photo by Olya Kobruseva | pexels.com
photo by Olya Kobruseva | pexels.com

เมื่อวานนี้ ราคาทองคำพุ่งขึ้นทะลุระดับ 1,788 ดอลลาร์ หลังความตึงเครียดทางการเมืองระหว่าง สหรัฐอเมริกา และ จีน ได้ส่อเค้ารุนแรงอีกรอบ

จากกรณี นาง แนนซี เปโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ได้เดินทางเยือนไต้หวัน โดยไม่สนคำเตือนของทางการจีน

อย่างไรก็ตาม ราคาทองคำได้ปรับตัวลดลง และ เริ่มจะถอยห่างจากระดับ 1,800 ดอลลาร์ หลัง นาย ชาร์ลส์ อีแวนส์ ประธานแห่งชิคาโก ระบุ ธนาคารกลางสหรัฐฯ มีแนวโน้มที่จะใช้การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเกินขนาดต่อไป จนกว่าอัตราเงินเฟ้อจะลดลง

พร้อมมองว่า หากว่าตัวเลขเศรษฐกิจไม่ดีขึ้น การปรับขึ้นดอกเบี้ย เดือน ก.ย. ที่ระดับ 0.50% เป็นการประเมินที่สมเหตุสมผล แต่หากจะขึ้น 0.75% ก็ไม่ใช่เรื่องเสียหาย

ขณะที่ แมรี่ เดลี ประธานเฟดสาขาซานฟรานซิสโก กล่าวในทำนองเดียวกัน ว่าเรื่องอัตราเงินเฟ้อยังคงเป็นปัญหาอยู่ และเฟดจะต้องพยายามทำให้ตัวเลขลดลงมาตามเป้าหมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากอัตราเงินเฟ้อในเดือน มิ.ย. เร่งตัวขึ้นเป็น 9.1% พร้อมระบุว่า ทิศทางของเฟดยังคงหนักแน่น

ส่วนเรื่องการปรับอัตราดอกเบี้ย ทุกอย่างขึ้นอยู่กับข้อมูลในอนาคต ซึ่งจะเป็นตัวบอกว่า เฟดสามารถลดอัตราการขึ้นดอกเบี้ยได้อีกเล็กน้อย หรือ จะสามารถใช้อัตราดอกเบี้ยแบบรุนแรงต่อไป

ความคิดเห็นของทั้งคู่ เกิดขึ้นหลังจากที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ ขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในสัปดาห์ที่แล้ว และเป็นการขึ้นอัตราดอกเบี้ยระดับสูง 2 ครั้ง ติดต่อกัน

ในขณะที่ ประธานเฟดยังระบุด้วยว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ ไม่ได้อยู่ในภาวะถดถอย ซึ่งหมายความว่าอาจะจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระดับสูงอีกครั้งในเดือน ก.ย. ก่อนที่อัตราดอกเบี้ยจะถูกปรับเพิ่มขึ้นในอัตราที่ชะลอตัวลง

เอ็ดเวิร์ด โมยา

เอ็ดเวิร์ด โมยา นักวิเคราะห์อาวุโสของ OANDA กล่าวว่า

ค่าเงินดอลลาร์ยังคงเป็นปัจจัยหลังที่กดดันราคาทองคำ โดยมองว่า จากการอ่อนตัวของดอลลาร์ในช่วงสองสามสัปดาห์ที่ผ่านมา ดูเหมือนจะจบลงแล้ว

โดยเงินดอลลาร์สหรัฐฯ แข็งค่าขึ้นอย่างมาก หลังเจ้าหน้าที่ เฟด ออกมาสนับสนุนกาสรปรับขึ้นดอกเบี้ย ขณะที่ความกังวลเรื่องความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ ก็ยังเป็นอีกส่วนสำคัญที่ช่วยหนุนให้เงินดออลาร์แข็งค่ามากขึ้น

ที่มา : Kitco.com