ราคาทองคำถูกกดดันจาก 2 ปัจจัยสำคัญ (อินโฟเควสท์)

city

07-05-20

สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน มิ.ย. ร่วงลง 22.1 ดอลลาร์ หรือ 1.29% ปิดที่ 1688.5 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยสัญญาทองคำหลุดจากระดับ 1,700 ดอลลาร์เมื่อคืนนี้ เนื่องจากนักลงทุนลดความต้องการถือครองทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังจากรัฐต่างๆในสหรัฐได้เริ่มกลับมาเปิดเศรษฐกิจอีกครั้ง

ทั้งนี้ รัฐนิวยอร์กจะดำเนินการเปิดเศรษฐกิจแบบค่อยเป็นค่อยไป หลังจากที่การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว ขณะที่รัฐแคลิฟอร์เนียจะอนุญาตให้ธุรกิจค้าปลีกบางส่วนกลับมาเปิดบริการอีกครั้งในสัปดาห์นี้ ทางด้านรัฐวอชิงตันได้ประกาศแผน Safe Start ซึ่งจะเปิดทางให้รัฐวอชิงตันสามารถทยอยเปิดเศรษฐกิจได้อีกครั้ง ส่วนรัฐอลาสกา, จอร์เจีย, เซาธ์ แคโรไลนา, เทนเนสซี และเท็กซัส ก็ได้เริ่มให้ร้านอาหารกลับมาเปิดให้บริการแก่ลูกค้า

นอกจากนี้ สัญญาทองคำได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ โดยดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.32% สู่ระดับ 100.03 เมื่อคืนนี้ ทั้งนี้ ดอลลาร์ที่แข็งค่าจะทำให้สัญญาทองคำซึ่งกำหนดราคาเป็นดอลลาร์นั้น มีราคาแพงขึ้น และมีความน่าดึงดูดน้อยลงสำหรับนักลงทุนที่ถือเงินสกุลอื่น

ขอขอบคุณ อินโฟเควสท์

ทองรูปพรรณ
ทองรูปพรรณ

ราคาทองคำอ่อนตัว รับมาตรการคลายล็อคดาวน์ (HSH)

ฮั่วเซ่งเฮง

07-05-20

ราคาทองคำ spot เมื่อวานปรับตัวลง โดยมีปัจจัยลบจากรัฐต่าง ๆ ในสหรัฐได้เริ่มกลับมาเปิดเศรษฐกิจอีกครั้ง หลังจากที่การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว โดยรัฐนิวยอร์กจะดำเนินการเปิดเศรษฐกิจแบบค่อยเป็นค่อยไป ส่วนสหรัฐฯ ประกาศการจ้างงานภาคเอกชนของ ADP เดือน เม.ย. ลดลง 20.2 ล้านตำแหน่ง ใกล้เคียงกับตลาดคาดจะลดลง 20.5 ล้านตำแหน่ง

ทางด้านกองทุน SPDR ขายทองคำ 0.59 ตัน หลังจากซื้อทองคำติดต่อกันมา 2 วัน

สำหรับทิศทางเงินบาทในวันนี้ คาดจะทรงตัวและเคลื่อนไหวในกรอบแคบระหว่าง 32.35-32.45 บาท/ดอลลาร์ โดย USD Futures เดือน มิ.ย.63 คาดจะมีแนวต้านที่ 32.45 บาท/ดอลลาร์ ขณะที่ มีแนวรับที่ 32.30 บาท/ดอลลาร์

แนวโน้มราคาทองคำ คาดเคลื่อนไหวในกรอบ 1,670-1,700 ดอลลาร์ ทั้งนี้ ราคาทองคำไม่ควรหลุดแนวรับ 1,670 ดอลลาร์ ซึ่งถ้าหลุดแนวรับดังกล่าว จะทำให้ราคาทองคำปรับลดลงแรงได้ โดยทองคำมีแนวรับ 1,670 ดอลลาร์ และ 1,650 ดอลลาร์ ขณะที่มีแนวต้าน 1,700 ดอลลาร์ และ 1,720 ดอลลาร์

