กองทุน SPDRขายทองคำ 8.02 ตัน
คืนนี้สหรัฐจะประกาศการอนุญาตก่อสร้างและการเริ่มสร้างบ้าน
ราคาทองคำคาดเคลื่อนไหวในกรอบ 1,870-1,900ดอลลาร์
- ราคาทองคำ Spotเมื่อวานปรับลดลง จากความคืบหน้าของการพัฒนาวัคซีนของโมเดอร์นา อิงค์ และกองทุน SPDRGold Trust ขายทองคำ 8.02 ตัน อย่างไรก็ดีจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ทั่วโลกที่เพิ่มขึ้นและเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง ทำให้การปรับลงของราคาทองคำมีกรอบที่จำกัด โดยเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงเนื่องจากสหรัฐประกาศยอดค้าปลีกเดือนต.ค.เพิ่มขึ้น 0.3% ต่ำกว่าตลาดคาดจะเพิ่มขึ้น 0.5% และต่ำกว่าเดือนก.ย.ที่เพิ่มขึ้น 1.6%
- วันนี้ติดตามการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน คาดการณ์ว่าจะตรึงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 0.50% ดังนั้นอาจจะไม่มีผลต่อเงินบาท สำหรับเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่องในเดือนพ.ย.เป็นผลจากเม็ดเงินจากต่างประเทศที่ไหลเข้าลงทุนในตลาดตราสารหนี้และตลาดหุ้นไทยและเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลง ส่วนคืนนี้สหรัฐจะประกาศการอนุญาตก่อสร้างและการเริ่มสร้างบ้านเดือนต.ค. ตลาดคาดจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 1.57 ล้านยูนิต และ 1.45 ล้านยูนิต ตามลำดับ
- แนวโน้มราคาทองคำคาดเคลื่อนไหวในกรอบ 1,870-1,900ดอลลาร์โดยทองคำมีแนวรับที่1,870ดอลลาร์และ 1,860ดอลลาร์ ตามลำดับ ส่วนแนวรับสำคัญยังอยู่ที่1,850ดอลลาร์ขณะที่มีแนวต้านที่ 1,900 ดอลลาร์ ถ้าผ่านขึ้นไปได้จะมีแนวต้านถัดไปที่ 1,920 ดอลลาร์
ราคาทองตลาดโลก
Close | chg. | Support | Resistance |
1,878.10 | -9.4 | 1,870/1,860 | 1,900/1,920 |
ราคาทองแท่ง 96.5%
Close | chg. | Support | Resistance |
27,000 | -50 | 26,750/26,600 | 27,150/27,400 |
โกลด์ฟิวเจอร์ส
Close | chg | Support | Resistance |
27,060 | -60 | 26,860/26,730 | 27,260/27,500 |
แนะนำเปิดสถานะซื้อเก็งกำไรที่ราคาทองคำ Spot 1,870 ดอลลาร์ (GF 26,860 บาท) โดยมีจุดขายตัดขาดทุนที่ 1,860 ดอลลาร์ (GF 26,730 บาท)
การลงทุนในทองแท่งแนะนำทยอยซื้อสะสมที่ราคาทองคำ Spot 1,850-1,860 ดอลลาร์
โกลด์ออนไลน์ฟิวเจอร์
Close | chg | Support | Resistance |
1,890.30 | -1.10 | 1,873/1,863 | 1,903/1,923 |
แนะนำเปิดสถานะซื้อเก็งกำไรที่ราคาGOZ201,873 ดอลลาร์ โดยมีจุดขายตัดขาดทุนที่ 1,863 ดอลลาร์
เงินบาท
ทิศทางเงินบาทในวันนี้คาดเริ่มทรงตัวโดยความกังวลเกี่ยวกับประเด็นการเมืองในประเทศเป็นปัจจัยกดดันต่อเงินบาททั้งนี้เงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินหลักๆเนื่องจากสหรัฐประกาศยอดค้าปลีกเดือนต.ค.เพิ่มขึ้น 0.3% ต่ำกว่าตลาดคาดจะเพิ่มขึ้น 0.5% และต่ำกว่าเดือนก.ย.ที่เพิ่มขึ้น 1.6%ซึ่ง USD Futures เดือนธ.ค.63 คาดจะมีแนวรับที่ 30.15 บาท/ดอลลาร์ ขณะที่มีแนวต้านที่30.25 บาท/ดอลลาร์
