ค่ายรถยนต์ ปรับกระบวนรการผลิตรับมือผลกระทบไวรัส โควิด-19

ข่าวสดออนไลน์ : มาดูผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ต่ออุตสาหกรรมรถยนต์ ซึ่งก่อนหน้านี้ นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ รองประธานและโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ยืนยันว่า 2 เดือนแรกปีนี้ยอดขายรถยนต์เหลือแค่ 139,959 คัน ลดลงจากช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 12.7% และผู้ผลิตรถยนต์ปรับลดเป้าการผลิตทั้งปี 2563 ลงจากเป้าเดิม 2 ล้านคัน เหลือลงแค่ 1.9 ล้านคัน มีผลทำให้เม็ดเงินในอุตสาหกรรมหายไปกว่าแสนล้านบาท ทำให้ค่ายรถยนต์ได้ ประกาศปิดโรงงานชั่วคราวลดการแพร่เชื้อ ทั้งเป็นการปรับสมดุลปริมาณรถที่ผลิตกับความต้องการในตลาดให้ใกล้เคียงกันในช่วงไตรมาสแรกของปี

ล่าสุด บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ประกาศหยุดไลน์ผลิตชั่วคราว ระหว่างวันที่ 7-17 เม.ย.นี้ โดยให้พนักงานติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และเตรียมความพร้อมในการกลับมาปฏิบัติงานทันทีที่ได้รับแจ้งจากบริษัทต่อไป

เช่นเดียวกับ บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด ได้ประกาศหยุดไลน์ประกอบรถยนต์ชั่วคราวในประเทศไทย ของทั้ง 2 โรงงาน ที่จ.พระนครศรีอยุธยาและ จ.ปราจีนบุรี ตั้งแต่วันที่ 27 มี.ค.-30 เม.ย. นี้ หรือจนกว่าจะมีประกาศเพิ่มเติม โดยบริษัทให้พนักงานที่เกี่ยวข้องบางส่วนทำงานจากที่บ้าน รวมทั้งคงมาตรการเข้มงวดให้พนักงานอยู่ในที่พักอาศัย งดเว้นการเดินทาง รวมถึงไม่เดินทางกลับภูมิลำเนาในช่วงเวลาดังกล่าวอย่างเคร่งครัด

ด้าน “มิตซูบิชิ” ประกาศปิดไลน์ผลิตชั่วคราวสำหรับโรงงานผลิตรถยนต์ที่นิคมแหลมฉบัง โดยบริษัทจะยังคงจ่ายค่าจ้างให้กับพนักงานอยู่ที่ 85% ของค่าจ้าง อาทิ โรงงานที่ 1 หยุดกิจการบางส่วนระหว่างวันที่ 1-26 เม.ย. โรงงานที่ 2 หยุดกิจการบางส่วนระหว่างวันที่ 1-19 เม.ย. โรงงานที่ 3 หยุดกิจการบางส่วนระหว่างวันที่ 1-22 เม.ย. โรงงาน MCC -Engine4N/4D/4M/4G หยุดกิจการบางส่วนระหว่างวันที่ 1-19 เม.ย. โรงงาน MCC -Engine 3Ag หยุดกิจการบางส่วนระหว่างวันที่ 1-22 เม.ย. โรงงาน MCC-Press/Plastic หยุดกิจการบางส่วนระหว่างวันที่ 1-19 เม.ย. และ โรงงาน MEC-KD หยุดกิจการบางส่วนระหว่างวันที่ 6-19เม.ย.

ส่วนบริษัท ฟอร์ด ประเทศไทย ก็ได้ถูก บริษัทแม่สั่งปิดโรงงานผลิตรถยนต์ ชั่วคราว 2 แห่งได้แก่ ฟอร์ด ไทยแลนด์ แมนูแฟคเจอร์ริ่ง และออโต้ อัลลายแอนซ์ ตั้งแต่วันที่ 27 มี.ค. -20 เม.ย. 2563 เบื้องต้นจ่ายเงินเดือนให้กับพนักงานทุกคนเต็ม 100% สำหรับการหยุดในสัปดาห์แรก ส่วนสัปดาห์ที่ 2 วันที่ 6-10 เม.ย. พนักงานบางส่วนที่ทำงานที่บ้าน ยังได้รับเงินเดือน 100% ขณะที่พนักงานที่หยุดงานและไม่ได้ทำงานที่บ้านจะได้รับเงินเดือน 90% แต่ทั้งนี้หากพนักงานส่วนนี้ต้องการรับเงินเดือน 100% ก็สามารถใช้สิทธิ์วันลาได้ และสัปดาห์ที่ 3 วันที่ 13 -17 เม.ย. ซึ่งรัฐประกาศให้เป็นวันทำงาน บริษัทพร้อมจ่ายเงินเดือนให้พนักงาน 100%

สุดท้ายคือค่ายมาสด้า ได้ตัดสินใจ หยุดสายการผลิตชั่วคราวที่โรงงาน Auto Alliance Thailand (AAT) ในจังหวัดระยองเป็นเวลา 10 วัน เริ่มต้นตั้งแต่วันที่ 30 มี.ค. เป็นต้นไป

ธปท.ชี้ COVID-19 ฉุด ศก.เดือน ก.พ.หดตัว

ธนาคารแห่งประเทศไทย ออกรายงานเศรษฐกิจและการเงินเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2563 พบว่า เศรษฐกิจไทยในเดือนกุมภาพันธ์ 2563 หดตัวจากระยะเดียวกันปีก่อน โดยการระบาดของ ไวรัส COVID-19 ส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจเป็นวงกว้างชัดเจนขึ้น โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยวที่หดตัวสูง นอกจากนี้การส่งออกและการนำเข้าสินค้าได้รับผลกระทบเพิ่มเติมจากมาตรการปิดเมืองของจีน

ส่วนการใช้จ่ายภาครัฐหดตัวต่อเนื่อง มีเพียงการบริโภคภาคเอกชนที่ยังขยายตัวได้จากการเร่งซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็น ทั้งนี้กิจกรรมทางเศรษฐกิจที่หดตัวทำให้การผลิตภาคอุตสาหกรรมและการลงทุนภาคเอกชนหดตัวสอดคล้องกัน

ด้านเสถียรภาพเศรษฐกิจ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปลดลงจากเดือนก่อน จากอัตราเงินเฟ้อหมวดพลังงานที่ลดลงตามราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานปรับสูงขึ้น ด้านดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุลเพิ่มขึ้นจากมูลค่าการนำเข้าสินค้าที่ลดลงมาก แม้รายรับจากภาคการท่องเที่ยวจะลดลง ส่วนดุลบัญชีเงินทุนเคลื่อนย้ายขาดดุลสุทธิจากทั้งด้านสินทรัพย์และด้านหนี้สิน

มาดูเรื่องจำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศ พบว่าหดตัวสูงถึงร้อยละ 42.8 จากระยะเดียวกันปีก่อน โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีนที่หดตัวรุนแรง อย่างไรก็ดี จำนวนนักท่องเที่ยวรัสเซียยังขยายตัวดี ทั้งนี้ จำนวนนักท่องเที่ยวที่ลดลงมากส่งผลกระทบเชิงลบต่อธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยว อาทิ ธุรกิจโรงแรมและภัตตาคาร และธุรกิจขนส่ง

มูลค่าการส่งออกสินค้า ขยายตัวร้อยละ 3.6 จากระยะเดียวกันปีก่อน หากไม่รวมการส่งออกทองคำ มูลค่าการส่งออกหดตัวต่อเนื่องที่ร้อยละ 1.3 เนื่องจากอุปสงค์ต่างประเทศยังคงชะลอตัว นอกจากนี้การระบาดของ COVID-19 และมาตรการปิดเมืองของจีน ทำให้การส่งออกสินค้าของไทยไปจีนหดตัวสูงโดยเฉพาะสินค้าเกษตร และปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ รวมทั้งการส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับไปฮ่องกง อย่างไรก็ดี การส่งออกสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าและฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ขยายตัวได้ เนื่องจากได้รับผลดีจากการย้ายฐานการผลิตมาไทยในช่วงก่อนหน้า

