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด (MTS)

ราคาทองคำ ยังบวกหลังผู้ติดเชื้อ COVID-19 พุ่งพรวด จับตาสัปดาห์นี้จะแตะ 1,800 ดอลลาร์หรือไม่(Gcap)

GCAP GOLD

Gcapgold : ราคาทองคำตลาดนิวยอร์กเมื่อวันศุกร์ (26 มิ.ย.) ปิดตลาดปรับตัวเพิ่มขึ้นโดยได้แรงหนุนจากคำสั่งซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย หลังจากตลาดหุ้นทั่วโลกร่วงลงจากความวิตกเกี่ยวกับจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่พุ่งขึ้นในสหรัฐ และในประเทศต่างๆ ทั้งนี้ นายพอล เซียนา นักวิเคราะห์จากแบงก์ ออฟ อเมริกา คาดการณ์ว่า ราคาทองจะพุ่งขึ้นทดสอบ 1,790-1,805 ดอลลาร์ในสัปดาห์นี้ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดของปี 2555 และหากสามารถทะลุแนวต้าน 1,800 ดอลลาร์ ราคาทองก็จะมีเป้าหมายต่อไปที่ 1,920.70 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดตลอดกาลที่ทำไว้ในปี 2554  นอกจากนี้ นายเซียนากล่าวว่า ราคาทองมีแนวโน้มแตะระดับ 2,000 ดอลลาร์ โดยมีอัพไซด์อยู่ที่ 2,114-2,296 ดอลลาร์

ส่วนการเคลื่อนไหวของเงินดอลลาร์สหรัฐเมื่อวันศุกร์ (26 มิ.ย.)ได้อ่อนค่าลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ เนื่องจากนักลงทุนขายดอลลาร์ออกมาท่ามกลางความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจที่ยืดเยื้อจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในสหรัฐ หลังจากที่มีรายงานการพบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นในหลายสหรัฐ ซึ่งส่งผลให้มีการประกาศมาตรการล็อกดาวน์อีกครั้งเพื่อควบคุมการแพร่ระบาด

ส่วนกลุยทธ์การลงทุนวันนี้ คาดราคาทองคำดีดตัวขึ้น เนื่องจากนักลงทุน  ยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของโควิค-19 รอบสอง  อาจทำให้รัฐฯ ต่าง ๆตัดสินใจใช้มาตรการล็อกดาวน์ประเทศอีกครั้ง กระตุ้นให้นักลงทุนหันมาถือสินทรัพย์ที่ปลอดภัยหนุนให้ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้น โดยให้แนวรับไว้ที่  1,764 ดอลลาร์  1,760 ดอลลาร์ และ 1,756 ดอลลาร์ ขณะที่แนวต้าน อยู่ที่ 1,774 ดอลลาร์ 1,780 ดอลลาร์ และ 1,785 ดอลลาร์

สมาคมค้าทองคำ ประกาศราคาทองคำ ประจำวันที่ 29 มิ.ย.2563

บรรยากาศการค้าทองคำ

ทองคำแท่ง ครั้งที่ 1 (-50) 09:30

ทองคำแท่ง ครั้งที่ 2 (+50) 09:44

ทองคำแท่ง ครั้งที่ 3 (+50) 10:46

ทองคำแท่ง ครั้งที่ 4 (-50) 14:05

ภาพรวมการเคลื่อนไหวราคาทองคำในประเทศ

เช้านี้ (09.30 น.) ราคาทองคำในประเทศไทย ที่ประกาศโดย สมาคมค้าทองคำ ราคาแรกได้ปรับตัวลดลง บาทละ 50 บาท หลังจากนั้นอีกประมาณ 15 นาที ได้มีการประกาศปรับราคาเพิ่มขึ้น บาทละ 50 บาท โดยล่าสุด (10.00 น.) ราคาทองคำแท่ง รับซื้อที่ราคาบาทละ 25,800 ขายออกบาทละ 25,900 บาท

ส่วนภาพรวมของราคา gold spot ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ปรับตัวทำจุดสูงสุดในรอบกว่า 7 ปี หลังได้แรงหนุนจาก ความตรึงเครียดและหว่างสหรัฐกับจีนที่มีมากขึ้น หลังสหรัฐได้ระงับวีซ่าเจ้าหน้าที่จีน จากปัญหาที่ฮ่องกง โดยจีนได้ตอบโต้โดยเตือนว่าการที่สหรัฐล้ำเส้นจีนในประเด็นฮ่องกงและไต้หวัน อาจทำให้จีนไม่ปฏิบัติตามข้อตกลงที่จะซื้อสินค้าเกษตรของสหรัฐฯ

