05-06-20
หลังจากที่ราคาทองคำได้ถูกนักลงทุนเทขาย จนราคาร่วงไปแตะที่ระดับราคาเกือบ 1,690 ดอลลาร์ ก่อนที่ราคาจะดีดกลับมายืนเหนือระดับ 1,700 ดอลลาร์ และระหว่างวันเคลื่อนไหวในกรอบแคบ ๆ 1,700-1,714 ดอลลาร์
นายพีรพันธ์ วชิรคพรรณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เล่งหงษ์ คอมโมดิตีส์ จำกัด กล่าวกับ GoldAround.com โดยคาดว่าราคาทองคำจะเคลื่อนไหวในช่วงราคานี้อย่างน้อยถึงช่วงกลางสัปดาห์หน้า เพราะจะมีการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ เฟด ทั้งนี้ได้มีกระแสข่าวออกมาว่า เฟดอาจจะปรับขึ้นดอกเบี้ยเป็น 0.5 เปอร์เซ็นต์ เพื่อส่งสัญญาณว่าปัญหาเรื่องวิกฤตการแพร่ระบาดของไวรัส โควิด-19 ได้ผ่านพ้นไปแล้ว แต่ความเห็นส่วนตัวเชื่อว่าน่าจะใช้อัตราเดิม เพราะหากเฟดปรับดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นอาจจะทำให้เม็ดเงินไหลกลับเข้าระบบ ซึ่งไม่เอื้อต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ ขณะที่ทางประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ก็อยากจะให้ใช้นโยบายดอกเบี้ยติดลบด้วยซ้ำ แต่ทางประธานเฟดได้ออกมายืนยันก่อหน้านี้แล้วว่า จะขอเลือกนโยบายนี้เป็นทางเลือกสุดท้าย
หากเฟดยังใช้ดอกเบี้ยคงเดิมหรือลดลง จะส่งผลบวกต่อราคาทองคำแน่นอน เพราะเทรนด์ใหญ่เป็นช่วงขาขึ้นอยู่แล้ว โดยอาจจะเห็นราคาขึ้นไปทดสอบจุดสูงสุดรอบที่ผ่านมาบริเวณ 1,744 ดอลลาร์ จากนั้นจึงจะมาดูแนวโน้มและกรอบราคาอีกครั้งว่าจะเป็นอย่างไร
นายพีรพันธ์ วชิรคพรรณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เล่งหงษ์ คอมโมดิตีส์ จำกัด กล่าวกับ GoldAround.com
ส่วนเรื่องของการประกาศตัวเลข การจ้างงานนอกภาคเกษตร หรือ NonFarms เดือน พ.ค.ในคืนนี้นั้น (5 มิ.ย.) มองว่า หากตัวเลขที่ออกมาเป็นไปตามที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ ก็จะทำให้ราคาทองคำไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก แต่หากกลับกัน ถ้าตัวเลขออกมาดีเกินคาด (ซึ่งมีความเป็นไปได้เนื่องจาก อเมริกากลับมาทำงานกันปกติ หลังจากเรื่องโควิด19) ก็อาจทำให้ราคาทองคำหลุดแนวรับได้เช่นกัน เช่นเดียวกันกับตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชนเมื่อวันพุธที่ผ่านมา ที่ทำให้ราคาทองคำปรับตัวลดลงอย่างหนัก
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เล่งหงษ์ คอมโมดิตีส์ จำกัด กล่าวถึงกรอบการเคลื่อนไหวของราคาทองคำในช่วงนี้ว่า ที่ระดับ 1,700 ดอลลาร์ ถือเป็นแนวรับที่แข็งแกร่ง หากราคาจะหลุดไปบ้างก็เป็นแค่ช่วงสั้น ๆ ส่วนกรอบแนวต้าน หากทะลุระดับ 1,720 ดอลลาร์ ก็จะไปชนแนวต้านสำคัญที่ ระดับ 1,726 ดอลลาร์ แต่หากมีปัจจัยหนุนที่แรงพอ และสามารถฝ่าไปได้ ก็คงจะทดสอบที่แนว 1,740 ดอลลาร์
อย่างไรก็ดี ในภาพรวมแล้วยังถือว่าปัจจัยต่าง ๆ ยังดูดีต่อตลาดทองคำ โดยเฉพาะประเด็นสงครามการค้าระหว่าง สหรัฐ กับ จีน ซึ่งเชื่อว่า หลังจากนี้จะมีข่าวออกมาอย่างต่อเนื่อง เพราะในช่วงปลายปีจะมีการเลือกตั้งประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกา ซึ่งทางโดนัลด์ ทรัมป์ จะต้องพยายามสร้างข่าวเพื่อให้เป็นประโยชน์กับตัวเอง
ขณะที่ความคืบหน้าเรื่องของข่าวการแพร่ระบาดของไวรัส โควิด-19 ก็จะเริ่มลดลงไป และข่าวส่วนใหญ่จะส่งผลดีต่อตลาดหุ้น แต่ก็จะเป็นเพียงระยะสั้นเท่านั้น ส่วนประเด็นการขายทองของ SPDR ปริมาณกว่า 1 ตันนั้น มองว่าไม่ได้มีสัญญาณอะไรเป็นพิเศษ น่าจะเป็นการเทขายเพื่อทำกำไร เพราะที่ผ่านมา SPDR ได้ซื้อทองคำเข้าต่อเนื่อง และมีต้นทุนราคาค่อนข้างต่ำอยู่แล้ว
ขอขอบคุณ บริษัท เล่งหงษ์ คอมโมดิตีส์ จำกัด
