Gold Around
ราคาทองคำ ข่าวสารและแนวโน้มราคาทองคำวันนี้

สรุปเช้าข่าวทองคำ วันที่ 3 ม.ค.66 | GoldAround Podcast

- Advertisement -

696

- Advertisement -

มาดูภาพรวมราคา gold spot ในที่ 2022 โดยทองคำเปิดตลาดที่ 1,828 ดอลลาร์ และมาปิดตลาดที่ 1,823 ดอลลาร์ ราคาได้ทำจุดสูงสุด ได้แรงฮึดในช่วงท้ายของปีทำให้ปิดตลาดลดลงไปประมาณ 5 ดอลลาร์

ทั้งนี้ ราคาทองคำได้จุด สูงสุด-ต่ำสุด ห่างกัน 350 ดอลลาร์ โดยราคาทองคำขึ้นไปแตะจุดสูงสุดที่ระดับ 2,070 ดอลลาร์ เมื่อวันที่ 9 มี.ค. และทำจุดต่ำสุด 1,617 ดอลลาร์ เมื่อวันที่ 3 พ.ย.

โดยราคาทองคำได้ปรับตัวลดลงต่อเนื่อง ตั้งแต่เดือน เม.ย. จนมาถึงเดือน ต.ค. โดยลดลงไปประมาณ 300 ดอลลาร์ แต่ในช่วง 2 เดือนหลัง ราคาทองคำได้ฟื้นตัวกลับมาร่วม 200 ดอลลาร์ ถือเป็นแนวโน้มที่ดี

ไปดูอีกตัวเลขที่น่าสนใจ ก็คือ การเคลื่อนไหวของ SPDR ปีที่ผ่านมา

ยอดการ ซื้อ-ขาย ทองคำ ยังติดลบเป็น 2 ปีติดต่อกัน แต่ปีที่แล้ว ติดลบน้อยลงเพียง 58 ตัน จากปีก่อนหน้า (2021) ซึ่งติดลบมากถึง 195 ตัน

- Advertisement -

และหากลงไปดูรายละเอียดในแต่ละเดือนของปีที่ผ่านมา จะเห็นได้ว่า การเคลื่อนไหวของ SPDR จะสอดคล้องกับการเคลื่อนไหวของ gold spot โดยยอดการ ซื้อ-ขาย ทองคำติดลบ 7 เดือนติดต่อกัน เช่นเดียวกัน น้ำหนักร่วม 200 ตัน แต่มาฟื้นตัวในเดือนสุดท้ายของปี แม้ว่าจะปิดบวกแค่ 9 ตันเศษ แต่ก็แสดงเห็นถึงแนวโน้มที่ดี

มาดูราคาทองคำในประเทศไทยกันบ้าง

แม้ว่าราคาทองคำในตลาดโลกจะลงลด 5 ดอลลาร์ แต่ทองไทยยังแข็งแกร่ง โดยภาพรวมทั้งปีบวกเพิ่มขึ้นถึงบาทละ 1,100 บาท

โดยเปิดตลาดต้นปี ราคาทองคำแท่งขายออกอยู่ที่ บาทละ 28,750 บาท ขณะที่ปิดตลาดปลายปี อยู่ที่บาทละ 29,850 บาท และปีที่ผ่านมา ราคาทองไทยได้ทำสถิติสูงสุดใหม่ที่บาทละ 32,000 บาท เมื่อวันที่ 9 มี.ค.

มาดูประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหวของราคาทองคำในปีที่ผ่านมา หลัก ๆ จะมีอยู่ 3 เรื่อง คือ

- Advertisement -

ผลพวงจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด 19 แม้ว่าสถานการณ์จะดีขึ้นมากแล้ว แต่ก็ยังถูกจับตาอย่างใกล้ชิดว่าจะมีการกลายพันธุ์อีกหรือไม่ และเรื่องนี้ยังเป็นประเด็นสำคัญที่ทางรัฐบาลจีนยังคงคุมเข้มการป้องกันการแพร่ระบาด ทำให้ห่วงโซ่การค้าในตลาดโลกยังไม่ไหลลื่นเท่าที่ควร ก่อนที่ในช่วงปลายปี รัฐบาลจีนจะประกาศ พร้อมจะเปิดประเทศให้มีการเข้าออกประเทศได้ตามปกติ ตั้งแต่วันที่ 8 ม.ค.นี้เป็นต้นไป ต้องมาดูว่า จะเกิดการเปลี่ยนแปลงในด้านใดบ้าง

