ทองบวก ท่ามกลางสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างรัสเซีย–ยูเครน
คืนนี้สหรัฐไม่มีการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญ
ราคาทองคำคาดเคลื่อนไหว Sideways
- ราคาทองคำ Spot เมื่อวานนี้ปรับตัวขึ้นเล็กน้อย ท่ามกลางความกังวลสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างรัสเซีย-ยูเครน โดย ที่ประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติมีมติถอดถอนรัสเซียออกจากการเป็นสมาชิกคณะมนตรีสิทธิมนุษยชน ขณะที่การประชุมสุดยอด G20 ที่จะมีการประชุมในวันที่ 20 เม.ย. หลายชาติที่จะเข้าร่วมประชุมมีความคิดเห็นที่ขัดแย้งกันเกี่ยวกับการเข้าร่วมการประชุมของรัสเซีย โดยหลายชาติที่คัดค้านการเข้าร่วมการประชุมรัสเซียอาจตัดสินใจถอนตัวไม่เข้าร่วมประชุมในครั้งนี้ ขณะที่นางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังสหรัฐชี้ว่ารัสเซียควรถูกขับออกจากกลุ่ม G20 และสหรัฐจะคว่ำบาตรการประชุม G20 หากเจ้าหน้าที่รัสเซียเข้าร่วมการประชุม ทางด้านกองทุน SPDR Gold Trust ถือครองทองคำเท่าเดิมจากเมื่อวานนี้
- ราคาทองคำคาดเคลื่อนไหว Sideways โดยราคาทองคำมีแนวรับ 1,900 ดอลลาร์ และแนวรับถัดไปที่ 1,890 ดอลลาร์ ขณะที่มีแนวต้าน 1,940 ดอลลาร์ และ 1,950 ดอลลาร์
ราคาทองตลาดโลก
Close | Support | Resistance |
1,931.50 | 1,900/1,890 | 1,940/1,950 |
ราคาทองแท่ง 96.5%
Close | Support | Resistance |
30,550 | 30,450/30,300 | 30,800/30,900 |
โกลด์ฟิวเจอร์ส
Close | Support | Resistance |
30,720 | 30,450/30,320 | 30,820/30,910 |
แนะนำเปิดสถานะขายเมื่อราคา spot ปรับขึ้นมาบริเวณที่ 1,950 ดอลลาร์ (GF 30,820 บาท) โดยมีจุดขายตัดขาดทุนที่ 1,960 ดอลลาร์ (GF 30,910 บาท)
โกลด์ออนไลน์ฟิวเจอร์
Close | Support | Resistance |
1,927.40 | 1,902/1,892 | 1,942/1,952 |
แนะนำเปิดสถานะขายเมื่อราคา GOM22 ปรับขึ้นมาบริเวณ ที่ 1,952 ดอลลาร์ โดยมีจุดขายตัดขาดทุนที่ 1,962 ดอลลาร์
ค่าเงิน
ค่าเงินบาทเคลื่อนไหวทรงตัวในทิศทางอ่อนค่า ซึ่งค่าเงินบาทอ่อนค่าตามทิศทางภูมิภาค เนื่องจากสกุลเงินดอลลาร์แข็งค่าจากที่เฟดส่งสัญญาณเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ทั้งนี้ระยะสั้นค่าเงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบ 33.20-33.70 บาท/ดอลลาร์ สำหรับ USD Futures เดือนมิ.ย.65 มีแนวรับที่ 33.20 บาท/ดอลลาร์ ขณะที่มีแนวต้านที่ 33.70 บาท/ดอลลาร์
News
หนี้สาธารณะทั่วโลกมีแนวโน้มพุ่ง 9.5% แตะระดับนิวไฮในปีนี้
จานัส เฮนเดอร์สัน (Janus Henderson) ซึ่งเป็นบริษัทจัดการสินทรัพย์รายใหญ่ของอังกฤษเปิดเผยรายงานล่าสุดว่า หนี้สาธารณะ (Sovereign Debt) ของรัฐบาลทั่วโลกมีแนวโน้มพุ่งขึ้น 9.5% แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 71.6 ล้านล้านดอลลาร์ในปี 2565 และคาดว่าการกู้ยืมรอบใหม่ยังคงมีแนวโน้มสูงขึ้นอีก รายงาน “ดัชนีหนี้สาธารณะ” (Sovereign Debt Index) ซึ่งจานัส เฮนเดอร์สันเปิดเผยเมื่อวานนี้ (6 เม.ย.) ระบุว่า หนี้สาธารณะที่เพิ่มขึ้นในสหรัฐ, ญี่ปุ่น และจีน เป็นสาเหตุสำคัญที่ผลักดันให้ตัวเลขหนี้สาธารณะทั่วโลกพุ่งขึ้น 9.5% ในปีนี้ พร้อมกับคาดว่าประเทศส่วนใหญ่ยังคงมีการกู้ยืมเพิ่มขึ้น ในปี 2564 หนี้สาธารณะทั่วโลกเพิ่มขึ้น 7.8% แตะที่ 65.4 ล้านล้านดอลลาร์ เนื่องจากรัฐบาลของทุกประเทศพากันออกพันธบัตรเพื่อระดมเงินทุนเพิ่ม ขณะที่ต้นทุนการชำระหนี้ (Debt Service Cost) ร่วงลงแตะระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 1.01 ล้านล้านดอลลาร์ เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยที่ผู้กู้เงินต้องจ่ายจริง (Effective Interest Rate) อยู่ที่ระดับเพียง 1.6% อย่างไรก็ดี ต้นทุนจากภาระหนี้สินจะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในปี 2565 โดยคาดว่าจะพุ่งขึ้นราว 14.5% แตะระดับ 1.16 ล้านล้านดอลลาร์ สหราชอาณาจักรมีแนวโน้มที่จะได้รับผลกระทบรุนแรงที่สุดจากอัตราดอกเบี้ยที่ปรับตัวสูงขึ้น