Westpac ภาพโดย Scott Lewis (Flickr) ภายใต้สัญญาอนุญาต CC BY 2.0

ตัวเลข NPF ส.ค. อาจสะท้อนพิษสง “เดลต้า” และทำให้ FED ชะลอลด QE

Westpac ได้แสดงทรรศนะในสิ่งที่เกิดขึ้นว่า หากจะมองย้อนการกล่าวสุนทรพจน์ ของ ปธ.เฟด จากการประชุม Jackson Hole ซึ่งเจ้าตัวระบุว่าเห็นด้วยกับคณะกรรมการเฟดส่วนใหญ่ ในการประชุมในการประชุม FOMC เมื่อเดือน ก.ค. ที่ผ่านมาว่า หากเศรษฐกิจมีการพัฒนาที่คาดไว้ ก็อาจเป็นการเหมาะสมที่จะเริ่มลด QE ในปีนี้

มาดูควันหลง หลังการประกาศตัวเลข NPF (nonfarm payrolls) หรือ การจ้างานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ เดือน สิงหาคม ต่ำกว่าที่คาดการณ์มาก ( อ่านราย ละเอียดเพิ่มเติม ) ทำนักวิเคราะห์มีการคาดการณ์กันว่าเฟด จะยังไม่ประกาศลด QE ในการประชุมเดือนนี้

อย่างไรก็ดี Westpac ได้แสดงทรรศนะในสิ่งที่เกิดขึ้นว่า หากจะมองย้อนการกล่าวสุนทรพจน์ ของ ปธ.เฟด จากการประชุม Jackson Hole ซึ่งเจ้าตัวระบุว่าเห็นด้วยกับคณะกรรมการเฟดส่วนใหญ่ ในการประชุมในการประชุม FOMC เมื่อเดือน ก.ค. ที่ผ่านมาว่า หากเศรษฐกิจมีการพัฒนาที่คาดไว้ ก็อาจเป็นการเหมาะสมที่จะเริ่มลด QE ในปีนี้

แต่ ปธ.เฟด ยังเน้นถึงความจำเป็นในการตรวจสอบ ผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัส โควิด-19 “เดลต้า” ที่กำลังสร้างปัญหาระลอกใหม่ให้อเมริกา และเมื่อตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรในเดือน ส.ค. ออกมาน้อยกว่าหนึ่งในสามของเดือน ก.ค. ที่สูงกว่า 1 ล้านคน ยิ่งน่ากังวลใจ เพราะตัวเลขของเดือน ส.ค. ยังเป็นช่วงที่ “เดลต้า” เพิ่งเริ่มการแพร่กระจาย

อย่างไรก็ดี มีผลลัพธ์แปลก ๆ จากบางอุตสาหกรรม เช่น การพักผ่อนและการบริการ ที่ตัวเลขได้ชะงักงัน หลังจากเพิ่มขึ้น 350,000 ต่อเดือน ในช่วงหกปีที่ผ่านมา แต่ไม่มีเหตุผลที่ชัดเจนที่จะเชื่อว่ารายงานของเดือน ส.ค. ควรถูกยกเลิก เนื่องจากความคลาดเคลื่อนทางสถิติ

แม้ว่าที่ผ่านมา ตัวเลขการจ้างงานแรงงานขึ้นต่อเนื่อง แต่ NFP ในเดือน ส.ค. กลับสร้างความน่าประหลาดใจ ที่ดูเหมือนจะเกิดจากข้อจำกัดด้านอุปทานตลาดแรงงาน หากตัวเลขที่ออกมาสะท้อนความเป็นจริง คาดว่าการแพร่กระจายของ “เดลต้า” ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว อาจจะทำให้หลายพื้นที่ต้องกลับมาอยู่ภายใต้มาตรการควบคุมที่เข้มงวดในไม่ช้า และตัวเลขการจ้างงานก็น่าจะลดลงในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า

ทั้งนี้ มองว่าตัวเลข NFP เดือน ส.ค. ก็เพียงพอที่จะทำให้เฟดยังไม่ประกาศแผนการลด QE ในการประชุมเดือน ก.ย. เว้นแต่จะพิสูจน์ให้เห็นถึงสาเหตุของการลดลงของตัวเลขที่เกิดขึ้น และเฟดอาจจะตัดสินใจลด QE ในการประชุม ธ.ค. ที่จะมีขึ้น ซึ่งจะช่วยให้กระบวนการยังคงดำเนินไปตามกรอบเวลาที่ระบุไว้ คือเริ่มเดือน ม.ค. ถึง มิ.ย. 2022 และยังปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในเดือน ธ.ค. ปีเดียวกัน

ดังนั้น แผนงานทั้งหมดขึ้นอยู่กับว่า การแพร่ระบาดของ COVID-19 ระลอกในสหรัฐอเมริกา จะไม่เลวร้ายลงไปกว่าในปัจจุบันแล้ว ซึ่งอาจจะทำให้ เฟด ค่อยตัดสินใจอีกครั้ง ในการประชุม FOMC เดือน ธ.ค.

อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญ คือ ต้องเน้นว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในเดือน ส.ค. เกิดจากอุปทานมากกว่าอุปสงค์ เพราะหากการเติบโตของการจ้างงานเฉลี่ยต่อเดือนลดลงอย่างมีนัยสำคัญ โดยต่ำกว่า 450,000 ตำแหน่ง จนถึงช่วงปลายปี ก็จะทำให้ยากต่อการคาดการณ์การจ้างงานเต็มรูปแบบภายในสิ้นปี 2565 ก็อาจจะทำให้การตัดสินใจลด QE จะมีแนวโน้มที่จะล่าช้าออกไปอีก และจะทำให้การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย จะถูกผลักดันออกไปในปี 2566

ที่มา : westpac.com