นอกจากนี้ยังมีความกังวลการแพร่ระบาดรอบ 2 ของไวรัสโควิด-19 ในสหรัฐและบางรัฐในสหรัฐต้องประกาศขยายเวลามาตรการล็อกดาวน์ธุรกิจอีกครั้ง ซึ่งภาพรวมทั่วโลกตอนนี้มียอดผู้ติดเชื้อทะลุ 10 ล้านราย และเสียชีวิตกว่า 5 แสนรายแล้ว ด้านกองทุนการเงินระหว่างประเทศ ได้ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจโลกในปีนี้และปีหน้าลงอีก เช่นเดียวกับธนาคารแห่งประเทศไทยได้ปรับลดอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ในประเทศไปอยู่ที่ – 8

อย่างไรก็ดีราคาทองคำได้เผชิญแรงกดดันจากการแข็งค่าของดอลลาร์ และแรงขายทำกำไรจากความต้องการเงินสด  เพื่อโยกเงินเติมมาร์จิ้น และชดเชยผลขาดทุนในตลาดหุ้น ขณะที่กองทุน SPDR ซื้อทองคำต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 14 โดยซื้อทองคำ 19.59 ตันในสัปดาห์ที่ผ่านมา

สัปดาห์นี้ ติดตามการเผยรายงานการประชุม FOMC และการจ้างงานของสหรัฐเดือน มิ.ย. ราคาทองคำคาดผันผวนตามการจ้างงานของสหรัฐว่าจะออกมาดีกว่าหรือแย่กว่าที่ตลาดคาดไว้ ซึ่งตลาดคาดทั้งการจ้างงานภาคเอกชน ADP และการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือน มิ.ย.จะเพิ่มขึ้น 3 ล้านตำแหน่ง

กลยุทธ์การลงทุนทองคำวันนี้

แนวรับ 1,757 ดอลลาร์ 1,740 ดอลลาร์ และ1,725  ดอลลาร์

แนวต้าน 1,779  ดอลลาร์ 1,795 ดอลลาร์ และ 1,803  ดอลลาร์

หลังจากราคา Gold Spot  ทิ้งตัวลง มีแรงซื้อกลับเข้ามาดันให้ราคาทองคำดีดตัวขึ้นกลับมาเคลื่อนไหวใกล้ระดับสูงสุดในรอบกว่า 7 ปีครึ่ง  เบื้องต้นหากราคาสามารถสร้างฐานเหนือแนวรับ 1,764-1,757 ดอลลาร์ได้อย่างแข็งแกร่ง และเมื่อราคาจะพยายามทดสอบแนวต้านโซน 1,779 ดอลลาร์ หากผ่านได้ประเมินแนวต้านถัดไปโซน 1,790-1,795 ดอลลาร์

กลยุทธ์การลงทุน เน้นเก็งกำไรระยะสั้น โดยเปิดสถานะซื้อในโซน 1,764-1,757 ดอลลาร์ และตัดขาดทุนหากราคาหลุด 1,757 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยพิจารณาปิดสถานะซื้อเพื่อทำกำไรหากราคาไม่ผ่านแนวต้านโซน 1,779 ดอลลาร์ หากผ่านได้สามารถถือสถานะซื้

แนวรับ 1,753 ดอลลาร์ 1,740 ดอลลาร์

แนวต้าน 1,780 ดอลลาร์ และ1,800 ดอลลาร์

แนวโน้มราคาทองคำคาดปรับขึ้นทดสอบแนวต้าน 1,780 ดอลลาร์ ซึ่งยังมีปัจจัยหนุนจากความกังวลการแพร่ระบาดรอบ 2 ของไวรัสโควิด-19 หลังพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้นในสหรัฐ    ทำให้บางรัฐต้องประกาศมาตรการล็อกดาวน์ธุรกิจอีกครั้ง ส่วนค่าเงินบาทวันนี้คาดแข็งค่าขึ้นเล็กน้อย โดย USD Futures เดือนก.ย.63 คาดจะมีแนวรับที่ 30.85 บาท/ดอลลาร์ ขณะที่มีแนวต้านที่ 31 บาท/ดอลลาร์

แนวต้าน 1,774  ดอลลาร์ 1,780 ดอลลาร์ และ1,785 ดอลลาร์

แนวรับ 1,764 ดอลลาร์ 1,760 ดอลลาร์ และ1,756  ดอลลาร์

ราคาทองคำดีดตัวขึ้น เนื่องจากนักลงทุน ยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของ โควิค-19รอบสอง อาจทำให้รัฐฯต่าง ๆ ตัดสินใจใช้มาตรการล็อกดาวน์ประเทศอีก ครั้งกระตุ้นให้นักลงทุนหันมาถือสินทรัพย์ ที่ปลอดภัยหนุนให้ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้น ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ

