Putin | Alexey Nicolsky/AFP/Getty

ทองคำจะ พุ่ง หรือ ร่วง !? หลังนานาชาติแบนธนาคารรัสเซียออกจากระบบ SWIFT

มาดูภาพรวมการเคลื่อนไหวของราคาทองคำเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ราคาทองคำได้แกว่งตัวแรงร่วม 100 ดอลลาร์ โดยขึ้นไปทำจุดสูงสุดที่ 1,974 ดอลลาร์ ก่อนจะร่วงลงแรงมาแตะ 1,878ดอลลาร์ และมาปิดสัปดาห์ที่ 1,889 ดอลลาร์

มาดูภาพรวมการเคลื่อนไหวของ “ราคาทองคำ” เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา

ราคาทองคำได้แกว่งตัวแรงร่วม 100 ดอลลาร์ โดยขึ้นไปทำจุดสูงสุดที่ 1,974 ดอลลาร์ ก่อนจะร่วงลงแรงมาแตะ 1,878ดอลลาร์ และมาปิดสัปดาห์ที่ 1,889 ดอลลาร์

โดยภาพรวมแล้ว ลดลงไปประมาณ 10 ดอลลาร์ แต่ราคายังทำจุดต่ำสุดและสูงสุดสูงกว่าสัปดาห์ที่ผ่านมา

ขณะที่ ราคาทองคำเฉพาะวันศุกร์ที่ผ่านมา (25 ก.พ.)

แกว่งตัวในกรอบที่แคบลง เหลือประมาณ 30 ดอลลาร์ หลังจากที่แกว่งตัวแรงในวันพฤหัส โดยขึ้นไปทำจุดสูงสุดที่ 1,921 ดอลลาร์ ก่อนจะลงมาแตะ 1,882 ดอลลาร์ และกลับไปปิดตลาดที่ 1,889 ดอลลาร์ ลดลงเกือบ 15 ดอลลาร์

โดยปัจจัยหลักที่ทำให้ราคาทองคำเคลื่อนไหวแรง ยังมาจากสถานการณ์ความขัดแย้งระว่างรัสเซีย และ ยูเครน แม้ว่าในช่วงปลายสัปดาห์ ดูเหมือนสถานการณ์การสู้รบจะคลี่คลายไปในทางที่ดี

แต่ล่าสุด ทางกลุ่มประเทศที่สนับสนุนประเทศยูเครนได้ออกมาตอบโต้

โดยมีรายงานว่า ชาติพันธมิตรตะวันตก ได้แก่ คณะกรรมาธิการยุโรป ฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี สหราชอาณาจักร แคนาดา และสหรัฐฯ ร่วมกันออกแถลงการณ์ ว่าจะตัดธนาคารรัสเซียออกจากระบบ SWIFT หรือ สมาคมโทรคมนาคมทางการเงินโลก ส่งผลให้ไม่สามารถทำธุรกรรมทางการเงินกับธนาคารของประเทศอื่น ๆ ได้

นอกจากนี้ จะกำหนดมาตรการที่เข้มงวดเพื่อป้องกันไม่ให้ธนาคารกลางรัสเซียนำเงินสำรองระหว่างประเทศไปใช้ในลักษณะที่อาจบ่อนทำลายการคว่ำบาตร

ก่อนหน้านี้ คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) ได้มีมติเรียกร้องให้รัสเซียยุติการใช้กำลังกับยูเครน และถอนกำลังทหารทั้งหมดออกจากดินแดนยูเครนในทันทีโดยไม่มีเงื่อนไข พร้อมเรียกร้องให้รัสเซียยกเลิกการรับรอง 2 แคว้นในยูเครนตะวันออกให้เป็นเอกราชด้วย

แต่ทางรัสเซียซึ่งเป็น 1 ใน 5 ประเทศที่เป็นสมาชิกถาวรของ UNSC นอกเหนือจาก สหรัฐฯ สหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส และ จีน ใช้สิทธิยับยั้งหรือวีโต้ (Veto) ร่างมติดังกล่าว

ทั้งนี้ UNSC มีสมาชิก 15 ประเทศ เป็นสมาชิกถาวร 5 ประเทศ และสมาชิกไม่ถาวร 10 ประเทศ โดยมี 11 ประเทศลงมติสนับสนุนร่างมติดังกล่าว และมี 3 ประเทศที่งดออกเสียงคือ จีน ,สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) และอินเดีย

ด้าน นายมงคล นิมิตภาคย์ เทรดเดอร์ของ จีแคป โกลด์ กล่าวว่า

มงคล นิมิตภาคย์ Senior Trader GCAP
มงคล นิมิตภาคย์ Senior Trader GCAP

แม้ราคาทองคำเมื่อวันศุกร์จะปรับตัวลดลง แต่ยังต้องจับตาสถานการณ์ระหว่าง รัสเซีย และ ยูเครน อย่างใกล้ชิด เพราะถือเป็นปัจจัยหลักที่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหวของราคาทองคำในช่วงที่ผ่านมา และสถานการณ์ได้มีการปรับเปลี่ยนรายวันทำให้ราคาทองคำเคลื่อนไหวแรง (รับชมคลิปเสียงสัมภาษณ์)

ที่สำคัญ สถานการณ์ดังกล่าวยังส่งผลต่อตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญ ทั้ง ราคาน้ำมัน และเงินเฟ้อ

ซึ่งคาดว่า จะส่งผลต่อการตัดสินใจต่อการปรับเปลี่ยนนโนยบายทางการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ ในรอบการประชุม FOMC ในเดือน มีนาคม นี้ โดยเฉพาะเรื่องการปรับดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ เพราะหากว่าไม่สามารถปรับขึ้นได้ 0.5% ตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ อาจจะส่งผลดีต่อราคาทองคำได้

ทั้งนี้ ในมุมมองทางเทคนิค ในระยะกลาง และ ยาว ราคาทองคำยังมีโอกาสไปได้ต่อ เพราะยังมีปัจจัยเรื่องของเศรษฐกิจเข้ามาหนุน โดยราคามีโอกาสที่จะขึ้นไปทดสอบจุดสูงสุดได้ แต่จุดที่จะเข้าซื้อสะสม น่าจะรอให้ราคาทองคำย่อตัวลงไปแถว 1,850 ดอลลาร์ หรือ ต่ำกว่านั้น

ขณะที่ นักลงทุนระยะสั้น ในช่วงที่ราคาเคลื่อนไหวแรง ต้องเน้นวินัยในการลงทุน โดยต้องตั้งจุดตัดขาดทุนและจุดขายทำกำไรทุกครั้ง