การใช้จ่ายภาครัฐที่ไม่รวมเงินโอนหดตัวต่อเนื่องจากระยะเดียวกันปีก่อน ทั้งรายจ่ายประจำและรายจ่ายลงทุน จากความล่าช้าของ พ.ร.บ. งบประมาณปี 2563 สำหรับรายจ่ายลงทุนของรัฐวิสาหกิจหดตัวตามการเบิกจ่ายของหน่วยงานด้านพลังงานเป็นหลัก

การบริโภคภาคเอกชนขยายตัวจากระยะเดียวกันปีก่อน ตามการใช้จ่ายในหมวดสินค้าไม่คงทนที่มีการเร่งซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นจากความกังวลต่อสถานการณ์การระบาดของ COVID-19 อย่างไรก็ดีการใช้จ่ายในหมวดอื่นๆ หดตัว โดยเฉพาะการใช้จ่ายในหมวดบริการ ทั้งหมวดโรงแรมและภัตตาคาร และหมวดขนส่ง นอกจากนี้ การใช้จ่ายในหมวดสินค้าคงทนหดตัวสูงขึ้นตามยอดขายรถยนต์ทุกประเภท สอดคล้องกับปัจจัยสนับสนุนกำลังซื้อภาคครัวเรือนที่อ่อนแอลง ทั้งในมิติด้านรายได้ การจ้างงาน และความเชื่อมั่น ขณะที่ภาระหนี้ยังอยู่ในระดับสูง

มูลค่าการนำเข้าสินค้าหดตัวร้อยละ 7.8 จากระยะเดียวกันปีก่อน โดยเป็นการหดตัวในเกือบทุกหมวดสินค้า ทั้งการนำเข้าสินค้าวัตถุดิบและสินค้าขั้นกลาง สินค้าทุน และสินค้าอุปโภคบริโภค โดยเฉพาะการนำเข้าจากจีน อย่างไรก็ดี ยังไม่เห็นผลกระทบชัดเจนจากการหยุดชะงักของห่วงโซ่การผลิตของจีนต่อการผลิตของไทย ส่วนหนึ่งเนื่องจากธุรกิจยังมีสินค้าคงคลังที่เป็นวัตถุดิบและชิ้นส่วนเพียงพอสำหรับการผลิตในเดือนกุมภาพันธ์

ด้านเสถียรภาพเศรษฐกิจ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปอยู่ที่ร้อยละ 0.74 ลดลงจากเดือนก่อน จากอัตราเงินเฟ้อหมวดพลังงานที่ลดลงตามราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานปรับสูงขึ้น ด้านดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุลเพิ่มขึ้นจากมูลค่าการนำเข้าสินค้าที่ลดลงมาก แม้รายรับภาคการท่องเที่ยวลดลง

ขณะที่ดุลบัญชีเงินทุนเคลื่อนย้ายขาดดุลสุทธิ ทั้งจากด้านสินทรัพย์ตามการออกไปลงทุนในหลักทรัพย์ต่างประเทศของกองทุนรวมที่ลงทุนในต่างประเทศ (FIF) และสถาบันรับฝากเงิน (ODCs) เป็นสำคัญ และด้านหนี้สินตามการชำระคืนเงินกู้ระยะสั้นของสถาบันรับฝากเงินเพื่อปรับฐานะเงินตราต่างประเทศ รวมทั้งการขายสุทธิหลักทรัพย์ไทยของนักลงทุนต่างประเทศ สอดคล้องกับทิศทางการลงทุนในภูมิภาค

ยอดผู้ติดเชื้อ COVID-19 ทั่วโลกเกือบ 8 แสน- ไทยเพิ่ม 127 ราย กระจุกตัว กทม.

31 มีนาคม 2563

มาติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือ โควิด-19 (covid-19 ) ในประเทศไทยพบผู้ป่วยใหม่ 127ราย รวมผู้ป่วยสะสม 1,651 ราย เสียชีวิตรวม 10 ราย เป็นนักดนตรี เดินทางกลับจาก กทม.ไปต่างจังหวัดมหาสารคราม ก่อนจะเสียชีวิต

สำหรับผู้ป่วย 127 รายที่เพิ่มขึ้นใหม่ พบว่า ยังกระจุกตัวในกรุงเทพฯ และปริมณฑล โดยรายใหม่พบมากที่สุดกรุงเทพฯถึง 74 ราย รองลงมานนทบุรี ภูเก็ต ยะลา รวม 6 ราย ขณะที่นครปฐม 3 ราย นอกนั้นเป็นปทุมธานี สมุทรสาคร ศรีสะเกษ อุตรดิตถ์ ชลบุรี สงขลา เชียงใหม่ฯ

สำหรับสถานการณ์ผู้ติดเชื้อ ไวรัส โควิด-19 ในกว่า 200 ประเทศ มียอดผู้ป่วยสะสม 782,029 ราย เสียชีวิตสะสม 37,606 ราย รักษาหาย 164,753 ราย โดยสหรัฐอเมริกา มีผู้ยอดป่วยสะสมสูงสุด 161,580 ราย เสียชีวิต 2,995 ราย รองลงมาคือ ประเทศอิตาลี มียอดผู้ป่วยสะสม 101,739 ราย แต่เสียชีวิตมากที่สุดในโลก 11,591 ราย

อันดับ 3 คือประเทศสเปน มียอดผู้ป่วยสะสม 87,956 ราย เสียชีวิต 7,716 ราย โดยพบว่าเพียงวันเดียวมียอดผู้เสียชีวิตเพิ่มถึง 913 ราย อันดับ 4 ประเทศจีน มียอดผู้ป่วยสะสม 81,470 ราย เสียชีวิต 3,304 ราย และอันดับ 5 เยอรมนี มียอดผู้ป่วยสะสม 66,885 ราย เสียชีวิต 645 ราย

ส่วนสถานการณ์ที่อิตาลี แม้จำนวนผู้ติดเชื้อสะสมจะทะลุแสนคนแต่จำนวนผู้ติดเชื้อใหม่ในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา มี 1,648 คน หรือร้อยละ 2.2 ต่ำสุดนับตั้งแต่มีการระบาดในประเทศ และลดลงติดต่อกันเป็นวันที่ 5 แล้ว นอกจากนี้จำนวนผู้รักษาหายในรอบวันที่ผ่านมา มี 1,590 คน สูงสุดนับตั้งแต่มีการระบาด ทำให้จำนวนผู้รักษาหายสะสมเพิ่มเป็น 14,620 คน

อย่างไรก็ตามมีตัวเลขที่น่าตกใจ เมื่อสมาคมแพทย์อิตาลีสรุปจำนวนแพทย์ที่เสียชีวิตสะสมล่าสุด 63 ราย ในจำนวนนี้ 41 ราย มาจากแคว้นลอมบาร์ดี พื้นที่ได้รับผลกระทบรุนแรงที่สุดของประเทศ ขณะที่สถาบันสุขภาพอิตาลีเปิดเผยตัวเลขบุคลากรการแพทย์ที่ติดเชื้อสะสม 8,956 คน

วงการค้าทองคำยังซึมจากพิษ ไวรัส COVID-19 เร่งหาทางออกช่วยร้านตู้แดงหวั่นกระทบผู้บริโภค