เรื่องต่อมา ก็คือ การทำสงครามของ รัสเซียต่อยูเครน ซึ่งเรื่องนี้ถือเป็นประเด็นสำคัญที่ทำให้เกิดปัญหาเศรษฐกิจตามมา โดยเฉพาะเรื่องของราคาพลังงานที่พุ่งสูง และการขาดแคลนสินค้าโภคภัณฑ์ ทำให้ช่วงโซ่การผลิตต้องหยุดชะงัก ทำให้เงินเฟ้อทั่วโลกพุ่งขึ้นอย่างมาก จนทำให้ธนาคารทั่วโลกจำเป็นต้องขึ้นดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ และกำลังจะเป็นต้นตอสำคัญ ที่จะทำให้เกิดวิกฤตเศรษฐกิจในอนาคต ขณะที่การทำสงครามระหว่าง รัสเซียและยูเครน ก็ยังคงยืดเยื้อ ยังมองไม่ออกว่าจะยุติเมื่อไร แต่ทั่วโลกยังคงต้องจับตามอง เพราะถือเป็นความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ที่สำคัญ

เรื่องสุดท้าย ก็คือ การปรับขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) เพื่อสกัดตัวเลขเงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้น โดยเฟดได้ปรับขึ้นดอกเบี้ยตั้งแต่ระดับ 0.25% มากสุด 0.75% ซึ่งปีที่แล้ว เฟดได้ปรับขึ้นดอกเบี้ยมากถึง 4.25% ทำให้ราคาทองคำปรับลดลงแรง

แต่ผลจากการปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟด ก็แลดูจะได้ผล เพราะในช่วง 2-3 เดือนสุดท้ายของปี ดัชนีเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ได้ลดลงมา แต่ก็ยังถือว่ายังอยู่ในระดับสูง ทำให้ ปธ.เฟด ได้ประกาศหลังการประชุม FOMC เดือน ธ.ค. ว่า เฟดจะยังคงปรับดอกเบี้ยขึ้นอีก โดยมีเป้าหมายที่ 5.1% ซึ่งจะต้องมาดูว่า เฟดจะทำตามที่ประกาศไว้หรือไม่ เพราะตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ในช่วงหลัง ก็ออกมาไม่สู้ดี เริ่มส่งสัญญาณว่าเศรษฐกิจจะเริ่มถดถอยมากขึ้นเรื่อย ๆ

และต้องมาดูว่า ราคาทองคำจะมีปฎิกริยากับการเคลื่อนไหวของเฟดหลังจากนี้อย่างไรบ้าง เพราะแม้ว่าเฟดจะชะลอการขึ้นดอกเบี้ยก็จริง แต่อัตราดอกเบี้ยก็ยังอยู่ในระดับสูง ซึ่งประเด็นนี้ต้องจับตาอย่างใกล้ชิด

นี่ก็เป็นภาพรวมคร่าว ๆ ของปีที่ผ่านมา ที่เรานำมาฝากกัน แต่รายละเอียดยังมีอีกมาก และเกือบทุกประเด็นยังคงส่งผลต่อเนื่องมายังราคาทองคำ ปีนี้ซึ่งเราคงต้องติดตามอย่างใกล้ชิดต่อไป

ส่วนทิศทางของราคาทองคำในปีนี้ จะเป็นอย่างไร GoldAround มีมุมมองจากผู้บีริหารของบริษัทค้าทองคำในประเทศหลายท่านมาร่วมแสดงความเห็นใน ซีรี่ย์ โกลด์เอาท์ลุค 2023 สามารถไปเปิดรับฝังได้

ขอให้ทุกท่านโชดดีในการเทรด

ทีมงาน GoldAround

- Advertisement -

- Advertisement -

Comments are closed.

This website uses cookies to improve your experience. We'll assume you're ok with this, but you can opt-out if you wish. Accept Read More