แนวต้าน 1,776 ดอลลาร์ 1,785 ดอลลาร์ และ1796 ดอลลาร์

แนวรับ 1,758 ดอลลาร์ และ1,742  ดอลลาร์

ราคาทองคำไทย

แนวต้าน บาทละ 25,970  บาทและ  26,150 บาท

แนวรับ บาทละ 25,830 บาท และ 25,715 บาท

ปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ ยื่นขอให้ศาลฏีกาสหรัฐ สั่งยกเลิกโอบามาร์แคร์ ซึ่งเป็นกฏหมายที่ให้ความคุ้มครองด้านสุขภาพชาวอเมริกันหลายล้านชีวิต ท่ามกลางการระบาดของไรวัส โควิด 19 อย่างหนัก และค่อนข้างสวนทางกับแนวทางของนายโจ ไบเดน คู่แข่งทางการเมืองสำคัญ ซึ่ง ทรัมป์กล่าวว่า กม.นี้ใช้เงินมากเกินไป ซึ่งหากยื่นยกเลิกได้สำเร็จก็น่าเป็นห่วงสวัสดิภาพชาวอเมริกันเช่นกัน ถือว่ายังเป็นปัจจัยบวกโดยตรงกับกระแสโควิดในขณะนี้

กลยุทธ์การลงทุน : นักลงทุนระยะสั้น ให้รอย่อตัว Open Long 1,759 ดอลลาร์ และ 1,742 ดอลลาร์ โดยตั้งจุด Stop Loss ไว้ที่ 1,737 ดอลลาร์ ส่วนนักลงทุนระยะกลาง ให้รอรีบาวน์ Open Short จุดแรกที่ 1,785 ดอลลาร์ และจุดที่ 2 บริเวณ 1,807 ดอลลาร์ คาดหวังการปิดรอบทำกำไรมากกว่า 18 ดอลลาร์

จุดขาย 1,778 ดอลลาร์ หรือ บาทละ 25,950 บาท

จุดซื้อ 1,760 ดอลลาร์ หรือ บาทละ 25,750 บาท

ราคาทองคำวันศุกร์ที่ผ่านมาปิดปรับตัวเพิ่มขึ้น 6.96 ดอลลาร์ต่อออนซ์(YLG)

YLG BULLION

29-6-20

คำแนะนำ :

เน้นเก็งกำไรระยะสั้น โดยเปิดสถานะซื้อในโซน 1,764-1,757 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (ตัดขาดทุนหากราคาหลุด 1,757 ดอลลาร์ต่อออนซ์)  พิจารณาปิดสถานะซื้อเพื่อทำกำไรหากราคาไม่ผ่านแนวต้านโซน 1,779 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากผ่านได้สามารถถือสถานะซื้อต่อ

แนวรับ : 1,757 1,740 1,725 แนวต้าน : 1,779 1,795 1,803

จจัยพื้นฐาน :