ส่วนข่าวความเคลื่อนไหวอื่น ๆ วันนี้ ติดตามการแถลงของประธานธนาคารกลางยุโรป หลังจากการประชุมธนาคารกลางยุโรปครั้งล่าสุด มีมติตรึงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย และคงมาตรการ QE ต่อไป ซึ่งคาดเศรษฐกิจยูโรโซนในปีนี้จะหดตัวลง 5-12% ส่วนคืนนี้ สหรัฐจะประกาศจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ตลาดคาดจะอยู่ที่ระดับ 3.0 ล้านราย

ขอขอบคุณ บริษัท ฮั่วเซ่งเฮง โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด

แนะเข้าซื้อทองคำทุกจุดแนวรับ คาดราคาดีดกลับหลังหุ้นพ้นรีบาวด์ เป้าใหญ่ สิ้นปีที่ระดับ 1,800 ดอลลาร์ (InterGold)

ธีรรัฐ จุฑาวรากุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินเตอร์โกลด์ โกลด์เทรด จำกัด

06-05-20

ราคาทองคำขยับตัวกรอบแคบ ๆ หลังปัญหาการแพร่ระบาดของไวรัส โควิด-19 มีทิศทางที่ดีขึ้น อินเตอร์โกลด์ฯ ชี้ ราคาอาจลงไปปรับฐานอีกรอบ แนะให้เข้าซื้อทุกช่วงแนวรับ ก่อนที่ราคาจะดีดตัวกลับ หลังตลาดหุ้นพ้นช่วงรีบาวด์ และผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดจาก COVID-19 เริ่มเด่นชัดมากขึ้น ยังเชื่อสิ้นปีราคาทองคำทะลุแนว 1,800 ดอลลาร์ แน่นอน

การเคลื่อนไหวของราคาทองคำในช่วงต้นสัปดาห์นี้ ในภาพรวมราคาได้ขยับตัวอยู่ในกรอบแคบ ๆ หลังจากสถานการณ์เรื่องของการแพร่ระบาดของไวรัส โควิด-19 มีแนวโน้มที่ดีขึ้น ทั้งตัวเลขผู้ติดเชื้อ และ เรื่องของการคิดค้นยารักษา หรือ วัคซีนที่ใช้ป้องกัน รวมถึงการผ่อนคลายมาตรการล็อคดาวน์ของประเทศต่าง ๆ

INTERGOLD
GOLD BULLION INTERGOLD

ราคาทองในช่วงนี้อาจจะต้องรอให้ ตลาดหุ้นปรับฐานให้แล้วเสร็จ หลังจากที่กำลังจะผ่านช่วงรีบาวด์ ซึ่งตลาดทองคำก็ยังอยู่ในช่วงการปรับฐานเช่นกัน โดยสัปดาห์ที่ผ่านมาราคาลงไปแตะแนว 1,660 ดอลลาร์ แต่ไม่ทะลุผ่าน ก่อนจะได้ดีดขึ้นมาเคลื่อนไหวในแนวราคา 1,680-1,720 ดอลลาร์ และหลังจากนี้ต้องมาเฝ้าดูว่าจะมีปัจจัยอะไรเข้ามาหนุนให้ราคาเดินหน้าต่อไปได้

นายธีรรัฐ จุฑาวรากุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินเตอร์โกลด์ โกลด์เทรด จำกัด กล่าวกับ GoldAround.com

อย่างไรก็ดี ราคาทองคำยังมีโอกาสที่จะปรับตัวลงไปอีก ซึ่งกลยุทธ์ในการลงทุนในช่วงนี้ คือราคาย่อตัวให้เข้าซื้อทันที โดยอาจจะแบ่งเงินลงทุนออกเป็น 5 ส่วน เมื่อราคาอยู่ในระดับ 1,700 ดอลลาร์ให้ซื้อ 1 ส่วน แต่หากลงมาที่ระดับ 1,680 ดอลลาร์ ซื้ออีก 1 ส่วน แต่หากยังลงกลับมาแนวรับเดิมที่ 1,660 ดอลลาร์ ให้ซื้อ 2 ส่วน แต่หากยังหลุดมาที่ 1,650 ดอลลาร์ ให้ซื้ออีก 1 ส่วน ซึ่งการเฉลี่ยซื้อในลักษณะนี้ จะทำให้ต้นทุนของราคาทองคำจะถูกลง และเมื่อราคาปรับตัวเพิ่มขึ้นจะทำให้ได้กำไรมาก ซึ่งจนถึงขณะนี้ ก็ยังมั่นใจว่าภายในสิ้นปีนี้ราคาทองคำ จะทะลุระดับราคา 1,800 ดอลลาร์ อย่างแน่นอน

