นิตยสาร NewsWeek เปิดเผยผลการสำรวจนักเศรษฐศาสตร์ ซึ่งจัดทำร่วมกันระหว่าง หนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียลไทม์ และ มหาวิทยาลัยชิคาโก พบว่า
นักเศรษฐศาสตร์ 7 ใน 10 คน เชื่อว่าสหรัฐฯ จะเผชิญภาวะเศรษฐกิจถดถอยในปีหน้า ท่ามกลางความตึงเครียดด้านภูมิรัฐศาสตร์ และ เงินเฟ้อที่พุ่งขึ้น
ทั้งนี้ หากประเทศใดประสบภาวะเศรษฐกิจหดตัว 2 ไตรมาสติดต่อกัน ก็จะเข้าเกณฑ์การเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย
อย่างไรก็ดี มีนักเศรษฐศาสตร์ส่วนหนึ่ง เชื่อว่าสหรัฐฯ จะเผชิญภาวะเศรษฐกิจถดถอยในไตรมาส 4/65 หรือ ก่อนหน้านั้น
ขณะที่ Conference Board บริษัทวิจัยธุรกิจ เปิดเผยผลสำรวจครั้งใหม่บ่งชี้ว่า ซีอีโอส่วนใหญ่ทั่วโลก คาดว่าเศรษฐกิจจะเข้าสู่ภาวะถดถอย หรือถดถอยแล้ว หลังพบว่า แนวโน้มเศรษฐกิจจะซบเซามากขึ้น ขณะที่เงินเฟ้อยังคงพุ่งขึ้น
ผลสำรวจบ่งชี้ว่า ซีอีโอ มากกว่า 60% คาดว่า เศรษฐกิจจะถดถอยในช่วง 12-18 เดือนข้างหน้า ซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างมากจากสิ้นปี 2564 ที่มีซีอีโอเพียง 22% ที่คาดว่า เศรษฐกิจจะถดถอย ทั้งนี้ มีซีอีโอราว 15% ที่เชื่อว่าเศรษฐกิจในภูมิภาคได้เข้าสู่ภาวะถดถอยแล้ว
ด้านนักเศรษฐศาสตร์ของ แบงก์ออฟอเมริกา ซีเคียวริตีส์ (BofAS) ได้เผยรายงานวิจัยล่าสุด โดยคาดว่า การขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของสหรัฐฯ จะชะลอลงสู่ระดับเกือบ 0% ภายในช่วงครึ่งหลังของปีหน้า เนื่องจากผลกระทบของภาวะการเงินที่ตึงตัว จะทำให้เศรษฐกิจชะลอตัวลง และคาดว่า การขยายตัวของเศรษฐกิจจะดีดตัวขึ้นเพียงเล็กน้อยในปี 2567
ขณะที่ ปีนี้คาดว่ามีความเสี่ยงต่ำที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ จะเกิดภาวะถดถอยในปีนี้ แม้เฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยขึ้นเหนือระดับ 4% เพื่อสกัดเงินเฟ้อ
นอกจากนี้ นักเศรษฐศาสตร์ของ BofA Global ยังได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปีนี้ลง เหลือ 3.2% จาก 4.3% ก่อนหน้านี้ ซึ่งเป็นผลกระทบจากเงินเฟ้อ, สงครามในยูเครน และ การล็อกดาวน์ เพื่อควบคุมโรคโควิด-19 ในจีน