ราคาทองคำวันศุกร์ที่ผ่านมาปิดปรับตัวเพิ่มขึ้น 6.96  ดอลลาร์ต่อออนซ์   แม้ในช่วงต้นราคาทองคำจะเผชิญแรงกดดันจากการแข็งค่าของดอลลาร์  และแรงขายทำกำไรจากความต้องการเงินสด  เพื่อโยกเงินเติมมาร์จิ้น และชดเชยผลขาดทุนในตลาดหุ้น  จนส่งผลให้ราคาทองคำร่วงแตะระดับต่ำสุดบริเวณ 1,747 ดอลลาร์ต่อออนซ์  อย่างไรก็ดี  ราคาทองคำดีดตัวขึ้นแรงในเวลาต่อมา  หลังสหรัฐเผยยอดผู้ติดเชื้อ COVID-19 เพิ่มขึ้น 45,255 รายเมื่อในวันศุกร์  โดยมีถึง 34 รัฐที่จำนวนผู้ติดเชื้อ COVID-19 เพิ่มขึ้นราว 5%หรือมากกว่าค่าเฉลี่ย 7 วัน  ส่วนค่าเฉลี่ย 7 วันของจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่พุ่งขึ้น 41% เมื่อเทียบกับสัปดาห์ที่แล้ว  สถานการณ์ดังกล่าวทำให้รัฐเท็กซัสออกคำสั่ง “จำกัด” การดำเนินธุรกิจและการให้บริการบางอย่าง, รัฐวอชิงตัน “ระงับ” แผนการผ่อนคลายมาตรการ Lockdown ระยะที่ 4 และรัฐซานฟรานซิสโกเลื่อนการเปิดธุรกิจออกไปเพื่อรับมือกับจำนวนผู้ติดเชื้อที่พุ่งขึ้น  นั่นสร้างความวิตกว่าการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจจะยิ่งช้าลง  ทำให้มีแรงช้อนซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย  ขณะที่นักลงทุนเริ่มขายสกุลเงินดอลลาร์ออกมาจนเป็นปัจจัยหนุนทอง  ไม่เพียงเท่านั้น  ราคาทองคำยังได้รับแรงหนุนจากความตึงเครียดระหว่างจีน-สหรัฐ  หลังนายไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐเผย สหรัฐทำการ “ระงับ” วีซ่าเจ้าหน้าที่จีน ปมบั่นทอนการปกครองตนเองของฮ่องกง  ด้านเจ้าหน้าที่จีนเตือนว่า การที่สหรัฐ “ล้ำเส้น” จีนในประเด็นฮ่องกงและไต้หวัน อาจทำให้จีน “ไม่ปฏิบัติ” ตามข้อตกลงที่จะซื้อสินค้าเกษตรของสหรัฐ ปัจจัยดังกล่าวสะท้อนความไม่แน่นอนในตลาดจึงกระตุ้นแรงซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยเพิ่ม  ส่งผลให้ราคาทองคำดีดตัวขึ้นกว่า 25 ดอลลาร์ต่อออนซ์จากระดับต่ำสุดในระหว่างวันมาปิดตลาดในวันศุกร์บริเวณ 1,770 ดอลลาร์ต่อออนซ์ด้านกองทุน SPDR ถือครองทองคำเพิ่ม +3.51 ตัน  สำหรับวันนี้ติดตามการเปิดเผยยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขายของสหรัฐ

จจัยทางเทคนิค :

หลังจากราคาทิ้งตัวลง มีแรงซื้อดันให้ราคาทองคำดีดตัวขึ้นกลับมาเคลื่อนไหวใกล้ระดับสูงสุดในรอบกว่า 7 ปีครึ่ง  เบื้องต้นหากราคาสามารถสร้างฐานเหนือแนวรับ 1,764-1,757 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้แข็งแกร่ง และเมื่อราคาจะพยายามทดสอบแนวต้านโซน 1,779 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากผ่านได้ประเมินแนวต้านถัดไปโซน 1,790-1,795 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (ระดับสูงสุดเดือน ก.พ.,ต.ค. ปี2012)

กลยุทธ์การลงทุน :

เปิดสถานะซื้อในบริเวณ 1,764-1,757 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (ตัดขาดทุนหากราคาหลุดบริเวณ 1,757 ดอลลาร์ต่อออนซ์) หากรับความเสี่ยงได้น้อย หรือ หากราคาไม่สามารถยืนเหนือ 1,779 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ อาจต้องพิจารณาปิดสถานะซื้อเพื่อทำกำไร

ข่าวสารประกอบการลงทุน :