และการพุ่งขึ้นของอัตราเงินเฟ้อที่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพของหนี้สิน ประกอบกับค่าใช้จ่ายที่เกิดจากการที่ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ปรับลดมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) “การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ได้ส่งผลกระทบอย่างหนักต่อการกู้ยืมของรัฐบาล และคาดว่าจะมีผลกระทบตามมาอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ สงครามในยูเครนก็มีแนวโน้มที่จะสร้างแรงกดดันต่อรัฐบาลของชาติตะวันตกให้ต้องกู้ยืมเงินเพิ่ม เพื่อระดมทุนเป็นค่าใช้จ่ายด้านการป้องกันประเทศ” เบธานี เพน ผู้จัดการฝ่ายพันธบัตรโลกของจานัส เฮนเดอร์สันกล่าว
ผู้เชี่ยวชาญชี้จีนหวังสานสัมพันธ์รัสเซีย หลังเลี่ยงตำหนิเหตุสังหารหมู่ยูเครน
จีนหลีกเลี่ยงวิพากษ์วิจารณ์รัสเซียซึ่งถูกกล่าวหาว่าได้สังหารหมู่พลเรือนชาวยูเครนในเมืองบูชา (Bucha) ใกล้กับกรุงเคียฟ เมืองหลวงของยูเครน เนื่องจากจีนยังคงหวังที่จะรักษาความสัมพันธ์กับรัสเซียต่อไป นายจ้าว ลี่เจียน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีนกล่าวว่า “ทุกฝ่ายควรใช้ความยับยั้งชั่งใจและหลีกเลี่ยงข้อกล่าวหาที่ไม่มีมูลความจริง” ก่อนจะได้ข้อสรุปจากการสอบสวน สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า ทั่วโลกต่างพากันประณามรัสเซียมากขึ้น นับตั้งแต่มีการเผยแพร่ภาพศพพลเรือนตามท้องถนนในเมืองบูชาในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยบางประเทศกล่าวหาว่ารัสเซียได้ก่ออาชญากรรมสงคราม ขณะที่รัสเซียได้ปฎิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าว ขณะเดียวกัน นายจ้าวยังได้กล่าวประณามสหรัฐ โดยระบุว่า หากคณะบริหารของประธานาธิบดีโจ ไบเดนต้องการคลี่คลายสถานการณ์ความรุนแรงในยูเครนจริง ๆ ก็ควรยุติการออกมาตรการคว่ำบาตรเพื่อตอบโต้รัสเซีย แม้สงครามจะทวีความรุนแรงขึ้นนับตั้งแต่ที่รัสเซียเปิดฉากบุกโจมตียูเครนเมื่อวันที่ 24 ก.พ. แต่จีนก็หลีกเลี่ยงการตำหนิรัสเซีย ทั้งยังคัดค้านมาตรการคว่ำบาตรจากชาติตะวันตก รวมทั้งสหรัฐและประเทศในยุโรป ทั้งนี้ ผู้เชี่ยวชาญด้านการต่างประเทศมองว่า รัฐบาลจีนนั้นไม่เต็มใจที่จะร่วมมือกับชาติตะวันตกในการลงโทษรัสเซียด้วยมาตรการคว่ำบาตร เนื่องจากจีนอาจได้ประโยชน์จากการเป็นประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่เพียงแห่งเดียวที่ยังสามารถค้าขายกับรัสเซียได้
ยูเครนลั่นเดินหน้าเจรจาต่อไป แม้พบหลักฐานรัสเซียก่ออาชญากรรมสงคราม
ประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครนกล่าวว่า จะดำเนินการเจรจาระหว่างยูเครนและรัสเซียต่อไป แม้จะพบหลักฐานการกระทำอันโหดร้ายป่าเถื่อนของกองทัพรัสเซียก็ตาม ปธน.เซเลนสกีกล่าวให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ฮาเบอร์เติร์กของตุรกีว่า “ไม่ว่าในกรณีใด ๆ เราต้องหาโอกาสแม้เพียงเล็กน้อยสำหรับกระบวนการเจรจา หากปราศจากสิ่งนี้ ผมคิดว่าคงยากที่จะยุติสงคราม” ปธน.เซเลนสกีกล่าวย้ำถึงความสำคัญของภารกิจในการไกล่เกลี่ยโดยประเทศอื่น ๆ รวมถึงตุรกีในการเจรจา ยูเครนได้พบผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 280 ราย รวมถึงเด็กในเมืองบูชา (Bucha) ซึ่งอยู่ห่างจากกรุงเคียฟไปทางตะวันตกเฉียงเหนือราว 28 กม. หลังจากที่กองทัพยูเครนได้ยึดเมืองคืนจากกองทัพรัสเซียได้ ก่อนหน้านี้ ปธน.เซเลนสกีเรียกการสังหารหมู่พลเรือนในเมืองบูชาว่าเป็น “อาชญากรรมสงคราม” สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า กระทรวงกลาโหมของรัสเซียได้ปฏิเสธข้อกล่าวหาของยูเครนเกี่ยวกับการสังหารหมู่พลเรือนในเมืองบูชา แถลงการณ์จากกระทรวงกลาโหมรัสเซียระบุว่า “ภาพถ่ายและวิดีโอทั้งหมดที่เผยแพร่จากรัฐบาลยูเครน ซึ่งกล่าวหาว่ากองทัพรัสเซียก่ออาชญากรรมในเมืองบูชา เป็นอีกหนึ่งความพยายามในการยั่วยุ”
Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.