บรรยากาศการค้าทองคำ

31 มีนาคม 2563

วงการค้าทองคำโลกยังอึมครึม หลังได้รับผลกระทบจากไว้รัส โคโรนา โควิด -19 ผู้ประกอบการในประเทศเร่งหาช่องทางส่งออกทองคำออกไปยังคู่ค้า เพื่อทำให้วงจรการค้าทำทองเคลื่อนตัวต่อไปได้ คาดตอนนี้หยุดชะงักเกือบ 90 เปอร์เซ็นต์ หวั่นกระทบลูกค้าที่ต้องการนำทองคำรูปพรรณมาแลกเปลี่ยนเป็นเงินสด เพื่อใช้ดำรงชีพในช่วงการรับมือ ไวรัส COVID-19

มาเกาะติดสถานการณ์การค้าทองคำ หลังจากที่เกิดปัญหาขึ้นมากมาย ซึ่งเป็นผลกระทบจากการแพรร่ระบาดของไวรัส โควิด-19 นายวรชัย ตั้งสิทธิ์ภักดี กรรมการผู้จัดการ บริษัท จีที โกลด์บูลเลี่ยน จำกัด เปิดเผยกับ GoldAround.com ว่า ในประเด็นเรื่องของช่องว่างระหว่างราคา ซื้อ-ขาย จากการติดตามล่าสุดพบว่า ราคาได้ลดต่ำลงมามากแล้ว แต่ก็ยังมีความผันผวนในบางช่วงเวลา อันเนื่องมาจากปัญหาการค้าทองคำในตลาดโลกที่ยังคงติดขัด ซึ่งเป็นผลมาจากข้อจำกัดในเรื่องการขนส่ง และบริษัทรีไฟน์ทองหลายแห่งที่หยุดการทำงานชั่วคราว หรือบางแห่งไม่รับซื้อ

นายวรชัย ตั้งสิทธิ์ภักดี กรรมการผู้จัดการ บริษัท จีที โกลด์บูลเลี่ยน จำกัด

ทั้งนี้ ใน 2 ประเด็นหลัง ถือเป็นเรื่องสำคัญ และยังไม่สามารถบอกได้ว่าจะต้องใช้ระยะเวลาอีกเท่าไร เพราะหากดูจากประเทศจีนต้องใช้เวลา กว่า 2 เดือน จึงจะสามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้ของ COVID-19 ได้ ซึ่งต้องใช้มาตรการที่เข้มข้น ในทางกลับกันสถานการณ์ที่ฝั่งอเมริกา และยุโรป ซึ่งเป็นศูนย์กลางการค้าทองคำ ตัวเลขผู้ติดเชื้อ และผู้เสียชีวิตยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง กลายเป็นจุดที่มีผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา โควิด-19 มากที่สุดไปเรียบร้อยแล้ว

ต้องยอมรับว่า ขณะนี้การติดต่อซื้อขายทองกับต่างประเทศมีข้อจำกัดมาก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของคู่ค้าที่ติดต่อธุรกิจด้วย โควต้าการส่งออก สภาพคล่องทางการเงิน ซึ่งผู้ประกอบการในประเทศไทยพยายามหาช่องทาง เพื่อที่จะให้การทำธุรกิจค้าทองคำดำเนินต่อไปโดยไม่สะดุด และต้องการเม็ดเงินมาหล่อเลี้ยงธุรกิจ รวมถึงให้บริการลูกค้าทั้งรายใหญ่และรายย่อย เพื่อให้เกิดความเชื่อมั่นในการทำธุรกิจร่วมกัน ซึ่งขณะนี้หลายคนเข้าใจกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ก็ยังมีอีกจำนวนมากที่ยังมองว่าถูกเอาเปรียบ จึงอยากจะขออธิบายภาพทั้งหมดที่เกิดขึ้นให้ได้รับทราบ

นายวรชัย ตั้งสิทธิ์ภักดี กรรมการผู้จัดการ บริษัท จีที โกลด์บูลเลี่ยน จำกัด

สิ่งที่ผู้ประกอบการร้านค้าทองของไทยค่อนข้างกังวลมากในขณะนี้ คือ กรณีที่ลูกค้าต้องการนำทองรูปพรรณ หรือ ทองคำแท่งมาขายที่ร้านค้าปลีกทั่วประเทศ เพราะต้องการเงินสดไปใช้ในการดำรงค์ชีวิต ซึ่งหลายคนได้รับผลกระทบจาก COVID-19 แต่ห่วงโซ่ของการค้าทองคำของประเทศไทยขณะนี้ได้เกิดปัญหา ร้านค้าส่งหยุดทำงานถึงวันที่ 2 เม.ย. เนื่องจากไม่สามารถนำทองที่รับซื้อมาจากร้านค้าปลีกไปขายให้กับผู้นำเข้าทองคำได้ เพราะผู้นำเข้าทองก็ไม่สามารถส่งออกทองไปได้เช่นกัน ซึ่งหลายฝ่ายพยายามเร่งหาทางออกว่าจะช่วยเหลือกันได้อย่างไร ซึ่งหากประเมินในภาพรวมขณะนี้ คาดว่าการซื้อขายทองในประเทศน่าจะหยุดไปแล้วประมาณณ 90 เปอร์เซ็นต์

ขณะที่กลุ่มของนักลงทุนทองคำ เชื่อว่าได้รับผลกระทบไม่มากนัก เพราะในช่วงที่ราคาทองคำพุ่งไปแตะระดับบาทละ 25,000 บาท ได้มีแรงเทขายออกมามาก และแรงซื้อกลับเข้าไปยังน้อยอยู่ ประกอบกับขณะนี้ราคาทองคำในตลาดโลกก็เคลื่อนไหวในกรอบแคบ ๆ ระหว่าง 1615-1620 ดอลลาร์เท่านั้น ซึ่งเป็นไปตามสภาพปัญหาของวงจรซื้อขายทองคำที่เกิดขึ้นเช่นกัน และขณะนี้ยังไม่มีปัจจัยใหม่ที่จะเข้ามาทำให้ราคาทองคำขยับตัวขึ้นลงได้มาก ซึ่งสถานการณ์ในลักษณะนี้คาดว่าจะกินเวลาไปอีกระยะ

ขอขอบคุณ บริษัท จีที โกลด์บูลเลี่ยน จำกัด

พิษ COVID-19 ทำวงการค้าทองคำทั่วโลกชะงัก คาดต้องรอหลังสงกรานต์ถึงจะเข้าโหมดปกติ

InterGOLD

วงจรค้าทองคำยังหยุดชะงักจากพิษไวรัส COVID -19 อินเตอร์โกลด์ฯ ระบุ ทำยอดขายหดไป 80 เปอร์เซ็นต์ คาดหลังสงกรานต์จะกลับมาคึกคัก หลังโรงงานรีไฟน์ทองคำ จะกลับมาเดินเครื่องอีกครั้ง แนะซื้อเก็บเพิ่ม มั่นใจราคาทะลุ 1,700 ดอลลาร์แน่นอน

นายธีรรัฐ จุฑาวรากุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินเตอร์โกลด์ โกลด์เทรด จำกัด เปิดเผยกับ GoldAround.com ถึงสภาพการค้าทองคำในช่วงนี้ว่า หลังจากที่หลายประเทศได้ดำเนินมาตรการปิดประเทศ เพื่อแก้ปัญหาการแพร่ระบาดของไวรัส โควิด-19 ได้ส่งผลกระทบกับวงการค้าทองคำมากมาย โดยเฉพาะประเด็นการขนส่งสินค้า ทำให้ไม่สามารถระบายทองคำออกได้ หรือหากทำได้ก็ได้เพียงจำนวนจำกัด ประกอบกับราคาในตลาดโลกที่เคลื่อนไหวในกรอบแคบ ๆ เพราะได้รับผลกระทบเช่นกัน จึงทำให้ยอดขายลดลงไปกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ ทำให้ผู้ประกอบการต้องปรับการดำเนินงาน เพื่อให้ผ่านพ้นวิกฤตไปให้ได้