  • (+) สหรัฐระงับการออกวีซ่าแก่เจ้าหน้าที่จีนจากความขัดแย้งฮ่องกง  กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐสั่งห้ามออกวีซ่าแก่เจ้าหน้าที่พรรคคอมมิวนิสต์จีนที่ถูกกล่าวหาว่าละเมิดเสรีภาพพลเมืองฮ่องกง ซึ่งเป็นสิ่งที่เจ้าหน้าที่ระดับสูงระบุว่า เป็นการเปิดศึกเพื่อกดดันให้จีนระงับการออกมาตรการจำกัดครั้งใหม่ต่อฮ่องกง  นายไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐระบุว่า เขาออกมาตรการสกัดการเข้าประเทศของ “เจ้าหน้าที่จากพรรคคอมมิวนิสต์จีนทั้งปัจจุบันและอดีต ซึ่งเชื่อว่ารับผิดชอบหรือสมรู้ร่วมคิดในการบั่นทอนการปกครองตนเองระดับสูงของฮ่องกง” เขาระบุว่า สมาชิกครอบครัวอาจได้รับผลกระทบเช่นกัน แต่ตามธรรมเนียมของเรื่องวีซ่า เขาไม่ได้เอ่ยชื่อเจ้าหน้าที่
  • (+) สหรัฐออกคำเตือนเรื่อง”Huawei”หลังอังกฤษไฟเขียวศูนย์วิจัยชิพ 1 พันล้านปอนด์  สหรัฐออกคำเตือนใหม่เรื่องบริษัท Huawei ต่ออังกฤษ หลังทางการท้องถิ่นของอังกฤษอนุมัติการตั้งศูนย์วิจัยและผลิตชิพวงเงิน 1 พันล้านปอนด์ (1.24 พันล้านดอลลาร์) ของบริษัท Huawei  ซึ่งเป็นยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีจีน ในเมืองเคมบริดจ์เชียร์  สมาชิกสภาเขตเซาท์ เคมบริดจ์เชียร์ มีมติ 9 ต่อ 1 เสียงสนับสนุนการสร้างศูนย์ดังกล่าวในวันพฤหัสบดี ซึ่งในช่วงเวลาไม่ถึง 24 ชั่วโมงหลังเปิดไฟเขียว กระทรวงต่างประเทศสหรัฐย้ำการกล่าวอ้างว่า Huawei สร้างความเสี่ยงต่อความมั่นคงแห่งชาติ โดยอ้างว่า บริษัทแห่งนี้เชื่อมโยงกับพรรคคอมมิวนิสต์จีน (CCP) 
  • (+) ดอลล์อ่อนเทียบสกุลเงินหลัก วิตกโควิดระบาดเพิ่มถ่วงเศรษฐกิจสหรัฐ  ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (26 มิ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนขายดอลลาร์ออกมาท่ามกลางความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจที่ยืดเยื้อจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในสหรัฐ หลังจากที่มีรายงานการพบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นในหลายสหรัฐ ซึ่งส่งผลให้มีการประกาศมาตรการล็อกดาวน์อีกครั้งเพื่อควบคุมการแพร่ระบาด  ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.01% สู่ระดับ 97.4326 เมื่อคืนนี้  ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 107.18 เยน จากระดับ 107.20 เยน และอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9474 ฟรังก์ จากระดับ 0.9489 ฟรังก์ แต่ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.3656 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3649 ดอลลาร์แคนาดา  ยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1228 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1215 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าแตะที่ระดับ 1.2344 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2405 ดอลลาร์
  • (+) ดาวโจนส์ปิดร่วง 730.05 จุด วิตกหลายรัฐสั่งล็อกดาวน์หลังโควิดพุ่ง  ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงมากกว่า 2% เมื่อคืนนี้ (26 มิ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกว่า การฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐจะเป็นไปอย่างล่าช้า หลังจากหลายรัฐของสหรัฐกลับมากำหนดข้อจำกัดในการดำเนินธุรกิจอีกครั้ง เพื่อรับมือกับจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่พุ่งขึ้น  ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,015.55 จุด ร่วงลง 730.05 จุด หรือ -2.84%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,009.05 จุด ร่วงลง 74.71 จุด หรือ -2.42% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 9,757.22 จุด ร่วงลง 259.78 จุด หรือ -2.59%
  • (+) ค่าเฉลี่ย 7 วันของผู้ติดเชื้อโควิดรายใหม่ของสหรัฐพุ่งเมื่อเทียบสัปดาห์ที่แล้ว  สำนักข่าว CNBC ระบุว่า ผลการวิเคราะห์ข้อมูลผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 จากมหาวิทยาลัยจอห์น ฮอปกินส์ พบว่า ค่าเฉลี่ย 7 วันของจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายใหม่ของสหรัฐพุ่งขึ้นมากกว่า 33,000 ราย โดยเพิ่มขึ้นกว่า 38% เมื่อเทียบกับสัปดาห์ที่แล้ว  ผลการวิเคราะห์ข้อมูลพบว่า 35 รัฐทั่วสหรัฐมีจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มขึ้นราว 5% หรือมากกว่า โดยอิงจากการเปลี่ยนแปลงของค่าเฉลี่ยของจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่เมื่อเทียบกับสัปดาห์ที่แล้ว  ส่วนอัตราการติดเชื้อของรัฐเท็กซัสและแอริโซนาอยู่ในระดับสูงเกิน 10% ซึ่งเป็นระดับที่ต้องเฝ้าระวัง ขณะที่จำนวนผู้เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเพิ่มสูงขึ้นใน 15 รัฐ
  • (+) สหรัฐเผยการใช้จ่ายผู้บริโภคพุ่งขึ้นในเดือนพ.ค. หลังทรุดตัวจากพิษโควิด  กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า การใช้จ่ายส่วนบุคคลของผู้บริโภคสหรัฐพุ่งขึ้น 8.2% ในเดือนพ.ค. แต่ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ระดับ 9.0% หลังจากดิ่งลง 12.6% ในเดือนเม.ย. ซึ่งเป็นการทรุดตัวลงมากที่สุดนับตั้งแต่เริ่มมีการเก็บรวบรวมข้อมูลในปี 2502
  • (-) ผลสำรวจม.มิชิแกนชี้ความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐดีดตัวขานรับคลายล็อกดาวน์  ผลสำรวจของมหาวิทยาลัยมิชิแกนระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐดีดตัวขึ้นสู่ระดับ 78.1 ในเดือนมิ.ย. จากระดับ 72.3 ในเดือนพ.ค.
  • (-) สหรัฐเผยดัชนี PCE พื้นฐานขยับขึ้นในเดือนพ.ค. หลังร่วงลงในเดือนเม.ย.  กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) พื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน และเป็นมาตรวัดอัตราเงินเฟ้อที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ให้ความสำคัญ เพิ่มขึ้น 0.1% ในเดือนพ.ค. หลังจากร่วงลง 0.4% ในเดือนเม.ย.  เมื่อเทียบรายปี ดัชนี PCE พื้นฐานเพิ่มขึ้น 1.0% หลังจากเพิ่มขึ้น 1.0% เช่นกันในเดือนเม.ย.

