- Advertisement -

ตลาดทองคำมีผลประกอบการรายสัปดาห์ที่แย่ที่สุดในรอบ 2 เดือน โดยได้ปรับตัวลดลง 4% ซึ่งเป็นการลดลงต่อเนื่องจากเดือน พ.ค.

ทั้งนี้ ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ทองคำถูกแรงกดดันอย่างหนัก จากการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างจริงจัง เพื่อลดแรงกดดันด้านเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้น

จากข้อมูลของ CME Fed Watch Tool มองว่า FED จะขึ้นดอกเบี้ยอย่างน้อย 0.75% ในการประชุมปลายเดือนนี้ ทำให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ทำระดับสูงสุดในรอบ 20 ปี และฉุดให้ราคาทองคำร่วงทดสอบแนวรับระยะยาวที่ 1,730 ดอลลาร์ต่อออนซ์

อย่างไรก็ดี แม้ว่าทิศทางขาลงยังคงแข็งแรง แต่นักวิเคราะห์บางคนกำลังมองหาการตีกลับในระยะสั้น โดยมองว่าการเคลื่อนไหวของราคา มีการขายมากเกินไปอย่างมีนัยสำคัญ

มาดูผลการสำรวจล่าสุดของ Kitco News Weekly Gold Survey ซึ่งสัปดาห์นี้

- Advertisement -

มีนักวิเคราะห์ 15 คนจาก Wall Street เข้าร่วมให้ความเห็น

โดย 6 คน หรือ 40% มองว่าราคารทองคำในระยะสั้นมีโอกาสจะกลับมา แต่นักวิเคราะห์ 5 คน หรือ 33% ยังมองว่าเป็นขาลงของทองคำ ที่เหลือ 4 คน หรือ 27% มองเป็นกลางต่อราคาทองคำ

ส่วนนักลงทุนทั่วไป 484 คน ที่ตอบแบบสอบถามทางออนไลน์

204 คน หรือ 42% มองว่าราคาทองคำจะพุ่งขึ้นในสัปดาห์นี้ อีก 183 คน หรือ 38% ระบุว่าราคาจะลดลงอีก ในขณะที่ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 97 คน หรือ 20% มองเป็นกลางในระยะสั้น

- Advertisement -

Colin Cieszynski, chief market strategist at SIA Wealth Management กล่าวว่า

ยังเห็นศักยภาพในการเด้งกลับของทองคำในระยะสั้น เนื่องจากราคาทองคำที่ร่วงลงเมื่อเร็ว ๆ นี้ส่วนใหญ่ ได้รับแรงหนุนจากการปรับขึ้นของเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งใกล้จะแตะแนวต้านทางเทคนิค

ขณะที่ RSI สำหรับทองคำอยู่ในสภาวะขายมากเกินไป ทำให้ทองคำอาจเกิดจากการตีกลับ ของการซื้อขายระยะสั้น

นอกจากนั้น ทองคำยังได้แรงหนุนจากเม็ดเงินปริมาณมหาศาล ที่ไหลกลับสหรัฐฯ เพื่อหาที่หลบภัย ทำให้ทองคำสามารถต่อสู้กับดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อไปได้ แต่ต้องยอมรับว่า ดอลลาร์สหรัฐฯ ยังคงแข็งแกร่งว่าเงินสกุลหลักทั่วโลก

อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์คนอื่น ๆ ยังคงมีแนวโน้มขาลงอย่างมาก แม้ว่าจะมีแรงขายทะลุทะลวงก็ตาม

โดยนักวิเคราะห์ และนักเศรษฐศาสตร์บางคน ตั้งข้อสังเกตว่า รายงานการจ้างงานล่าสุดซึ่งดีเกินคาด ทำให้ตลาดกำลังเห็นความหวังบางอย่างที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ สามารถออกแบบการทำให้อัตราเงินเฟ้อลดลงโดยไม่กระทบต่อเศรษฐกิจมากนัก

ที่มา : Kitco.com

- Advertisement -