Gold Bullion
Gold Bullion

การเคลื่อนไหวของ ราคาทองคำ ในช่วงเช้าที่ผ่านมา (28 ต.ค.) ยังคง sideway ในกรอบ 1,659-1,669 ดอลลาร์

หลังเงินดอลลาร์ ยังแข็งค่าขึ้น จากการอ่อนค่าของสกุลเงินเยน เมื่อผลการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) มีมติคงนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายเป็นพิเศษ สวนทางกับธนาคารกลางทั่วโลกที่ใช้นโยบายคุมเข้มเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ

ซึ่งเมื่อวานนี้ที่ประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) ได้มีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ตามคาด แต่ ECB ได้ตัดคำอ้างอิงถึงการขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งถัดไปออก ทำให้นักวิเคราะห์มองว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งใหญ่ใกล้จะสิ้นสุดแล้วทำให้ค่าเงินยูโรร่วงลงมากกว่า 1%

นอกจากนั้นเงินดอลลาร์ ยังแข็งค่าจากตัวเลข GDP ประจำไตรมาส 3 ของสหรัฐ ที่เปิดเผยเมื่อคืนนี้ได้ขยายตัว 2.6% สูงกว่าตลาดคาดไว้ที่ระดับ 2.3% ส่งผลให้นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐ และสามารถรับมือกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดได้

ทั้งนี้ InterGold มองว่า

ราคาทองคำพยายามเกาะตัวอยู่บริเวณ เหนือ 1,650 ดอลลาร์ จากวันก่อน ๆ ที่เราเห็นการยืนเหนือ 1,640 ดอลลาร์ ทำให้เห็นว่าราคาทองคำนั้นมีการยกฐานขึ้นเรื่อย ๆ

ทางเทคนิคการเคลื่อนที่แบบนี้ ถือเป็นการสร้างแนวโน้มขาขึ้นระยะสั้น โดยหากราคาไม่ปรับตัวล่วงหลุดโซน 1,655 ดอลลาร์ อาจได้เห็นราคาปรับตัวดีดทะลุ แนวต้าน 1,670 ดอลลาร์ได้ ซึ่งหากราคาปรับตัวทะลุ 1,670 ดอลลาร์ แนวต้านถัดไปคือ 1,685 ดอลลาร์

ทำให้ภาพรวมทองคำในเดือนนี้น่าสนใจ เพราะหากราคาสามารถปิดเหนือ 1,660 ดอลลาร์ได้ จะถือเป็นเดือนแรกในรอบ 7 เดือนที่ปิดบวก และอาจทำให้เราได้เห็นการกลับตัวเป็นขาขึ้นได้ตั้งแต่เดือน พฤศจิกายน เป็นต้นไป

กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ แนะนำ เข้าซื้อระยะสั้นได้บริเวณเหนือ 1,655 ดอลลาร์ และคัทลอสหากราคาหลุด 1,650 ดอลลาร์ เป้าทำกำไร 1,670 หรือ 1,685 ดอลลาร์ในระยะสั้น

ส่วนหากใครอยากชัวร์รอปิดเดือนวันที่ 31 ตุลาคม เพื่อรอดูว่าเดือนนี้สามารถปิดบวกได้หรือไม่ หากปิดบวกค่อยเข้าซื้อก็ได้เช่นกัน

ส่วนราคาทองคำในประเทศไทยที่ประกาศโดย สมาคมค้าทองคำ

ในช่วงเช้าที่ผ่านมา (27 ต.ค.) ลดลง 50 บาท ทำให้ล่าสุด (13.15น.) อยู่ที่ 29,700 บาท ส่วนราคารับซื้ออยู่ที่ 29,600 บาท

ประเด็นที่ต้องติดตามคืนนี้

สหรัฐฯ ประกาศตัวเลขเศรษฐกิจหลายรายการ ทั้งดัชนีการใช้จ่ายส่วนบุคคลพื้นฐาน (Core PCE), การใช้จ่ายและรายได้ส่วนบุคคล เดือนก.ย. ตลาดคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.5% จากที่เพิ่มขึ้น 0.6% เมื่อเทียบรายเดือน หรือเพิ่มขึ้น 5.2% จากที่เพิ่มขึ้น 4.9% เมื่อเทียบรายปี

นอกจากนั้น ยังมีตัวเลขยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย เดือน ก.ย. ตลาดคาดว่าจะลดลง 4.4% จากที่ลดลง 2.0% และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนต.ค.ของม.มิชิแกน ตลาดคาดว่าจะทรงตัวที่ระดับ 59.7

หมายเหตุ : เนื้อหาข้างต้นมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ข้อมูลเท่านั้น ไม่ใช่การชักชวนให้ ซื้อ-ขาย หรือ ลงทุน หรือ เป็นเครื่องมือทางการเงินอื่น ๆ และอาจจะไม่สะท้อนถึงความเห็นของ GoldAround.com ทั้งนี้ ทีมงานไม่ยอมรับความผิดในความสูญเสีย และ หรือ ความเสียหาย ที่เกิดจากการใช้ข้อมูลข้างต้น