ขอขอบคุณ  : บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG)

แนวโน้มราคาทองคำคาดปรับขึ้นทดสอบแนวต้าน1,780 ดอลลาร์ซึ่งยังมีปัจจัยหนุนจากความกังวลการแพร่ระบาดรอบ 2 ของไวรัสโควิด-19(HGF)

กำไลทองคำ

29-6-20

สัปดาห์ที่ผ่านมาราคาทองคำปรับขึ้นทำจุดสูงสุดในรอบกว่า 7 ปี

สัปดาห์นี้ติดตามการแถลงของประธานเฟดการจ้างงานของสหรัฐ

ทองคำคาดปรับขึ้นทดสอบแนวต้าน1,780 ดอลลาร์

  • สัปดาห์ที่ผ่านมาราคาทองคำ Spotปรับขึ้นร้อนแรงทำจุดสูงสุดในรอบกว่า 7 ปี ซึ่งทองคำได้รับปัจจัยหนุนจากความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีนที่กลับมาตึงเครียด ความกังวลการแพร่ระบาดรอบ 2 ของไวรัสโควิด-19ซึ่งตอนนี้มียอดเสียชีวิตจากไวรัสโควิด-19 ทั่วโลกทะลุ 5 แสนรายแล้ว และบางรัฐในสหรัฐต้องประกาศมาตรการล็อกดาวน์ธุรกิจอีกครั้งกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจโลกในปีนี้และปีหน้าทางด้านกองทุน SPDR ซื้อทองคำต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 14 โดยซื้อทองคำ 19.59ตันในสัปดาห์ที่ผ่านมา
  • สัปดาห์นี้ติดตามการแถลงของประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)การเปิดเผยรายงานการประชุม FOMCและการจ้างงานของสหรัฐเดือนมิ.ย.ราคาทองคำคาดผันผวนตามการจ้างงานของสหรัฐว่าจะออกมาดีกว่าหรือแย่กว่าที่ตลาดคาดไว้ซึ่งตลาดคาดทั้งการจ้างงานภาคเอกชน ADPและการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนมิ.ย.จะเพิ่มขึ้น 3ล้านตำแหน่ง
  • แนวโน้มราคาทองคำคาดปรับขึ้นทดสอบแนวต้าน1,780 ดอลลาร์ซึ่งยังมีปัจจัยหนุนจากความกังวลการแพร่ระบาดรอบ 2 ของไวรัสโควิด-19 โดยมีแนวต้าน1,780 ดอลลาร์ และแนวต้านสำคัญ 1,800 ดอลลาร์ขณะที่มีแนวรับ 1,753 ดอลลาร์ และ 1,740 ดอลลาร์ 

ราคาทองตลาดโลก

Closechg.SupportResistance
1,770.45+7.151,753/1,7401,780/1,800

ราคาทองแท่ง 96.5%

Closechg.SupportResistance
25,900+10025,650/25,50026,000/26,250

โกลด์ฟิวเจอร์ส

ClosechgSupportResistance
26,090+13025,780/25,63026,150/26,390

สำหรับนักลงทุนที่ซื้อไว้แนะนำขายทำกำไรที่ราคาทอง Spot 1,780 ดอลลาร์ (GF 26,150บาท) และ 1,800ดอลลาร์(GF 26,390บาท) สำหรับนักลงทุนทองแท่ง แนะนำขายทำกำไรที่ราคาทอง Spot 1,780 ดอลลาร์และ 1,800ดอลลาร์