News
ตลาดการเงินต่างประเทศ:เงินดอลล์อ่อนวิตกยอดค้าปลีกสหรัฐชะลอตัว
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนที่ผ่านมา (17 พ.ย.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยรายงานยอดค้าปลีกที่ซบเซาอันเนื่องมาจากผลกระทบที่เกิดจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงินลดลง 0.24% แตะที่ 92.4182 เมื่อคืนนี้
ตลาดโลหะมีค่าต่างประเทศ:แรงขายทำกำไรฉุดทองปิดลบ 2.7 ดอลลาร์
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนที่ผ่านมา (17 พ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากราคาทองคำปรับตัวขึ้นติดต่อกัน 3 วันทำการก่อนหน้านี้อย่างไรก็ดีสัญญาทองคำปรับตัวลงเพียงเล็กน้อยเท่านั้นเนื่องจากตลาดได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์สัญญาทองคำตลาดCOMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 2.7 ดอลลาร์หรือ 0.14% ปิดที่ 1,885.1 ดอลลาร์/ออนซ์สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 15.1 เซนต์หรือ 0.61% ปิดที่ 24.651 ดอลลาร์/ออนซ์
ตลาดน้ำมันดิบต่างประเทศ:น้ำมันWTI ปิดบวกเพียง 9 เซนต์ตลาดกังวลผลกระทบล็อกดาวน์
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเล็กน้อยเมื่อคืนที่ผ่านมา (17 พ.ย.) ท่ามกลางการซื้อขายที่ผันผวนเนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดจากมาตรการล็อกดาวน์เพื่อควบคุมการระบาดของไวรัสโควิด-19 ขณะที่นักลงทุนจับตารายงานสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐในวันนี้สัญญาน้ำมันดิบWTI ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 9 เซนต์หรือ 0.2% ปิดที่ 41.43 ดอลลาร์/บาร์เรล สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนม.ค. ลดลง 7 เซนต์หรือ 0.2% ปิดที่ 43.75 ดอลลาร์/บาร์เรล
ตลาดหุ้นต่างประเทศ: ดาวโจนส์ปิดลบ 167.09 จุดกังวลยอดค้าปลีกสหรัฐซบเซา
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนที่ผ่านมา (17 พ.ย.) โดยตลาดถูกกดดันจากรายงานยอดค้าปลีกที่ซบเซาของสหรัฐรวมทั้งความกังวลที่ว่าการแพร่ระบาดอย่างหนักของไวรัสโควิด-19 อาจทำให้สหรัฐต้องกลับไปใช้มาตรการล็อกดาวน์อีกครั้งดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 29,783.35 จุดลดลง 167.09 จุดหรือ -0.56% ขณะที่ดัชนีS&P500 ปิดที่ 3,609.53 จุดลดลง 17.38 จุดหรือ -0.48% ส่วนดัชนีNasdaq ปิดที่ 11,899.34 จุดลดลง 24.79 จุดหรือ -0.21%
ไบเดนเตือนชาวอเมริกันอาจล้มตายมากขึ้นหากทรัมป์ไม่ยอมถ่ายโอนอำนาจ