INTERGOLD GOLD BULLION
INTERGOLD GOLD BULLION

ส่วนกรอบการเคลื่อนไหวราคาในสัปดาห์นี้ แนวรับใหญ่ มองว่ายังอยู่ในจุดเดิมแถว 1,670-1,680 ดอลลาร์ แต่อาจจะหลุดไปถึง 1,660 ดอลลาร์ได้ ขณะที่ฝั่งแนวต้าน หากราคาทะลุแนว 1,720 ดอลลาร์ไปได้ มองไปที่จุดสูงสุดเดิมที่ระดับ 1,740 ดอลลาร์ ซึ่งแนวโน้มราคาทองคำในระยะสั้นอาจจะมีการ sideway ได้ เพราะขณะนี้ตลาดหุ้นยังอยู่ในช่วงของการรีบาวด์ และการปรับฐานครั้งใหญ่

กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินเตอร์โกลด์ โกลด์เทรด จำกัด กล่าวเพิ่มเติมว่า ต้องยอมรับว่ากระแสข่าวต่าง ๆ เกี่ยวกับไวรัส โควิด-19 ที่ออกมาในช่วงนี้ ส่งผลดีกับตลาดหุ้น แต่ส่วนตัวไม่เชื่อว่าดัชนีหุ้นจะดีดกลับเป็นรูปตัววี แต่อาจจะดีดขึ้นเล็กน้อยก่อนจะทิ้งตัวลงอีกรอบ เพราะขณะนี้ มีสัญญาณหลาย ๆ อย่างไม่สู้ดี อาทิ มีบริษัทยักษ์ใหญ่บางรายได้ยื่นขอล้มละลาย และยังมีธุรกิจอีกหลายประเภทที่ต้องจับตามองว่า อาจจะประสบปัญหาการดำเนินงาน จนถึงขั้นต้องเลิกกิจการ

ทั้งนี้ ก่อนหน้าที่จะเกิดสถานการณ์ โควิด-19 เศรษฐกิจในภาพรวมก็ประสบปัญหาจากพิษสงครามการค้าอยู่แล้ว เมื่อมาได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัส โควิด-19 ยิ่งจะเป็นการซ้ำเติม และสุดท้ายกลุ่มที่ได้รับผลกระทบหนัก ก็คือ ธนาคาร ที่เป็นเจ้าของหนี้ ซึ่งจะเป็นเหมือนภูเขาไฟลูกใหญ่ที่รอการปะทุ ซึ่งจะทำให้เกิดวิกฤตอีกรอบ แม้ว่ารัฐบาลของแต่ละชาติจะอัดฉีดเงินเข้ามา แต่เป็นการแก้ปัญหาระยะสั้น ในทางกลับกัน กลับจะเป็นผลเสียในระยะยาว และจะส่งผลดีต่อทองคำ ที่ถือเป็นสินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยง

ขอขอบคุณ บริษัท อินเตอร์โกลด์ โกลด์เทรด จำกัด

TRUMP TOEWR
TRUMP TOEWR

สมาคมค้าทองคำ ประกาศราคาทองคำ ประจำวันที่ 6 พ.ค.2563

ราคาทองคำวันนี้

ทองคำแท่ง ครั้งที่ 1 (+100) 09:18

ทองคำแท่ง ครั้งที่ 2 (-50) 10:22

ทองคำแท่ง ครั้งที่ 3 (+50) 13:17

กลยุทธ์การลงทุน

ให้เน้นการเก็งกำไรในกรอบ เบื้องต้นราคาทองคำยังคงพยายามยืนเหนือโซนแนวรับแรกบริเวณ 1,688-1,680 ดอลลาร์ ทำให้ราคายังคงมีโอกาสขยับขึ้นเพื่อทดสอบแนวต้านบริเวณ 1,713-1,728 ดอลลาร์