โกลด์ออนไลน์ฟิวเจอร์

ClosechgSupportResistance
1,778.40+8.201,758/1,7451,785/1,805

แนะนำซื้อเมื่อราคาGOU20ปรับลงมาที่1,758 ดอลลาร์ โดยมีจุดขายตัดขาดทุนที่ 1,755 ดอลลาร์

ค่าเงินบาท

ทิศทางเงินบาทในวันนี้คาดแข็งค่าขึ้นเล็กน้อย โดยเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ เนื่องจากจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้นในสหรัฐทำให้บางรัฐต้องประกาศมาตรการล็อกดาวน์ธุรกิจอีกครั้ง ซึ่งUSD Futures เดือนก.ย.63คาดจะมีแนวรับที่ 30.85 บาท/ดอลลาร์ ขณะที่มีแนวต้านที่ 31 บาท/ดอลลาร์

News

ตลาดการเงินต่างประเทศดอลล์อ่อนเทียบสกุลเงินหลักวิตกโควิดระบาดเพิ่มถ่วงเศรษฐกิจสหรัฐ

ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา (26 มิ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนขายดอลลาร์ออกมาท่ามกลางความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจที่ยืดเยื้อจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในสหรัฐหลังจากที่มีรายงานการพบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นในหลายสหรัฐซึ่งส่งผลให้มีการประกาศมาตรการล็อกดาวน์อีกครั้งเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงินลดลง 0.01% สู่ระดับ 97.4326 เมื่อคืนนี้

ตลาดโลหะมีค่าต่างประเทศ:ทองปิดบวก $9.7 วิตกโควิดพุ่งหนุนแรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา (26 มิ.ย.) โดยได้แรงหนุนจากคำสั่งซื้อสินทรัพย์ปลอดภัยหลังจากตลาดหุ้นทั่วโลกร่วงลงจากความวิตกเกี่ยวกับจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่พุ่งขึ้นในสหรัฐและในประเทศต่างๆสัญญาทองคำตลาดCOMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค. เพิ่มขึ้น 9.7 ดอลลาร์หรือ 0.55% ปิดที่ 1,780.3 ดอลลาร์/ออนซ์และปรับตัวขึ้น 1.6% ในรอบสัปดาห์นี้สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 14 เซนต์หรือ 0.78% ปิดที่ 18.035 ดอลลาร์/ออนซ์

ตลาดน้ำมันดิบต่างประเทศ:น้ำมันWTI ปิดลบ 23 เซนต์วิตกล็อกดาวน์สกัดโควิดอีกรอบกระทบดีมานด์

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลดลงเมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา (26 มิ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนขายสัญญาน้ำมันดิบออกมาท่ามกลางความไม่แน่นอนเกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจที่ยืดเยื้อจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งทำให้เกิดความวิตกว่าอุปสงค์น้ำมันดิบจะอ่อนแอลงอีกสัญญาน้ำมันดิบWTI ส่งมอบเดือนส.ค. ลดลง 23 เซนต์หรือ 0.6% ปิดที่ 38.49 ดอลลาร์/บาร์เรลและร่วงลง 3.4% ในรอบสัปดาห์นี้สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนส.ค. ลดลง 3 เซนต์หรือ 0.07% ปิดที่ 41.02 ดอลลาร์/บาร์เรลและร่วงลง 2.8% ในรอบสัปดาห์นี้

ตลาดหุ้นต่างประเทศ:ดาวโจนส์ปิดร่วง 730.05 จุดวิตกหลายรัฐสั่งล็อกดาวน์หลังโควิดพุ่ง

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงมากกว่า 2% เมื่อวันศุกร์ที่ผานมา (26 มิ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐจะเป็นไปอย่างล่าช้าหลังจากหลายรัฐของสหรัฐกลับมากำหนดข้อจำกัดในการดำเนินธุรกิจอีกครั้งเพื่อรับมือกับจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่พุ่งขึ้นดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,015.55 จุดร่วงลง 730.05 จุดหรือ -2.84%, ดัชนีS&P500 ปิดที่ 3,009.05 จุดร่วงลง 74.71 จุดหรือ -2.42% และดัชนีNasdaq ปิดที่ 9,757.22 จุดร่วงลง 259.78 จุดหรือ -2.59%  ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมาดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ร่วง 3.31%, ดัชนีS&P500 ร่วง 2.87% และดัชนีNasdaq ร่วง 1.87%