นายโจไบเดนว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐเปิดเผยว่าอาจจะมีประชาชนล้มตายมากขึ้นหากประธานาธิบดีโดนัลด์ทรัมป์ยังคงขัดขวางความพยายามในการโอนถ่ายอำนาจในช่วงเวลาที่การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19กำลังทวีความรุนแรงมากขึ้นทั้งนี้นายไบเดนและนางคามาลาแฮร์ริสว่าที่รองประธานาธิบดีสหรัฐได้จัดการประชุมผ่านทางวิดีโอคอนเฟอร์เรนซ์ร่วมกับบรรดาผู้บริหารของบริษัทรายใหญ่ซึ่งรวมถึงนางแมรีบาร์ราซีอีโอของเจเนอรัลมอเตอร์, นายสัตยานาเดลลาซีอีโอของไมโครซอฟท์, นายไบรอันคอร์เนลซีอีโอของทาร์เก็ตคอร์ปและนางซอนญาซินกัลซีอีโอของแก็ปอิงค์นายไบเดนกล่าวกับผู้สื่อข่าวว่าภาคธุรกิจและกลุ่มผู้นำด้านแรงงานได้ส่งสัญญาณถึงความเต็มใจในการร่วมมือเพื่อคลี่คลายวิกฤตเศรษฐกิจสหรัฐจากผลกระทบของโรคโควิด-19แต่ก็ย้ำว่าสหรัฐควรควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19ให้ได้ก่อนเป็นอันดับแรกพร้อมกับเรียกร้องให้สภาคองเกรสเร่งผ่านมาตรการเยียวยาเศรษฐกิจนอกจากนี้บรรดาซีอีโอและผู้นำแรงงานยังได้แสดงความพร้อมที่จะร่วมมือกันเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจซึ่งได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการสูญเสียตำแหน่งงานหลายล้านตำแหน่งท่ามกลางการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19ซึ่งได้คร่าชีวิตชาวอเมริกันไปแล้วกว่า2.4ล้านรายนายไบเดนกล่าวว่า "จะมีประชาชนล้มตายมากขึ้นหากเราไม่ร่วมมือกัน" "ในระหว่างที่เรากำลังต่อสู้กับโควิด-19นั้นเราต้องสร้างความเชื่อมั่นว่าภาคธุรกิจและแรงงานมีเครื่องมือทรัพยากรคำแนะนำและมาตรฐานความปลอดภัยด้านสาธารณสุขทั่วประเทศเพื่อให้การดำเนินการดังกล่าวเป็นไปอย่างปลอดภัย" นายไบเดนกล่าวนายไบเดนยังกล่าวด้วยว่าการถ่ายโอนอำนาจประธานาธิบดีจะดำเนินไปอย่างง่ายดายหากปธน.ทรัมป์ให้ความร่วมมือแต่หากปธน.ทรัมป์ปฏิเสธที่จะยอมรับความพ่ายแพ้ก็จะส่งผลกระทบต่อประเทศชาติมากกว่า
สื่อแฉ "ทรัมป์" วางแผนถล่มโรงงานนิวเคลียร์อิหร่านทิ้งทวนก่อนอำลาตำแหน่ง
ประธานาธิบดีโดนัลด์ทรัมป์ของสหรัฐได้พิจารณาแผนการที่จะโจมตีสถานที่หลักทางด้านนิวเคลียร์ของอิหร่านในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้ารายงานระบุว่าบรรดาที่ปรึกษาของปธน.ทรัมป์ซึ่งประกอบด้วยนายไมค์เพนซ์รองประธานาธิบดีสหรัฐ, นายไมค์ปอมเปโอรัฐมนตรีต่างประเทศ, นายคริสโตเฟอร์มิลเลอร์รักษาการรัฐมนตรีกลาโหมและนายมาร์กเอ. มิลลีย์ประธานคณะเสนาธิการร่วมได้พยายามโน้มน้าวไม่ให้ปธน.ทรัมป์โจมตีอิหร่านโดยแสดงความกังวลว่าการโจมตีอิหร่านจะทำให้ความขัดแย้งขยายวงกว้างขึ้นในช่วงไม่กี่สัปดาห์ก่อนที่วาระการดำรงตำแหน่งของประธานาธิบดีทรัมป์จะสิ้นสุดลงรายงานระบุว่าหากการโจมตีเกิดขึ้นสถานที่เป้าหมายของการโจมตีได้แก่โรงงานผลิตยูเรเนียมเสริมสมรรถนะนิวเคลียร์ที่เมืองนาทานซ์ของอิหร่านทั้งนี้การประชุมที่ทำเนียบขาวนั้นเกิดขึ้นหลังจากสำนักงานพลังงานปรมาณูสากล (IAEA) รายงานว่าอิหร่านมีคลังวัสดุนิวเคลียร์เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญซึ่งมากกว่าที่ได้รับอนุญาตตามข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่านปี 2558 ถึง 12 เท่า