แนวรับ 1,680 และ 1,668 ดอลลาร์
แนวต้าน 1,713 และ 1,728 ดอลลาร์

หลายปัจจัยรุมเร้าทำราคาทองคำแก่วงตัวในกรอบแคบ (YLG)

YLG BULLION GOLD

06-05-20

ราคาทองคำวานนี้ ปิดปรับตัวเพิ่มขึ้น 3.80 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ระหว่างวันราคาทองคำแกว่งตัวผันผวน โดยมีทั้งปัจจัยบวกและลบเข้ามาส่งผลต่อการเคลื่อนไหวของราคา โดยปัจจัยลบที่กดดันให้ราคาทองคำร่วงลงแตะระดับต่ำสุดบริเวณ 1,688 ดอลลาร์ ได้แก่ การปรับตัวขึ้นของสินทรัพย์เสี่ยง ขานรับการที่รัฐต่าง ๆ ในสหรัฐฯ ได้เริ่มคลายมาตรการ Lockdown และเปิดเศรษฐกิจบางส่วน รวมไปถึง ข่าวที่ว่าไฟเซอร์ อิงค์ ได้เริ่มทดลองวัคซีนต้านไวรัส COVID-19 ในคนในสหรัฐแล้ว พร้อมคาดการณ์ว่า จะสามารถผลิตวัคซีนหลายล้านโดส ภายในปลายปีนี้ สถานการณ์ดังกล่าวลดทอนความต้องทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย

นอกจากนี้ ราคาทองคำยังได้รับแรงกดดันเพิ่มจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ หลัง ISM เผยดัชนีภาคบริการของสหรัฐฯ ดิ่งลงน้อยกว่าคาดสู่ระดับ 41.8 ในเดือน เม.ย. ประกอบกับสกุลเงินยูโรอ่อนค่าลง หลังจากศาลรัฐธรรมนูญเยอรมนีสั่งให้ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ชี้แจงภายในเวลา 3 เดือน ว่ามาตรการซื้อสินทรัพย์ที่ ECB ดำเนินการภายใต้โครงการ PSPP นั้นไม่ได้ส่งผลกระทบทางลบต่อเศรษฐกิจและการคลัง มิฉะนั้น บุนเดสแบงก์ ซึ่งเป็นธนาคารกลางของเยอรมนี จะถูกสั่งห้ามในการเข้าร่วมโครงการดังกล่าว

แม้จะเผชิญกับแรงกดดัน แต่ราคาทองคำดีดกลับอย่างแข็งแกร่ง โดยมีแรงช้อนซื้อสลับเข้ามาเป็นระยะจากการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางและรัฐบาลของหลายประเทศทั่วโลกจะทำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจทางการเงินและการคลังต่อไป ซึ่งสร้างสภาพแวดล้อมเชิงบวกให้แก่ทองคำในระยะยาว

มาดูการเคลื่อนไหวของราคาทองคำเมื่อวานนี้ มีแรงซื้อดันราคาทองคำเพิ่มขึ้น ราคาพยายามทรงตัว หรือ หากราคายืนเหนือโซน 1,688-1,680 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ อาจทำให้เห็นการดีดตัวขึ้นเพื่อพยายามทดสอบแนวต้านบริเวณ 1,713-1,728 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่หากยังไม่สามารถขึ้นไปยืนเหนือแนวต้านได้ อาจเห็นการย่อตัวของราคาลงเพื่อสร้างฐานราคาอีกครั้ง

ส่วนราคาวันนี้ ยังคงเป็นกรอบเดียวกับเมื่อวานนี้ โดยมองแนวรับไว้ที่ ระดับ 1,680 ดอลลาร์ 1,668 ดอลลาร์ และ 1,657 ดอลลาร์ ขณะที่แนวต้านมองไว้ที่ ระดับ 1,713 ดอลลาร์ 1,728 ดอลลาร์ และ1,747 ดอลลาร์ตามลำดับ

สัญญาทองล่วงหน้าลดลง จากการคลายล็อคดาวน์ (อินโฟเควสท์)