นายธีรรัฐ จุฑาวรากุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินเตอร์โกลด์ โกลด์เทรด จำกัด

ปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นเหมือนกันทั่วโลก เพราะลูกค้าที่เคยซื้อขายสัญญาล่วงหน้า ก็ต้องการให้ส่งมอบทองจริง เนื่องจากไม่มั่นใจเรื่องของเศรษฐกิจ แต่ผู้ขายก็ไม่สามารถดำเนินการได้ เพราะเกิดปัญหาเรื่องของการขนส่ง และโรงงานรีไฟน์ทอง ที่ส่วนใหญ่ตั้งอยู่ในทวีปยุโรปปิดทำการ จากการแพร่ระบาดของไวรัส โควิด-19 ทั้งนี้ จากการตรวจสอบล่าสุดพบว่า หลายโรงงานคาดว่าจะเริ่มกลับมาเปิดดำเนินการได้ในช่วงหลังสงกรานต์ ซึ่งคาดว่าจะทำให้ตลาดค้าทองคำกลับมาคึกคักเช่นเดิม

นายธีรรัฐ จุฑาวรากุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินเตอร์โกลด์ โกลด์เทรด จำกัด

ส่วนเรื่องของส่วนต่าง ระหว่างราคาซื้อ-ขาย ซึ่งเมื่อช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมาได้ขยับกว้างมาก ระดับ 30-50 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นไปตามกลไกของตลาด ล่าสุดได้ปรับลดลงมามากแล้ว แต่เชื่อว่าคงจะต้องใช้เวลาอีกระยะ จึงจะกลับมาเป็นปกติ

นายธีรรัฐฯ ยังได้กล่าวถึงการเคลื่อนไหวของราคาทองคำว่า หลังจากที่เมื่อปลายสัปดาห์ ราคาได้วิ่งทะลุเหนือระดับ 1,600 ดอลลาร์ ก่อนจะมาเกิดปัญหาต่าง ๆ ทำให้ตลาดเกิดการชะงักไป และราคาได้เคลื่อนไหวในกรอบแคบ ๆ ระหว่าง 1,620-1,640 ดอลลาร์ ส่วนในคืนนี้ (30 มี.ค.) ก็เช่นกัน คาดว่าราคาจะไม่เคลื่อนไหวมาก รวมถึงช่องว่างระหว่าง ราคาซื้อ กับ ราคาขาย ยกเว้นจะเกิดเหตุการณ์ที่เหนือความคาดหมายขึ้น แต่คงไม่ใช่เรื่องจำนวนตัวเลขผู้ติดเชื้อในอเมริกา เพราะตลาดได้รับข่าวนี้มาระยะหนึ่งแล้ว

ส่วนกลยุทธ์การลงทุนในช่วงนี้ คนที่ได้ขายทองไปหมดแล้ว และอยากจะซื้อเพิ่ม รอให้ราคาย่อตัวลงมาแล้วซื้อเก็บได้ เพราะมองว่า ราคายังไปได้อยู่ ส่วนคนที่ไม่ได้ขายทองคำออกไป อยากให้ถือเก็บไว้ เพราะเมื่อช่องว่างราคาระหว่างซื้อ-ขายกลับมาเป็นปกติ ก็จะทำให้ได้กำไรมากขึ้น และแนวโน้มราคาทองคำยังเป็นช่วงขาขึ้น เพราะทุกปัจจัยที่เกิดขึ้นขณะนี้ ล้วนแต่เป็นบวกต่อทองคำ โดยมั่นใจว่าราคาจะขึ้นไปแตะระดับ 1,700 ดอลลาร์ อย่างแน่นอน

นายธีรรัฐ จุฑาวรากุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินเตอร์โกลด์ โกลด์เทรด จำกัด

ขอขอบคุณ บริษัท อินเตอร์โกลด์ โกลด์เทรด จำกัด

ยอดผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ในไทย เพิ่มอีก 2 ราย แพทย์แนะอยากปลอดภัยให้อยู่ห่างกัน 2 เมตร

ที่มารูปภาพ : https://www.prachachat.net/finance/news-424359

30 มีนาคม 2563

มาดูสถานการณ์แพร่ระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือโควิด-19 ในประเทศไทย วันนี้ (30 มี.ค.) พบมีผู้เสียชีวิตเพิ่ม 2 ราย เป็นชายไทย อายุ 54 ปี เป็นชาวยะลา มีประวัติเดินทางมาจากมาเลเซีย กับหญิงไทยอายุ 56 ปี รักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งใน กทม. พบภาวะปอดอักเสบรุนแรง ทำให้ผู้เสียชีวิตสะสมเป็น 9 ราย มีผู้ป่วยใหม่ 136 ราย จาก 18 จังหวัด

รวมผู้ป่วยสะสม 1,524 ราย จาก 59 จังหวัด โดย 5 อันดับพื้นที่ที่มีผู้ป่วยมากที่สุด ได้แก่ กทม. 721 ราย ,นนทบุรี 73 ราย ,ภูเก็ต 49 ราย ,ยะลา 42 ราย และสมุทรปราการ 41 ราย นอกจากนั้นมีรายงานว่าได้มีผู้ป่วยหนักเพิ่มขึ้นเป็น 23 ราย ทุกรายอยู่ในภาวะวิกฤติ

นพ.อนุพงศ์ สุจริยากุล ผู้ทรงคุณวุฒิกรมควบคุมโรค กล่าวว่า จากการตรวจสอบข้อมูล เป็นที่น่าสังเกตคือ 2 วันที่ผ่านมา ผู้ป่วยโควิดใน กทม.กลับมาเพิ่มขึ้น ทั้งที่ก่อนหน้านี้จะสังเกตเห็นว่าเทรนด์ผู้ป่วยในต่างจังหวัดเพิ่มขึ้น

โดยกรณีผู้ป่วยรายใหม่ในกลุ่มขนส่งสาธารณะ พบคนขับ ผู้โดยสาร จึงขอเตือนประชาชนว่าการเดินทางไปไม่ว่าที่ชุมชนหรือสถานที่ปิด เช่น รถยนต์ รถโดยสาร รถไฟฟ้า ต้องสวมหน้ากากอนามัยเป็นประจำ ถ้าไม่มีอะไรขอให้อยู่บ้าน และเตือนเรื่องการรักษาระยะห่าง ทุกคนต้องทำช่วยกันทำให้เป็นนิสัย ผู้ประกอบการขนส่งสาธารณะ ต้องทำความสะอาดยานพาหนะสม่ำเสมอ เปิดหน้าต่างระบายอากาศ เช็ดพื้นผิวด้วยแอลกอฮอล์ 70 % โดยเฉพะาะที่จับประตู ที่พักแขนเพื่อ ลดเสี่ยงในการแพร่กระจายเชื้อ

ด้าน นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัด สธ.กล่าวว่า พฤติกรรมคนไทยมีการเปลี่ยนแปลง การจะลดการแพร่กระจายของเชื้อได้นั้นอยู่ที่การหลีกเลี่ยงไปพื้นที่แออัดและการห่างกันเกิน 2 เมตร จากการสำรวจช่วง 2 วัน คือ วันที่ 27-28 มี.ค. พบว่า 71%

ทำเป็นนิสัยแล้ว คือ ไม่ไปสถานที่แออัด และห่างกันเกิน 2 เมตร จึงอยากเน้นให้ทำกันมากกว่านี้คือมากกว่า 90% จะทำให้โรคลดลงได้

