In Gold We Trust ได้เผยแพร่รายงานฉบับล่าสุด โดยระบุว่า ราคาทองคำยังคงมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นจากไตรมาสแรก และมีแนวโน้มที่จะจบปีเหนือ 2,000 ดอลลาร์ โดยนักวิเคราะห์ของ Incrementum AG ยังคงเชื่อมั่นในทองคำ
เนื่องจาก อัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นได้คุกคามเศรษฐกิจโลกให้เข้าสู่ภาวะถดถอย โดยบริษัทการลงทุนของยุโรปได้ออกคำเตือนว่า การที่ธนาคารกลางต่าง ๆ ได้ปรับนโยบายการเงินให้เป็นปกติ หลังจากที่ได้ดำเนินนโยบายการเงินแบบหลวม ๆ และอัดฉีดเงินเข้าระบบในปริมาณมหาศาล เริ่มแสดงให้เห็นถึงผลกระทบต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก
นักวิเคราะห์กล่าวในรายงานเพิ่มเติมว่า เมื่อปี 2018 ได้เตือนถึงผลกระทบจากความพยายามเปลี่ยนกระแสเงิน ว่าจะส่งผลกระทบระยะยาว และตอนนี้กำลังออกคำเตือนอีกครั้ง เพราะนอกเหนือจากอัตราเงินเฟ้อที่กำลังเข้าสู่จุดที่เลวร้ายแล้ว ภาวะถดถอยของเศรษฐกิจได้ปรากฏเป็นภาพที่ชัดเจนมากขึ้นในขณะนี้
ด้วยอัตราเงินเฟ้อที่คาดว่าจะสูงกว่า 5% จนถึงปี 2565 ทาง Incrementum ระบุว่า ตลาดตราสารทุนอาจขาดทุนเพิ่มเติมในปีนี้ และการถือครองทองคำได้พิสูจน์แล้วว่า สามารถบรรเทาความสูญเสียเหล่านั้นได้ โดยราคาทองคำได้พุ่งขึ้น 1% ในปีนี้ และราคาสามารถยืนเหนือแนวต้านสำคัญที่ 1,850 ดอลลาร์ ต่อออนซ์ได้
แม้ว่าแนวโน้มราคาทองคำที่เพิ่มขึ้นในไตรมาสที่สอง อาจถูกกดดันจากแผนการของธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างจริงจัง โดยตลาดคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็น 3% ภายในสิ้นปีนี้ แต่นักวิเคราะห์ไม่คาดหวังว่าเฟดจะสามารถขึ้นดอกเบี้ยได้อย่างยั่งยืนและยาวนาน เนื่องจากเศรษฐกิจโลกชะลอตัวและสภาพคล่องของตลาดลดลง
รายงานระบุเพิ่มเติมว่า ทันทีที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ ถูกบังคับให้ปรับเปลี่ยนแผนที่วางไว้ คาดว่าราคาทองคำจะยังคงดำเนินต่อไป และจะทำสถิติสูงสุดใหม่
ทั้งนี้ หากแนวโน้มขาลงของตลาดหุ้น และตลาดตราสารหนี้ ที่ยังคงมีอยู่ตั้งแต่ต้นปียังคงดำเนินต่อไป ต้องมารอดูว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ จะยังคงยืนยัดแนวทางเดิมได้ยาวนานแค่ไหน
นักวิเคราะห์มองเพิ่มเติมว่า ทองคำไม่เพียงแต่จะทำผลงานได้ดีในฐานะสินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อในระยะใกล้ แต่ยังมองเห็นศักยภาพในการเป็นสินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยงระยะยาว จากสงครามไม่ว่าจะเป็นสงครามของรัสเซียในยูเครน รวมถึง อาจจะเกิดความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ใหม่ ๆ ขึ้นทั่วโลก
นักวิเคราะห์ตั้งข้อสังเกตว่า การคว่ำบาตรที่รุนแรงจากสหรัฐฯ และพันธมิตรตะวันตก โดยใช้เงินดอลลาร์สหรัฐฯ เป็นอาวุธต่อสู้กับรัสเซีย ทำให้บางประเทศได้ประเมินบทบาทของดอลลาร์ในฐานะสกุลเงินสำรองของโลกอีกครั้ง และมีความเป็นไปได้ที่ทองคำในฐานะเงินสำรองที่เป็นกลาง จะได้รับประโยชน์จากความขัดแย้งที่เกิดขึ้น
โดยทองคำอาจจะได้รับการยอมรับเพิ่มเติมในฐานะสกุลเงินสำรองในหลายประเทศ และยังเป็นสินทรัพย์ที่ได้รับการยอมว่า สามารถป้องกันความเสี่ยงจากปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นได้
ที่มา : Kitco.com