photo by Angela Roma | pexels.com

หลากหายเหตุผลที่จะดันทองคำให้ทะลุ $2,000 ดอลลาร์ ในปีนี้

ผ่านพ้นช่วงกลางเดือน ม.ค. 2565 ไปอย่างรวดเร็ว ภาพรวมตลาดทองคำ ถือว่าทำได้ดี ราคาสามารถขึ้นมายืนเหนือ 1,820 ดอลลาร์ได้

David Erfle

ผ่านพ้นช่วงกลางเดือน ม.ค. 2565 ไปอย่างรวดเร็ว ภาพรวมตลาดทองคำ ถือว่าทำได้ดี ราคาสามารถขึ้นมายืนเหนือ 1,820 ดอลลาร์ได้

มาดูมุมมองของ David Erfle นักวิเคราะห์จาก kitco.com ถึงตลาดทองคำในปีนี้ โดยเจ้าตัวได้ให้หลายเหตุผล ที่จะทำให้ราคาทองคำทะยานเหนือ 2,000 ดอลลาร์ ในปีนี้

เริ่มจากอัตราเงินเฟ้อ

ที่เป็นปัญหามากขึ้น และต่อเนื่องมากกว่าที่ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ นายเจอโรม พาวเวลล์ และเจ้าหน้าที่เฟดคนอื่น ๆ ประเมินไว้ก่อนหน้านี้

ตามมาด้วยอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริง

ที่คาดว่าจะติดลบอย่างมาก เพราะอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้น บวกกับอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำอย่างต่อเนื่อง จะช่วยให้อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงติดลบ ซึ่งเป็นสัญญาณการซื้อที่แข็งแกร่งสำหรับนักลงทุนทองคำ

ขณะที่การคาดการณ์การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสามครั้ง ของธนาคารกลางสหรัฐฯ ในปี 2565 ได้ถูกตลาดรับข่าวไปหมดแล้ว

ขณะที่ เฟด ฟิวเจอร์ส ได้ส่งสัญญาณว่ามีโอกาสสูงถึง 81% ที่จะเริ่มขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือน มีนาคม ข่าวเหล่านี้จะไม่ส่งผลกระทบต่อราคาทองคำมากนัก ที่สำคัญเฟดมีข้อจำกัดอย่างมากในการขึ้นอัตราดอกเบี้ย เนื่องจากมียอดหนี้สาธารณะสูงมาก การขึ้นดอกเบี้ยจะส่งผลกระทบโดยตรง

ประเด็นต่อมาคือ ความกลัวในปัญหาทางภูมิรัฐศาสตร์ที่จะโยงมาถึงสหรัฐฯ

ไม่วาจะเป็นสงครามระหว่างเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ จีน และไต้หวัน ความตึงเครียดระหว่างนาโต้ สหภาพยุโรปและสหรัฐอเมริกากับรัสเซียเกี่ยวกับยูเครน ปัญหาบริเวณชายแดนจีน-อินเดีย ซึ่งอินเดียกำลังเร่งก่อสร้างอุโมงค์และถนนสายใหม่หลายชุด และล่าสุด ความวุ่นวายในคาซัคสถาน เศรษฐกิจโลกเริ่มกระเตื้องขึ้น

David Erfle ให้ข้อมูลเพิ่มว่า ในช่วงที่เศรษฐกิจตึงตัวครั้งสุดท้ายระหว่างปลายปี 2558 ถึง 2562 เฟดได้ขึ้นอัตราดอกเบี้ย 9 ครั้ง และราคาทองคำพุ่งขึ้นเกือบ 35% และระหว่างปี 2547 ถึง 2548 ธนาคารกลางสหรัฐขึ้นอัตราดอกเบี้ย 17 เท่า และราคาทองคำพุ่งขึ้น 70%

นอกจากนี้ ในปี 1970 อัตราเปลี่ยนจาก 4.75% ในปี 1976 เป็นสูงสุดที่ 20% ในปี 1980 ในช่วงเวลาเดียวกันนั้น ทองคำปรับตัวขึ้นจาก 185 ดอลลาร์ เป็น 850 ดอลลาร์ ต่อออนซ์

ขณะที่ ความต้องการทองคำด้านกายภาพที่อินเดียและจีน

ซึ่งเป็น 2 ประเทศที่มีการบริโภคทองคำมากที่สุด ก็ได้ขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยความต้องการของอินเดียเพียงอย่างเดียวในปี 2564 มากกว่า 500 ตัน มากกว่าในปี 2563 ซึ่งมากเกินพอที่จะรองรับอุปทานของเหมืองในปัจจุบัน

ส่วนการซื้อสุทธิของทองคำแท่งโดยธนาคารกลางมีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้น

เมื่อเร็ว ๆ นี้ ทั้งธนาคารกลางของสิงคโปร์ และของไอร์แลนด์ ซื้อทองคำเป็นครั้งแรกในรอบกว่าทศวรรษ เนื่องจากความกังวลเรื่องเงินเฟ้อ

นี่เป็นเพียงเหตุผลบางส่วนที่ David Erfle ได้นำเสนอ แต่ก็พอจะทำให้ได้เห็นถึงปัจจัยหนุนของราคาทองคำ

อย่างไรก็ดี ยังมีปัจจัยอื่น ๆ ที่อาจเข้ามาเกี่ยวข้องและจะทำให้สถานการณ์เปลี่ยนไป โดยเฉพาะการแพร่ระบาดของ ไวรัส โควิด-19 และยังมีเรื่องการเมืองในประเทศใหญ่อย่างสหรัฐฯ และ จีน ที่จะมีการเลือกตั้งครั้งใหญ่ ซึ่งจะทำให้ผู้นำคนปัจจุบันจำเป็นที่จะต้องเร่งสร้างผลงาน ซึ่งอาจจะนำไปสู่การปรับเปลี่ยนนโยบายในด้านต่าง ๆ ให้มีความเข้มข้นมากยิ่งขึ้น