มาดูตัวเลขผู้ป่วยที่ติดเชื้อโควิด-19 ทั่วโลก พบว่าขณะนี้มีกว่า 7 แสนราย เสียชีวิต 33,942 ราย โดยประเทศทางยุโรปและสหรัฐอเมริกา มีการติดเชื้อพบผู้ป่วยมาก โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกาพบผู้ป่วย 1.4 แสนราย เสียชีวิต 2,471 ราย ส่วนอิตาลี เสียชีวิต 10,779 ราย

เปิดที่มา! การกำหนดราคาทองคำในประเทศไทย ภายใต้สถานการณ์โควิด

ตามที่สมาคมค้าทองคำได้มีการกำหนดราคาทองคำในประเทศโดยมีส่วนต่างของราคาซื้อขายทองคำแท่งความบริสุทธิ์ 96.5% อยู่ที่ 100 บาท นั้น

อย่างไรก็ตามเนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19  ซึ่งกระจายไปทั่วโลกและส่งกระทบต่อการผลิตทองคำและการส่งมอบทองคำของผู้ผลิตในต่างประเทศ

ทั้งเรื่อง การนำเข้าส่งออกทองคำระหว่างประเทศ เรื่องการลดเที่ยวบินของสายการบินต่าง ๆ และมาตรการการปิดประเทศของประเทศผู้ผลิตบางที่

โดยผู้ผลิตทองในประเทศสวิสเซอร์แลนด์ ซึ่งอยู่ใกล้พรมแดนอิตาลี และมีการผลิตทองคำราว 1,500 ตันต่อปี หรือเทียบเท่า 1 ใน 3 ของปริมาณการผลิตทั่วโลก ถูกสั่งระงับการผลิตชั่วคราว เพื่อยับยั้งการระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19

ผลกระทบดังกล่าวส่งผลทำให้ราคาทองคำในตลาดโลกมีความผันผวนสูงมาก โดยราคาซื้อขายทองคำ Gold Spot ในตลาดโลก มีช่วงห่างของราคารับซื้อ และ ราคาขาย เฉลี่ยมากถึง 50 – 60 เหรียญต่อทรอยออนซ์

และขึ้นไปถึง 100 เหรียญต่อทรอยออนซ์ ในบางช่วง ทำให้การกำหนดราคาซื้อขายทองคำไทยทำได้ยาก และส่งผลต่อช่วงห่างของราคาซื้อขายทองคำแท่งความบริสุทธิ์ 96.5% มากถึง 1,000 บาท

จากสาเหตุดังกล่าว สมาคมฯ ได้พยายามอย่างเต็มที่ในการกำหนดราคา และเพื่อให้ธุรกิจค้าทองคำดำเนินต่อไปได้ จึงได้กำหนดให้ส่วนต่างของราคาซื้อขายทองคำแท่งความบริสุทธิ์ 96.5% อยู่ที่ 300 บาท (ในวันที่ 25 – 27 มีนาคม 2563) และปรับลดลงเหลือส่วนต่าง 200 บาท (ในวันที่ 28 มีนาคม 2563 เป็นต้นมา)

ทั้งนี้ การกำหนดราคาซื้อขายทองคำในประเทศไทยนั้น เป็นการอ้างอิงอย่างมีมาตรฐาน โดยมีการนำราคาทองคำตามราคาตลาดโลกมาคำนวณร่วมกับค่าพรีเมียมจากซัพพลายเออร์ต่างประเทศ และอัตราแลกเปลี่ยนดอลลาร์สหรัฐอเมริกาจากธนาคารพาณิชย์

ทางสมาคมฯ จะพยายามอย่างสุดความสามารถ เพื่อที่จะกำหนดราคาทองคำในประเทศให้มีส่วนต่างราคารับซื้อขายทองคำแท่งความบริสุทธิ์ 96.5% ไม่เกิน 100 บาทเมื่อสถานการณ์โลกกลับมาสู่ภาวะปกติโดยเร็วที่สุด

ข้อมูลประกอบบทความ

1. การระบาดของไวรัส COVID-19 ส่งผลกระทบโดยตรงต่อห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) ทองคำทั่วโลก

จากรูปข้างต้น แสดงให้เห็นถึงห่วงโซ่อุปทานทองคำทั่วโลก นับตั้งแต่กระบวนการผลิต การสกัด กระบวนการซื้อขายในตลาด (Exchange) เพื่อนำไปสู่กระบวนการแปรรูปในอุตสาหกรรมเครื่องประดับ การเข้าสู่ตลาดการเงิน จนกระทั่งถึงผู้บริโภคขั้นสุดท้าย ขณะที่ระบบโลจิสติกส์เป็นกลไกสำคัญในการเชื่อมต่อระหว่างกระบวนการต่าง ๆ

เนื่องจากการระบาดของไวรัส COVID-19 ทำให้เที่ยวบินระหว่างประเทศและภายในประเทศถูกยกเลิก ขณะที่การประกาศปิดเมือง (Lockdown) ในหลายประเทศกระทบกับการขนส่งทางบก เมื่อระบบโลจิสติกส์หยุดชะงัก จึงทำให้ห่วงโซ่อุปทานทองคำได้รับผลกระทบตาม

นอกจากการระบาดของไวรัส COVID-19 จะกระทบกับระบบโลจิสติกส์แล้วนั้น ห่วงโซ่อุปทานทองคำยังได้รับผลกระทบจากการที่โรงสกัด (refineries) ทองคำ ได้แก่ Valcambi, Pamp และ Argor-Heraeus ที่ตั้งอยู่ในเมือง Ticino ของสวิสเซอร์แลนด์ ใกล้พรมแดนอิตาลี 

ซึ่งผลิตทองคำราว 1,500 ตันต่อปี หรือ คิดเป็น 1 ใน 3 ของปริมาณการผลิตทั่วโลก  ถูกสั่ง “ระงับ” การผลิตชั่วคราว เพื่อยับยั้งการระบาด COVID-19  ทั้งนี้  Valcambi, Pamp จะระงับการผลิตจนถึงวันที่ 29 มี.ค. ด้าน Argor-Heraeus จะระงับการผลิตถึงวันที่ 5 เม.ย.

ที่มาข้อมูลโรงสกัด (refineries) ทองคำระงับการผลิต :

https://www.reuters.com/article/precious-refining-argor/update-1-three-swiss-gold-refineries-suspend-production-due-to-virus-threat-idUSL8N2BG3ZJ

ที่มาข้อมูลห่วงโซ่อุปทานทองคำทั่วโลก :

https://www.gold.org/about-gold/market-structure-and-flows

2. ส่วนต่างราคาสัญญาฟิวเจอร์สทองคำตลาด COMEX ของ Gold Spot   

เมื่อห่วงโซ่อุปทานทองคำได้รับผลกระทบ จึงเป็นปัจจัยหลักที่ก่อให้เกิด “สภาวะไม่ปกติ” ในตลาดสัญญา Exchange of Futures for Physical (EFP)

ทั้งนี้ สัญญา EFP คือ สัญญาแลกเปลี่ยนระหว่าง สัญญาฟิวเจอร์ส กับ ทองคำกายภาพ (Physical Gold) ที่มีบทบาทสำคัญอย่างมากในการกำหนดราคาทองคำในตลาด OTC  โดยกำหนดราคา (Quoted) ผ่านโบรกเกอร์ หรือ market makers  

ตามข้อมูลอ้างอิงจาก CME Group ระบุไว้ว่า สัญญา EFP ถูกคิดคำนวนจากปัจจัยหลายประการ อาทิ จำนวนวันก่อนจะถึงกำหนดการแลกเปลี่ยนระหว่างทองคำกายภาพ (Physical Gold) และสัญญาฟิวเจอร์ส, อัตราดอกเบี้ย, ค่าใช้จ่ายในการขนส่ง และต้นทุนในการสกัดทองคำ เพื่อให้สามารถส่งมอบได้ตรงตามมาตรฐาน

