gold spot ปิดบวก 3 สัปดาห์ติด เป้าหมายต่อไป $1,880
ภาพรวมทองคำในสัปดาห์ที่ผ่านมายังคงร้อนแรง โดยได้ปรับตัวเพิ่มขึ้น 42 ดอลลาร์ และปรับตัวเพิ่มขึ้น 3 สัปดาห์ติดต่อกัน
โดยราคาได้ขึ้นไปแตะจุดสูงสุดที่ 1,869 ดอลลาร์ สูงสุดในรอบ 7 เดือน แม้ว่าในช่วงระหว่างสัปดาห์ ราคาจะพักตัวลงมาประมาณ 30 ดอลลาร์ ลงมาแตะจุดต่ำสุดแถว 1,823 ดอลลาร์
รับชมคลิปเสียง GoldAround Podcast
แต่เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ราคาได้ปรับตัวขึ้นแรงถึง 33 ดอลลาร์ ก่อนจะมาปิดสัปดาห์ที่ 1,866 ดอลลาร์
ทั้งนี้ ไฮไลท์สัปดาห์ที่ผ่านมา ก็คงหนีไม่พ้นการประกาศตัวเลขการจ้างงาน โดยเฉพาะเมื่อวันศุกร์ ได้มีการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือน ธ.ค. ปรากฎว่าเพิ่มขึ้น 223,000 ตำแหน่ง สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 200,000 ตำแหน่ง
ขณะที่ อัตราการว่างงานลดลงสู่ระดับ 3.5% ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 3.7%
แต่ตัวเลขค่าจ้างรายชั่วโมง โดยเฉลี่ยของแรงงาน ซึ่งเป็นข้อมูลที่เฟดให้ความสำคัญเพื่อหาสัญญาณเกี่ยวกับเงินเฟ้อ เพิ่มขึ้น 0.3% เมื่อเทียบรายเดือน ชะลอตัวจากระดับ 0.6% ในเดือน พ.ย. และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 0.4% ซึ่งบ่งชี้ว่า เงินเฟ้อได้ผ่านจุดสูงสุดแล้ว
ทำให้ FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 70.2% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 4.50-4.75% ในการประชุมวันที่ 31 ม.ค.- 1 ก.พ. และให้น้ำหนักเพียง 29.8% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50%
ด้าน นาย ราฟาเอล บอสติก ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) สาขาแอตแลนตา ระบุว่า
ตัวเลขการจ้างงานที่ออกมาเป็นอีกสัญญาณหนึ่งที่บ่งชี้ว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ ได้ชะลอตัวลงอย่างค่อยเป็นค่อยไป และหากข้อมูลยังคงบ่งชี้ทิศทางดังกล่าว เฟดก็จะสามารถปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพียง 0.25% ในการประชุมเดือน ก.พ.
อย่างไรก็ดี ข้อมูลการจ้างงานที่ออกมาไม่ได้เปลี่ยนแปลงมุมมองส่วนตัวที่ว่า เฟดควรเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงสุดระยะหนึ่ง จนกว่าจะถึงปี 2567 เพื่อให้เงินเฟ้อชะลอตัว
พร้อมกันนั้น นาย บอสติกฯ ยังมองว่าสหรัฐฯ จะไม่เผชิญภาวะเศรษฐกิจถดถอยในปีนี้ และคาดว่าอัตราว่างงานจะแตะระดับ 4% ในช่วงปลายปี ซึ่งต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของเจ้าหน้าที่เฟดหลายราย
ส่วนประเด็นที่ต้องจับตาในสัปดาห์นี้
ในคืนวันพฤหัส จะมีการเปิดเผยดัชนีเงินเฟ้อผู้บริโภค (CPI) เดือน ธ.ค. ซึ่งทาง Bloomberg คาดการณ์ว่า จะร่วงแตะระดับ 6.6% หลังจากเดือน พ.ย. อยู่ที่ระดับ 7.1% และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์
ไปดูการคาดการณ์การเคลื่อนไหวของราคาทองคำในสัปดาห์นี้
ทาง บจ.เล่งหงษ์ คอมโมดิตีส์ มองว่า ทิศทางราคา Gold Spot สัปดาห์ที่ผ่านมา ราคาปรับตัวเพิ่มขึ้นในกรอบ Channel Sideway up โดยทำจุดสูงสุดใหม่ที่1,869 ดอลลาร์ และดูเหมือนยังพร้อมจะไปต่อได้อีกในสัปดาห์นี้
โดยโซนแนวต้านสำคัญอยู่ที่ 1,880-1,895 ดอลลาร์ และ 1,910-1,920 ดอลลาร์ ตามลำดับ แต่ให้ระวังที่โซน 1,880 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นจุดสูงสุดเก่าเมื่อกลางปี 2022 และ โซนราคาใกล้ ๆ $1,900 ซึ่งอาจจะมีแรงขายทำกำไร ทำให้เกิดความผันผวนสูง
โซนแนวรับสำคัญอยู่ที่ 1,825-1,835 ดอลลาร์ ตามแนว Channel Trendline ซึ่งอาจจะมีการขยับแนวรับขึ้นมาได้อีกเล็กน้อยภายในสัปดาห์
โดยภาพรวมโมเมนตั้มของทองคำยังค่อนข้างเป็นบวก จึงน่าจะยังไม่หลุดต่ำกว่านี้ภายในสัปดาห์ แต่หากราคาลง ให้ไปรอดูที่ 1,800-1,785 ดอลลาร์
ส่วนภาพรวมการเคลื่อนไหวราคาทองคำในประเทศไทย ในสัปดาห์ที่ผ่านมา
ภาพรวมลดลงไป 100 บาท โดยราคาเปิดตลาดเมื่อวันที่ 2 ม.ค. ราคาขายออกทองคำแท่ง 96.5 อยู่ที่ 29,850 บาท
ขณะที่ ราคารับซื้ออยู่ที่ 29,750 บาท และมาปิดตลาด เมื่อวันเสาร์ที่ 7 ม.ค. ราคาขายออกทองคำแท่ง 96.5 อยู่ที่ 29,750 บาท ขณะที่ ราคารับซื้ออยู่ที่ 29,650 บาท
วันนี้ (9 ม.ค.) จับตาการเปิดประเทศของจีนอีกครั้งหลังจากปิดไป 3 ปี เนื่องจาก การแพร่ระบาดของ โควิด-19
โดยขณะนี้ นักท่องเที่ยวสามารถเดินไปมาโดยไม่ต้องกักตัว ในส่วนของไทย ในช่วงเที่ยง ๆ ทาง รมว.สาธารณสุข รมว.คมนาคม และ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา และ ผู้บริหารจากทั้ง 3 กระทรวง จะเข้าร่วมในการต้อนรับนักท่องเที่ยวจากสาธารณประชาชนจีนที่เดินทางมาประเทศไทย ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
และมีการคาดกันว่า หลังอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยฟื้นตัว ก็อาจจะทำให้เงินบาทแข็งค่าขึ้นได้ โดยอาจจะไปแตะระดับ 32 บาทกว่า ๆ ก็ต้องติดตามกันอย่างใกล้ชิด