GOLD BULLION

06-05-20

สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือนมิ.ย. ลดลง 2.7 ดอลลาร์ หรือ 0.16% ปิดที่ 1,710.6 ดอลลาร์/ออนซ์ ปิดในแดนลบเป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการ โดยนักลงทุนเทขายสินทรัพย์ปลอดภัย หลังจากมีรายงานว่า หลายรัฐในสหรัฐได้เริ่มผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ จากการป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัส โควิด-19 และเพื่อเปิดให้เศรษฐกิจบางส่วนได้เดินหน้าต่อ

นอกจากนี้ สัญญาทองคำได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ โดยดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน พุ่งขึ้น 0.30% สู่ระดับ 99.79 เมื่อคืนนี้ ทั้งนี้ ดอลลาร์ที่แข็งค่าจะทำให้สัญญาทองคำซึ่งกำหนดราคาเป็นดอลลาร์นั้น มีราคาแพงขึ้น และมีความน่าดึงดูดน้อยลงสำหรับนักลงทุนที่ถือเงินสกุลอื่น

ขณะที่ ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดในแดนบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 2 โดยได้แรงหนุนจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวขึ้นติดต่อกันเป็นวันที่ 5 อันเนื่องมาจากกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส ได้เริ่มปรับลดการผลิตเพื่อรับมือกับภาวะน้ำมันล้นตลาด นอกจากนี้ยังเป็นผลมาจากมาตรการคลายล็อกดาวน์ของหลายรัฐในสหรัฐ โดยดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 23,883.09 จุด เพิ่มขึ้น 133.33 จุด หรือ 0.56% ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 8,809.12 จุด เพิ่มขึ้น 98.41 จุด ส่วนดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,868.44 จุด เพิ่มขึ้น 25.70 จุด

ขอขอบคุณ อินโฟเควสท์

ก.คลัง สหรัฐ เตรียมกู้เงิน 3 ล้านล้าน อุ้มเอกชนสู้วิกฤต COVID -19

USD

กระทรวงการคลังสหรัฐ ออกแถลงการณ์ระบุว่า จะกู้ยืมเงินผ่านการขายตราสารหนี้ให้กับภาคเอกชนในวงเงิน 2.999 ล้านล้านดอลลาร์ ในช่วงเดือน เม.ย.-มิ.ย. โดยประมาณการว่าดุลบัญชีเงินสด ณ สิ้นเดือนมิ.ย.จะอยู่ที่ 8 แสนล้านดอลลาร์ ทั้งนี้ การกู้ยืมเงินก้อนดังกล่าว เป็นผลมาจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 รวมถึงการใช้จ่ายตามข้อกำหนดของกฎหมายใหม่เพื่อช่วยเหลือประชาชน และภาคธุรกิจ

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า การกู้ยืมเงินของกระทรวงการคลังสหรัฐเกิดขึ้น หลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ที่แท้จริงของสหรัฐประจำไตรมาส 1/2563 หดตัวลง 4.8% เมื่อเทียบรายปี อันเนื่องมาจากผลกระทบของไวรัสโควิด-19 ซึ่งเป็นการหดตัวลงรายไตรมาสครั้งรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่เกิดวิกฤตการเงินในปี 2551

ขณะที่ โกลด์แมน แซคส์ วาณิชธนกิจรายใหญ่ของสหรัฐ ประมาณการว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของโลก ได้ร่วงลงประมาณ 16% แล้วนับตั้งแต่เดือน ม.ค.ที่ผ่านมาแต่คาดว่า เศรษฐกิจจะฟื้นตัวขึ้นเป็นรูปตัว V เมื่อเทียบเป็นรายไตรมาส และจะฟื้นตัวขึ้นเป็นรูปตัว U เมื่อเทียบเป็นรายปี พร้อมระบุว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจของจีนดีดตัวขึ้นอย่างรวดเร็วนับตั้งแต่เดือนก.พ.ที่ผ่านมา ซึ่งหากประเทศตะวันตกสามารถฟื้นตัวได้เพียงบางส่วนของจีนนั้น กิจกรรมทางเศรษฐกิจก็จะขยายตัวขึ้นตามลำดับอย่างรวดเร็วในช่วงที่เหลือของไตรมาส 2/2563