ในสภาวะปกติ ตลาดทองคำจะมีลักษณะ “Contango” คือ สภาวะตลาดที่ราคาสัญญาฟิวเจอร์สสูงกว่าราคา Gold Spot ขณะที่ผู้ค้าจะใช้ราคาสัญญา EFP นำมา หัก ออกจากราคาสัญญาฟิวเจอร์สทองคำ เพื่อให้ได้ราคา Gold Spot

ดังนั้น สัญญา EFP จึงมีบทบาทสำคัญอย่างมากในการกำหนดราคาทองคำในตลาด OTC ลักษณะสำคัญอีกประการหนึ่ง คือ ราคาสัญญา EFP มีแนวโน้มเข้าใกล้ศูนย์ในที่สุด เช่นเดียวกับ การที่ราคาสัญญาฟิวเจอร์สมีแนวโน้มจะมาบรรจบกับราคา Spot เมื่อเข้าใกล้วันสิ้นสุดสัญญา 

ดังนั้น ธนาคารต่าง ๆ จึงมักจะถือสถานะขาย (Short Positions) ในสัญญา EFP ซึ่งหมายถึง การถือสถานะขาย (Short Position) ในสัญญาฟิวเจอร์สทองคำ ควบคู่ไปกับการ ซื้อทองคำกายภาพ (Physical Gold)

เนื่องจากการระบาดของ COVID-19 ทำให้ระบบโลจิสติกส์หยุดชะงัก จึงกระทบต่อการขนส่งทองคำจากศูนย์กลางตลาดทองคำกายภาพ อย่างตลาดลอนดอนไปยังนิวยอร์ก เพื่อทำการส่งมอบทองคำกายภาพ (Physical Gold) ตามสัญญา 

ขณะที่โรงสกัด (refineries) ทองคำบางแห่งมีการระงับการผลิตชั่วคราว จึงกระทบต่อการสกัดทองคำในตลาดลอนดอนที่อยู่ในรูปแบบของทองคำแท่งน้ำหนัก 400 ออนซ์ ให้เป็นทองคำแท่งน้ำหนัก 100 ออนซ์ ตามลักษณะของสัญญาฟิวเจอร์สในตลาด COMEX 

เมื่อต้นทุนการขนส่ง และต้นทุนในการสกัดทองคำเพิ่มสูงขึ้น จึงสะท้อนในราคาสัญญา EFP ส่งผลให้ราคาสัญญา EFP พุ่งสูงขึ้นจากระดับปกติที่ 2 ดอลลาร์ต่อออนซ์จนกระทั่งแตะระดับสูงสุดถึง 40 ดอลลาร์ต่อออนซ์

เมื่อเป็นเช่นนั้น ธนาคารต่าง ๆที่ส่วนใหญ่ถือสถานะขาย (Short Positions) ในสัญญา EFP “จำเป็นต้องปิดสถานะขาย (Short Positions) ในสัญญา EFP” ด้วยการทำธุรกรรมฝั่งตรงข้าม คือ การซื้อสัญญาฟิวเจอร์ส ควบคู่ไปกับ การขายทองคำกายภาพ (Physical Gold)

จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ราคาสัญญาฟิวเจอร์สทองคำตลาด COMEX ปรับตัวสูงขึ้นอย่างมาก จนส่วนต่าง (Spread) ระหว่าง สัญญาฟิวเจอร์สทองคำตลาด COMEX กับ Gold Spot  กว้างขึ้นจากระดับปกติ

รูปแสดงส่วนต่างระหว่าง สัญญาฟิวเจอร์สทองคำตลาด COMEX กับ Gold Spot ตั้งแต่ปี 1975-ปัจจุบัน

ที่มาของข้อมูลสัญญา EFP :  https://www.cmegroup.com/trading/metals/precious/gold-futures-and-options/exchange-for-physical-gold-futures.html

และ

http://www.sbma.org.sg/the-day-the-efp-broke/

ที่มาของรูปภาพ : 

https://www.bloomberg.com/news/articles/2020-03-24/scramble-for-gold-sends-new-york-premium-to-a-four-decade-high

3. ส่วนต่างราคา Bid-Ask Spread ของ Gold Spot

จากรูปข้างต้นแสดงถึงส่วนต่างระหว่างราคารับซื้อและราคาขายของ Gold Spot ในตลาดโลก (ข้อมูล ณ วันที่ 23 – 27มีนาคม 2563) ซึ่งมีส่วนต่างมากถึง 22 เหรียญต่อทรอยออนซ์

ทั้งนี้ ราคา Gold Spot เป็นราคา Over-the-counter (OTC) ซึ่งกำหนดโดยผู้ซื้อและผู้ขาย ซึ่งโดยปกติแล้ว ส่วนต่างระหว่างราคาเสนอซื้อและเสนอขายอยู่ที่ 0.5 – 1.0 เหรียญต่อทรอยออนซ์

อย่างไรก็ตาม ในสถานการณ์ที่ไม่ปกติการเสนอราคาของผู้ซื้อและผู้ขายแต่ละแห่งอาจแตกต่างกันมาก โดยราคา Gold Spot ในตลาดลอนดอนในวันนั้น มีบางขณะที่ราคาพุ่งขึ้นไปถึง 100 เหรียญต่อทรอยออนซ์ แต่โดยเฉลี่ยส่วนต่างอยู่ที่ประมาณ 46 เหรียญต่อทรอยออนซ์ ตามรูปถัดไป

4. ตัวอย่างการคำนวณราคาทองคำ

แหล่งที่มา: ราคาซื้อขาย Gold Spot 99.99% จากระบบซื้อขาย J.P. Morgan วันอังคารที่ 24/3/20

จากรูปแสดงราคาซื้อขาย Gold Spot จากระบบซื้อขายของซัพพลายเออร์ต่างประเทศในวันอังคารที่ 24 มีนาคม 2563 โดยราคารับซื้อ Gold Spot อยู่ที่ 1,556.73 เหรียญต่อทรอยออนซ์ และราคาขาย Gold Spot อยู่ที่ 1,602.39 เหรียญต่อทรอยออนซ์ (ซึ่งมีส่วนต่างของราคาซื้อขายอยู่ที่ 46 เหรียญต่อทรอยออนซ์)

เมื่อนำมาคำนวณรวมกับอัตราแลกเปลี่ยนดอลลาร์สหรัฐอเมริกาจากธนาคารพาณิชย์ ซึ่งมีราคารับซื้อดอลลาร์ที่ 32.85 บาทต่อดอลลาร์ และขายที่ 32.90 บาทต่อดอลลาร์

ทำให้ราคารับซื้อทองคำแท่งความบริสุทธิ์ 96.5% อยู่ที่ 24,177 บาทต่อบาททองคำ และราคาขายอยู่ที่ 24,930 บาทต่อบาททองคำ ซึ่งมีส่วนต่างของราคารับซื้อและขายอยู่ที่ 753 บาทต่อบาททองคำ

  ราคารับซื้อ
(Bid)
ราคาขายออก
(Offer)
ส่วนต่างราคา
ราคา Gold Spot (เหรียญต่อทรอยออนซ์) 1,556.73 1,602.39 46
อัตราแลกเปลี่ยน (บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ) 32.85 32.90 0.05
ราคาทองแท่ง 96.5 (บาท) 24,177 24,930 753

แม้ว่าส่วนต่างราคารับซื้อและขาย Gold Spot จะลดลงจากวันที่ 24 มี.ค.20 อย่างไรก็ดี  ราคารับซื้อและขาย Gold Spot จากระบบซื้อขาย J.P. Morgan ในวันศุกร์ที่ 27 มี.ค.20 ยังมีความห่างของราคารับซื้อและขายที่ 5 เหรียญต่อทรอยออนซ์ 