อย.สหรัฐรับลูกเตรียมไฟเขียววัคซีนโควิดของ "โมเดอร์นา-ไฟเซอร์"
นายอเล็กซ์อาซาร์รมว.สาธารณสุขสหรัฐกล่าวว่าสำนักงานอาหารและยาสหรัฐ (FDA) จะเร่งให้การอนุมัติวัคซีนต้านโควิด-19 ของโมเดอร์นาและไฟเซอร์สำหรับการใช้ในกรณีฉุกเฉินนายอาซาร์กล่าวว่าผลการทดลองวัคซีนที่ "เหลือเชื่อ" ของโมเดอร์นาร่วมกับผลการทดลองของไฟเซอร์ในสัปดาห์ที่แล้วทำให้ถือเป็นวันแห่งประวัติศาสตร์สำหรับสุขภาพของประชาชนบริษัทโมเดอร์นาอิงค์ซึ่งเป็นบริษัทเทคโนโลยีชีวภาพของสหรัฐแถลงว่าผลการทดลองวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ในเฟสที่ 3 พบว่าวัคซีนดังกล่าวมีประสิทธิภาพในการป้องกันไวรัสโควิด-19 มากกว่า 94% ทั้งนี้โมเดอร์นาได้พัฒนาวัคซีนดังกล่าวร่วมกับสถาบันวิจัยโรคภูมิแพ้และโรคติดเชื้อแห่งชาติของสหรัฐโดยมีอาสาสมัครเข้าร่วมโครงการจำนวน 30,000 รายโมเดอร์นายังระบุว่าวัคซีนของทางบริษัทสามารถจัดเก็บในอุณหภูมิ 36-46 องศาฟาห์เรนไฮต์ซึ่งเป็นอุณหภูมิในตู้เย็นมาตรฐานที่ใช้ในครัวเรือนและสามารถเก็บรักษาได้นาน 30 วันนอกจากนี้วัคซีนของโมเดอร์นายังสามารถเก็บรักษาได้นานถึง 6 เดือนหากมีการจัดเก็บในอุณหภูมิ -4 องศาฟาห์เรนไฮต์คุณสมบัติในการจัดเก็บวัคซีนของโมเดอร์นาถือว่าดีกว่าวัคซีนของไฟเซอร์ซึ่งจำเป็นต้องจัดเก็บในอุณหภูมิ -94 องศาฟาห์เรนไฮต์ทางด้านไฟเซอร์อิงค์ซึ่งเป็นบริษัทยาใหญ่ที่สุดของสหรัฐและBioNTechซึ่งเป็นบริษัทยาของเยอรมนีเปิดเผยก่อนหน้านี้ว่าผลการทดลองบ่งชี้ว่าวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ซึ่งบริษัททั้งสองพัฒนาร่วมกันมีประสิทธิภาพมากกว่า 90% ในการป้องกันไวรัสโควิด-19 ทั้งนี้นายอาซาร์ซึ่งมีหน้าที่ควบคุมFDA กล่าวว่าFDA ได้จัดส่งเจ้าหน้าที่ให้ทำงานร่วมกับโมเดอร์นาและไฟเซอร์เพื่อขจัดกฎระเบียบทางราชการที่ไม่จำเป็นและใกล้ที่จะอนุมัติคำขอใช้วัคซีนของบริษัททั้งสองซึ่งFDA จะดำเนินการอย่างรวดเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้โดยจะสอดคล้องกับหลักวิทยาศาสตร์หลักฐานและข้อกฎหมายรัฐบาลสหรัฐได้ทำข้อตกลงซื้อวัคซีนจำนวน 100 ล้านโดสกับโมเดอร์นาและมีสิทธิซื้อเพิ่มเติมอีก 400 ล้านโดสนอกจากนี้รัฐบาลสหรัฐได้ทำข้อตกลงซื้อวัคซีนจำนวน 100 ล้านโดสกับไฟเซอร์และมีสิทธิซื้อเพิ่มเติมอีก 500 ล้านโดสนายอาซาร์ยังกล่าวว่าโมเดอร์นาและไฟเซอร์สามารถผลิตวัคซีนราว 40 ล้านโดสภายในสิ้นปีนี้ซึ่งจะเพียงพอสำหรับชาวอเมริกันจำนวน 20 ล้านคนเนื่องจาก 1 คนจำเป็นต้องได้รับการฉีดวัคซีน 2 เข็มรัฐบาลสหรัฐยังได้ลงนามในข้อตกลงซื้อวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 จากหลายบริษัทเช่นแอสตร้าเซนเนก้าซาโนฟีโนวาแว็กซ์แกล็กโซสมิทไคล์นรวมทั้งจอห์นสันแอนด์จอห์นสันเพื่อรับประกันความเพียงพอของวัคซีนสำหรับชาวอเมริกันทุกคน