ทั้งนี้โกลด์แมน แซคส์คาดว่า เศรษฐกิจของประเทศที่พัฒนาแล้วจะฟื้นตัวเป็นรูปตัว V ในรายไตรมาส และเป็นรูปตัว U เมื่อเทียบรายปี โดยอัตรการขยายตัวของ GDP โดยเฉลี่ยรายไตรมาสอยู่ที่ -32% ในไตรมาส 2, +16% ในไตรมาส 3 และ +13% ในไตรมาส 4

ขอขอบคุณ อินโฟเควสท์

ไทย พบผู้ติดเชื้อไวรัส โควิด-19 เพิ่มแค่ 1 ราย รพ.ศิริราช วอนคนไทยไม่ประมาทหวั่นแพร่ระบาดรอบ 2

Covid19 050520

05-05-20

ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) สรุปสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส โคโรนา 2019 หรือโควิด 19 (COVID-19)ในประเทศวันนี้( 5 พ.ค.) ว่า พบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อรายใหม่ 1 ราย ทำให้มีจำนวนผู้ป่วยสะสมรวมทั้งสิ้น 2,988 ราย ผู้ป่วยที่กลับบ้านได้แล้ว 2,747 ราย เพิ่มขึ้น 7 ราย ยังรักษาตัวอยู่โรงพยาบาล 187 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่มเติม ส่งผลให้ยอดผู้เสียชีวิตสะสมยังคงอยู่ที่ 54 ราย

ขณะที่ เพจ “Sirirajpr” หรือ โรงพยาบาลศิริราช ได้ออกมาโพสต์ข้อความระบุว่า “ศิริราชขอให้คนไทยยังคงมาตรการรักษาระยะห่างทางสังคม สวมหน้ากากอนามัยทุกครั้งที่ออกจากบ้าน และหมั่นล้างมือบ่อย ๆ สิ่งเหล่านี้ห้ามผ่อนผันเด็ดขาด เพื่อไม่ให้ประเทศไทยเกิด Second Wave จากโควิด-19

“ไม่อยากให้ตื่นตระหนก แต่ให้ตระหนักก่อนสายเกินไป ผมขอฝากคนไทยตอนนี้เราทุกคนต้องช่วยกันครับ ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะเเพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล”

ส่วนสถานการณ์ผู้ติดเชื้อ เชื้อไวรัส โคโรนา 2019 หรือโควิด 19 (COVID-19) ทั่วโลก ซึ่งรายงานโดย worldometer มีผู้ติดเชื้อ 3,646,255 ราย เพิ่มขึ้น 2,984 ราย เสียชีวิต 252,420 ราย เพิ่มขึ้น 179 ราย รักษาหายแล้ว 1,200,282 ราย โดยประเทศสหรัฐ อเมริกา มีผู้ติดเชื้อมากสุด 1,212,900 ราย เสียชีวิต 69,921ราย ตามมาด้วย สเปน ติดเชื้อ 248,301 ราย เสียชีวิต 25,428 ราย และอิตาลี มีผู้ติดเชื้อ 211,938 ราย เสียชีวิต 29,079 ราย

ส่วนประเทศที่สถานการณ์ผู้ติดเชื้อและเสียชีวิต เพิ่มขึ้นอย่างน่าตกใจได้แก่ บราซิล มีผู้ติดเชื้อไวรัส โคโรนา 2019 หรือโควิด 19 (COVID-19) แล้ว 108,620 ราย เพิ่มขึ้น 354 ราย เสีย ชีวิต 7,367 ราย เพิ่มขึ้น 24 ราย แซงหน้าประเทศจีน ซึ่งมีผู้ติดเชื้อ 82,881 ราย เสียชีวิต 4,633 รายขณะที่ประเทศเม็กซิโก สถานการณ์ก็ยังน่าเป็นห่วง โดยมีผู้ติดเชื้อแล้ว 24,905 ราย เพิ่มขึ้น1,434ราย เสียชีวิต 2,271 ราย เพิ่มขึ้น 117 ราย

