“โกลด์แมน แซคส์” ได้ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจของสหรัฐฯ อีกครั้ง โดยระบุว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 2/2565 ของสหรัฐฯ จะขยายตัวเพียง 0.7% จากตัวเลขคาดการณ์เดิมที่ระดับ 1.9%
การปรับลดตัวเลข GDP ครั้งนี้ มีขึ้นหลังจากสหรัฐฯ เปิดเผยยอดขาดดุลการค้าเดือน พ.ค. ลดลง 1.3% สู่ระดับ 8.55 หมื่นล้านดอลลาร์ แต่ตัวเลขดังกล่าว ยังสูงกว่าที่นักวิเคราะห์ที่คาดการณ์ไว้ที่ 8.47 หมื่นล้านดอลลาร์
การขาดดุล ในเดือน พ.ค. เป็นผลมาจากการที่ สหรัฐฯ ขาดดุลการค้ากับจีนลดลง 2.8 พันล้านดอลลาร์ หลังจีนได้ประกาศล็อกดาวน์ เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
มีรายงานว่า การปรับลดตัวเลขคาดการณ์ GDP ในครั้งนี้ เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่แนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ ชะลอตัว และมีการคาดการณ์กันว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ อาจจะเข้าสู่ภาวะถดถอยแล้ว
นอกจากนั้น ในวันพฤหัสที่ผ่านมา ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) สาขาแอตแลนตา เปิดเผยแบบจำลอง GDPNow tracker ซึ่งบ่งชี้ว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ มีแนวโน้มหดตัว 1.9% ในไตรมาส 2 แต่ยังดีกว่าสัญญาณบ่งชี้ เมื่อวันที่ 1 ก.ค. ซึ่งระบุว่าเศรษฐกิจมีแนวโน้มหดตัว 2.1%
ทั้งนี้ ตัวเลขคาดการณ์ GDPNow บ่งชี้ว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ หดตัวในไตรมาส 2 รุนแรงกว่าไตรมาส 1 ซึ่งหดตัว 1.6% และแสดงว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ ได้เข้าสู่ภาวะถดถอยแล้ว เนื่องจากเศรษฐกิจหดตัว 2 ไตรมาสติดต่อกัน
อย่างไรก็ดี นายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) สาขาเซนต์หลุยส์ มองว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ จะยังคงมีการขยายตัวในปีนี้ แม้ว่าเฟดเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ
อย่างไรก็ดี นาย บูลลาร์ดฯ กล่าวว่า หากพิจารณาตัวเลขรายได้มวลรวมภายในประเทศ พบว่า มีความสอดคล้องกับตลาดแรงงานมากกว่า และบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจมีการขยายตัว ขณะที่ตลาดแรงงานมีความแข็งแกร่ง
ทั้งนี้ เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ ได้เปิดเผย ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร เดือน มิ.ย. พบว่าพุ่งขึ้น 372,000 ตำแหน่ง สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 250,000 ตำแหน่ง ขณะที่ อัตราการว่างงานทรงตัวที่ระดับ 3.6% และ รายได้เฉลี่ยต่อชั่วโมงแรงงานเพิ่มขึ้น 0.3%