สะท้อนว่าตลาดทองคำยังไม่กลับสู่สถานการณ์ปกติที่ราคารับซื้อและขาย Gold Spot จะมีค่าอยู่ประมาณ 0.5 – 1.0 เหรียญต่อทรอยออนซ์

แหล่งที่มา: ระบบซื้อขาย J.P. Morgan วันศุกร์ที่ 27/3/20

ที่มา : สมาคมค้าทองคำ

จิตติฯ ยันพร้อมลด spread ตามราคาตลาดโลก ชี้ผู้ค้าทองอ่วม เร่งปรับตัวรับโควิด

นายจิตติ ตั้งสิทธิ์ภักดี นายกสมาคมค้าทองคำ

30 มีนาคม 2563

นายกสมาคมค้าทองคำ ระบุพร้อมลดช่องว่างราคาซื้อ-ขาย ขณะนี้ยังรอดูสถานการณ์ตลาดฝั่งยุโรปและอเมริกา ยืนยันการหนดราคาเป็นไปตามกลไกตลาดไม่ได้เอาเปรียบผู้บริโภค

ขณะที่ผู้ประกอบการร้านทองขยับตัวรับสถานการณ์การแพร่ระบาด โควิด-19 ร้านค้าส่งหยุดให้บริการ ขณะที่ร้านค้าปลีกลดเวลาทำการ พร้อมลดจำนวนสาขาที่เปิดให้บริการ ไปจนถึงวันที่ 2 เม.ย. ก่อนจะมาประเมินสถานการณ์อีกครั้ง

นายจิตติ ตั้งสิทธิภักดี นายกสมาคมค้าทองคำ เปิดเผยกับเว็บไซต์ GoldAround.com ถึงความคืบหน้าสถานการณ์ในวงการค้าทองคำในประเทศไทยว่า หลังจากเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ทางสมาคมค้าทองคำได้ประกาศปรับลดช่องว่างระหว่างราคาซื้อ-ขาย (Spread) ทองคำแท่งในประเทศไทย เหลือบาทละ 200 บาท (จาก 300 บาท) หลังราคาในตลาดโลกได้ลดลงมาจาก 25-45 ดอลลาร์ เหลือกว่า 10 ดอลลาร์

ซึ่งหลังจากนี้จะต้องดูว่าเมื่อตลาดทางฝั่งอเมริกา และยุโรปที่จะเปิดวันจันทร์ (ตรงกับค่ำวันจันทร์ตามเวลาในประเทศไทย) ว่า ช่องว่าราคาจะเป็นอย่างไร จะผันผวนอีกหรือไม่ หลังจากนั้นสมาคมฯ จะมาพิจารณาอีกครั้งว่า จะประกาศให้ราคากลับไปเหมือนเดิมหรือไม่

นายจิตติ ตั้งสิทธิภักดี นายกสมาคมค้าทองคำ

อย่างไรก็ดี ยังเชื่อว่าอาจจะต้องใช้เวลาอีกระยะ เนื่องจากตลาดทางฝรั่งยุโรป และอเมริกา ยังคงเผชิญกับปัญหาหนัก ทั้งเรื่องของสภาพคล่อง และปัญหาที่เกิดขึ้นจากการปิดประเทศ ทำให้ยังคงมีปัญหาเรื่องการขนส่ง รวมถึงโรงงานรีไฟน์ทองหยุดดำเนินการ

ที่สำคัญจนถึงขณะนี้ ยังมองไม่ออกว่า เหตุการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส โควิด-19 จะจบลงอย่างไร และจบลงเมื่อไร เพราะตัวเลขผู้ติดเชื้อและเสียชีวิต จากไวรัส COVID-19 ในฝั่งยุโรปและอเมริกา ก็เพิ่มขึ้นมหาศาล ขณะที่ประเทศไทย ก็ยังน่าเป็นห่วง

สมาคมฯ ไม่ได้เปิดราคาในลักษณะเอาปรียบผู้บริโภคอย่างที่ถูกหลายคนกล่าวหา ซึ่งเป็นข้อเท็จจริงที่เป็นกันทั่วโลก สามารถตรวจสอบได้ ที่สำคัญอยากให้ลูกค้าทำความเข้าใจว่า ณ ปัจจุบัน ผู้ค้าทองคำในประเทศ ต้องแบกรับความเสี่ยงไว้มาก ทั้งเรื่องต้นทุนเพื่อเพิ่มสภาพคล่อง และปริมาณทองคำที่รับซื้อเข้ามา

เพราะเมื่อไม่สามารถส่งออกทองคำไปยังต่างประเทศได้ ก็ไม่มีเม็ดเงินเข้ามา รวมถึงหากว่าราคาทองในตลาดโลกลดลง ผู้ประกอบการที่รับซื้อทองคำเข้ามาก็จะต้องเป็นผู้รับผิดชอบความเสียหายเองทั้งหมด

นายจิตติ ตั้งสิทธิภักดี นายกสมาคมค้าทองคำ

เมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้มีการพูดคุยกันระหว่างผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องในวงการค้าทองคำ ก่อนจะได้ข้อสรุปว่า ร้านค้าส่งทองคำจะหยุดดำเนินการไปจนถึงวันที่ 2 เม.ย. และผู้ประกอบการร้านค้าทองคำในเยาวราช ได้ปรับเปลี่ยนเวลาการทำการใหม่ จากเดิมจะเปิดทำการระหว่างเวลา 09.30-17.30 น. เป็น 10.00 -17.00 น.

และร้านที่มีสาขาหลายแห่งจะลดจำนวนให้บริการลงครึ่งหนึ่ง และจะสลับกัน เปิด-ปิด เพื่อรองรับกับลูกค้าเดิมที่ต้องการมาทำธุรกรรม หรือบ้างร้านที่มีสาขาเดียว ก็อาจจะหยุดให้บริการไปในช่วงนี้ อย่างไรก็ดีมาตรการดังล่าวไม่ได้เป็นการบังคับ แต่ขอให้ผู้ประกอบการแต่ละร้านเป็นผู้ตัดสินใจในการดำเนินการ และหลังจากวันที่ 2 เม.ย. จะมาร่วมประชุมเพื่อพิจารณาและกำหนดแนวทางกันอีกครั้ง

ต้องยอมรับว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องที่ไม่ปกติอย่างมาก ตนย้ำอีกครั้งว่า อยู่ในวงการค้าทองคำ มากว่า 60 ปี ไม่เคยเห็นเหตุการณ์ในลักษณะนี้ ที่ร้านทองคำต้องหยุดทำการ และผู้ประกอบการค้าทองคำอยากให้ทุกอย่างกลับเข้าสู่สภาวะปกติอย่างเร็วที่สุด

เพราะขณะนี้ทุกคนก็ได้รับความเดือดร้อนเช่นเดียวกับธุรกิจอื่น ๆ เพราะต้องแบกรับกับรายจ่ายที่ยังเกิดขึ้นต่อเนื่อง ขณะที่ไม่มีรายได้เข้ามา และหากต้องเป็นแบบนี้อีกเดือน ทุกอย่างแย่แน่นอน นายจิตติ ตั้งสิทธิภักดี นายกสมาคมค้าทองคำกล่าว

ปัญหาที่เกิดขึ้นทั้งหมด มาจากต่างประเทศ เพราะกลไกการค้าทองคำของไทย ได้ผูกกับต่างชาติ ทั้งเรื่อง ระหว่างราคาซื้อ-ขาย (Spread) การรีไฟน์ทอง เมื่อทางโน้นมีปัญหา ขนส่งไม่ได้ ทุกอย่างก็ต้องชะงักตาม อยากให้ลูกค้าเข้าใจถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดด้วย