สมาคมค้าทองคำ ประกาศราคาทองคำ ประจำวันที่ 5 พ.ค.2563

ราคาทองคำวันนี้

ทองคำแท่ง ครั้งที่ 1 (-150) 09:25

ทองคำแท่ง ครั้งที่ 2 (+50) 13:13

ทองคำแท่ง ครั้งที่ 3 (-50) 14:03

ทองคำแท่ง ครั้งที่ 4 (-50) 14:10

ทองคำแท่ง ครั้งที่ 5 (+50) 15:10

กลยุทธ์การลงทุน

แนวรับ 1,690 และ 1,670 ดอลลาร์
แนวต้าน 1,720 และ 1,730 ดอลลาร์

ราคาทองคำวันนี้ คาดเคลื่อนไหวในกรอบ 1,690-1,720 ดอลลาร์

มีประเด็นบวกจากสหรัฐขู่จะเรียกเก็บภาษีจีนเพื่อตอบโต้กรณีที่จีนเป็นต้นตอการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19

แนวรับ 1,680 และ 1,668 ดอลลาร์
แนวต้าน 1,713 และ 1,728 ดอลลาร์

นักลงทุนที่มีทองคำในมือ อาจแบ่งขายบางส่วนหากราคาไม่ผ่านบริเวณแนวต้าน และรอการอ่อนตัวลงของราคา หากสามารถยืนเหนือบริเวณ 1,680-1,668 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ แนะนำให้เข้าซื้อเพื่อลงทุนระยะสั้นจากการแกว่งตัวอีกครั้ง

แนะนำขายที่ 1,712 ดอลลาร หรือ บาทละ 26,000 บาท
ซื้อที่ 1,690 ดอลลาร์ หรือ บาทละ 25,900 บาท
ซื้อเฉลี่ยที่ 1,679 ดอลลาร หรือ บาละ 25,750 บาท

ยูบีเอส ชี้ราคาทองคำปีนี้พุ่งทะลุ 1,800 ดอลลาร์ (อินโฟเควสท์)

gold bullish

05-05-20

ยูบีเอส คาด ราคาทองคำอาจพุ่งทะลุระดับสูงสุดที่ทำไว้เมื่อต้นปีนี้ หลังจากที่ในเดือนมีนาคม ปรับตัวลงตามสินทรัพย์อื่น ๆ ทั่วโลก

picture by AFP

คาดการณ์ว่า ในปีนี้ราคาทองคำ มีแนวโน้มที่จะพุ่งทะลุระดับ 1,800 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เนื่องจาก นักลงทุนยังคงสนใจเข้าซื้อทองมากขึ้น เนื่องจากสภาวะที่ไม่แน่นอนต่าง ๆ และอัตราดอกเบี้ยแท้จริงซึ่งอยู่ในระดับติดลบ ท่ามกลางสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 อย่างไรก็ดี ในระยะสั้น ยูบีเอสกำหนดเป้าหมายราคาทองไว้ที่ระดับ 1,790 ดอลลาร์ต่อออนซ์

นางโจนี ทีเวส นักวิเคราะห์ของยูบีเอส วาณิชธนกิจชั้นนำของสวิตเซอร์แลนด์ เปิดเผยกับสำนักข่าวซีเอ็นบีซีเมื่อวานนี้

ทั้งนี้ ในสัปดาห์ที่ผ่านมา สภาทองคำโลก (WGC) ได้เปิดเผยรายงานแนวโน้มอุปสงค์ทองในไตรมาสแรกของปีนี้ระบุว่า การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทั่วโลกเป็นปัจจัยใหญ่สุดที่ทำให้อุปสงค์ทองพุ่งขึ้น โดยความต้องการลงทุนในทองคำทั้งหมดซึ่งรวมถึงทองคำแท่ง เหรียญทองคำ และการลงทุนในกองทุน ETF ทองคำ พุ่งขึ้น 80% เมื่อเทียบเป็นรายปี แตะระดับสูงสุดในรอบ 4 ปีที่ 539.6 เมตริกตันในไตรมาสแรก

ตัวเลขดังกล่าวรวมถึงการลงทุน 298 เมตริกตันในกองทุน ETF ทองคำ ซึ่งถือครองทองคำแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 3,185 เมตริกตันในไตรมาสแรก และเมื่อวันที่ 13 เม.ย.ที่ผ่านมา สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กส่งมอบเดือน มิ.ย.พุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 7 ปีที่ 1,761.40 ดอลลาร์/ออนซ์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 11 ต.ค. 2555

ขอขอบคุณ อินโฟเควสท์