ขอขอบคุณ บริษัท ฮั่วเซ่งเฮง โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด(HGF)

วิเคราะห์แนวโน้มราคาทองคำวันนี้ 29 มิ.ย.2020 โดย CAF

ออสสิริส

Gold Spot เป็นแนวโน้มขาขึ้น

GoldOnlineFuture:Long

Reasons

Gold Spot เป็นแนวโน้มขาขึ้น
แนวโน้มการระบาดโควิด-19 รอบ 2 ในสหรัฐฯกลับมาสร้างความวิตกกังวลกับนักลงทุน
หลังจากการติดเชื้อต่อวันกลับมาที่ 3 หมื่นรายต่อวัน สิ่งที่นักลงทุนต้องจับตาแนวโน้มการระบาดในรัฐฟลอริดา
เท็กซัส และแคลิฟอร์เนียซึ่งเป็นรัฐที่มีการระบาดหนัก ทำให้ผู้ว่าการรัฐบางส่วนระงับแผนปลดล็อคดาวน์

Day Trade

GOU20 Long 1,765-1,767 เป้าทำกำไร 1,775-1,777 จุด Stop 1,758
GF10Q20 Long 26,000 เป้าทำกำไร 26,090-26,130 จุด Stop 25,930

Trend Trade

GOU20 Hold Long จุด Stop 1,760
GF10Q20 Hold Long จุด Stop 25,960

ขอขอบคุณ บลป.คลาสสิก ออสสิริส จำกัด (CAF)

ทั้งนักลงทุนและผู้เชี่ยวชาญยังคงมองราคาทองสัปดาห์หน้าเป็นบวกต่อเนื่อง|GRC Gold Survey 29 มิ.ย. – 3 ก.ค. 63|

Gold Research Center

ทิศทางราคาทองคำในประเทศรายสัปดาห์ระหว่างวันที่ 29 มิ.ย. – 3 ก.ค. 63 จากการสำรวจ GRC Gold Survey โดย ศูนย์วิจัยทองคำ

GRC Gold Survey 29 มิ.ย. – 3 ก.ค. 63
GRC Gold Survey 29 มิ.ย. – 3 ก.ค. 63

12 ผู้เชี่ยวชาญในตลาดทองคำที่ได้มีส่วนร่วมตอบแบบสำรวจ ในจำนวนนี้มี 5 ราย หรือเทียบเป็น 42% คาดว่าราคาทองคำในสัปดาห์หน้าจะปรับเพิ่มขึ้น ส่วนจำนวน 4 ราย หรือเทียบเป็น 33% คาดว่าราคาทองคำจะลดลง และ จำนวน 3 ราย หรือเทียบเป็น 25% คาดว่าราคาทองคำจะใกล้เคียงกับสัปดาห์ที่ผ่านมา

สำหรับนักลงทุนทองคำ ได้เข้าร่วมตอบแบบสำรวจ จำนวน 301 ราย ในจำนวนนี้มี 175 ราย หรือเทียบเป็น 58% คาดว่าราคาทองคำในประเทศของสัปดาห์หน้าจะปรับเพิ่มขึ้น ส่วนจำนวน 73 ราย หรือเทียบเป็น 24% คาดว่าราคาทองคำจะลดลง และ จำนวน 53 ราย หรือเทียบเป็น 18% คาดว่าราคาทองคำจะใกล้เคียงกับสัปดาห์ที่ผ่านมา

สถานการณ์ราคาทองคำ

ราคาทองคำแท่งในประเทศ 96.5% ตามประกาศสมาคมค้าทองคำ ในสัปดาห์ที่ผ่านมาเคลื่อนไหวอยู่ระหว่าง 25,600 – 25,900 บาท ต่อบาททองคำ โดยราคาทองคำปิดอยู่ที่ระดับ 25,900 บาท ต่อบาททองคำ ปรับเพิ่มขึ้น 350 เมื่อเปรียบเทียบกับสัปดาห์ก่อนหน้า

ปัจจัยที่ต้องติดตาม

1. การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FOMC) เพื่อพิจารณามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม

2. รายงานตัวเลขทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ เช่น ตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชน เดือน มิถุนายน 2563, ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร เดือน มิถุนายน 2563 และอัตราการว่างงาน

3. ตลาดเงิน และตลาดทุนของสหรัฐฯ จะหยุดทำการในวันที่ 3 กรกฎาคม 2563 เนื่องในวันชาติสหรัฐฯ (Jul 4 : Independence Day)

ขอขอบคุณ : ศูนย์วิจัยทองคำ