ในสัปดาห์นี้มีประเด็นสำคัญหลายเรื่องที่จะเกี่ยวเนื่องกับการเคลื่อนไหวของราคาทองคำ
ไม่ว่าจะเป็นการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ ในวันที่ 3-4 พ.ค. และ ในช่วงสัปดาห์แรกของแต่ละเดือน ก็จะเป็นช่วงการประกาศตัวเลขการจ้างงาน ทั้งภาคเอกชน รวมถึง การจ้างงานนอกภาคการเกษตร ขณะเดียวกัน ต้องจับตาการเคลื่อนไหวของธนาคารกลางอังกฤษจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งที่ 4 ติดต่อกันหรือไม่
มาดูรายละเอียดเรื่องแรก คือ การประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ
ในช่วงกลางสัปดาห์ ซึ่งก่อนหน้านี้ นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ได้ประกาศว่า เฟดจะใช้นโยบายอย่างเข้มข้นในการต่อสู้กับเงินเฟ้อ และ ส่งสัญญาณว่า มีโอกาสที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุม FOMC เดือน พ.ค. และ อาจจะเลยไปถึงเดือน มิ.ย. และ ก.ค. ขณะที่ Fed Fund Rate Futures ล่าสุด เกือบ 100% มองขึ้นดอกเบี้ยเดือน พ.ค. รวดเดียว 0.5%
อย่างไรก็ตาม ปธ.เฟด ยังระบุว่า ไม่ปิดกั้นโอกาสที่เฟดจะปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นไปถึง 0.75% หากตัวเลขเงินเฟ้อยังพุ่งสูง เพราะมองว่า การจ้างงานได้แข็งแกร่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ทว่าในช่วงปลายสัปดาห์ได้มีการประกาศตัวเลข GDP ไตรมาสแรกของสหรัฐฯ ปรากฏว่าลดลงถึง 1.4% ซึ่งอาจจะเป็นสัญญาณที่เฟดจะต้องกลับพิจารณาถึงแนวนโยบายการเงินอีกครั้ง รวมถึงต้องรอดูตัวเลขการจ้างงานที่จะประกาศในวันศุกร์ด้วย ว่าจะยังคงแข็งแกร่งต่อเนื่องหรือไม่
นอกจากนั้น นักลงทุนยังเฝ้าติดตามรายละเอียดของแผนปรับลดขนาดงบดุล
ว่าจะเป็นไปตามที่เฟดเคยส่งสัญญาณว่าจะลดลงเดือนละ 9.5 หมื่นล้านดอลลาร์ ( พันธบัตรเดือนละ 6 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อเดือน และหลักทรัพย์ MBS 3.5 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อเดือน ) ในการประชุมรอบนี้หรือไม่
Michael Arone หัวหน้านักยุทธศาสตร์การลงทุนของ State Street Global Advisors กล่าวกับ รอยเตอร์ ว่า หากเฟดยังมองว่าอัตราเงินเฟ้อในระดับสูงต่อไป ก็อาจจะใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ นั่นจะเป็นความกังวลสำหรับนักลงทุน
ส่วนการประกาศตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตร หรือ NFP เดือน เม.ย. ที่จะประกาศในวันศุกร์นี้
นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่า จะเพิ่มขึ้น 380,000 ตำแหน่ง ขณะที่ อัตราการว่างงานคาดว่าจะลดลงเหลือ 3.5% และ รายได้เฉลี่ยต่อชั่วโมง คาดว่าจะเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่ง อีกครั้ง
นอกเหนือจากการประชุมเฟด และ รายงานการจ้างงานในเดือนเมษายนแล้ว ในปฏิทินเศรษฐกิจยังมีรายงานตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญหลายรายการ
โดยในวันจันทร์ จะมีตัวเลข PMI ด้านการผลิต ขณะที่วันพุธมีตัวเลขบริการของ ISM ซึ่งตัวเลขดังกล่าวอาจจะสะท้อนถึงมุมมองเศรษฐกิจในไตรมาส 2 ซึ่งจะส่งผลต่อนโยบายการเงินของ Fed ในระยะถัดไป
ส่วนประเด็นอื่น ๆ ที่น่าสนใจ คือ
การประชุมธนาคารแห่งประเทศอังกฤษ (BoE) ในวันพฤหัส ซึ่งมีการคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางอังกฤษอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยติดต่อกันเป็นครั้งที่สี่ และจะเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1997 โดย ผู้ว่าการ BoE กล่าวว่า ธนาคารกำลังดำเนินแก้ปัญหาเรื่องของเงินเฟ้อที่พุ่งแตะระดับ 7% มากกว่าเป้าหมาย 3 เท่า โดยต้องคำนึงเรื่องของสภาวะเศรษฐกิจถดถอยด้วย