พร้อมย้ำว่าสมาคมค้าทองคำและผู้ประกอบการค้าทองคำ ไม่ได้ฉวยโอกาส หรือต้องการจะเอาเปรียบผู้บริโภค และเมื่อสถานการณ์ทุกอย่างคลี่คลาย ผู้ที่เกี่ยวข้องกับการค้าทองคำ อาจจะต้องมาประชุมกัน เพื่อหารือและหาแนวทางป้องกันหากเกิดเหตุการณ์ในลักษณะนี้ขึ้นอีก

ราคาทองคำขยับต่อหลัง WHO ชี้ สหรัฐฯ -อิตาลี เป็นศูนย์กลาง โควิด-19 แทนจีน

YLG BULLION

30 มีนาคม 2563

YLG bullion : ราคาทองคำวันศุกร์ที่ผ่านมา ปิดปรับตัวลดลง 5.69 ดอลลาร์ต่อออนซ์ มาอยู่ที่ระดับ 1,621 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยได้รับแรงกดดันจากแรงขายทำกำไร ขณะที่ราคาทองคำยืนเหนือ 1,600 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้อย่างต่อเนื่อง โดยได้รับแรงหนุนจากการดัชนีดอลลาร์อ่อนค่าลงอย่างหนักในสัปดาห์ที่ผ่านมา อันเนื่องมาจากความพยายามของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)ในการดำเนินการเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจจากผลกระทบของการแพร่ระบาดของ ไวรัส โควิด -19 ทำให้สัปดาห์ที่ผ่านมางบดุลของเฟดพุ่งกว่า 5 แสนล้านดอลลาร์ จนทะลุ 5 ล้านล้านดอลลาร์เป็นครั้งแรก จากการเข้าซื้อสินทรัพย์ประเภทต่าง ๆ รวมไปถึงปล่อยกู้ให้ธนาคารพาณิชย์ กองทุนรวมและธนาคารกลางอื่น ๆ ประกอบกับดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคจาก มหาวิทยาลัยมิชิแกน ร่วงลงเกินคาดสู่ระดับ 89.1 ในเดือน มี.ค. แตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ เดือน ต.ค.2016

นอกจากนี้สกุลเงินดอลลาร์ยังได้รับแรงหนุนเพิ่มหลัง WHO เตือนสหรัฐอาจกลายเป็นศูนย์กลางการระบาดของ COVID-19 แทนจีนและอิตาลีในไม่ช้า เนื่องจากตัวเลขผู้ติดเชื้อพุ่งสูงขึ้นอย่างก้าวกระโดดทะลุ 142,106 ราย จึงเป็นปัจจัยสกุลเงินดอลลาร์เพิ่มเติม จนช่วยสกัดช่วงติดลบของราคาทองคำ

กลยุทธ์การลงทุนในวันนี้ ชะลอการซื้อหากราคาหลุดโซน 1,594-1,585 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่หากมีการดีดตัวขึ้นไปยังคงแนะนำขายหากราคาไม่สามารถยืนในโซน 1,637-1,646 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้

ขอขอบคุณ บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด

อิตาลีกระอัก ตายวันเดียวเกือบพันราย สหรัฐยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ทะลุ 1 แสนคน

สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานว่า ประเทศอิตาลีกำลังเผชิญกับวิกฤตจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 เมื่อยอดผู้เสียเพิ่ม 919 รายภายในวันเดียว สูงสุดนับจากพบการระบาดวันที่ 21 ก.พ. ทำให้ยอดผู้เสียชีวิตเพิ่มเป็น 9,134 ราย ขณะที่ตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นเกือบ 6,000 คนภายในวันเดียว เพิ่มจาก 80,539 เป็น 86,498 คน แซงหน้าประเทศจีน และมีตัวเลขใกล้เคียงกับสหรัฐอเมริกาที่เพิ่งขึ้นไปรั้งอันดับ 1

ทั้งนี้วอชิงตันโพสต์ รายงานว่ายอดผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา โตวิด -19 ในสหรัฐทะลุ 1 แสนคนแล้ว โดย www.worldometers.info/coronavirus รายงานตัวเลขผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น 14,600 คนภายใน 24 ชั่วโมง ขณะที่ยอดเสียชีวิตอยู่ที่ 1,536 ราย โดยผู้ว่าการรัฐนิวยอร์ก ซึ่งเป็นพื้นที่ มีผู้ติดเชื้อราว 45,000 คน ได้ขอให้รัฐบาลกลางสนับสนุนเครื่องช่วยหายใจ 30,000 เครื่อง เพื่อมารองรับคนไข้ที่จะล้นโรงพยาบาลในไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้านี้

สำหรับประเทศไทย นพ.อนุพงศ์ สุจริยากุล ผู้ทรงคุณวุฒิ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึง สถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โรคโควิด-19 ว่า วันนี้( 28 มี.ค.) มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 109 ราย และมีผู้เสียชีวิตเพิ่ม 1 ราย เป็นผู้หญิงอายุ 55 ปี สรุปมีผู้ป่วยสะสม 1,245 ราย เสียชีวิตรวม 6 ราย ยังรักษาใน รพ. 1,139 ราย เป็นผู้ชายมากกว่าผู้หญิง โดยกระจายไปใน 57 จังหวัด มากที่สุดคือ กทม. 515 ราย

สิ่งที่ กระทรวงสาธารณสุข กังวลและอยากให้ประชาชนรับทราบเพื่อป้องกันการป่วยและเสียชีวิตจากโควิด-19 เพราะประเทศไทยมีผู้ป่วยจำนวนมากขึ้น ส่วนหนึ่งจึงมีอาการรุนแรงและเสียชีวิตเป็นส่วนน้อย ทั้งนี้ โรคโควิด-19 นั้น จาก 100 คน พบว่า จำนวน 80 คน จะมีอาการน้อยหรือน้อยมาก จนไม่ได้นึกว่าเป็นโรคนี้ ส่วนอีก 20 คน เข้ารักษาใน รพ. โดยจำนวนนี้ 5 คนจะมีอาการรุนแรง และบางส่วนจะเสียชีวิต ถ้าดูจากตัวเลขเสียชีวิตของไทยขณะนี้อยู่ที่ 6 ราย หากดูจากผู้ป่วยทั้งหมด 1,245 ราย ก็มีอัตราเสียชีวิตประมาณ 0.5% ถือว่าเป็นตัวเลขในระดับที่ต่ำเมื่อเทียบกับหลายประเทศที่อัตราป่วยตายสูงกว่านี้

www.worldometers.info/coronavirus รายงานตัวเลขผู้ติดเชื้อ ไวรัส โควิด-19 ล่าสุดมีมากถึง 601,520 ราย เพิ่มขึ้น 5,208 ราย เสียชีวิต 27,441 ราย เพิ่มขึ้น 100 ราย มาดู 5 อันประเทศที่มีผู้ติดเชื้อมากที่สุด อันดับ 1 คือสหรัฐอเมริกา มีผู้ติดเชื้อสูงถึง 104,256 ราย เพิ่มขึ้น 130 ราย เสียชีวิต 1,704 ราย เพิ่มขึ้น 8 ราย ตามมาด้วยประเทศอิตาลี มีผู้ติดเชื้อ 86,498 ราย เสียชีวิต 9,134 ราย ขณะที่ประเทศจีน อยู่อันดับ 3 มีผู้ติดเชื้อ 81,394 ราย เพิ่มขึ้น 54 ราย เสียชีวิต 3,295 ราย เพิ่มขึ้น 3 ราย อันดับ 4 คือประเทศสเปน มีผู้ติดเชื้อ 65,719 ราย เสียชีวิต 5,138 ราย และอันดับ 5 คือเยอรมัน มีผู้ติดเชื้อ 53,340 ราย เพิ่มขึ้น 2,469 ราย เสียชีวิต 385 ราย เพิ่มขึ้น 44 ราย